จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 579



    "...!"

    กษัตริย์อัสลันแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น  มันไม่อยากเชื่อว่า  จอมอสูรที่มีพลังทำลายโลกมนุษย์จะถูกดับลมหายใจเรียบร้อยแล้ว
    ผู้ปกครองสุดแกร่งแห่งขุมนรก  ผู้มีหน้าที่ทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้สิ้นซาก  แต่กลับถูกมนุษย์เพียงไม่กี่ร้อยคนจัดการ  
    กษัตริย์อัสลันใบหน้าบิดเบี้ยวทันทีเมื่อได้เห็นกริด  ดวงตาของมันเปี่ยมด้วยความแค้นและความบ้าคลั่ง

    "พลังแห่งตำนานที่สามารถปราบได้แม้กระทั่งจอมอสูร...  ทำไมนายถึง!  ทำไมถึงใช้มันเป็นเครื่องมือในการก่อกบฏ!"

    อัสลันต้องการให้อาณาจักรอีเทอนัลกลายเป็นอันดับหนึ่งของทวีปจากก้นบึ้งหัวใจ  
    มันจึงไม่เข้าใจเลยว่า  เหตุใดกริดต้องก่อกบฏและหันคมดาบใส่มัน

    "นายอาจไม่รู้... แต่ฉันอยากเป็นเพื่อนกับนายมาตลอด... ฉันพยายามซื้อใจนายอย่างสุดความสามารถ  แล้วทำไม...  ทำไมนายถึงเลือกทรยศฉัน!"

    อัสลันพูดจากใจจริง
    มันต้องการเป็นพันธมิตรกับกริดเพื่อให้อีเทอนัลเป็นปึกแผ่น  มันอยากได้พลังของกริดในการต่อต้านจักรวรรดิ  
    แต่ท้ายที่สุด  กริดก็ก่อกบฏขึ้น

    "ทำไมนายถึงไม่จงรักภักดีต่ออาณาจักร!"

    อัสลันส่งเสียงตำหนิกริดอย่างแหบพร่า

    ชายหนุ่มจ้องมองมันด้วยสีหน้าเย็นชา  
    ก่อนจะกล่าว
    "เรื่องแบบนั้น... ไม่มีทางเกิดขึ้นตั้งแต่แรกแล้ว"

    "..!"

    "นายคิดว่าฉันจะไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง  ที่นายบังอาจป้ายความผิดในการสังหารองค์ชายเร็นมาให้ฉัน  ลองมองในมุมฉันบ้างสิ!  มันน่าหงุดหงิดใจมากแค่ไหน!  แม้ฉันจะรับของกำนัลทั้งหมดที่ส่งมาตามมารยาท  แต่ฉันก็ไม่เคยรู้สึกขอบคุณ"

    "ร--เรื่องนั้น... ก็ฉันไม่มีทางเลือกอื่น"

    "ใช่แล้ว  นายมันเป็นไอ้สุนัขสารเลวที่ฆ่าพี่ชายเพื่อหวังครองบัลลังก์!  จากนั้นก็ป้ายบาปให้เป็นความผิดฉัน!  นายคือขยะที่แสร้งทำตัวเป็นผู้เสียหายและร้องขอความเห็นใจ!"

    "...!"

    ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงที่ยิ่งกว่าจริง
    กษัตริย์ของอาณาจักรผู้ทำตัวเยี่ยงสุนัขและไม่สมควรครองบัลลังก์
    คำพูดกริดช่างรุนแรงและทำร้ายจิตใจ  มากเกินกว่าที่กษัตริย์อัสลันจะรับไหว  
    บัดนี้  ความแค้นที่มีต่อกริดได้สลายไปจากหัวสมอง  
    กริดได้ตอกลิ่มสุดท้ายที่อยู่ในใจมันให้ลึกยิ่งกว่าเดิม

    "ทุกอย่างมันจบแล้ว  ฉันกับนายมีโชคชะตาที่ต้องอยู่บนเรือคนละลำตั้งแต่ต้น"

    เหตุผลที่กริดก่อตั้งโอเวอร์เกียร์คือสิ่งใด
    คำตอบมีเพียงข้อเดียว... คือความมั่งคั่ง 
    ความโลภของกริดย่อมไม่จบลงที่การเป็นขุนนางของอาณาจักรเล็กแน่นอน

    "หากไม่มีเหตุการณ์ที่นายสังหารองค์ชายเร็น  นายคงต้องคุกเข่าต่อหน้าฉันอย่างจงรักภักดีไปนานแล้ว!"

    มันถูกกำหนดไว้แต่ต้น  ว่ากริดคือผู้ฮุบกลืนอีเทอนัล
    ทุกสิ่งกระจ่างชัดหลังจากเหตุการณ์โกเล็มรุกราน  กริดถวายสัตย์สาบานต่อกษัตริย์วิสบาเดนเพียงพระองค์เดียว

    ชิ้ง

    กริดหันคมดาบหาอัสลัน  ไม่มีเหตุให้ต้องลังเลอีก

    "มาทำให้มันจบกันเถอะ"
    
    เมื่อสิ้นเสียงกริด

    ชิ้ง!

    ชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!

    สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนชักอาวุธออกอย่างพร้อมเพรียง  สีหน้าของพวกเขาเรียบเฉยไร้ความลังเล  
    อาวุธนานาชนิดเล็งไปทางกษัตริย์อัสลันพร้อมกับเกิดบรรยากาศเงียบงันภายในห้อง
    ทันใดนั้น  เสียงโหยหวนของผู้คนได้ดังระงมจากด้านหลังกำแพงวัง

    "เอาชีวิตลูกสาวฉันคืนมา!"

    "เอาพี่สาวฉันคืนมา!"

    "ฆ่ากษัตริย์ซะ!"

    "อัสลันไม่ใช่กษัตริย์!"

    มิตรสหายของสาวพรมจรรย์ที่ถูกเซ่นสังเวยให้จอมอสูร  
    ชาวเมืองไรน์ฮาร์ทจำนวนมากกำลังส่งเสียงสาปแช่งดังจากด้านนอกกำแพง  
    ความโกรธแค้นและเศร้าโศกที่มิอาจบรรเทาลงได้  
    หญิงสาวไร้เดียงสาต้องทุกเผาทั้งเป็น  พวกหล่อนกลายเป็นเหยื่อของบาปที่ตนมิได้ก่อ

    ชาวเมืองไรน์ฮาร์ททุกคนล้วนมั่นใจ  ว่าอัสลันไม่สมควรเป็นกษัตริย์อีกต่อไป  
    พวกเขาพยายามตะโกนอย่างสุดเสียงเพื่อให้คนทั่วโลกรับรู้

    "ฆ่ากษัตริย์อีเทอนัลทิ้งซะ!"

    ประชนชนทอดทิ้งอัสลันแล้ว  
    กริดจะทำให้ความต้องการของพวกเขาเป็นจริง
    
    "อัสลัน  ฉันไม่เหมือนกับนายหรอกนะ"

    สำหรับกริด...
    หากเงินทองสำคัญเป็นลำดับหนึ่ง
    ความเห็นใจผู้อ่อนแอก็จะตามมาเป็นลำดับสอง

    กริดขยับเข้าใกล้อัสลัน
    แต่ทันใดนั้น  ชักสเล่ย์ได้เข้ามาขวางทางไว้
    ชายผู้นี้  ดาบแห่งอีเทอนัล...  
    กริดอมยิ้มอย่างข่มขื่นให้ชักสเล่ย์  ผู้ออกตัวปกป้องอัสลันโดยไร้เงื่อนไข

    "อัสลันคืออาชญากรที่สังหารองค์ชายเร็น  ผู้มีสิทธิ์ครองบัลลังก์อย่างชอบธรรม  ไม่เพียงเท่านั้น  ยังสังหารชาวเมืองอีกกว่าหมื่นคนเพื่ออัญเชิญจอมอสูร  ฉันขอถามเหตุผลที่นายต้องปกป้องเขาสักข้อ"

    "ไม่มีเหตุผล...  มันคือโชคชะตาของตระกูลฉัน"

    นับตั้งแต่ลืมตาดูโลกจนถึงปัจจุบัน  ชักสเล่ย์ถูกปลูกฝังให้รับใช้ราชวงศ์อีเทอนัลทุกลมหายใจเข้าออก  สิ่งนี้มิอาจเปลี่ยนแปลงได้ในชั่วพริบตา  
    ชักสเล่ย์ไม่มีทางเลือกอื่น

    'ถึงจะเป็นกษัตริย์ที่ชั่วช้าก็ตาม...'

    เขาจะนิ่งดูดายมิได้

    หมับ!

    สีหน้าของชักสเล่ย์เศร้าหมองในยามที่กำดาบ  ชายคนนี้เอาแต่กล่าวโทษโชคชะตาที่ตนมิอาจขัดขืน
    ขณะเดียวกัน  กริดก้จ้องมองชักสเล่ย์ด้วยสายตาแสนละโมภ

    'เราอยากได้ตัวเขา'

    NPC พิเศษที่จงรักภักดีต่อเจ้านายอย่างไร้เงื่อนไข
    มหาจอมดาบคนแรกของอีเทอนัล  กริดเล็งเห็นคุณค่าในตัวชักสเล่ย์  
    ชายหนุ่มรู้ดีว่า  ชักสเล่ย์คือ NPC ที่จำเป็นสำหรับตน  เฉกเช่นปิอาโร่  อัสโมเฟล  สติกส์  และแร็บบิท

    ดังนั้น

    "ฉันจะกำราบนายเอง...  ฉันจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของนายซะ!"

    พรึบ...

    กริดเปลี่ยนจากเซ็ตแสงศักดิ์สิทธิ์กลับเป็นสามชั้น

    ถัดมา

    ตึง!
    
    ชายหนุ่มสั่งให้สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนหยุดอยู่กับที่  
    จากนั้น  เขาเริ่มพุ่งโจมตีชักสเล่ย์
    เมื่อชักสเล่ย์เห็นดังนั้นจึงกล่าวขึ้น
    "คราวนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนแน่!"

    อัตราเติบโตของ NPC พิเศษจะสูงกว่าค่าเฉลี่ยผู้เล่นเล็กน้อย  ทำให้ตอนนี้ชักสเล่ย์แข็งแกร่งกว่าเมื่อครั้งองค์ชายเร็นยกทัพหลายเท่า  เขารับดาบจากกริดอย่างง่ายดาย

    เคร้งงงง!

    ฉัวะ!

    ชักสเล่ย์ปัด +9 ความผิดพลาดไม่ยากเย็น  จากนั้นก็ฟันใส่หน้าอกกริดอย่างจังหนึ่งหน

    "พี่!"

    รูบี้พลันตื่นตระหนกเมื่อเห็นกริดได้รับบาดเจ็บ  
    ขณะเธอกำลังจะใช้เวทฮีล  ปิอาโร่ได้ห้ามไว้เสียก่อน

    "นี่เป็นการต่อสู้ของนายท่าน"

    เพื่อจะกำราบมังกร  คนผู้นั้นต้องเป็นท้องฟ้า

    "มนุษย์ไม่อาจยื่นมือช่วยท้องฟ้าได้...  กรุณาจับตาดูเพียงอย่างเดียวด้วย"

    "..."

    ในตอนแรก  รูบี้ไม่เข้าใจที่ปิอาโร่พูดเลยสักนิด  
    แต่เมื่อเวลาผ่านไป  ทุกสิ่งก็เริ่มกระจ่าง
    เธอพยายามข่มความกังวลใจแม้พลังชีวิตของกริดจะลดลงอย่างรวดเร็ว
    ปิอาโร่หันไปจ้องมองเธออย่างชื่นชม
    
    ***

    "คลื่นร่ายรำสังหาร"

    ซ่าาาา!

    ต้องขอบคุณสามชั้น  กริดจึงได้รับบาดเจ็บจากชักสเล่ย์ไม่มากเท่าที่ควร  
    ชายหนุ่มอาศัยท่ารำดาบเพื่อสร้างระห่างระหว่างตนกับชักสเล่ย์  จากนั้นก็ปลดปล่อยคลื่นดาบอันทรงพลังจำนวนแปดเส้น

    ชักสเล่ย์ตอบโต้

    "ดาบเฉือน!"

    ชักเสล่ย์มีพื้นฐานเป็นอัศวินองครักษ์  วิชาดาบจึงเน้นหนักไปทางศาสตร์แห่งการโจมตีเพื่อปกป้องชีวิต

    ซู่ววว!

    ชักสเล่ย์หมุนควงดาบรอบตัว  ก่อเกิดเป็นออร่าดาบหนาหลายชั้นคอยกำบังการโจมตี

    "โฮ่..."

    กริดไม่ตื่นตระหนกแม้หนึ่งในท่าไม้ตายจะถูกสลายไป
    กลับกัน  เขากำลังสนุกตื่นเต้น

    'ยิ่งอยากได้ตัวมากขึ้นไปอีก!'

    ฉึบ

    ขณะชักสเล่ย์เสียเวลากับการสลายคลื่นร่ายรำสังหาร  ด้ายเงินนับสิบเส้นก็พุ่งออกจากปลายนิ้วกริด  ชายหนุ่มยังคงรำดาบไปด้วยในเวลาเดียวกัน  
    กระจุกด้ายเงินส่องแส่งประหนึ่งทางช้างเผือกยามย่ำคืน  
    ด้ายเงินอันงดงามรัดพันร่างกายชักสเล่ย์ไว้  ไม่สิ  เกือบจะรัดพันมากกว่า

    'หายไปไหน!'

    ก่อนที่ด้ายเงินจะมัดชักสเล่ย์สำเร็จ

    ฟุ่บ!

    ชักสเล่ย์หายตัวและปรากฏด้านหลังกริด  ชายคนนี้มีความว่องไวระดับนักลอบสังหาร  แม้กำลังสวมเกราะหนักอยู่ก็ตาม  
    ขนาดปิอาโร่ยังชื่นชม

    'ขุนเขาพลิ้วไหว...'

    เป็นสายเลือดนักรบที่หายาก  แตกต่างจากอัศวินผู้อื่น  ชักสเล่ย์ทั้งรวดเร็วและมีร่างกายแข็งแกร่ง  ราวกับเขาใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อฝึกฝนความเร็วสำหรับปกป้องกษัตริย์ให้ทันท่วงที  

    เคร้ง!

    "อึก...!"

    ชักสเล่ย์ใช้โล่กระแทกกริดจากด้านหลัง  การโจมตีนี้ส่งผลให้ท่ารำดาบถูกยกเลิก
    สิ่งนี้เป็นปัญหาเรื้อรังสำหรับกริดมานาน  เป็นจุดอ่อนที่ยากจะหาทางแก้ไข  
    น่าหงุดหงิดใจไม่น้อยที่วิชาดาบแพ็กม่ามีเงื่อนไขต้องรำดาบวุ่นวาย  แม้จะแลกมากับความรุนแรงของทักษะก็ตาม  
    นี่คงเป็นขีดจำกัดของคลาสสายผลิตกระทัง
    
    แต่กริดซะอย่าง  เขาย่อมมีหนทางกลบจุดอ่อน

    เคร้ง!

    เคร้งงง!  
    
    กริดเคลื่อนไหวอย่างว่องไวเพื่อหลบโล่กระแทกจากชักสเล่ย์  จากนั้นก็รีบเปลี่ยนอาวุธ
    คราวนี้เป็นไม้เท้า  มิใช่ดาบ  
    ไม้เท้าบีเลียล

    "ศรเวท!"

    ฉึก!

    ศรเวทที่ยิงได้วินาทีละหนึ่งนัด  พุ่งทะลุร่างชักสเล่ย์ด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึง
    ความรุนแรงย่อมเพิ่มขึ้นจากสมัยอดีตมาก  
    ด้วยผลของสมญานามผู้กอบกู้โลกที่เพิ่มค่าสถานะทุกชนิด 200 แต้ม  จึงรวมไปถึงค่าสติปัญญาด้วย
    แถมยังมีออปชั่นสุดโกงจากไม้เท้าบีเลียลอีกมากมาย

    "แค่ก!"

    แม้หน้าอกจะถูกแทงทะลวง  แต่ชักสเล่ย์ก็ยกโล่ปักหลักป้องกันแทนที่จะเสียหลักล้มลง

    ฉึก!

    ฉึกฉึกฉึก!

    ศรเวทกระหน่ำยิงอย่างไม่หยุดพัก  
    เอิร์ลอัลเชอร์ที่เห็นภาพดังกล่าว  ดวงตาของเขาเบิกโพลงอย่างตกตะลึง

    'หากไม่รู้จักมาก่อน  เราคงคิดว่าเขาเป็นจอมเวท  มิใช่ช่างตีเหล็ก'

    เพียงการกระหน่ำศรเวทก็มากพอจะเปลี่ยนกระแสสงครามได้แล้ว

    "อั่ก...!  โล่แห่งราชา!"

    เวทมนตร์กลุ่มใหญ่ที่กระหน่ำใส่ชักสเล่ย์  บัดนี้ต้องหยุดกึกเมื่อปะทะกับแสงโล่สีขาวซึ่งเป็นสุดยอดทักษะสายป้องกัน
    กริดรีบสลับอาวุธจากไม้เท้าเป็นวิญญาณดาบ

    'ตอนนี้แหละ!'

    เมื่อกริดเผยช่องว่างขณะสับเปลี่ยนไอเท็ม  ชักสเล่ย์ไม่รีรอ  เขาคว้าโอกาสทองโจมตีใส่กริดเต็มกำลัง
    ทว่า  ยังไม่ทันที่การตอบโต้จะประสบผลสำเร็จ
    กริดไม่ยอมให้โอกาสของชักสเล่ย์เกิดขึ้น

    "ด้านหลัง!"

    ชายหนุ่มกล่าวพร้อมกับอมยิ้มอย่างมีเลศนัย

    ฉึกฉึกฉึกฉึกฉึก!

    บอลเวทมนตร์สีขาวด้านหลังชักสเล่ย์จำนวนมาก  ทั้งหมดทำการแปรเปลี่ยนเป็นศรเวทระดมยิงใส่จากด้านหลัง
    สิ่งนี้คือศรเวทที่ฝังเวทตั้งเวลาไว้  ชักสเล่ย์ไม่เคยคิดมาก่อนว่าศรเวทสามารถกระทำเช่นนี้ได้  เขาไม่ทันระวังตัว

    ชักสเล่ย์เริ่มโงเงน  ยืนตั้งหลักไม่อยู่
    กริดพร้อมวิญญาณดาบในมือเริ่มพุ่งประชิดตัวอีกครั้ง

    "ฮึบ!"

    ชักสเล่ย์พยายามใช้โล่ปัดป้อง  แต่ด้วยความที่ร่างกายไม่สมบูรณ์  ภาระจึงตกอยู่กับเข่าและเอวอย่างมาก  ทั้งสองจุดได้มอบความรู้สึกเจ็บแปลบเจียนตาย
    แต่เจ็บตัวย่อมดีกว่าถูกโจมตี  ชักสเล่ย์คิดเช่นนั้น
    วิญญาณดาบของกริดที่ฟันเฉือนเข้ามา  โล่ในมือชักสเล่ย์สามารถปัดป้องได้ทุกมุม

    ชิ้ง!

    วิญญาณดาบพลันแยกเป็นส่องท่อน  เกิดเป็นวิถีดาบสองเส้น

    เคร้งง!

    หนึ่งดาบฟันตามแนวเดิม  ปะทะโล่ของชักสเล่ย์อย่างจัง

    ฉัวะ!
    
    อีกหนึ่งดาบฟันหักเห  เฉือนเข้าหน้าอกชักสเล่ย์รุนแรง

    "แค่ก!"

    ผลการต่อสู้เป็นที่แน่ชัดแล้ว
    ชักสเล่ย์เหลือพลังชีวิตครึ่งหนึ่ง  ส่วนกริดเหลือเพียงหนึ่งส่วนสาม
    ทว่า  ชักสเล่ย์ก็ตระหนักได้เป็นอย่างดี

    'ชายคนนี้  หากเขาเอาจริง  เราคงมิอาจเอาชนะได้...'

    กริดยังไม่ได้ใช้หัตถ์เทวะ  อีกหนึ่งปัจจัยในการดวลอันชอบธรรม
    ชายหนุ่มกำราบชักสเล่ย์ด้วยฝีมือตนเองล้วน  ปราศจากสิ่งอื่นเจือปน
    ชักสเล่ย์จำต้องยอมรับความพ่ายแพ้ภายในใจ

    'แต่ว่า'

    เขายังเหลือหน้าที่ปกป้องกษัตริย์อัสลัน  นี่คือชะตาชีวิตที่ถูกลิขิตไว้ตั้งแต่กำเนิด
    ด้วยท่าทางโงนเงนเช่นนี้  ชักสเล่ย์พยายามฝืนตัวเองเพื่อฟาดฟันท่าไม้ตายสุดท้ายใส่กริด
    แต่ทันใดนั้นเอง

    ครืนนนน!

    ฝ่ามือสีทองทั้งสี่ข้างได้พังกำแพงวังด้านนอกสำเร็จ
    จากนั้น  ชาวเมืองที่กำลังเดือดดาลและเศร้าโศกก็กรูเข้ามาด้านในวังหลวง
    เมื่อชักสเล่ย์ได้เห็นสีหน้าทุกคน  เขาจึงตระหนักได้

    กริดถามย้ำอีกหน
    "กษัตริย์ทุกองค์ได้รับความเคารพเพราะคอยปกป้องเป็นห่วงประชาชน  ดังนั้น… ชักสเล่ย์  ฉันขอถาม  นายปกป้องกษัตริย์ที่ทำร้ายประชาชนไปเพื่อสิ่งใด"

    "..."

    พันธนาการขาดสะบั้น
    ชักสเล่ย์จ้องมองชาวเมืองที่กำลังร่ำไห้  เขาเข้าใจได้ทันที  
    ตนไม่มีเหตุผลที่ต้องปกป้องกษัตริย์ผู้นี้อีกแล้ว
    ดาบในมือพลันหนักอึ้ง  เขาตัดสินใจปล่อยมันร่วงหล่น  
    ชักสเล่ย์คุกเข่าลงต่อหน้ากริดและก้มศีรษะ
    
    เมื่อมั่นใจ  กริดจึงหันไปออกคำสั่งกับสมาชิกโอเวอร์เกียร์

    "จับตัวอัสลันไว้!  นับแต่นี้ไป  ฉันจะยึดครองบัลลังก์อีเทอนัล!"

    『 ...!!! 』
    
    ข่าวร้อนแรงต่อเนื่องทันทีหลังจากปราบบีเลียลสำเร็จ!
    สำนักข่าวทั่วโลกต่างยุ่งวุ่นวายจนหัวหกก้นขวิด  
    ท่าทีของกริดที่คิดยึดครองบัลลังก์กำลังทำให้คนทั้งโลกสนใจ  
    ท่ามกลางบรรยากาศร้อนระอุ  กริดส่งเสียงประกาศกร้าวกังวาล

    "ฉันจะสร้างอาณาจักรใหม่พร้อมกับประชาชนของฉัน!  โดยมีไรน์ฮาร์ทที่บาดเจ็บแห่งนี้เป็นศูนย์กลาง!"

    ผู้เล่นคนแรกที่จะได้เป็นกษัตริย์!
    หัวใจของเหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์พลันเต้นระรัวดังโครมคราม  สื่อทั่วโลกกำลังจับจ้องกริดเป็นตาเดียว
    ขณะที่ทุกคนกำลังตื่นเต้นและคาดหวัง  กริดได้ประกาศชื่อที่ตนขบคิดอย่างยากลำบากนานหลายวัน

    "อาณาจักรโอเวอร์เกียร์!"

    "และเราคือราชาโอเวอร์เกียร์ผู้มีนามว่ากริด!"

    "...!"

    『 ... 』

    ===  เอาจริงดิ...

    ตำนานบทใหม่เริ่มต้นขึ้นแล้ว

Comments

  1. ...กริดนี่นายคิดจะใช้คำว่าโอเวอร์เกียร์ในทุกๆอย่างเลยรึยังไง

    ReplyDelete
    Replies
    1. ตอนแรกมากิลโอเวอร์เกียร์ อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ ราชาโอเวอร์เกียร์ ต่อไปต้องเป็นเทพโอเวอร์เกียร์แน่ แต่ลอเอลไม่ชอบสิ่งนี้🤣🤣🤣

      Delete
  2. โอเวอร์เกียร์เลยนะ😆

    ReplyDelete
  3. โอเวอร์เกียร์จริงๆ 55+

    ReplyDelete
  4. ตำนานโอเวอร์เกียร์ด้วยมั้ย55555

    ReplyDelete
  5. ลอเอลกระอักเลือดแย่เลย

    ReplyDelete
  6. ลอเอลไม่ถูกใจสิ่งนี้

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00