จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 823
ขวานโรเล็กซ์เริ่มละลายเมื่ออุณภูมิเตาหลอมสูงถึงจุดเดือดของดีบุกโรซ่า
แต่รูปทรงของเกราะสีชาดยังรักษาสภาพไว้ครบถ้วน
‘ขออีกนิด’
สายตาของชายหนุ่มจดจ้องเตาหลอมอย่างตั้งใจ
เขาไม่ต้องการพลาดเสี้ยววินาทีที่อุณหภูมิเตาหลอมถึงจุดสมบูรณ์แบบ
‘ตอนนี้แหละ!’
กริดฉวยโอกาสในจังหวะที่ขวานใหญ่เริ่มละลายได้ที่ และส่วนหัวไหล่ของชุดเกราะสีชาดเริ่มบิดเบี้ยวผิดรูป
เตาหลอมกำลังปลดปล่อยอุณหภูมิอันร้อนแรงจนดอกไม้และหญ้าโดยรอบเหี่ยวเฉา
ชายหนุ่มใช้คีมเหล็กยาวยื่นเข้าไปด้วยสีหน้าสุขุม
“ดอกไม้แสนสำคัญ…”
เอลฟ์สาวบางตนแสดงสีหน้าเจ็บปวด
แต่ไหนแต่ไร เอลฟ์มักเกลียดมนุษย์ที่ใช้เทคโนโลยีเบียดเบียนธรรมชาติ
ปิอาโร่ปีนลงจากต้นไม้ต้นที่ 1,753 พลางกล่าวโน้มน้าว
“มนุษย์คือเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแอ พวกเรามิอาจดำรงชีวิตได้โดยปราศจากเทคโนโลยี การตีเหล็กอยู่คู่กับมนุษย์มานาน ชุดเกราะคืออาภรณ์คุ้มกายในยามเผชิญโลกกว้าง ไม่เหมือนกับสายพันธุ์ที่แข็งแกร่งอย่างเอลฟ์ซึ่งพึงพาเพียงเศษใบไม้ปกปิดร่างกาย”
ปิอาโร่ถอยหายใจเล็กน้อย
“สิ่งนี้ถือเป็นครรลองของธรรมชาติในรูปแบบหนึ่ง ได้โปรดพยายามเข้าใจพวกเราแทนที่จะเกลียดชังอย่างไร้เหตุผล”
“เหลวไหล”
เอลฟ์สาวส่งเสียงคันค้าน แม้พวกเธอจะชื่นชอบชื่นชอบในตัวปิอาโร่มากก็ตาม
“มนุษย์มิได้สร้างเทคโนโลยีเพื่อให้เผ่าพันธุ์อยู่รอด ไม่จริงเลยสักนิด เทคโนโลยีมนุษย์เกิดความจากโลภภายในจิตใจที่ต้องการไขว่คว้าในสิ่งที่ตนไม่มี ทุกครั้งที่มนุษย์พัฒนา สาเหตุล้วนเกิดจากความเกียจคร้านหรือความโลภทั้งสิ้น ช่างเป็นเผ่าพันธุ์ที่น่าขยะแขยง การกระทำเช่นนี้ขัดต่อเจตนารมณ์ธรรมชาติ คำพูดของคุณไม่มีเหตุผลรองรับเลยสักนิด”
“ฮะฮะ…”
ปิอาโร่ทำได้เพียงหัวเราะอย่างขื่นขม
ถ้อยคำจากปากเอลฟ์ไม่มีสิ่งใดผิด
ตัวเขาเองก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดำรงตนด้วยการฆ่าแกงเผ่าพันธุ์ที่ต่ำกว่า
“เข้าใจแล้ว…ตัวฉันคงละโมบเกินไปที่ต้องการให้พวกเธอยอมเข้าใจ”
“แต่ว่า…”
“หืม?”
“พวกเราพอจะรู้จักมนุษย์ที่นิสัยดีอยู่บ้าง เฉกเช่นสหายตัวน้อยที่จะกลับมาถึงในอีกไม่ช้า…มนุษย์ยังพอเชื่อใจได้ในบางคน”
เบเนียลูทราบดี
หากกริด ปิอาโร่ และเมอร์เซเดสร่วมมือกัน เอลฟ์ทุกตนในที่นี้สามารถถูกกำราบในพริบตา
แต่ทั้งสามก็มิได้ทำร้ายเอลฟ์
ถึงแม้จะเป็นฝ่ายถูกลอบโจมตีก่อนก็ตาม
คนเหล่านี้แตกต่างจากมนุษย์ชั่วร้ายในอดีตที่พวกเธอรู้จัก
มนุษย์ที่ทำลายผืนป่าแสนอุดมสมบูรณ์ของเอลฟ์เพื่อประโยชน์ส่วนตัว
มนุษย์ที่จับเอลฟ์สาวสวยเป็นเชลยเพื่อสนองตันหาราคะอุบาทว์
“พวกเรายอมรับว่ามนุษย์มีทั้งดีและชั่ว ในอนาคต ชาวเอลฟ์อาจมีวาสนาได้พบมนุษย์ที่ดีเฉกเช่นพวกคุณก็จริง…”
เบเนียลูชะงักเล็กน้อย
“แต่พวกเราก็ไม่ได้ตั้งความหวังมากนัก เพราะบางที…ก่อนจะได้พบมนุษย์ที่ดี เอลฟ์อาจต้องสูญสิ้นเผ่าพันธุ์เพราะมนุษย์ชั่วร้ายก็เป็นได้”
แม้เอลฟ์จะปิดกั้นตัวเองจากมนุษย์มานานหลายร้อยปี แต่แผลใจในอดีตยังคงอยู่จวบจนปัจจุบัน
ความทรงจำเหล่านั้นเจ็บปวดและทุกข์ทรมาณแสนสาหัส
เอลฟ์ไม่ต้องการเข้าใจมนุษย์
หรือถูกมนุษย์เข้าใจ
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ความมืดเริ่มคืบคลานเข้าหาฝืนป่าต้นไม้โลก
เสียงทุบค้อนใสกังวาลของกริดคือสิ่งเดียวที่ได้ยินท่ามกลางบรรยากาศเงียบงัน
พื้นหลังมีเสียงเจือจางของเมอร์เซเดส แรนดี้ และโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์กำลังต่อสู้กับหมีหมาป่า
แต่การต่อสู้มิได้ดุเดือดเหมือนช่วงต้น
เมอร์เซเดสควบคุมให้หมีหมาป่าปรากฏตัวคราวละเพียงสองตน
แต่เมื่อถึงยามท้องฟ้ามืดสนิท
ในที่สุดหมีหมาป่าก็เลิกปรากฏตัว
เบเนียลูอธิบายแก่เมอร์เซเดสที่แสดงสีหน้างุนงง
“หมีหมาป่าอ่อนแอในยามค่ำคืน พวกมันจะหลับพักผ่อนจนกว่าดวงตะวันส่องแสงอีกครั้งในยามรุ่งเช้า”
“แบบนั้นก็ดี”
อัศวินในตำนานแสดงสีหน้าโล่งใจ
การต่อสู้อันยาวนานได้สร้างภาระทางร่างกายให้เมอร์เซเดสไม่น้อย
ขณะเดียวกัน โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์แสดงสีหน้าผิดหวังชัดเจน
พวกมันทำตาทรง ‘ ิ ิ’ พลางทิ่มแทงอาวุธใส่หมีหมาป่า
ทั้งสองยังต้องการสู้และอัพเลเวลอย่างต่อเนื่อง
และเหนือสิ่งอื่นใด อันเดดไม่มีหลอดเรี่ยวแรงเป็นขีดจำกัดเหมือนสิ่งมีชีวิตอื่น
‘เจ๋ง!’
กริดฉีกยิ้มกว้างขณะวางโครงชุดเกราะสีชาดสองตัวลงบนทั่ง
เขาเริ่มทุบท้อน
ชายหนุ่มสำเร็จขั้นตอนถุงมิธริลนิลออกจากกระดูกยักษ์และดีบุกโรซ่า
ปัจจุบัน แผ่นโลหะสีดำที่เป็นโครงชุดเกราะกำลังแดงระเรื่อเพราะผลจากความร้อน
วัสดุดั้งเดิมที่ใช้เป็นโครงด้านในของชุดเกราะสีชาดคือ ‘มิธริลนิล’
เกราะสีชาดล้วนถูกสร้างจากช่างฝีมือของจักรวรรดิที่เก่งกาจ
แต่สำหรับกริด มันยังไม่ดีพอ
ชายหนุ่มบรรจงวางโครงเกราะโลหะแดงลงบนทั่งและเริ่มทุบค้อนเพื่อดัดแปลงรูปทรง
เคร้ง! เคร้ง!
‘พลังแฝงของชุดเกราะเหล่านี้มาจากปราณสีชาด เราจะทำให้มันสูญหายไปไม่ได้’
แต่แผ่นโลหะจำเป็นต้องถูกเสริมแกร่งให้ทนทานยิ่งกว่าเดิม
แถมยังต้องถูกดัดแปลงเค้าโครงให้เป็นอุดมคติของเกราะหนัก
กริดครุ่นคิดด้วยหลักการดังกล่าวขณะเพ่งสมาธิไปที่การลงน้ำหนักค้อน
เวลาสิบนาทีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งครบหนึ่งชั่วโมง
[ สมาธิของท่านกำลังจดจ่อ ทักษะความอดทนของช่างตีเหล็กในตำนานแสดงผล ]
[ ทักษะลมหายใจของช่างตีเหล็กแสดงผล ]
…
…
[ สมาธิของท่านกำลังจดจ่อ ทักษะความอดทนของช่างตีเหล็กในตำนานแสดงผล ]
[ ทักษะลมหายใจช่างตีเหล็ก… ]
[ ทักษะลมหายใจช่างตีเหล็กเพิ่มระดับเป็น Lv.7 ]
…
…
ข้อความระบบนานาชนิดปรากฏขึ้นคล้ายคลึงกับเมื่อครั้งที่ลงมือสร้างดาบอัสนีฯ
ปรากฏการณ์ข้างต้นมิได้เกิดจากการจดจ่อของสมาธิเพียงอย่างเดียว
กริดต้องมีโชคด้วย
‘เริ่มต้นได้สวย!’
ถือเป็นนิมิตหมายอันดี
ขณะชายหนุ่มรวมรวบพลังสมาธิให้จดจ่อยิ่งขึ้น
[ ปราณต่อสู้ของท่านกำลังผสานเข้ากับมิธริลนิล ]
“…!!”
ต้องขอบคุณเบเนียลู ปราณต่อสู้ของกริดจึงคงสภาพสูงสุดไว้ตลอดเวลา
ปราณสีม่วงเข้มกำลังไหลซึมเข้าไปในมิธริลนิลตรงหน้า
นี่คือวินาทีที่คุณสมบัติพิเศษของมิธริลนิล ‘ดูดซับปราณรอบตัวได้ง่าย’ แสดงเอกลักษณ์ของมันอย่างชัดเจน
ปัจจุบัน แผ่นโลหะที่เป็นเค้าโครงเกราะสีชาดดัั้งเดิม กำลังถูกเปลี่ยนเนื้อสีให้เป็นแดงม่วง
‘หรือว่า…’
เขาจะให้กำเนิดไอเท็มที่ยอดเยี่ยมกว่าทุกครั้ง?
แต่ไหนแต่ไรมา กริดไม่เคยทราบว่าปราณต่อสู้สามารถนำมาใช้สร้างไอเท็มได้
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
ยิ่งชายหนุ่มเข้าใกล้ภาวะไร้ตัวตน
เสียงทุบค้อนก็ยิ่งใสกังวาลจนน่าทึ่ง
‘นั่นใช่มนุษย์จริงหรือ…’
เหล่าเอลฟ์ต่างเฝ้ามองกริดรังสรรค์ผลงานอย่างไม่เชื่อสายตา
พวกเธอไม่อยากเชื่อว่ามนุษย์แสนละโมบจะมีความชำนาญและสมาธิมากเพียงนี้
โดยเฉพาะเบเนียลู
‘ทำไมมนุษย์ถึง…’
เธอไม่ต้องการยอมรับ
ในฐานะที่เอลฟ์ที่มีอายุยืนยาวหลายร้อยปี แถมยังมีความช่วยเหลือจากพลังธรรมชาติและภูติธาตุ
แต่ด้วยเหตุผลบางกระการ
กริดกลับก้าวไปถึงภาวะทางจิตขั้นสูง ซึ่งเป็นระดับที่ชาวเอลฟ์เอื้อมไม่ถึง
แม้แต่สิบสองผู้พิทักษ์ก็ไม่สามารถ
‘บางที แม้แต่ไฮเอลฟ์ก็อาจทำไม่ได้’
มนุษย์คนนี้ต้องเติบโตในสภาพแวดล้อมเช่นไร
เหตุใดเขาถึงบรรลุจิตวิญญาณอันสูงส่งได้ภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่สิบปี
เบเนียลูมิอาจหาคำตอบให้ตัวเองได้
แน่นอน ชาวเอลฟ์ที่หมกตัวอยู่แต่ในป่าหนาทึบ ย่อมไม่ทราบถึงความยิ่งใหญ่ของราชาวีรบุรุษแห่งโลกมนุษย์
เกี๊ยก! เกี๊ยก!
หมีหมาป่าสองตัวสุดท้ายถูกดับลมหายใจลง
ทันใดนั้น โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์รีบวิ่งมานั่งข้างกริดเหมือนกับลูกสุนัขเฝ้าเจ้าของ
พวกมันต่างหยิบหินก้อนเล็กมาวางตรงหน้า จากนั้นก็ใช้ดาบฟันใส่หินโดยเลียนแบบท่าทางทุบค้อนจากกริด
“น่ารักจัง”
“ฮะฮะ! เด็กพวกนี้คงต้องการเรียนรู้จากเจ้านายสินะ”
เมอร์เซเดสและปิอาโร่ต่างชื่นชมในความน่าเอ็นดู
พวกเขากำลังอมยิ้มอย่างมีความสุข
ภาพของโครงกระดูกที่พยายามเลียนแบบท่าทุบค้อนกริด
ใครผ่านมาเห็นต่างต้องชื่นชมในความน่ารัก
ทว่า ฉากดังกล่าวมิใช่เรื่องน่าอภิรมณ์สำหรับกริดเลยสักนิด
หากไม่ได้อยู่ในภาวะไร้ตัวตน กริดคงรีบตวาดพวกมันให้หยุดโดยพลัน
เขาไม่ต้องการให้โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์เลียนแบบท่าทางตีเหล็ก
ไม่อย่างนั้น การเลื่อนระดับคลาสรอบต่อไปอาจมีรายชื่อของ ‘โครงกระดูกนักตีเหล็ก’ ปรากฏให้เลือก
แต่กริดทำได้เพียงคิด
เขามิอาจแบ่งสมาธิออกจากภาวะไร้ตัวตนได้
ชายหนุ่มจำยอมปล่อยเหตุการณ์ให้ดำเนินไปตามธรรมชาติ
โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์เลียนแบบท่าทางกริดจนกระทั่งพวกมันทำได้อย่างสมบูรณ์
…
…
เป็นครั้งแรกที่โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์เลิกส่งเสียง ‘แกร่ก’ หรือ ‘เกี๊ยก’
พวกมันต่างเงียบงันและจดจ่อกับหินก่อนตรงหน้า
สิ่งนี้คือสัญลักษณ์ของการเข้าสู่ภาวะ ‘เพ่งสมาธิ’
[ หมายเลขหนึ่งได้รับทักษะ ‘ความอดทนของโครงกระดูก’ ]
[ หมายเลขสองได้รับทักษะ ‘ความอดทนของโครงกระดูก’ ]
ข้อความระบบปรากฏขึ้นที่มุมสายตากริด
เคร้ง!
เคร้ง!
‘ต้องอย่างนั้น…อีกนิดเดียว’
แต่กริดมิได้สนใจข้อความแม้แต่น้อย
เขากำลังจดจ่ออยู่กับมิธริลนิลที่อัดแน่นด้วยปราณต่อสู้
ขณะเดียวกัน
เอลฟ์สาวตนหนึ่งเดินไปกระซิบข้างหูเบเนียลู
“เคียร์ถึงหมู่บ้านแล้ว”
“ในที่สุด…!”
ต้นไม้โลกจะได้กลับเป็นปรกติอีกครั้ง
เบเนียลูที่กำลังตื่นเต้นได้หันไปกล่าวกับปิอาโร่
“พวกเราต้องกลับหมู่บ้านก่อน คุณจะมากับเราไหม? จะได้เตรียมที่พักและอาหารไว้รองรับ”
“ขอบคุณ แต่ฉันจะอยู่ที่นี่”
“ทำไมกัน? ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว มีโอกาสที่สัตว์ดึกดำบรรพ์ซึ่งแข็งแกร่งกว่าหมีหมาป่าจะปรากฏตัว ป่าในยามค่ำคืนอันตรายเกินไปสำหรับมนุษย์”
“ฉันคงขัดจังหวะการตีเหล็กของเจ้านายไม่ได้ ฉันจะอยู่ที่นี่และคอยอารักขาเขา”
“…กว่าจะเสร็จก็คงรุ่งเช้าสินะ”
“ไม่เลย คงอีกหลายวัน แต่จะนานแค่ไหนก็ไม่สำคัญ”
ต่อให้ร้อยปีหรือพันปี ปิอาโร่ก็จะยืนหยัดปกป้องเคียงข้างกริดตราบจนตัวเขาทำไม่ไหว
หลังจากกล่าวจบ ปิอาโร่หันไปมองเมอร์เซเดส
“เธอนอนพักก่อน”
“งั้นจะตื่นมาเปลี่ยนกะตอนรุ่งสาง”
เธอได้ออกศึกเคียงบ่าเคียงไหล่ร่วมกับปิอาโร่อีกครั้ง
ภาพบรรยากาศของวันวานได้กระตุ้นให้เมอร์เซเดสมีความสุขกว่าปรกติ
เมื่อกลุ่มเอลฟ์จากไป โนเอะและแรนดี้ก็เริ่มถึงเวลานอน
ปิอาโร่กับเมอร์เซเดสคอยสับเปลี่ยนเวรอารักขากริดตลอดทั้งวัน
***
“โอ้…!”
ภายในหมู่บ้านเอลฟ์
สีหน้าของเหล่าเอลฟ์ต่างชื่นมื่นขณะรวมตัวกันใต้ต้นไม้โลก—ต้นไม้ดึกดำบรรพ์ที่คอยค้ำจุนโลกกึ่งกลางมานาน
สาเหตุของความตื่นเต้นเกิดจากการกลับสู่ภาวะสู่ปรกติของต้นไม้โลก
หลังจากเคียร์รดน้ำปริศนาลงไปบนรากได้เพียงห้านาที ต้นไม้โลกก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
เคียร์กล่าวอ้างว่า นี่คือน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่มันหาซื้อมาในราคาแสนแพง
ช่างน่าขัน
ไม่มีเอลฟ์ตนใดนึกสงสัยถึงสาเหตุที่ต้นไม้โลกป่วยไข้ในตอนต้น
เมื่อเวลาผ่านไปเล็กน้อย
ใบไม้เคยที่กลายเป็นสีเหลือง ปัจจุบันกลับมาชุ่มฉ่ำอีกครั้ง
ดูเหมือนน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ที่เคียร์อ้างจะเป็นเรื่องจริง
“นั่นคือน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ของเทพธิดารีเบคก้างั้นหรือ?”
ชาวเอลฟ์มิได้สักการะบูชาเทพ
ต้นไม้โลกคือสิ่งเดียวที่พวกเขาเคารพนับถือ
แต่ไม่ได้หมายว่าเผ่าพันธุ์เอลฟ์จะปฏิเสธตัวตนของเทพ
โดยเฉพาะรีเบคก้า เทพธิดาแห่งแสง
ชาวเอลฟ์ชื่นชอบรีเบคก้าไม่น้อย
เคียร์อธิบายกับเหล่าเอลฟ์ด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแสนอ่อนโยน
ฟังดูน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง
‘หากเริ่มสนทนากับพ่อค้า พวกมันจะทำให้คุณหลงคารมในพริบตา’
หนึ่งในกฏเหล็กของซาทิสฟายสามารถใช้อธิบายสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดี
“ถูกต้องครับ ผมรีบเดินทางไปยังวาติกันเพื่อนำเงินเก็บทั้งหมดแลกเปลี่ยนเป็นน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์”
“ยอมเสียสละขนาดนี้เพื่อพวกเรา…”
“พวกคุณคือผู้มีพระคุณของผม จะให้ตอบแทนมากกว่านี้ก็ยอม…”
จากนั้น
เคียร์ปรบมือเพื่อดึงความสนใจจากเอลฟ์ทั้งหมด
“เอาล่ะครับทุกคน!”
‘น่าแปลก วันนี้ก็ไม่มีเอลฟ์ชายงั้นหรือ เหตุใดถึงไม่เคยปรากฏตัวสักครั้งนะ’
เคียร์ครุ่นคิดพลางนำไหที่เต็มไปด้วยของเหลวปริศนาออกมาวาง
“ผมยังเหลือน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์อยู่อีกมาก ทุกคนมาดื่มร่วมกันเถอะ สิ่งนี้จะช่วยให้อายุขัยยืนยาวขึ้น พวกเราควรร่วมฉลองในฐานะที่ต้นไม้โลกกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง!”
“ตกลง…พวกเราจะฉลองกัน”
ชาวเอลฟ์มิได้สนใจเรื่องอายุขัยมากนัก
พวกเธอมีอายุยืนยาวแตกต่างจากมนุษย์มาก
เอลฟ์บางตนจึงเกิดคำถาม
เหตุใดพวกเธอถึงต้องร่วมดื่มน้ำศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ด้วย?
แต่เวลาให้ขบคิดก็มีไม่มาก
บรรยากาศกำลังไหลไปอย่างครื้นเครงและเปี่ยมสุข
หลังจากใช้มารยาหลอกล่อสำเร็จ เคียร์ยกแก้วชูขึ้นพร้อมกับกล่าว
“แด่ต้นไม้โลกอันเป็นนิรันดร์!”
เคียร์แสร้งดื่มน้ำมนตร์ศักสิทธิ์เข้าไป
แน่นอน เอลฟ์สาวทุกตนรีบดื่มตามโดยไม่รีรอ
และผลที่ตามมาก็คือ…
พวกเธอได้รับพิษร้ายแสนเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต
นี่คือวินาทีที่ราชาพ่อค้า ‘เคียร์’ ได้แจกจ่ายแก่นยาธานให้เอลฟ์ทุกตนดื่มอย่างเท่าเทียม
มันลอบทำธุรกิจกับข้ารับใช้ยาธานเพื่อแผนชั่วช้าในวันนี้
“คุคุคุ! คุคุ! คุฮ่าฮ่าฮ่า!! จะมีสิ่งไหนง่ายไปกว่าหลอกคนโง่ที่อ่อนต่อโลกอีกบ้าง?”
รอยยิ้มแสนจริงใจและอบอุ่นของเคียร์พลันมลายหาย
สิ่งนั้นถูกแทนที่ด้วยเสียงหัวเราะสุดชั่วช้าและเสียงกรีดร้องทรมาณจากชาวเอลฟ์
คนของมันกรูล้อมหมู่บ้านเอลฟ์ไว้จากทุกทิศ
เหล่าเอลฟ์สาวสวยผู้โชคร้ายถูกต้อนจับเป็นเชลยทีละคนสองคน
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,244
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
เดวกริดก็ไปช่วย เพราะได้รับภาระกิจช่วยเหลือ และจะได้อัพเลเวลอีก ค่อยดู ขอกริดเติมทรูก่อน
ReplyDeleteอ่านอังกฤษมาสิท่า
Deleteมีใครกลุ่มลับครับถึงตอนที่1000กว่าๆแล้ว
Deleteไอ้เคียร์ ไอ้#¥£@k&%u๘×#y/%
ReplyDeleteเดาเอาครับไม่ได้อ่านอังกฤษ เพียงเดาทิศทางเรื่องเอา และสายฟรี ไม่ได้เข้ากลุ่ม เพราะถ้าเข้ากลุ่มก็ต้องอ่านจนถึงตอนปกติที่เขาอัพ เราก็ต้องรออีกเช่นเดิม รออ่านฟรีดีกว่า👌😂😂🙏
ReplyDeleteมันเป็นแนวทางของบทป่าเอลฟ์อยู่แล้ว บทจะประมาณ
Deleteกริดคงมีภารกิจช่วยเอลฟ์จากนั้นก็ฆ่ายกตี้เพื่อหวังของดรอป
ReplyDelete