จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 580



    โอเวอร์เกียร์ <템빨>  (เท็มพัล)  หรือพลังไอเท็ม

    ในอดีตจึงมีคนเข้าใจกริดผิด  ว่าเป็นเท็มพล่าบ่อยครั้ง

    แต่ในปัจจุบัน...
    การเป็นผู้เล่นพลังไอเท็มได้ถูกมองว่าเป็นทักษะอย่างหนึ่ง  ไอเท็มแต่ละชิ้นมิได้หามาครอบครองโดยง่าย  ใช่ว่ามีเงินจะซื้อได้ทั้งหมด  อคติในแง่ลบของสังคมส่วนใหญ่เริ่มสลายไปเพราะกริด
    ไม่มีใครกล้าดูแคลนผู้เล่นพลังไอเท็มอีกแล้ว
    
    『 อาณาจักรโอเวอร์เกียร์!  ชื่อเท่มากเลยครับ! 』

    『 เป็นชื่อที่ความหมายกระจ่างชัดในตัวเอง  แถมกริดและสมาชิกโอเวอร์เกียร์ก็โด่งดังด้วยชื่อนี้มาตั้งแต่ต้น 』

    『 เป็นชื่อที่ให้ความรู้สึกฮึกเหิมมากครับ  ลองจินตนาการภาพชาวเมืองและทหารของโอเวอร์เกียร์ล้วนสวมใส่ไอเท็มชั้นยอด 』    
    
    『 ฮุฮุ... อาณาจักรที่ประชาชนและหทารทุกคนส่วมใส่ไอเท็มชั้นยอดงั้นหรือ... อาณาจักรสุดแกร่งถือกำเนิดขึ้นในโลกซาทิสฟายแล้วครับ 』
    
    『 หลังจากนี้  เด็กข้างบ้านของผมคงถือกิ่งไม้ทำเป็นธนูและพูดว่า 'อัญเชิญเทพฟินิกซ์แดง'... 』

    『 ...ผมว่าจะย้ายไปอยู่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ครับ 』

    ทั้งหมดที่กล่าวมาคือท่าทีของผู้บรรยายต่างชาติ  
    ในสายตาพวกเขา  คำว่าโอเวอร์เกียร์มิใช่คำแปลกประหลาดแต่อย่างใด  
    ทว่า  ตรงกันข้ามกับสื่อหลักภายในประเทศเกาหลีใต้
    
    『 เดี๋ยวก่อน... จะตั้งชื่ออาณาจักรว่าโอเวอร์เกียร์จริงรึ... 』
    
    『 ผมยอมรับว่ามันมีความหมายที่ชัดเจน  แต่ฟังไม่รื่นหูเอาเสียเลย 』

    『 ... 』

    ===  อะไรนะ  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์  เอาจริงดิ!

    ===  ตั้งชื่อหลุดโลกไปเลยแฮะ  ฟังแล้วหิวข้าวทันที

    ===  ฉันว่าเหมาะดีออก  ครั้งแรกที่ได้ยินอาจฟังดูน่าขัน  แต่ตอนนี้กลับพูดได้โดยไม่กระดากปากแล้ว

    ===  แต่คำว่า 'ราชาโอเวอร์เกียร์' ฟังดูเท่สุดๆ ไปเลยแฮะ   ㅋㅋㅋㅋ

    ===  ใช่แล้ว  ราชาโอเวอร์เกียร์  คำนี้เหมาะสมมาก

    ===  สำหรับชาวต่างชาติ  คำว่าโอเวอร์เกียร์ฟังดูแข็งแกร่งทรงพลัง

    ===  มันฟังดูแข็งแกร่งเพราะหน้าของกริดจะลอยมาทุกครั้งที่พูดถึง 'โอเวอร์เกียร์' ต่างหาก

    ===  แต่ทำไมลอเอลถึงทำหน้าแบบนั้น

    ===  ต้องแน่นอนอยู่แล้ว!  เจ้านายของตนกำลังจะได้เป็นกษัตริย์ยังไงล่ะ!

    ===  คุคุ...  นั่นคือสีหน้ากำลังดีใจสุดขีดใช่ไหม  เจ๋งเป้ง

    ===  ภาพของเจ้านายและลูกน้องแสนจงรักภักดียืนเคียงข้างกัน  ราวกับฉันกำลังดูซีรีส์ย้อนยุคอยู่เลย

    ผู้ชมชาวเกาหลีที่กำลังถกเถียงชื่อ 'โอเวอร์เกียร์'  ทั้งหมดเริ่มหันมาสนใจลอเอล

    บนหน้าจอทีวี  ลอเอลกำลังหลั่งน้ำตาฟูมฟาย  
    จะใช่น้ำตาแห่งความปีติยินดีอย่างที่ทุกคนคิดหรือไม่...
    แน่นอนว่าไม่ใช่

    ***

    "อาณาจักรโอเวอร์เกียร์... นายพูดว่าโอเวอร์เกียร์ใช่ไหม!"

    หลังจากได้ยินคำประกาศจากกริด  สีหน้าลอเอลพลันตกตะลึงสุดขีด

    กริดหันไปพยักหน้าให้

    "ใช่แล้ว  เป็นชื่อที่ฉันขบคิดอยู่นานมาก  เท่ไปเลยใช่ไหม"

    "..."

    ลอเอลเริ่มวิตกกังวลนับตั้งแต่กริดตั้งชื่อกิลด์ว่าโอเวอร์เกียร์
    เขาเป็นกังวลว่ากริดจะนำมันไปตั้งชื่อของอาณาจักร
    แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริง

    "เท่บ้าเท่บออะไรกัน!  ไม่มีทาง!  นายจะตั้งชื่ออาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่ได้เด็ดขาด!  ห่วยแตกสิ้นดี!"

    ลอเอลตะเบ็งเสียงอย่างฉุนเฉียว  ส่วนกริดก็ตอบกลับอย่างไม่เข้าใจ

    "แล้วโอเวอร์เกียร์ไม่เท่ตรงไหน..."

    ชีวิตอันแสนโสมมของกริดพบแสงสว่างได้เพราะพลังไอเท็ม  
    ต้องขอบคุณไอเท็ม  เขาจึงแข็งแกร่ง  เสริมสร้างความมั่นใจ  มีพวกพ้องมากมาย  และมั่งคั่งร่ำรวยได้อย่างทุกวันนี้

    "ชีวิตของฉันสามารถอธิบายได้ด้วยพลังไอเท็ม  เราสองคนได้พบกันก็เพราะพลังไอเท็ม  ทุกสิ่งล้วนเกิดจากพลังไอเท็มทั้งสิ้น  ลองคิดดูให้ดีสิ  มันยอดเยี่ยมมากเลยนะ...  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์"

    ฉึบ
    
    กริดหันไปมองสมาชิกกิลด์คนอื่นเพื่อถามความเห็น    
    ทุกคนล้วนเห็นพ้อง

    "ใช่แล้ว  ที่กริดพูดไม่มีสิ่งใดผิด"

    "อาณาจักรที่เกิดจากกิลด์โอเวอร์เกียร์  ก็ควรตั้งชื่อมันว่าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์"

    "ฉันคิดชื่ออื่นนอกจากโอเวอร์เกียร์ไม่ออกอีกแล้ว"

    "..."

    เป็นคำตอบที่ทำให้ลอเอลทั้งประหลาดใจและเจ็บปวด!
    นี่ตนกำลังฝันอยู่หรือ  คนพวกนี้เพี้ยนกันหมดแล้วรึไง  
    แต่เมื่อลองครุ่นคิด  ลอเอลจึงใจเย็นลง

    'โอเวอร์เกียร์... ก็ไม่เลว  มันคือชื่อที่ค่อนข้างพิเศษ'

    กริดพูดถูก  สำหรับสมาชิกโอเวอร์เกียร์แล้ว  ทุกคนล้วนผูกพันธ์กับชื่อนี้มาก
    พวกเขากลายเป็นครอบครัวเดียวกัน  เชื่อใจซึ่งกันและกัน  ร่วมมือต่อสู้กับศัตรู  จนกระทั่งก่อตั้งอาณาจักรในวันนี้
    ทุกสิ่งเริ่มจากไอเท็ม  และมาถึงจุดหมายด้วยไอเท็ม

    'กิดล์โอเวอร์เกียร์...  อาณาจักรโอเวอร์เกียร์...'

    จากนั้นก็จะเป็นจักรวรรดิโอเวอร์เกียร์  
    เมื่อลองคิดให้ดี  ชื่อนี้ก็ไม่ได้แย่นัก...  พอรับได้
    ทันใดนั้น  ลอเอลพลันหน้าซีดลงเมื่อตระหนักได้ว่า...

    "...แย่ล่ะสิ!  รสนิยมการตั้งชื่อของเราคล้ายกริดเข้าไปทุกที"

    ชื่อกิลด์ที่ตนขบคิดมานานหลายเดือนอย่าง 'อาณาจักรดาร์กเนส-ออฟ-อินฟินิตี้-เดสตินี่*' กลับถูกเปลี่ยนเป็นชื่อสุดห่วยอย่างโอเวอร์เกียร์ไปเสียได้

( *ต้นฉบับเขียนทับศัพท์ )

    'ไม่นะ...'

    นี่ตนถูกอิทธิพลการตั้งชื่ออันโหลยโท่ยของกริดครอบงำจิตใจโดยสมบูรณ์แล้วหรือ
    ลอเอลรู้สึกเสื่อมเสียเกียรติในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง

    "ฮึก...!"

    ลอเอลเกลียดตัวเองที่เริ่มรู้สึกว่าชื่อโอเวอร์เกียร์ฟังดูเท่
    เขาคุกเข่าลงพร้อมกับหลั่งน้ำตาด้วยความรู้สึกอับอายและเศร้าหมอง
    ทว่า  กริดกลับเข้าใจผิด

    'หมอนี่... ดีใจจนร้องไห้เลยหรือ  ดูเหมือนเขาจะมีความสุขยิ่งกว่าเราอีกนะ'

    ลอเอลคือกำลังสำคัญในการก่อตั้งอาณาจักร  
    ทุกสิ่งล้วนทำเพื่อประโยชน์ของกริด  หากกริดไม่ได้พบกับลอเอลล่ะก็  เรื่องก่อตั้งอาณาจักรคงเป็นได้เพียงความฝัน  ป่านนี้กริดคงเป็นแค่ผู้เล่นที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
    ลอเอลคือตัวตนที่สำคัญมากสำหรับกริด

    "นี่คืออาณาจักรของพวกเรา  มาช่วยกันนำพามันไปสู่ความยิ่งใหญ่ตลอดกาลกันเถอะ"

    "...!"

    ช่วยกัน...  ตลอดกาล...
    คำพูดของกริดได้ปลุกสัญชาตญาณจูนิเบียวให้ลืมตาตื่น
    ลอเอลผู้จงรักภักดีรีบลุกยืนขึ้นพร้อมกับลั่นวาจาด้วยสีหน้าขึงขัง

    "หัวใจและวิญญาณของกระผมจะสถิตย์อยู่กับนายท่านจนกว่าร่างกายนี้จะเหลวแหลก!  และถึงชีวิตจะหาไม่  แต่ทุกชาติพบสืบต่อไป  กระผมจะตามหานายท่านและถวายตัวรับใช้อย่างไม่รู้จบสิ้น!"

    "อ--เอ่อ... เอางั้นก็ได้"

    กริดหมดคำพูดกับลอเอล  
    บางที  เขาก็รู้สึกว่ามันเหนื่อยเกินจำเป็น  ในการต้องเสียพลังงานสนทนากับลอเอล
    จากนั้น  ปิอาโร่ได้เดินเข้ามาหา
    
    "นำตัวอัสลันมาแล้วขอรับ"

    "อืม"

    กริดและลอเอลหันไปมองพร้อมกัน
    กษัตริย์อัสลันถูกเชือกมัดในท่านั่งคุกเข่า  มันจ้องมองกริดด้วยดวงตาแดงก่ำ  เปี่ยมด้วยความเคียดแค้นอัดแน่น

    "นายเหมือนหมาบ้าเลยนะ..."

    ทันใดนั้น  ข้อความระบบแสดงขึ้นตรงหน้ากริด

[ กษัตริย์อัสลันสังหารชาวเมืองบริสุทธิ์จำนวนมากเพื่อความทะเยอทยานส่วนตัว ]
[ อัสลันไม่ใช่มนุษย์ที่มีจิตใจปรกติอีกต่อไป  เขาก่อบาปที่ไม่มีวันได้รับการอภัย  ยิ่งไปกว่านั้น  อัสลันเป็นศัตรูกับท่าน  เมื่อท่านเอาชนะเขาได้แล้ว  ท่านจึงได้รับสิทธิ์ให้ลงทัณฑ์อัสลันอย่างสาสม ]

[ อัสลันสูญเสียบัฟ <อมตะ> ที่มีเฉพาะ NPC กษัตริย์ ]
[ ท่านจะลงทัณฑ์อัสลันสถานใด  กรุณาไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน  การกระทำของท่านจะส่งผลเป็นวงกว้าง  หากท่านใช้วิธีการรุนแรงที่สุด  อาจเกิดกลุ่มต่อต้านขึ้นตามหัวเมือง  ]
    
[ จงจำให้ดี!  หากท่านยึดบัลลังก์หรือสั่งประหารอัสลัน  อาณาจักรอีเทอนัลจะสูญหายไปตลอดกาล   เมื่ออาณาจักรอีเทอนัลหายไป  ทั่วทั้งทวีปจะเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่  และท่านจะต้องเผชิญชะตากรรมอันโหดร้ายที่ยากเกินรับมือไหว ]

    คำเตือนมากมายปรากฏขึ้นไม่หยุด  แต่กริดก็มิได้ลังเลแม้  เขาจะลงทัณฑ์อัสลันและทำลายอีเทอนัลให้สิ้นซาก  นี่คือความตั้งใจเดิมตั้งแต่เริ่มก่อสงคราม  
    ชายหนุ่มไม่เกรงกลัวว่าจะมีพายุใดตามมาหลังจากนี้  
    ในปัจจุบัน  จุดจบของสงครามอันยาวนานมีเพียงหนึ่งเดียว

    "ส่งตัวอัสลันให้ชาวเมืองจัดการ"

    ชาวเมืองกำลังเดือดดาล  โกรธแค้น  โมโห  สิ้นหวัง  และเศร้าโศกด้วยฝีมืออัสลัน  
    กริดคิดจะให้ชาวเมืองเหล่านั้นเป็นคนดับลมหายใจอัสลันอย่างสาสม
    อัสลันรีบโพล่งขึ้น

    "ฉันมีจักรวรรดิคอยหนุนหลังอยู่!  หากนายบังอาจแตะต้องฉันล่ะก็  ชะตาชีวิตของพวกนายจบไม่สวยแน่!"

    "...!"

    เหล่าทหารโอเวอร์เกียร์ต่างสะดุ้ง  พวกเขากลัวการเป็นศัตรูกับจักรวรรดิผู้ยิ่งใหญ่  
    แต่ไม่มีสมาชิกกิลด์คนใดเลยที่เปลี่ยนสีหน้า 
    กริดเดินเข้าไปหาอัสลันพร้อมกับแสยะยิ้ม

    "นายดูไม่ออกรึไง... ฉันคนนี้มีแผนจะฮุบกลืนจักรวรรดิอยู่แล้ว  ไม่ช้าก็เร็วต้องเป็นศัตรูกันอยู่ดี"

    "อะไรนะ..."

    คิดฮุบกลืนมหาอำนวจของทวีปตะวันตก...
    หากใครได้ยินเข้าคงหัวเราะขบขันจนฟันร่วง
    แต่กลับอัสลันแล้วไม่  ดวงตาหมาบ้าของมันพลันสงบลงทันที

    "...ถ้าฉันยิ่งใหญ่ได้สักครึ่งของนาย"

    อัสลันบากหน้าหยิบยืมพลังของจักรวรรดิ  แม้ว่าจะเกลียดพวกมันเข้ากระดูกดำ
    แถมในวาระสุดท้ายของชีวิต  มันยังแอบอ้างพลังของจักรวรรดิเพื่อให้รอดชีวิต  
    มันกล่าวโทษในความโง่เขลาไม่รู้จบสิ้นของตน  จากนั้นก็หลับตาลงอย่างสงบ
    บัดนี้  กษัตริย์อีเทอนัลกำลังอ้าแขนรอรับความตาย  ถึงแม้ร่างกายจะถูกฉีกกระชากเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจากเหล่าชาวเมืองผู้โกรธแค้นก็ตาม  
    ได้โปรดส่งดวงวิญญาณที่โสมมนี้ลงนรกด้วยเถิด...

    'ท่านพ่อ...  ท่านพี่...  ผมขอโทษ'

    ณ วันนี้
    อัสลัน  กษัตริย์คนสุดท้ายของอีเทอนัล  จบชีวิตลง

[ ท่านยึดครองไรน์ฮาร์ทสำเร็จ ]    
[ ชาวเมืองไรน์ฮาร์ทจำนวน 356,931 คนพร้อมรับใช้ท่าน ]

[ อัสลันเสียชีวิต ]
[ อาณาจักรอีเทอนัลสูญเสียผู้ปกครองและกระจัดกระจายเป็นเมืองเล็กเมืองน้อย ]
[ ขุนนางอีเทอนัลที่ยังเหลือรอดต่างโกรธแค้นท่าน ]

    นามของกริดได้ถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ทวีปตะวันตกอย่างยิ่งใหญ่

    ***

    "...บุตรเขยเราพูดความจริง"

    มาร์ควิสสไตม  พ่อตาของกริดและผู้ปกครองสูงสุดของดินแดนตอนเหนือ
    เขาเฝ้ามองสงครามระหว่างกิลด์โอเวอร์เกียร์และกษัตริย์อัสลันตั้งแต่ต้นจนจบ  ชายคนนี้มีหูตากว้างขวางทุกพื้นที่ในสงคราม  
    เขาต้องการรู้ให้ได้ว่า  กษัตริย์อัสลันเป็นผู้สังหารองค์ชายเร็นจริงหรือไม่

    มาร์ควิสสไตมกังวลว่า  กริดอาจเป็นฝ่ายโกหก  ไม่แปลกที่เขาจะระแวง  ด้วยฐานะของขุนนางอีเทอนัล  เขาจำเป็นต้องจงรักภักดีต่อราชวงศ์อีเทอนัลจนกว่าความจริงจะกระจ่าง  
    และผลออกมาแล้วว่า  บุตรเขยของตนพูดความจริง  กษัตริย์อัสลันสังหารองค์ชายเร็น
    กษัตริย์ที่ไม่คู่ควรกำลังครองบัลลังก์อย่างชั่วร้าย

    "..."

    ภายในใจของมาร์ควิสสไตมได้ผุดความรู้สึกหลากหลาย
    ส่วนหนึ่งก็ดีใจที่บุตรเขยมิได้โกหก  แต่อีกส่วนก็นึกเสียใจที่บ้านเมืองต้องกระจัดกระจายแตกแยก
    ทว่า  ความคิดก็ส่วนความคิด  ด้านการกระทำนั้น  มาร์ควิสสไตมได้ตัดสินใจหนักแน่นนับตั้งแต่วินาทีที่รู้ความจริงแล้ว  
    
    เขาจะเข้าร่วมกับกริดที่กลายเป็นศัตรูของทุกฝ่ายหรือไม่...

    มาร์ควิสสไตมปราศจากความลังเล

    "เราจะยกดินแดนตอนเหนือให้บุตรเขยปกครอง"

    เขาต้องปกป้องบุตรเขยด้วยพลังอำนาจที่ตระกูลสั่งสมมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ  จากนั้นก็สถาปนากริดให้เป็นกษัตริย์อย่างถูกต้องชอบธรรม
    มาร์ควิสสไตมรีบเรียกตัวอัศวินคู่กายโดยไม่รีรอ  
    ลาเด็น  อัศวินหนุ่มอัจฉริยะ  
    เขาหวังให้ลาเด็นช่วยเตรียมความพร้อมทั้งหมด  หลังจากนี้  กองทัพแดนเหนือจะเข้าถวายความจงรักภักดีต่อกริดอย่างเป็นทางการ
    
    ***

    "อะไรนะ… 60 ล้านเหรียญทอง!"

    เงื่อนไขต่ำสุดสำหรับก่อตั้งอาณาจักร
    หนึ่ง  ต้องมีเมืองใหญ่อย่างน้อยสามแห่ง
    สอง  ประชาชนในสังเกิดเกินหนึ่งแสน
    และสาม  เงินจำนวน 60 ล้านเหรียญทอง
    หรือตีเป็นเงินวอนจะเท่ากับ 72,000 ล้านวอน  เป็นเงินจำนวนที่กริดมีไม่ถึง  แม้จะกลายเป็นหนึ่งในมหาเศษรฐีของเกาหลีใต้แล้วก็ตาม

    "บ้าบอสิ้นดี… นี่มันปล้นกันชัดๆ"

    พวกบัดซบ S.A. กรุ๊ป!
    กริดสาปแช่งทีมพัฒนาที่ไม่คำนึงด้านการเงิน  และบังคับให้ผู้เล่นจ่ายเงินจำนวนมหาศาลขนาดนี้

    โทบันหันมาพูดกับกริดที่กำลังฉุนเฉียว
    "หากพวกเรารวมทรัพสินเข้าด้วยกัน  เงิน 60 ล้านเหรียญทองก็ไม่ได้ที่มากมายขนาดนั้น..."

    แร้งเกอร์ระดับท็อปของซาทิสฟายล้วนทำเงินได้มหาศาล  โดยเฉพาะสมาชิกระดับขุนพลของโอเวอร์เกียร์ที่เป็นแนวหน้าของโลก  
    ดังเช่นโทบันกล่าว  หากรวมทรัพย์สินของสมาชิกระดับขุนพลเข้าด้วยกัน  เงินจำนวน 60 ล้านเหรียญทองก็ไม่ใช่เรื่องเกินเอื้อม
    แต่ลอเอลรีบห้ามไว้

    "กริด...  ฉันขอแนะนำให้นายใช้เงินของตัวเอง"

    "...นายจะให้ฉันหา 60 ล้านเหรียญทองด้วยตัวเองเนี่ยนะ"

    กริดอึ้งกับคำตอบที่ไม่คาดคิดจากลอเอล  
    ตนจะหามาจากไหน 72,000 ล้านวอน  ปล้นธนาคารหรือ
    กริดไม่มีเงินมากขนาดนั้น  แม้จะรวมทรัพย์สินที่ได้รับจากการแข่งนานาชาติ  และเงินค่าถ่ายทอดสดที่ยูร่าเก็บออมไว้ให้แล้วก็ตาม

    "แล้วฉันจะหาเงินมาจากไหน... ไม่ได้ให้ทุกคนช่วยจ่ายอย่างเท่าเทียมสักหน่อย  แต่อย่างน้อย  ช่วยกันออกคนละนิดไม่ได้หรือ  ให้พอแบ่งเบาภาระฉันไปบ้าง  แล้วจะจ่ายเงินปันผลคืนเมื่อภาษีมาถึง"

    "ฉันบอกแล้วไง  นายต้องเป็นคนจ่ายทั้งหมดตามลำพัง  ให้ผู้อื่นช่วยไม่ได้เด็ดขาด"

    "..."

    "ก็เพื่อ… นายจะได้ไม่ต้องแบ่งภาษีกับใคร"

    ทั้งหมดลอเอลทำไปเพื่อความก้าวหน้าของกริด  ภาษีทุกเหรียญทองของประชาชนต้องตกเป็นของกริด  จะให้สมาชิกกิลด์ที่เหลือมีส่วนแบ่งไม่ได้เด็ดขาด
    เพื่ออนาคตของตัวกริดเองและชาวโอเวอร์เกียร์ทุกคน

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00