จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 581



    จะให้ตนตักตวงภาษีทุกเหรียญทองไว้แต่เพียงผู้เดียวงั้นหรือ
    สีหน้ากริดพลันดำมืด
    
    "อะไรกัน… นายอยากให้ฉันทำตัวเป็นเผด็จการรึไง  ฉันไม่มีสิทธิ์กระทำเช่นนั้น  เพราะทุกคนล้วนเหน็ดเหนื่อยร่วมกันมา"

    ท่าทีของกริดทำให้ลอเอลยิ้มออก

    "เผด็จการ... เรื่องนั้นไม่มีปัญหาหากนายปกครองอาณาจักรได้ดี  ดูอย่างจักรวรรดิซาฮารันสิ  พวกมันเผด็จการเต็มรูปแบบ  และแสดงให้เห็นแล้วว่าระบบนี้ประสบความสำเร็จมากแค่ไหนในซาทิสฟาย  บางที  ธรรมชาติของทวีปตะวันตกอาจเหมาะกับเผด็จการมากกว่า"

    "...น่าเสียดายที่ฉันเป็นผู้ปกครองห่วยแตก"

    กริดรู้จักตนเองเป็นอย่างดี  
    เขาไม่มีค่าสถานะ 'พลังทางการเมือง'  
    ชายหนุ่มมั่นใจว่า  อาณาจักรคงพังลงในพริบตาเมื่อตนบริหารทั้งหมด  และนั่นหมายถึงการสาปสูญเงิน 72,000 ล้านวอนไปกับสายลม
    แค่คิดก็เจ็บปวดใจแล้ว

    ลอเอลฉีกยิ้มเมื่อกริดเริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด
    "ฉันมิได้ให้นายบริหารอาณาจักรในฐานะเผด็จการตามลำพัง  นายควรแจกจ่ายงานไปยังพวกพ้องให้เหมาะสมกับฝีมือ  แต่แก่นกลางของอาณาจักรนั้นมิอาจถูกสั่นคลอนได้  จึงต้องเป็นนายเพียงคนเดียวเท่านั้น"

    หากพวกพ้องหลายคนช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายก่อตั้งอาณาจักร  อิทธิพลของกริดอาจถูกลดทอนลง  และนั่นจะสร้างความสั่นคลอนกับอาณาจักรในหลัง  ลอเอลไม่ต้องการให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น

    "สำนวนเกาหลีก็มีอยู่ไม่ใช่หรือ  มากคนก็มากความ  ฉันไม่ต้องการให้อาณาจักรกลายเป็นเช่นนั้น"

    "มากคนมากความ..."

    มีสำนวนนี้อยู่ในภาษาเกาหลีใต้ด้วยหรือ  กริดหันไปมองลอเอลที่เป็นชาวอเมริกันอย่างชื่นชม

    "อืม… เข้าใจแล้ว"

    มาถึงตอนนี้  กริดเริ่มมองว่าสมเหตุสมผลที่ตนต้องออกเงินค่าก่อตั้งอาณาจักรทั้งหมด  
    แต่ปัญหาก็คือ

    "ฉันจะไปหา 60 ล้านเหรียญทองจากไหน"

    เงินในบัญชีธนาคารของกริดมีทั้งสิ้น 20,000 ล้านวอน  เป็นเงินจำนวนมหาศาลชนิดที่ใช้ทั้งชาติก็คงไม่หมด  แต่มันกลับน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับ 72,000 ล้านวอนที่ต้องการ  
    ลอเอลเพียงยักไหล่

    "ลองคิดเอาเองสิ  ไม่ได้ยากขนาดนั้น"

    ลอเอลประเมินคุณค่าในตัวกริดไว้สูง  บางทีในสายตาลอเอล  กริดอาจเป็นมนุษย์ที่มูลค่าสูงสุดของโลกใบนี้  ทว่าชายหนุ่มกลับไม่เคยตระหนักเรื่องนั้นเลย  
    การถ่อมตนและประเมินตนเองไว้ต่ำ  ย่อมดีกว่าการมั่นใจเกินพอดีและอวดเบ่งไปทั่วหลายร้อยเท่า

    ถึงกระนั้น  ลอเอลต้องการให้กริดตระหนักถึงคุณค่าในตัวเองมากกว่านี้  
    กริดจ้องมองลอเอลผู้เอาแต่ปิดปากเงียบ  จากนั้น  ชายหนุ่มเริ่มครุ่นคิด

    "ฉันควรหาสปอนเซอร์สินะ..."
    หากขอร้องให้บริษัทยักษ์ใหญ่ร่วมลงทุนเพื่อแลกกับการโฆษณาในซาทิสฟาย
    "ให้พวกเขาจ่ายเงินสำหรับก่อตั้งอาณาจักร  ส่วนฉันจะติดโลโก้บริษัทไว้ทุกหัวมุมของอาณาจักรเป็นการตอบแทน  แบบนี้เป็นยังไงบ้าง"
    
    "ไม่เลว... เป็นใครก็คงทำแบบนั้น"
    
    ความคิดกริดไม่เลวนัก  ลอเอลมั่นใจว่า  ทุกคนในโลกกำลังตั้งตารออาณาจักรแรกที่สร้างโดยผู้เล่น  สิ่งนี้ย่อมทำให้มูลค่าโฆษณามีสูงลิบ  โดยเฉพาะเมืองใหญ่ของอาณาจักรใหม่ที่จะมีผู้เล่นมาเยือนอย่างล้นหลาม
    ในมุมมองบริษัทใหญ่  เป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากเพื่อแลกกับการติดโลโก้ไว้ทุกหัวมุมอาณาจักรใหม่
    แต่นี่ไม่ใช่คำตอบที่ลอเอลต้องการ

    กริดเห็นสีหน้าลอเอลแฝงไว้ด้วยเลศนัย  เขาจึงเอ่ยปากถามย้ำ
    "ยังมีทางอื่นอีกใช่ไหม"
    
    "แน่นอน"

    "เล่ามา"
    ขณะกริดแสดงสีหน้าสับสน  ลอเอลเริ่มฉีกยิ้มกว้างอย่างชั่วร้าย  เป็นรอยยิ้มแบบเดียวกับกริดในยามคิดชั่ว  ซึ่งแสดงให้เห็นเป็นอย่างดีว่า  ลอเอลได้รับอิทธิพลจากกริดมากเพียงใด
    "งานกรรมกร"

    "..."

    "ใช้แรงงานเยี่ยงกรรมกร  โดยการหมกตัวอยู่ในโรงตีเหล็กและสร้างไอเท็มให้มากที่สุด  แล้วนายจะได้รับเงินจำนวนที่ต้องการในระยะเวลาอันสั้น"

    "..."

    "หากตั้งกลุ่มเป้าหมายให้เป็นสมาชิกโอเวอร์เกียร์  การกระทำดังกล่าวจะไม่สูญเปล่า  ขุมกำลังของพวกเราจะแข็งแกร่งขึ้นไปพร้อมกับการได้รับเงินมหาศาล  ไม่เพียงเท่านั้น  นายยังเพิ่มค่าสถานะและทักษะระหว่างสร้างไอเท็ม"

    "..."

    บ้าจริง... ตนอุตส่าห์กลายเป็นเศษรฐีและหลุดพ้นชีวิตกรรมกรได้สำเร็จ  แต่ยามนี้กลับต้องสวมวิญญาณกรรมกรอีกครั้งงั้นหรือ
    สีหน้าของกริดพลันบิดเบี้ยว  แต่ลอเอลก็มิได้แยแส

    "อย่าได้ลืมกำพืดตนเองเด็ดขาด  ใช้แรงงานซะ"

    "..."

    ***

    "กรรมกร... เราต้องกลับไปเป็นกรรมกร..."

    หัวเลี้ยวหัวต่อสุดท้ายก่อนได้สถาปนาตนเป็นกษัตริย์  กริดกลับต้องทำงานกรรมกร
    มันน่าอึดอัดใจมาก  แม้จะปฏิเสธไม่ได้ว่ารากฐานของตนคือช่างตีเหล็ก  แต่เขาก็ไม่อยากจินตนาการภาพตาม  ว่าต้องตีเหล็กอีกนานแค่ไหนกว่าจะหาเงินได้ครบ 50,000 ล้านวอน

    'เจ้าลอเอลบ้านั่น... แค่พูดใครๆ ก็ทำได้!'

    กริดใช้เวลานานสองปีในการเก็บออมเงินให้ได้สองหมื่นล้านวอน  
    รายได้ส่วนหนึ่งมาจากการตีเหล็กก็จริง  แต่ส่วนใหญ่มาจากลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดที่ยูร่าเจรจาให้  
    เขาต้องใช้เวลานานกี่ปี  หากจะหาเงินห้าหมื่นล้านวอนจากการตีเหล็กเพียงอย่างเดียว

    "นายยุ่งอยู่รึเปล่า"

    ท่านกลางความวุ่นวายรอบเมืองไรน์ฮาร์ท  เหล่าสมาชิกโอเวอร์เกียร์และทหารต่างร่วมมือกันซ่อมแซมบูรณะกำแพงอาคาร  
    ขณะนั้นเอง  ชายผู้หนึ่งเดินเข้ามาหากริดที่กำลังมีสีหน้าตึงเครียด
    เขาคืออริยดาบครอเกล

    กริดอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าครอเกล
    "ขอโทษที่เพิ่งมาบอกเอาป่านนี้  แต่ต้องขอบคุณนายมาก  สำหรับการช่วยชีวิตพวกพ้องแสนสำคัญของฉันไว้... โดยเฉพาะอย่างยิ่งปิอาโร่  เขาสำคัญกับฉันมาก  หากไม่มีนายล่ะก็..."

    ครอเกลส่ายศีรษะ
    "ไม่เลย  ถ้าฉันไม่แจ้งกับลอเอลว่าจะสู้กับบีเลียล  สมาชิกโอเวอร์เกียร์ทุกคนคงหลบหนีอย่างปลอดภัยได้นานแล้ว  แต่เป็นเพราะฉัน  พวกเขาจึงคอยถ่วงเวลาบีเลียลจนตกอยู่ในอันตราย  ฝ่ายที่ขอโทษควรเป็นฉันมากกว่า"

    "...ช่างเถอะ  นั่นเป็นเหตุสุดวิสัย"

    ครอเกลคือที่สุดในทุกด้าน  เขาถูกกล่าวขานให้เป็นฟ้าเหนือฟ้าและอันดับหนึ่งจากสองพันล้านมายาวนาน
    แต่ถึงกระนั้น  ชายคนนี้ก็มิได้มีนิสัยเย่อหยิ่งจองหอง  ครอเกลถ่อมตนและรู้จักความผิดพลาดของตัวเอง  
    เขามักชื่นชมกริดอยู่ในใจเสมอ

    'ฉันอยากเป็นแบบนายให้ได้สักวัน'

    ครอเกลไม่รู้ว่ากริดกำลังเดือดเนื้อร้อนใจสิ่งใดอยู่
    แต่เขาเอ่ยปากถามในสิ่งที่ตนอยากรู้
    "ฉันแน่ใจเมื่อได้เห็นนายใช้ทักษะเดิมใส่บีเลียลซ้ำสองหน... นายครอบครองบัญชาแห่งเทพได้แล้วหรือ"

    "...!"

    ดวงตากริดพลันลุกวาว  
    ร่วมกันกับ 'เขตแดน' และ 'อำนาจปกครอง'   'บัญชาแห่งเทพ' คือหนึ่งในสามทักษะติดตัวลับสายโจมตีที่หายากของซาทิสฟาย
    ครอเกลตระหนักถึงการมีอยู่ของทักษะลับก่อนหน้ากริดได้อย่างไร

    "นายรู้จักบัญชาแห่งเทพ..."

    "ฉันก็กำลังทำภารกิจเนื้อเรื่อง <เจ็ดภัยพิบัติ> เช่นกัน  จึงมีข้อมูลของสามทักษะลับติดตัวประเภทโจมตี  สามทักษะลับติดตัวประเภทป้องกัน  และหนึ่งทักษะลับติดตัวประเภทกัดกร่อน"

    "หือ...  เจ็ดภัยพิบัติ... นายกำลังพูดถึงเรื่องอะไร"

    "..."

    นัยน์ตาครอเกลสั่นระริก  เขาเงียบงันเป็นเวลานานก่อนจะเอ่ยปากถามเพื่อความแน่ใจ

    "อย่าบอกนะว่า... นายได้ครอบครองบัญชาแห่งเทพโดยไม่ได้ทำภารกิจเจ็ดภัยพิบัติ"

    "ไม่นี่... แล้วตกลงเจ็ดภัยพิบัติคืออะไรกันแน่"

    "..."

    สำหรับครอเกล  โลกช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
    กริดครอบครองบัญชาแห่งเทพด้วยความบังเอิญที่ซ้อนทับกันหลายชั้น  
    มิได้คาดการวางแผนล่วงหน้าไว้แม้แต่น้อย

    '...คำกล่าวที่ว่า  สิ่งที่ให้กำเนิดวีรบุรุษคือลิชิตฟ้า  หาใช่มานะตน...  คงเป็นความจริงสินะ'

    ดูเหมือนยุคสมัยปัจจุบันจะเลือกให้กริดเป็นวีรบุรุษ
    สมกับเป็นคู่แข่งตลอดกาลของตน

    ครอเกลชื่นชมและรู้สึกทึ่งไปพร้อมกัน  เขาพยายามข่มใจให้สงบ  จากนั้นจึงอธิบายกริดอย่างใจเย็น

    "เจ็ดภัยพิบัติคือภารกิจลับของซาทิสฟาย  เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับมนุษย์ต่ำทรามเจ็ดคนที่ถูกเทพผู้ชั่วช้าเลือกให้เป็นตัวแทน  เมื่อทำภารกิจไปเรื่อยๆ  นายจะได้รับเบาะแสสำหรับครอบครองทักษะติดตัวลับสุดแกร่งทั้งเจ็ด  ซึ่งเทพเทพเป็นผู้ถ่ายทอดให้มนุษย์ชั่วทั้งเจ็ดคน  ตอนนี้ฉันยังไม่ได้ครอบครองทักษะที่ต้องการ  เพราะเงื่อนไขค่อนข้างวุ่นวาย... แต่ฉันมั่นใจว่าทั้งแอ็กนัสและอาเรสคงได้สิ่งที่พวกมันต้องการเรียบร้อยแล้ว"

    "แอ็กนัส... อาเรส..."

    กริดหรี่ตาลง  
    เขามักได้ยินผู้คนสรรเสริญเยินยอสองชื่อดังกล่าวจนคลื่นไส้

    "ทุกคนยกย่องแอ็กนัสและอาเรส  พวกมันแข็งแกร่งขนาดทำให้นายต้องเอ่ยถึงเลยรึไง"

    ครอเกลเป็นคู่แข่งเพียงคนเดียวของกริด  ชายหนุ่มหนักแน่นกับเรื่องนี้มาก  จึงไม่แปลกที่จะไม่เห็นอาเรสและแอ็กนัสในสายตา  
    ครอเกลไม่รู้ความคิดกริด  เขาจึงพยักหน้าเล็กน้อย

    "ฉันประเมินว่า  ศักยภาพของสองคนนั้นไม่แพ้นายมากนัก  หากเลือกได้  ขอแนะนำว่าอย่าเพิ่งไปยุ่งเกี่ยวจะดีกว่า"

    "ทำไมกัน"

    ครอเกลกังวลว่าตนจะพ่ายแพ้งั้นหรือ
    เขายังคงอธิบายต่อไป

    "แอ็กนัสเป็นพวกวิกลจริตโดยสมบูรณ์  หากหมอนั่นรู้จักนายมากกว่านี้  บางทีอาจเพ่งเล็งนายเป็นเป้าหมายและตามตื้อไม่เลิก"

    แอ็กนัสคือผู้ที่ชีวิตเปี่ยมด้วยความโศกเศร้า  
    เฉกเช่นกริด  อดีตของแอ็กนัสเลวร้ายมากก่อนจะเริ่มเล่นซาทิสฟาย  
    กริดยังดีที่พบแสงสว่างและฉุดตนเองให้หลุดพ้นจากบ่วงความทุกข์  แต่กับแอ็กนัสนั้นไม่  แม้จะประสบความสำเร็จใจซาทิสฟาย  แต่เขากลับเลือกที่จะจมปลักอยู่กับมัน  และนั่นคือมูลเหตุของความบ้าคลั่งที่ถูกปลดปล่อยหนแล้วหนเล่า

    "นายจะมองว่าหมอนั่นเป็นวิญญาณร้ายก็ยังได้  คนแบบนั้นไม่คิดทำความเข้าใจกับผู้อื่น  หากรู้ว่านายเดินบนคนละเส้นทาง  มันจะตามราวีอย่างไม่ล้มเลิกทันที"

    "..."

    "ตรงข้ามกับแอ็กนัส  อาเรสปราศจากอดีตที่ดำมืด  เขาคือดวงอาทิตย์เหมือนกับนาย  ดวงอาทิตย์อันเจิดจ้าที่สามารถดึงดูดเหล่าอัจฉริยะไว้ข้างกาย  หากนายต้องกลายเป็นศัตรูกับอาเรสล่ะก็..."

    ครอเกลประเมินว่า  แม้จะเป็นระดับกิลด์โอเวอร์เกียร์  แต่ก็คงรับมือกองทัพอาเรสได้ยากลำบาก
    ครอเกลมิได้พูดมันออกไป  หากพูด  นั่นยิ่งจะทำให้ศักดิ์ศรีของกริดถูกระคายเคือง

    "...ช่างเถอะ  ทั้งหมดเป็นเพียงคำแนะนำของฉัน  การตัดสินใจขึ้นอยู่กับนาย"

    ครอเกลเสียเวลาไปมากแล้ว  แม่ของตนกำลังรอกินข้าวอยู่

    ขณะครอเกลกำลังจะล็อกเอาต์  กริดรีบถามขึ้นด้วยแววตาขึงขัง
    
    "ขอถามตามตรง  แอ็กนัสและอาเรสแข็งแกร่งกว่านายใช่ไหม"

    "ก็แค่ตอนนี้"

    "หมายความว่า  นายจะกลับมาเป็นที่หนึ่งอีกครั้งได้สินะ"

    "...ฉันจะทำให้มันเกิดขึ้น"

    "เข้าใจแล้ว... ถ้าเป็นเช่นนั้น  ฉันก็ไม่ต้องสนใจพวกมันอีก  แอ็กนัสหรือครอเกลแล้วยังไง  ช่างหัวมันปะไร!  ไม่ต้องกังวลไป  หากนายต้องเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ยากลำบาก  สามารถติดต่อหาพี่ชายคนนี้ได้ทุกเมื่อ"

    "พี่ชาย... หมายถึงใครกัน"

    "ฉันไง"

    "ไร้สาระน่า...  ฉันแก่กว่านายสองปี!"

    ครอเกลตอบกลับก่อนจะล็อกเอาต์

    ดุจดั่งสายลม  ครอเกลหายตัวไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่า
    ดุจดั่งมหาสมุทร  กริดยังคงยืนสงบนิ่งอยู่ที่เดิม

    ต่างคนต่างเป็นแรงผลักดันให้อีกฝ่าย
    ทั้งสองล้วนคิดแบบเดียวกัน  ท้ายที่สุดแล้ว  ฉายาแข็งแกร่งที่สุดจะต้องตกเป็นของตน

    ***

    จิสึกะ  สาวงามของโลกที่มีนัยน์ตาเว้าวอนชวนฝัน 
    เธอเห็นด้วยกับแผนของลอเอลที่ให้กริดออกเงินค่าก่อตั้งอาณาจักรทั้งหมด

    "เป็นความคิดที่ดี  ไม่อย่างนั้นอาจเกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้  หากนายต้องจ่ายส่วนแบ่งภาษีให้ผู้อื่น"

    แต่ปัญหาก็คือ  ตอนนี้กริดไม่มีเงิน 60 ล้านเหรียญทอง  
    ทว่า  ปัญหานี้สามารถแก้ไขได้ด้วยจิสึกะ

    "ถ้าฉันจ่ายค่าคันศรฟินิกซ์แดงเป็นจำนวน 60 ล้านเหรียญทอง  แปลว่ากริดจะมีเงินเพียงพอสำหรับก่อตั้งอาณาจักรใช่ไหม"

    "แค่ก! แค่ก!"

    แม้ลอเอลจะยังไม่เห็นรายละเอียดคันศรฟินิกซ์แดงก็จริง
    แต่ไอเท็มบ้าบออะไรกันจะมีมูลค่าสูงถึง 60 ล้านเหรียญทอง

    จิสึกะพลันแสยะยิ้มให้กับลอเอลผู้อ่อนต่อโลก

Comments

  1. เงินนี่หาง่ายจริงแฮะ

    ReplyDelete
  2. เดียวลอเอลร้องเชี่ย แน่

    ReplyDelete
  3. ราชาท้องทะเลหายเงียบเหมือนตายแล้ว

    ReplyDelete
    Replies
    1. จริงหายไปเลยยังงงๆอยู่ ว่าเอิร์น อัชเชอร์ กับมาซงหายไปไหน

      Delete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00