จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,180
[ไม่พบเป้าหมาย การใช้ทักษะล้มเหลว]
[ไม่พบเป้าหมาย การใช้ทักษะล้มเหลว]
“บ้าจริง! แบบนี้ไม่เกินไปหน่อยรึไง!”
“หุบปากแล้วมีสมาธิเข้าไว้!”
กร็อบ—!
“อ๊ากกก!!”
[ท่านได้รับความเสียหาย 23,900 หน่วย]
[ฟื้นฟูพลังชีวิต 11,450 หน่วยจากเอฟเฟคของคลาส <อัศวินผู้พิทักษ์>]
[ออร่าของเต่าดำกำลังกัดกร่อนชุดเกราะท่าน]
[ค่าความคงทนของ <ชุดเกราะปัญญาแห่งเฟริสแมน> ลดลง 219 หน่วย]
แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก!
“บัดซบ…”
จุดแข็งของทักษะโจมตีแบบล็อกเป้าหมายคือความแม่นยำ แต่แลกมาด้วยการลดทอนพลังโจมตีและการเพิ่มขึ้นของระยะหน่วงหลังใช้
อย่างไรก็ตาม หากมองว่าศัตรูต้องสูญเสียทักษะเพื่อป้องกัน หลบหลีก หรือสวนกลับ ข้อเสียของทักษะโจมตีแบบล็อกเป้าก็จะถูกกลบด้วยข้อดีมหาศาลในตัวมันเอง
ทักษะการโจมตีแบบล็อกเป้าจะยิ่งเห็นผลชัดเจนในการต่อสู้ศึกใหญ่ หนึ่งเหตุผลสำคัญทำให้จำนวนคนสำคัญกว่าปริมาณ ก็เพราะการมีอยู่ของทักษะแบบล็อกเป้านี้เอง
ไม่ว่าฝ่ายน้อยกว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่ถ้าถูกรุม CC ด้วยทักษะแบบล็อกเป้าจากคนหมู่มากอย่างต่อเนื่อง การขยับตัวหรือโจมตีสวนกลับก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
จริงอยู่ อาจมีข้อยกเว้นเป็นกรณีพิเศษกับคนอย่างกริด ผู้ไม่เกรงกลัวผลของ CC เนื่องจากมีค่าต้านทานอาการผิดปรกติเต็ม 100%
[ไม่พบเป้าหมาย การใช้ทักษะล้มเหลว]
และนี่คืออีกหนึ่งข้อยกเว้นพิเศษ
ยังบันฮารัง
เมื่อเธอตระหนักว่าคันศรฟินิกซ์แดงในมือจิสึกะถูกยกระดับด้วยออร่าจากฟินิกซ์แดง ฮารังจึงเน้นหนักไปกับตั้งรับเป็นหลัก และคอยใช้ชุนโปหลบหลีกทักษะโจมตีแบบล็อกเป้าของเหล่าสิบวีรชนจากทุกทิศทาง
วืด—!
หลักการใช้งานทักษะโจมตีแบบล็อกเป้านั้นไม่ซับซ้อน เพียงเลือกใช้งานกับเป้าหมายภายในระยะแสดงผลของทักษะ ตัวละครก็จะวิ่งเข้าไปโจมตีใส่ศัตรูโดยไม่พลาดเป้า
แต่เมื่อลองคิดในมุมกลับ
บึ้มบึ้มบึ้ม!!
“คึ่ก!”
ถ้าเป้าหมายไม่อยู่ในขอบเขตการโจมตี หรือในขอบเขตการโจมตีไม่มีเป้าหมาย ทักษะการโจมตีย่อมไม่แสดงผลออกไป
และนั่นคือสถานการณ์ในปัจจุบัน
ฮารัง ผู้ตกอยู่ใต้วงล้อมการโจมตีของเหล่าสิบวีรชน กำลังใช้ชุนโปหลบหลีกไปมาและทำตัวเป็น ‘ศัตรูผู้ไม่ถูกล็อกเป้า’
แน่นอน นั่นแก้ทางได้เฉพาะทักษะการโจมตีแบบล็อกเป้า
“…!”
แวนเนอร์เริ่มหัวเสียเนื่องจากทักษะล็อกเป้าของมันไม่สามารถใช้งานได้ จึงเปลี่ยนไปใช้ทักษะ <โล่กระแทก> ซึ่งมาพร้อมเอฟเฟคสร้างอาการชะงัก 0.5 วินาทีและเชื่องช้า 1 วินาที
แต่ว่า
โครม!
โล่ของมันพลาดเป้าไปกระแทกกำแพงแทน
ขณะเดียวกัน ฮารังซึ่งคิดว่าตนได้โอกาสพักเหนื่อยหลังจากใช้ชุนโปต่อเนื่อง มีเหตุใดต้องรีบนำแขนสองข้างมาไขว้กันด้านหน้า
เคร้ง!!
ปลอกแขนเหล็กปะทะกับดาบยักษ์ วิชา ‘ดาบพันชั่ง’ ของคริสรุนแรงจนส่งฮารังกระเด็นถอยหลังไปไกลนับร้อยเมตร
“มีสมาธิหน่อย”
นักดาบอันดับหนึ่งของโลก คริส เหยียดแขนออกไปหาแวนเนอร์ ผู้เอาแต่กระอักเลือดไม่หยุด
ฟุ่บ!
ฮารังแทรกตัวผ่านห้วงมิติออกมาโผล่เบื้องหน้าพวกมันอีกครั้ง พร้อมกับประเคนลูกเตะใส่หนึ่งกระบวนท่า แต่ในวินาทีหัวแม่โป้งเท้ากำลังจะซัดใส่ขมับคริส สายลมรุนแรงพลันพุ่งเฉี่ยวใบหูคริสไปไม่กี่เซนติเมตร
บึ้มมมมมม!!
เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว เป็นระเบิดของจริง ไม่ใช่แค่การเปรียบเปรย
แต่เป้าหมายการระเบิดไม่ใช่ศีรษะของคริส ศรระเบิดจากจิสึกะได้พุ่งผ่านใบหูคริสไประเบิดใส่ฮารังด้านข้าง
และด้วยเอฟเฟคพิเศษของเพลิงฟินิกซ์แดง ‘โจมตีใส่หมา เยียวยาพวกพ้อง’ คริสจึงไม่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์เมื่อครู่
“ฟู่ว… เกือบไปแล้วเชียว”
อย่างไรก็ตาม ฮารังไหวตัวทัน จึงยกเลิกการโจมตีใส่คริสและเปลี่ยนไปกลิ้งตัวหลบศรระเบิดแทน
ขณะฮารังพึมพำพลางพักหายใจเนื่องจากเรี่ยวแรงใกล้หมด ดวงตาสีแดงก่ำคล้ายอสุรกายพลันโผล่ขึ้นด้านหลังยังบันสาว
เป็นเรกัสในร่างอาชูร่า ประจุสายฟ้ากำลังปกคลุมทั่วร่างอย่างน่าเกรงขาม
บึ้มมมมม!!
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
ตามปรกติแล้ว ผู้เล่นมักเลือกเก็บเลเวลกับมอนสเตอร์อ่อนแอกว่าตัวเอง เพราะหลักการในการเก็บเลเวลให้ไวคือ ฆ่ามอนสเตอร์ให้เหมาะสมกับค่าประสบการณ์ และฆ่าให้เร็ว หากทำได้อย่างสมบูรณ์แบบ เลเวลก็จะพุ่งกระฉูดกว่าวิธีใดทั้งหมด นี่คือตำราพื้นฐานของเกมออนไลน์
อย่างไรก็ตาม เรกัสเลือกเก็บเลเวลแบบพิเศษ
มันนำชีวิตตัวเองไปแขวนไว้บนเส้นด้าย แต่ถ้าไม่เสียสมาธิ เลเวลก็จะอัปได้ไวมากเช่นกัน
เรกัสไล่ล่าเก็บเลเวลกับคู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่ามาตลอด และต้องพานพบกับความพ่ายแพ้ ความพ่ายแพ้ ความพ่ายแพ้ จนเป็นเรื่องชาชิน
บางที หากนับเฉพาะการเผชิญหน้าศัตรูแข็งแกร่งกว่าตัวเอง เรกัสอาจมีประสบการณ์มากกว่ากริดด้วยซ้ำ
“หือ?”
เจ้านี่คิดจะใช้กายาแสนอ่อนแอของมนุษย์โจมตีใส่ข้าคนนี้?
ฮารังเตรียมใช้ท่าสวนกลับ ทว่า ใบหน้าของหล่อนพลันเปลี่ยนสีกะทันหัน เนื่องจากหัวไหล่และแขนข้างหนึ่งได้ถูกล็อกไว้ด้วยต้นขาอันบึกบึนทั้งสองข้างของเรกัส
“ย่าห์!!”
นี่คือทักษะสำหรับ ‘โจมตี’ ใส่เป้าหมายซึ่งมีระดับความแข็งแกร่งสูงกว่าตน เป็นการทุ่มน้ำหนักทั้งตัวพร้อมกับบิดสะโพก ส่งผลให้หัวไหล่และแขนของศัตรูหักบิดจนผิดรูปเดิม
ฉึก!
พร้อมกันนั้น หอกสีแดงฉานของป็อนพุ่งแหวกอากาศจนมองเห็นเป็นเพียงเสาลำแสง และเสียบทะลวงเข้าไปยังกึ่งกลางหน้าอกของฮารังอย่างแม่นยำ
“คึ่ก…!”
โงนเงน
จนแล้วจนรอด ร่างกายของเทพเริ่มเกิดอาการเสียสมดุลเป็นครั้งแรก หอกคำสาปมังกรไฟ ทราวก้า อาจสร้างบาดแผลให้เทพไม่ได้ก็จริง แต่ไม่ใช่กับครึ่งเทพแน่นอน
“แค่ก! แค่กแค่ก! ค่อก!”
ขณะเดียวกัน ป็อน ผู้โจมตี กำลังอาเจียนอย่างรุนแรงด้วยสีหน้าเจ็บปวดยิ่งกว่าผู้ถูกโจมตีเสียอีก ราวกับมันยอมแลกทุกสิ่งไปกับการโจมตีอันได้ผลเมื่อครู่
“เสียสติไปแล้วรึไง!”
แวนเนอร์รีบขยับร่างกายตามสัญชาตญาณ มันยกโล่ขึ้นด้วยท่อนแขนสั่นเทาขณะมองเห็นเข่าของฮารังกำลังลอยเข้ามาใกล้
เปรี้ยง!
โล่กระเด็นหลุดจากมือทันใด ฮารังหมุนตัวและตามซ้ำด้วยหน้าแข้ง หมายระเบิดกะโหลกศีรษะป็อนและแวนเนอร์ให้แหลกละเอียดไปพร้อมกันในการเตะกวาดครั้งเดียว
“ฮะฮะ พวกเรามาตายไปพร้อมกันเถอะ”
ขณะแข้งของฮารังเตรียมซัดใส่เป้าหมายซึ่งปราศจากพลังป้องกันตัวโดยสิ้นเชิง
ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!
เถาวัลย์หนามแหลมคมพลันผุดขึ้นจากบ่อเลือดของป็อนและทะลวงใส่แข้งฮารังจนพรุน
“…!?”
เมื่อได้เผชิญเหตุการณ์สุดพิสดารและไม่คุ้นเคย ฮารังรีบชักเท้าอย่างตกใจ เธอเพิ่งตระหนักได้ว่า การเคลื่อนไหวของเถาวัลย์เลือดจากบ่อโลหิตบนพื้น มีลักษณะคล้ายกับลิ่มเลือดบนหน้าอกของตนมาก
แต่กว่าจะรู้ตัวเมื่อสาย
ฉัวะ!
“…!”
ลิ่มเลือดบนหน้าอกฮารังเปลี่ยนร่างกลายเป็นคมดาบ ทิ่มแทงใส่อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นช่องท้องหรือซี่โครง
ใครจะไปคิดว่าสักวันหนึ่ง เธอจะถูกเลือดของตัวเองย้อนกลับมาทำร้าย!
เหตุการณ์สุดประหลาดทำให้สติของฮารังเริ่มไม่มั่นคง เธอไม่กล้าใช้งานชุนโปส่งเดชเหมือนในช่วงแรก เพราะการเคลื่อนย้ายตำแหน่งผ่านห้วงมิติด้วยความเร็วสูงจะทำให้บาดแผลฉีกขาดได้ง่าย และนั่นจะยิ่งเพิ่มลิ่มเลือด ส่งผลต่อเนื่องให้ถูกเลือดของตัวเองโจมตีซ้ำ
‘ฟินิกซ์แดง… ข้าจะผนึกเจ้ากลับไปอีกครั้ง!’
ในคราวนี้ เจ้าจะถูกฝังไว้ในขุมนรกอันมืดมิดชนิดกลับมาคืนชีพใหม่ไม่ได้อีก!
ฮารังลั่นวาจา สายตากวาดสำรวจกลุ่มมนุษย์รอบตัวเธออย่างตั้งใจ จุดประสงค์คือการตามหาผู้บงการเลือด
แต่ไม่กี่อึดใจถัดมา เธอได้พบตัวคนร้ายเข้าโดยบังเอิญ
“ชิ… บัดซบ…”
ตุ้บ!
บงการโลหิต หนึ่งในสุดยอดไม้ตายของนักรบโลหิต สามารถควบคุมเลือดของเป้าหมายได้ต่างอาวุธ นำมาสร้างบาดแผลได้ตามใจชอบ
หากเป้าหมายมีเลเวลต่ำกว่าผู้ใช้ โอกาสสำเร็จของทักษะคือ 100% แต่ในทางตรงกันข้าม หากเลเวลต่ำกว่ามาก ไม่เพียงจะบงการเลือดได้น้อยลง แต่จะยังมีผลข้างเคียงตามมาอีกมากมาย
เฉกเช่นในวินาทีนี้
ปึด!
โลหิตไหลออกจากรูทวารทั้งเจ็ดของแค็ทซ์อย่างสิ้นสภาพ แต่ผลลัพธ์ก็ไม่เหนือความคาดหมายสักเท่าไร เพราะศัตรูของเวทบงการโลหิตในคราวนี้คือสิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพ ผู้มีเลเวลสูงกว่าแค็ทซ์มาก
เมื่อฮารังเล็งเห็นว่าผู้บงการเลือดคลายเวทมนตร์ เธอจึงไม่เกรงกลัวการฉีกขาดของบาดแผล และใช้ชุนโปพุ่งเข้าไปประชิดตัวแค็ทซ์ เตรียมดับลมหายใจให้จบเรื่อง
“จะไปไหน!”
เฉกเช่นทุกครั้ง จิสึกะและคริสจะคาดเดาการโจมตีล่วงหน้าจากฮารัง และโจมตีดักในจุดปลายทางของชุนโปเสมอ
แต่ในวินาทีนี้ ฮารังเปิดใช้งานลมหายใจมังกรครามในระดับสูงสุด เมื่อร่างกายพ้นเขตห้วงมิติ ยังบันสาวขยับตัวหลบการโจมตีดักหน้าของคริสและจิสึกะอย่างคล่องแคล่ว พลางหายตัวไปโผล่ด้านหลังแค็ทซ์และชักดาบสั้นฟันใส่
แต่คมดาบกลับไปไม่ถึงตัวแค็ทซ์
เคร้ง!
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
เป็นระดับความว่องไวอันไม่คาดคิดว่ามนุษย์จะเอื้อมถึง เมื่อเฟคเกอร์โผล่ออกจากเงาด้านหลังแค็ทซ์และกระหน่ำทิ่มแทงราวกับพายุ ฮารังจำต้องยอมตัดใจจากการโจมตีและตกเป็นฝ่ายตั้งรับเนื่องจากไล่ตามความเร็วไม่ทัน
ถึงกระนั้นก็ยัง
ฉึบ! ฉึบ!
เสื้อผ้าของเธอถูกหั่นขาดบางส่วน
เมื่อนำจุดเด่นคลาส ‘ราชันว่องไว’ ของเฟคเกอร์มาผนวกเข้ากับเทคนิคลับลันเทียร์จากอาจารย์คาซิม ความเร็วของเงาแห่งโอเวอร์เกียร์จึงเหนือกว่ายังบันผู้เปิดใช้พลังมังกรคราม
‘เก่งทุกคนเลยหรือ…?’
ไม่มีใครอ่อนแอแม้แต่คนเดียว
จริงอยู่ บุคคลพรสวรรค์ในหมู่มนุษย์สามารถถือกำเนิดขึ้นได้ แต่เหตุใดเหล่าอัจฉริยะมากมายถึงคอยรับใช้บุรุษเพียงหนึ่ง…?
หากปล่อยชายคนนั้นไว้ สักวันต้องสร้างปัญหาให้กับอาณาจักรฮวานได้แน่
‘คูลู นาฮึน พวกนายต้องฆ่ามันให้ได้!’
หลังจากใช้ชุนโปถอยห่างจากเฟคเกอร์สำเร็จ ฮารังอาศัยดวงตาเหนือธรรมชาติเพ่งมองไปยังจุดไกลออกไป ณ ตรงนั้น บุรุษผมดำกำลังรับมือนาอึนและคูลูพร้อมกัน
แต่ใช่ว่าเธอจะหยุดสู้ ในอีกไม่กี่อึดใจถัดมา ฮารังหายตัวไปตะบันส้นเท้าใส่ใบหน้ายูเฟอมิน่าซึ่งกำลังเตรียมปลดปล่อยเวทมนตร์ใส่
แก้มของยูเฟอมิน่าเริ่มบวมเป่ง เพราะนี่ไม่ใช่หนแรก แต่ฮารังจ้องขัดขวางเธอมานานแล้วนับตั้งแต่เริ่มต่อสู้
“เธอเป็นอะไรกับฉันมากไหม! ทำไมถึงไม่ย่อมปล่อยให้ใช้เวทมนตร์เลยสักครั้ง! ทำไมถึงไม่ยับยั้งการโจมตีของคนอื่นบ้าง?”
ยูเฟอมิน่ามิอาจเข้าใจได้ว่า เหตุใดฮารังถึงจ้องเล่นงานตนเป็นพิเศษ จึงตัดสินใจซักถามออกไปตามตรง
“เพราะเวทมนตร์ของเธอดูอันตราย”
“งั้นหรอกหรือ… ฮิฮิ!”
“…”
พึงพอใจกับคำตอบแบบนั้นเนี่ยนะ?
แวนเนอร์ส่ายหัวพร้อมกับรีบนำตัวแค็ทซ์ออกจากจุดเดิม ส่วนเฟคเกอร์ได้กลับไปซ่อนในเงาเพื่อรอโอกาสอีกครั้ง
ทางด้านป็อน เรกัส และคริสต่างกำลังตื่นตัวเป็นพิเศษ พวกมันกระจายไปตามจุดเพื่อคอยช่วยเหลือพวกพ้องให้ทันท่วงที ในกรณีอีกฝ่ายใช้ชุนโปเข้าเล่นงาน
สำหรับฮารัง การต้องสู้กับกลุ่มคนเหล่านี้นับเป็นเรื่องน่าปวดหัว เพราะพลังชุนโปของเธอแทบไม่เกิดประโยชน์
‘พวกมันเดาทางชุนโปของเราได้แม่นยำ’
ฮารังเริ่มวิเคราะห์สถานการณ์
‘จริงอยู่ เราอาจแข็งแกร่งและเป็นเลิศในทุกด้าน แต่ยังขาดประสบการณ์สู้จริงพอสมควร’
ถูกต้อง ฮารังแทบไม่มีประสบการณ์สู้จริง
แม้แต่ในหมู่ยังบัน ไม่มีใครกล้าเป็นฝ่ายเข้าไปหาเรื่องเธอก่อน และด้วยนิสัยเงียบขรึมแตกต่างจากคนอารมณ์ร้อนอย่างการัม เธอจึงไม่เคยทำร้ายใครก่อนเช่นกัน
ประสบการณ์ต่อสู้จึงได้รับจากการสอบซือโหยวเพียงอย่างเดียว และมีจำนวนแค่เจ็ดหน
‘ประสบการณ์… ฮะฮะ! ประสบการณ์?’
ฮารังระเบิดเสียงหัวเราะ
เทพควรต้องสมบูรณ์แบบและเก่งกาจในทุกด้านโดยไม่มีข้ออ้างไม่ใช่หรือ?
จึงเป็นเรื่องน่าขันไม่น้อย เมื่อผู้กำลังจะกลายเป็นเทพ ดันตัดพ้อว่าตนไม่สามารถเอาชนะมนุษย์ได้เนื่องจากมีประสบการณ์ไม่เพียงพอ
‘ทางนั้นก็เหมือนกัน’
ฮารังส่ายหัวแผ่วเบาขณะหันไปมองการต่อสู้จากอีกฝั่ง
เธอสัมผัสได้ว่า คูลูเสียชีวิตเรียบร้อยแล้ว
‘พวกเราไม่มีทางได้เป็นเทพ’
ว่ากันตามตรง เธอรู้สึกเช่นนี้มาสักพักแล้ว
แม้ว่ายังบันต้องใช้ความศรัทธาจากมนุษย์ แต่พวกมันกลับไม่เคยเลิกดูแคลนมนุษย์ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำเสียที ฮารังมองว่าสิ่งนี้นี่เป็นเรื่องไม่ถูกต้องสักเท่าไร
แต่เธอก็ไม่กล้าปริปาก เนื่องจากยังหวาดกลัวต่อฮานึลเหนือสิ่งอื่นใด
ในเมื่อฮานึลบอกว่าทุกคนและทุกสรรพสิ่งมีทุกวันนี้ได้เพราะฮานึล ฮารังจำใจต้องเห็นพ้องไปตามนั้น
‘…อาจมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ในถ้อยคำดังกล่าว แต่เราเชื่อว่า เขาต้องได้รับผลกรรมของความโอหังเข้าสักวัน’
ขณะกำลังครุ่นคิด ท้องฟ้าได้แบ่งแยกเป็นสองสีอย่างชัดเจน
ครึ่งหนึ่งส่องสว่างด้วยอิทธิพลจากเสาเพลิงฟินิกซ์แดงด้านในรั้ววังหลวง ส่วนอีกครึ่งกำลังดำสนิทคล้ายกับอยู่ในขุมนรก
แต่ไม่ว่าจะฝั่งใด ก็ไม่มีใครคิดต้อนรับยังบัน
‘ไม่จำเป็นต้องต้อนรับ…’
เพราะยังบันคือยังบัน
เมื่อฮารังครุ่นคิดมาถึงจุดนี้
ตุ้บ!
นาอึน ผู้มีบาดแผลเต็มตัว ล้มลงไปนอนบนพื้นอย่างหมดสภาพ
“ฮ… ฮารัง… ช่วยข้าด้วย…”
“ฮะฮะ…!”
ไหนบอกว่าตัวเองจะกลายเป็นเทพ แล้วทำไมถึงได้ร้องขอชีวิตต่อหน้ามนุษย์ ซึ่งพวกมันเอาแต่พร่ำบอกว่าเป็นได้เพียงมดปลวก
ช่างอ่อนแอซะจริง
ฮารังระเบิดเสียงหัวเราะพร้อมกับหันไปมองด้านหลังตน เธอได้พบกับบุรุษคนหนึ่ง ผู้กำลังแบกรับความศรัทธาอันแท้จริงไว้บนบ่า
บาดแผลตามลำตัวชายคนนี้ทั้งลึกและมีจำนวนมากกว่านาอึน แต่สีหน้าไม่ปรากฏความสั่นไหวแม้แต่น้อย คล้ายกับตระหนักแจ่มชัดได้ว่าตนกำลังทำสิ่งใด และต้องการสร้างโลกแบบไหนในอนาคต
“เทพ…”
ฮารังยกย่องกริด
“คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร!”
กริดไม่ปฏิเสธ เพียงประกอบพิธีกรรมสังหารเทพของตนต่อไป ด้วยการประเคนความพินาศเข้าใส่ฮารังโดยไม่ยั้งมือ
จัดหนัก
ReplyDeleteจัดเต็ม
ReplyDelete