จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,171
เวทมนตร์เขตแดนจะทำให้ผู้ร่ายได้รับผลประโยชน์บางอย่างเสมอ
ส่วนใหญ่มักสร้างอาการผิดปรกติให้ศัตรูอย่างรุนแรง และยังเพิ่มสมรรถภาพร่างกายของผู้ร่ายจำนวนมาก เวทมนตร์เขตแดนจึงถูกมองเป็นอภิสิทธิ์เฉพาะตัวมอนสเตอร์บอสมาตลอด
<เขตแดนสายฟ้าอสูร> คือเวทมนตร์เขตแดน
สุดยอดพลังสำหรับการสร้างสนามรบซึ่งเอื้อประโยชน์แก่ผู้ร่าย สิ่งมีชีวิตทุกชนิดนอกจากผู้ร่ายจะถูก ‘ดีบัฟ’ เล่นงานอย่างเจ็บปวดทรมาน
ไม่เกินจริงนักถ้าจะกล่าวว่า ในบรรดาทักษะจากอักขระความมืดอันมากมายของกริด เขตแดนพายุสายฟ้าอสูร ทักษะซึ่งได้รับจากการฆ่าจอมอสูร ถูกจัดให้มีศักยภาพสูงสุดแล้ว
ถูกต้อง ศักยภาพ
จุดเด่นมีแค่ศักยภาพเท่านั้น
เขตแดนพายุสายฟ้าอสูรมีข้อด้อยมากมาย
ควบคุมทิศทางการผ่าของสายฟ้าไม่ได้ การโจมตีไม่แบ่งแยกมิตรศัตรู สร้างความเสียหายตายตัว 10,000 หน่วย จำเป็นต้องใช้ในสภาพอากาศเหมาะสมจึงจะแสดงผลได้ทันที
ถึงข้อเสียเหล่านี้จะไม่รุนแรง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขตแดนพายุสายฟ้ามีขีดจำกัดไม่เหมาะสมในหลายสถานการณ์ และกริดแทบไม่ได้รับประโยชน์ในการใช้มันขณะต่อสู้อย่างสุดกำลัง
แต่ไม่ใช่กับปัจจุบัน
เมื่อหัวใจฟินิกซ์แดงและดยุคแห่งไฟทำการปรับแต่งพลังอักขระเสียใหม่ กริดก็ได้รับท่าไม้ตายสุดทรงพลังมาครอบครองแทนของเดิม
ประโยชน์ใช้สอยของเขตแดนสายฟ้าอสูรโฉมใหม่ในชื่อของ ‘เขตแดนพายุเพลิงเทพ*’ นั้นมีมากมาย
(*ขอแก้ไขชื่อท่า)
<เขตแดนพายุเพลิงเทพ>
ความน่าเกรงขามของเพลิงแห่งเทพ
— เอฟเฟคเขตแดน 1 —
<เพลิงศักดิ์สิทธิ์>
ทำการจุดประกายหัวใจลำดับ 9 จนเกิดพายุเปลวเพลิงแห่งเทพ
* พายุกินรัศมีกว้าง 200 เมตร เพิ่มอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตให้กับฝ่ายเดียวกัน (ไม่ส่งผลต่อเผ่าอันเดดและเผ่าอสูร) และทำให้อัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตของศัตรูลดลง 50%
* หากศัตรูคนใดติดดีบัฟลดทอนการฮีล แต่ยังพยายามใช้ทักษะฮีล เป้าหมายจะได้รับความเสียหาย 15,000 หน่วยแบบตายตัวและมีโอกาสเกิดผลการฮีลย้อนกลับ
* หากเป้าหมายประเภทอันเดดหรืออสูรยืนอยู่ในขอบเขตของพายุ พวกมันจะได้รับความเสียหายรุนแรง
— เอฟเฟคเขตแดน 2 —
<เจตจำนงแห่งไฟ>
เสริมแกร่งเพลิงแห่งเทพด้วยปราณไร้ตัวตนจากดยุคแห่งไฟ
* สร้างความเสียหายธาตุจิตใส่ศัตรูทุกชนิดในรัศมีพายุ ความรุนแรงขึ้นอยู่กับค่าพลังจิตและค่าพละกำลัง สร้างความเสียหายเพิ่มเติมธาตุไฟคำนวณความรุนแรงจากค่าพลังจิตและค่าสติปัญญา การโจมตีทั้งสองชนิดจะไม่คิดค่าพลังป้องกันหรือค่าต้านทานของเป้าหมาย แต่จะไร้ผลหากศัตรูมีค่าพลังจิตสูงกว่า
— เอฟเฟคเขตแดน 3 —
ยังไม่เปิดใช้งานจนกว่าหัวใจลำดับ 9 ของฟินิกซ์จะเติบโตมากกว่านี้
— เอฟเฟคเขตแดน 4 —
ยังไม่เปิดใช้งานจนกว่าหัวใจลำดับ 9 ของฟินิกซ์จะเติบโตมากกว่านี้
— เอฟเฟคเขตแดน 5 —
ยังไม่เปิดใช้งานจนกว่าค่าพลังจิตจะสูงถึง 2,000 แต้ม
— เอฟเฟคเขตแดน 6 —
ยังไม่เปิดใช้งานจนกว่าจะกลายเป็นครึ่งเทพหรือเทพ
ทรัพยากร : มานา 1,000 หน่วยต่อวินาที
ระยะเวลาร่าย : ทันที
ระยะหน่วงหลังใช้ : 20 นาที
ภายใต้สภาพอากาศไร้เมฆ การใช้เขตแดนพายุสายฟ้าราชาอสูรต้องรอร่ายนานกว่า 30 วินาทีจึงจะแสดงผล
อีกหนึ่งข้อจำกัดก็คือ ด้วยสภาพเวทมนตร์ในลักษณะ ‘พายุเมฆสายฟ้า’ , การนำมาใช้ในตัวอาคารจึงไม่เกิดประโยชน์
แต่เขตแดนเพลิงเทพนั้นแตกต่าง
สามารถเรียกใช้งานได้ทันที และทุกหนแห่ง
ถึงแม้จะเป็นเวทมนตร์เปลวเพลิง แต่ก็หาได้แท้ทางธาตุน้ำหรือสายฝนโปรยปราย
เพลิงจากฟินิกซ์แดงและจากสมญานามดยุคแห่งไฟนั้นไม่เหมือนกับเพลิงธรรมดา คุณสมบัติจึงออกมาไม่ธรรมดาเช่นกัน อยู่นอกเหนือกฎแห่งธาตุ มองข้ามหลักสากล ‘น้ำย่อมแพ้ไฟ’
อย่างไรก็ตาม ข้อดีซึ่งเคยมีในเขตแดนพายุสายฟ้าอสูรได้อันตรธานหายไปพร้อม ทั้งการสร้างดีบัฟจำนวนมากแก่ศัตรู และการทำให้ผู้ร่ายเคลื่อนไหวร่างกายได้รวดเร็วขึ้นมาก
แต่กริดก็มิได้กังวล ด้วยองค์ประกอบสำคัญหลายด้าน ความเร็วการโจมตีธรรมดาของมันได้ถูกเพิ่มจนถึงค่าเพดานแล้ว และความเร็วในการย้ายตำแหน่งก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเหนือมนุษย์เช่นกัน
ถึงเขตแดนชนิดใหม่จะมี ‘ดีบัฟ’ เพียงหนึ่งชนิด แต่ก็ถือเป็นดีบัฟสำคัญยิ่งยวดในการต่อสู้
ในศึกการดวลเอาเป็นเอาตาย สิ่งสำคัญคือการบริหารพลังชีวิต
ไม่ผิดนักถ้าจะกล่าวว่า ฝ่ายใดบริหารพลังชีวิตได้ดี ฝ่ายนั้นมีโอกาสชนะสูงมาก
ตัวอย่างเช่น เฮ่า ชายคนนี้โดดเด่นการใช้เทคนิคซับซ้อน และเทคนิคสร้างชื่อให้เฮ่าคือการบริหารระดับพลังชีวิต
แต่เมื่อต้องเผชิญเขตแดนพายุเพลิงเทพ ทุกคนจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตเท่าเทียมทันที
อย่าว่าแต่เฮ่า ต่อให้ครอเกลมาลุยเองก็ไม่สามารถบริหารพลังชีวิตต่อหน้าดีบัฟของเขตแดนพายุเพลิงเทพได้
จะเอาอะไรไปบริหารพลังชีวิต ในเมื่ออัตราการฟื้นฟูลดลงมากถึง 50%?
เหนือสิ่งอื่นใด การฮีลหรือดื่มโพชั่นในช่วงเวลาดังกล่าวนอกจากจะไม่เป็นประโยชน์แล้ว หากโชคร้ายก็อาจกลายเป็นโทษรุนแรง ร่างกายสูญเสียพลังชีวิตมากกว่าเดิมโดยไม่จำเป็น
กึก.
“คึ่ก…!”
กึก.
“ชิ…!”
แต่ละก้าวเมื่อกริดย่างเข้าไปหา กลุ่มนักรบรอบตัวกษัตริย์โชเริ่มพ่นลมหายใจประหวั่น
จริงอยู่ หากมองแค่ผิวเผิน ดวงตาแสนหวาดกลัวของเหล่านักรบ ส่วนมากมักหมายถึงพวกมันกำลังคิดหนีกลับบ้าน
แต่ในความเป็นจริง ไม่มีใครขยับถอยแม้แต่ก้าวเดียว แววตาเป็นไปอย่างเคร่งขรึมอึมครึม
ความกล้าหาญชาญชัยมีสูงเทียบเท่าอัศวินและทหารอาณาจักรโอเวอร์เกียร์เลยทีเดียว
‘…จิตใจพวกเขาเข้มแข็งเหมือนกับเด็กของเราขณะส่งอาวุธมาให้ยืม…’
กริดส่ายศีรษะระหว่างหวนนึกถึงภาพพวกพ้องและบริวารอันหัวรั้น
ปัจจุบัน นักรบเกือบทั้งหมดและกษัตริย์โชล้วนตกอยู่ในรัศมี 200 เมตรในพายุเพลิง
แต่ทุกคนยังปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน
สาเหตุเพราะกริดเปิดใช้งานเพียงขั้น 1
บึ้ม!
แผ่นยันต์กลางอากาศ ซึ่งถูกขว้างใส่อย่างเงียบเชียบในมุมอับสายตา พลันถูกกริดทำลายด้วยพลังล่องหนโดยไม่มีใครมองทัน
ปราณไร้ตัวตน
ปัจจุบัน หากเป็นการโจมตีไม่รุนแรง กริดสามารถใช้สายตาเพ่งทำลายด้วยปราณไร้ตัวตน
“…!?”
เมื่อเกิดเรื่องไม่คาดฝัน สีหน้าเหล่านักพรตพลันขาวซีดคล้ายเห็นผี
กริดเบือนหน้าหนีจากทุกคนและหันมาจดจ้องกษัตริย์โชเพียงผู้เดียว
ชายหนุ่มมั่นใจ ลำพังพลังอำนาจคงไม่มากพอจะซื้อใจยอดขุนพลข้างกายได้มากมายเช่นนี้
กริดเริ่มเกิดความหวังเมื่อนำข้อมูลจากฝั่งฮานซอกบง มาผนวกเข้ากับการรบแบบถวายหัวของเหล่าทหารและนักรบเมื่อครู่
มันกำลังรอให้กษัตริย์โชเป็นฝ่ายลงมือ
แล้วก็ไม่ผิดหวัง
“ทุกคนออกไปก่อน”
ไม่ได้ทำไปเพราะไว้ใจกริดอย่างสมบูรณ์
ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ของชายหนุ่มยังคงตระหนักถึงตัวตนของนักพรตหลังฉากกั้น
บรรดาทหารและนักรบต่างรีบคัดค้าน
“ท่านจะยอมให้ผู้บุกรุกไร้หัวนอนปลายเท้า เดินลอยหน้าลอยตาภายในวังหลวงแสนสำคัญหรือขอรับ!”
“ได้โปรดถอนคำสั่งด้วยขอรับ! ได้โปรดใช้งานพวกเราเยี่ยงหอกดาบ!”
กษัตริย์โชไม่มีทางเลือก มันถอนหายใจยาวพร้อมกับส่งเสียงคุยกับอากาศ
“มูยอง* ช่วยออกไปก่อน” (*ไร้เงา)
“…!”
มูยองคือเงาองครักษ์ของกษัตริย์โช
น้อยคนนักจะทราบ กษัตริย์โชสามารถใช้ชีวิตมาได้นานหลายสิบปี ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมูยองแทบไม่เคยผละไปจากข้างกาย
ฉึบ.
มูยองเผยร่างจริงด้านข้างกษัตริย์โช
นอกจากกริดและกษัตริย์โช ไม่มีใครสัมผัสถึงตัวตนของมูยองได้จนกระทั่งเมื่อครู่
ดูเหมือนจะได้ผล กลุ่มนักรบเริ่มถอนตัวด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
แม้กระทั่งคนสนิทผู้คอยรับใช้ข้างกายกษัตริย์อย่างมูยอง ยังยอมทำตามคำสั่งแต่โดยดี แล้วพวกมันคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงไม่ยอมฟัง?
วาบ.
เหล่านักรบพลันร่างกายเย็นเฉียบ ก่อนจะรีบเดินตามมูยองและกลุ่มนักพรตออกไปจากห้อง
ปัจจุบัน บุคคลภายในห้องเหลือเพียงกริดและกษัตริย์โชตามลำพัง
กริดปล่อยให้อีกฝ่ายเริ่มพูด
“ใต้ธรณีมีปีศาจร้ายหมายครองโลก ห้าอาวุโสผู้เปรียบดังดวงอาทิตย์ ทำการรวบรวมผู้คนฝีมือมากมายในชื่อยังบัน และพยายามผนึกทางเข้าออกขุมนรกด้วยแรงกายและแรงใจ”
นี่คือบทกวีกว่าพันปีของทวีปตะวันออก
เฉกเช่นบทกลอนสรรเสริญเทพตนอื่น บทกลอนข้างต้นถูกเขียนขึ้นเพื่อเทิดทูนและสำนึกบุญคุณของห้าอาวุโสกับยังบัน หากไม่มีพวกท่านเหล่านั้น โลกนี้คงแตกดับไปนานแล้ว
นั่นคือความเชื่อของบุคคลในอดีต
และยังเป็นความเชื่อกษัตริย์โช
สำหรับกษัตริย์โช แม้มันจะเกิดบนกองเงินกองทองและทราบชะตากรรมว่าตนจะได้บริหารประเทศตั้งแต่ยังเล็ก แต่มันก็ยังคงไม่ลดความศรัทธาในตัวห้าอาวุโสและยังบันลง
อย่างไรก็ตาม ในภายหลัง กษัตริย์โชเริ่มเกิดความเคลือบแคลงแต่พูดกับใครไม่ได้
“หรือว่าตำนานและกวีทุกบทของทวีปตะวันจะถูกบิดเบือนความจริง… เนื่องจากมีการบีบบังคับให้เหล่านักดนตรีและพเนจรต้องแต่งกลอนคอยสรรเสริญยังบันกับห้าอาวุโสอย่างต่อเนื่อง”
เปรี้ยะเปรี้ยะ…
เปลวเพลิงรอบลำตัวของผู้มาเยือนกำลังลุกโชนอย่างงดงามเหนือคำบรรยาย
กษัตริย์โชทดสอบนำมือขึ้นมาสัมผัสความอบอุ่นของเปลวเพลิงรอบตัว
ผิดคาด เพลิงดังกล่าวอบอุ่นอย่างหาคำอธิบายรองรับไม่ได้
“…ตำนานยังกล่าวไว้ว่า สี่สัตว์เทพเกิดจากฝีมือการรังสรรค์ของห้าอาวุโส จากนั้นได้ถูกผนึกไว้ตามสี่มุมทวีป จุดประสงค์เพื่อปกป้องการรุกรานจากสัตว์ประหลาดในขุมนรกใต้ดิน”
สำหรับทวีปตะวันออก ไม่มีตำนานใดเชิดชูคุณงามความดีของสี่สัตว์เทพ เพียงปรากฏออกมาในบทบาทของผู้สนับสนุนเบื้องหลัง ไม่สลักสำคัญเท่าห้าอาวุโสและยังบัน
แต่เมื่อกษัตริย์โชลองคิดย้อนกลับ อาจมีบางส่วนตำนานของยังบันและห้าอาวุโส ถูกแต่งเติมจนเกินความเป็นจริงไปไกล
เช่นนั้นแล้ว ความจริงคือสิ่งใด
เมื่อลองพิจารณาว่า เหล่าศาสตราสัตว์เทพซึ่งเป็นผนึกชิ้นสำคัญสี่มุมทวีป รวมถึงคันศรฟินิกซ์แดง ล้วนมีลมหายใจของสัตว์เทพบรรจุอยู่ด้านในปริมาณเข้มข้น
กษัตริย์โชเริ่มผุดสมมติฐานใหม่
หรือพลังในการผนึกขุมนรกจะไม่ใช่ของห้าอาวุโสและยังบันโดยตรง แต่เป็นการเสียสละร่างกายของสี่สัตว์เทพแทน?
“เราเริ่มเกิดความสงสัยว่า ยังบันคือเทพจอมปลอมของมวลมนุษย์ โดยผู้เสียสละตัวจริงอาจเป็นสี่สัตว์เทพมากกว่า…”
กษัตริย์โชกำลังสวดภาวนาจากก้นบึ้งหัวใจ ขอให้ความจริงไม่ออกมาเป็นเช่นนั้น
เพราะถ้าเรื่องนี้เป็นจริง มันเกรงว่าตำนานอื่นเกี่ยวกับยังบันและห้าอาวุโสจะเป็นของปลอมไปทั้งหมด
ถ้าความเชื่อของตนและบรรพบุรุษล้วนเป็นสิ่งจอมปลอม มันไม่ทราบเลยว่าตนควรจัดการกับอนาคตตัวเองเช่นไร
ซ่า…
เปลวเพลิงซึ่งเคยครอบคลุมไปทั่วห้องโถงอย่างร้อนแรง เริ่มเจือจางลงทีละนิด
หลังจากกษัตริย์โชอาศัยความอบอุ่นจากเปลวเพลิงในการรวบรวมความกล้าเพื่อเปิดประเด็นสนทนา มันพลันผงะเมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังนำฝ่ามือเลื่อนขึ้นมาลูบไล้ใบหน้าตัวเอง
“…!!”
ดวงตากษัตริย์โชพลันสั่นระริก
เนื่องมาจาก ใบหน้าแท้จริงของผู้บุกรุกวังหลวง ช่างละม้ายคล้ายคลึงกับบุคคลในความทรงจำของตนเหลือเกิน
ดวงตาเรียวคม ดุดัน หน้าผากเถิกกว้าง กรามคมเป็นสันเด่นชัด
รูปพรรณตรงตามคำอธิบายทุกประการ
“…เราเคยได้ยินข่าวลือว่า เพื่อนกษัตริย์ของเราจากทวีปตะวันตก ผู้มอบความช่วยเหลือแก่ประชาชนของเราอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน จะแผ่นกลิ่นอายของขุนเขาไม่มีวันล้มออกมาให้ได้สัมผัส ดูเหมือนจะไม่ใช่เรื่องโกหก…”
“กริด ราชาโอเวอร์เกียร์”
กษัตริย์โชแสดงท่าทีประหลาดใจเมื่อได้ยินคำแนะนำตัวสุดโผงผางและไร้อารมณ์ของอีกฝ่าย
แต่มันก็พอจะเข้าใจได้
ขุนเขาไม่มีวันล้ม ย่อมต้องไม่เกรงกลัวผู้ใดอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
เฉกเช่นคนหน้าตาดี การจะเรียกว่าตัวเองว่าหนุ่มหล่อก็คงไม่น่าเกลียดอะไรนัก
‘…น่าขันสิ้นดี’
ในทางกลับกัน เหตุผลทำให้กริดพูดจาไม่ไยดีกับกษัตริย์โช เพราะมันยังคงไม่ลืมว่าอีกฝ่ายเคยจับซูเอและฮานซอกบงคุมขังเตรียมประหาร
จริงอยู่ กษัตริย์โชอาจถูกการัมกดดัน แต่นั่นก็ไม่ทำให้กริดหายโกรธเคืองอยู่ดี
ตรงกันข้าม มันค่อนข้างรังเกียจอีกฝ่าย
จนถึงกับตั้งข้อสงสัยว่า บางที นั่นอาจเป็นเจตนาแท้จริงของชายคนนี้ มิได้ทำไปเพราะหวาดกลัวยังบันเหมือนเปลือกนอก
‘…ช่วยไม่ได้ล่ะนะ’
ปฏิเสธไม่ได้ว่า พวกมันทุกคนล้วนเป็นได้เพียงบริวารอันซื่อสัตย์ของยังบัน
แตกต่างจากผู้เล่นซึ่งตายแล้วเกิดใหม่, NPC ผู้มีชีวิตหนึ่งเดียว คงพยายามรักษาชีวิตอันมีค่าของตนให้ยืนยาวมากเข้าไว้
กริดข่มความขุ่นเคืองพลางเอ่ยปาก
“…จะสรุปให้ฟังก็แล้วกัน สี่สัตว์เทพคือเทพตัวจริงผู้เคยปกครองดินแดนแห่งนี้มาเป็นเวลานาน จนกระทั่ง เหล่าห้าอาวุโสย่างกรายเข้ามาฝากรอยเท้าไว้บนดินแดน… ดังนั้น เทพของพวกเจ้าคือสี่สัตว์เทพต่างหาก”
“…”
ใบหน้ากษัตริย์โชพลันอึมครึม
เมื่อทราบว่าข้อสงสัยของตนกลายมาเป็นความจริง ดวงตาเริ่มเผยให้เห็นความหม่นหมอง
กริดซักถาม
“ฉันได้ยินมาว่า มีบางคนในอาณาจักรโชพยายามช่วยเหลือฉันอย่างลับๆ ไม่ทราบว่ากษัตริย์โชทราบเรื่องนี้หรือไม่”
“แน่นอน สหายกษัตริย์ผู้มีบุญคุณกับประชาชนของเรา… เราไม่ต้องการให้ท่านตกอยู่ในเงื้อมมือของยังบันจิตใจอำมหิต”
“…”
ชายคนนี้มีจิตใจกว้างขวาง
เราไม่ควรไปโกรธเคืองเขา…
เมื่อเห็นกษัตริย์โชแสดงสีหน้าบิดเบี้ยวราวกับสวรรค์จะถล่ม กริดกล่าวด้วยเสียงสุขุม
“การัมกำลังตรงมาทางนี้ มันจะสังหารทุกคนผู้คอยใช้ความช่วยเหลือฉัน แม้แต่นายเองก็ไม่น่ารอดพ้นจากเงื้อมมือ”
“…”
เราเตรียมใจไว้แล้ว…
กษัตริย์โชต้องการตอบออกไปเช่นนี้ แต่จนแล้วจนรอดก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบ
ด้วยความสัตย์จริง มันไม่ต้องการให้เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นเลยสักนิด
ขณะกษัตริย์โชกำลังทำสีหน้าเศร้าเศร้า กริดเสนอแนะ
“พวกเรามาร่วมมือกันไหม”
“…?”
“หากเราสองคนผนึกกำลังกัน ยังพอมีโอกาสฝ่าฟันวิกฤติตรงหน้าไปได้”
กษัตริย์โชกำลังประหลาดใจเมื่อเห็นกริดนำคันศรฟินิกซ์แดงต้นกำเนิดออกมาถือ
ปัจจุบัน พลังเทพด้านในช่างเข้มข้นและเปี่ยมด้วยอำนาจบารมียิ่งกว่าตอนแรกหลายเท่า
“จงคืนชีพเทพฟินิกซ์แดง ให้ท่านกลับมาเป็นผู้พิทักษ์ตัวจริงของดินแดนแห่งนี้อีกครั้ง”
เดิมที กริดเคยคิดว่าตนคงใช้เวลามากพอสมควรในการทำภารกิจ <ผู้พิทักษ์ฟินิกซ์แดง> ให้ลุล่วง
หรืออย่างน้อยก็ต้องรอให้จบงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติและนำรางวัลจากพวกพ้องมาลงมือสร้างเป็นลมหายใจเสริมแกร่ง
แต่ปัจจุบัน ความคิดนั้นได้เปลี่ยนไปแล้ว
ขอแค่มีลมหายใจฟินิกซ์แดงเสริมแกร่งอีกเพียงเม็ดเดียว เทพฟินิกซ์แดงก็จะคืนชีพกลับมา
บุคคลตรงหน้าคือหนึ่งในคนสำคัญของทวีปตะวันออก ย่อมต้องมีลมหายใจสัตว์เทพในครอบครอง แถมยังดูเหมือนจะชื่นชอบตนเป็นพิเศษอีกด้วย
“ไม่ต้องกังวลไป พวกเราแค่ทำให้ทุกสิ่งกลับสู่จุดเริ่มต้น ไม่ได้จะสร้างปาฏิหาริย์สักหน่อย”
ว่ากันตามตรง กริดเคยหวาดกลัวยิ่งกว่าใคร
มันไม่มีทางทราบเลยว่า การเป็นศัตรูกับอาณาจักรฮวานจะส่งผลให้ตนต้องโดดเดี่ยวมากเพียงใดบนทวีปแห่งนี้
แต่หลังจากผจญภัยไปได้สักพัก ชายหนุ่มเริ่มตระหนักว่าตนอาจไม่จำเป็นต้องต่อสู้ตามลำพัง
ขอเพียงคืนชีพฟินิกซ์แดงให้สำเร็จ
จากนั่นก็ไล่ทำลายผนึกของยังบันและห้าอาวุโสให้ครบทั้งสี่จุด คืนสมดุลเริ่มต้นให้แก่ทวีปตะวันออกอีกครั้ง
กริดมั่นใจ ไม่เหมือนถ้อยคำเหยียดหยันของการัม พลเมืองชาวทวีปตะวันออกไม่ได้โง่ หากทุกคนร่วมใจกัน สามารถก่อให้เกิดเหตุการณ์ใหญ่ได้แน่
“ฟินิกซ์แดงจะปกป้องพวกเราทุกคนและดินแดนในแถบนี้ทั้งหมด ฉะนั้น ถ้านายมีลมหายใจฟินิกซ์แดง รบกวนช่วยส่งมาให้ฉันโดยด่วน”
“…?”
ฟังดูเหมือนโจรปล้นวังชอบกล
กริดมาไถ่ลมหายใจฟินิกส์กับกษัตรย์แบบนี้ไม่ได้นะ 55555
ReplyDelete😆
ReplyDelete😁👍