จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 809
เมอร์เซเดสเดินออกจากท้องพระโรงใหญ่ทันทีได้รับคำสั่งปลดจากฮวนเดอร์
“ฝ่าบาท! ทรงปลอดภัยดีรึเปล่า?”
เป็นเสียงของห้าเสาหลักอีกสองคนนอกจากบาอิน โกลด์ฮิต และไคล์ที่ถูกลงโทษกักบริเวณ
พวกมันรีบรุดหน้ามาหาองค์จักรพรรดิด้วยความเร็วสูงสุดเมื่อได้รับแจ้งข่าว
สองคนดังกล่าวคือแกรนด์มาสเตอร์ซิกเฟรคเตอร์ และหัวหน้าหน่วยทหารม้าเกราะหนัก เชนสเลอร์
ซิกเฟรคเตอร์สำรวจร่องรอยการต่อสู้ ส่วนเชนสเลอร์สำรวจร่างกายฮวนเดอร์
“ฝ่าบาทบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า?”
“เราสบายดี”
ฮวนเดอร์ตอบเสียงห้วน แต่มันมิได้กล่าวโทษซิกเฟรคเตอร์และเชนสเลอร์ที่กลับมาไม่ทันเหตุการณ์
ทั้งสองอยู่ห่างจากวังหลวงมาก การมาถึงได้เร็วขนาดนี้นับว่าปาฏิหาริย์มากแล้ว
“ศิลาอัสนีถูกทำลายใช่ไหม?”
ซิกเฟรคเตอร์เอ่ยปากถามหลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
“ภายในท้องพระโรงเกิดการต่อสู้อันดุเดือด…แต่สิ่งที่บ่งชี้ชัยชนะกลับเป็นปัจจัยจากภายนอก”
โกลด์ฮิตพยักหน้า
“ถูกต้อง ฉันสั่งให้ลูกศิษย์ทำลายศิลาอัสนีทิ้งเพื่อจัดการอัสทารอธ”
โกลด์ฮิตไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องที่กริดปรากฏตัวในไททันและทำลายศิลาอัสนี
ในเมื่อมีชะตาต้องเสียศิลาอัสนีไป อย่างน้อยก็ขอกอบโกยประโยชน์จากมันให้มากที่สุด
แถมตัวเธอยังไร้บทบาทในการต่อสู้กับอัสทารอธ
ทว่า ซิกเฟรคเตอร์หรี่ตาลงด้วยสีหน้าเคลือบแคลง
"อย่างเธอเนี่ยนะจะยอมทำลายศิลาอัสนี? เป็นมุกที่ตลกดี”
ซิกเฟรคเตอร์ทราบถึงความปรารถนาของโกลด์ฮิตยิ่งกว่าใคร มันจึงมั่นใจว่าเธอไม่ใช่ผู้ที่ออกคำสั่งให้ทำลายศิลาอัสนีแน่
โกลด์ฮิตพลันแสดงท่าทีเดือดดาล
“สงสัยในคำพูดของฉันรึไง?”
“ไม่ต้องฉุนเฉียวขนาดนั้น”
ซิกเฟรคเตอร์มิได้แยแสโกลด์ฮิต
ในฐานะอันดับหนึ่งแห่งห้าเสาหลัก ซิคเฟรคเตอร์ไม่เคยเห็นโกลด์ฮิตอยู่ในสายตา
มันกำลังให้ค่าตำนานคนใหม่มากกว่าราชาจอมเวทไร้ประโยชน์
“ฝ่าบาท”
ซิกเฟรคเตอร์เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้รวดเร็วราวกับอยู่ในเหตุการณ์ต่อสู้เสียเอง
“เมอร์เซเดสคือผู้ปลิดชีพอัสทารอธใช่ไหม?”
“ถูกต้อง”
“การที่เธอไม่อยู่ที่นี่ หมายความว่าฝ่าบาทส่งเธอกลับไปด้วยเหตุผลบางประการ”
“…แกรนมาสเตอร์สายตาเฉียบแหลม”
“กระหม่อมจะไม่ไต่ถึงเหตุผล แต่มีอยู่หนึ่งเรื่อง…”
ซิกเฟรคเกอร์กล่าวกับฮวนเดอร์ด้วยท่าทีผ่อนคลายไร้ความยำเกรง
แม้จะมีใบหน้าของเด็กหนุ่มหล่อเหลา แต่ว่ากันว่าอายุของมันมากยิ่งกว่าโกลด์ฮิตเสียอีก
ซิกเฟรเกอร์กราบทูลต่อองค์จักรพรรดิ
“แม้ฝ่าบาทจะชื่นชมเธอ แต่รางวัลจากอัสทารอธควรเป็นของฝ่าบาท สิ่งเหล่านั้นจะสำคัญต่อพระองค์ในภายหลัง”
“…”
“หากพระองค์ไม่สะดวก กระหม่อมจะติดตามไปทวงคืนให้”
“ไม่จำเป็น เราจะให้ทหารจัดการกับเรื่องนี้เอง”
ฮวนเดอร์เชื่อฟังคำแนะนำของซิกเฟรคเตอร์แต่โดยดี
มันร่างจดหมายฉบับหนึ่งและออกเป็นคำสั่งแก่ทหาร
***
“ผมจะจดจำความจงรักภักดีของคุณไว้ตลอดไป!”
อัศวินสีชาดหลายสิบคนกำลังรวมตัวที่บ้านพักเมอร์เซเดส พวกเขามาเพื่อกล่าวคำอำลาเป็นครั้งสุดท้าย
แต่เมอร์เซเดสกำลังขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“พวกนายมาทำอะไรที่นี่? วังหลวงและไททันกำลังวุ่นวาย ประชาชนกำลังเดือดร้อน!”
“…นี่เป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ได้โปรดให้พวกเรากล่าวคำอำลากับคุณด้วย!”
“พวกเราจะรีบกลับไปที่จุดเกิดเหตุทันทีหลังจากส่งคุณเสร็จ”
“พวกนายไม่ใช่เด็กแล้วนะ”
เมอร์เซเดสสั่งสอนพวกเขาจนถึงวินาทีสุดท้าย แต่มิใช่ด้วยสีหน้าบึ้งตึง เป็นรอยยิ้มอันสดใส
เธอดีใจที่ได้กล่าวคำอำลากับพวกพ้องแสนรักที่ทำงานร่วมกันมานานกว่าสิบสองปี
สวบ
“แถวตรง!”
“พวกเราจะรักและเคารพคุณตลอดไป!”
สวบ
“ขอให้คุณและอดีตวีรบุรุษโชคดี”
สวบ
สวบ…
ยิ่งเดินออกห่างจากตัวบ้านมากเท่าไร ฝีเท้าของเธอก็ยิ่งก้าวช้าและสั้นลงมากเท่านั้น
เหล่าอัศวินตาพากันหลั่งน้ำตาเมื่อสุดยอดผู้นำของตนกำลังจะจากไป
‘เซอร์ดิอา เซอร์โรเล็กซ์ และอัศวินที่อยู่บนสวรรค์ทุกท่าน…พวกคุณกำลังมองเฝ้าพวกเราอยู่รึเปล่า?’
อัศวินสีชาดล้วนเคารพนับถือในตัวเมอร์เซเดสเหนือสิ่งอื่นใด เธอคืออัศวินสาวผู้องอาจและสง่างามทั้งกายใจ
มีอัศวินสีชาดมากมายต้องการจากไปพร้อมกับเธอ
แต่อัศวินทุกคนย่อมต้องมีเจ้านาย และเจ้านายพวกเขาคือองค์จักรพรรดิ
คนเหล่านี้ได้รับการปลูกฝังจากเมอร์เซเดสให้เติบโตเป็นอัศวินที่จงรักภักดียิ่งชีพ
บรรยากาศการจากลาไม่เคยเปี่ยมด้วยความสุข
ขณะเมอร์เซเดสก้าวขาพ้นประตูรั้ว พลทหารนายหนึ่งรีบนำสาส์นจากองค์จักรพรรดิมาแจ้งข่าว
“ในนามแห่งจักรพรรดิฮวนเดอร์ นี่คือโองการหลวงที่ไม่มีผู้ใดสามารถขัดขืน”
พลทหารอ่านออกเสียงตามเนื้อความในจดหมาย
“เมอร์เซเดส…เราขอให้เจ้าโชคดี”
“แค่นี้เองหรือ?”
“ขอรับ! ส่วนของกระผม…กัปตันเมอร์เซเดส ขอให้คุณโชคดี”
พลทหารหนุ่มกล่าวพลางจ้องมองเมอร์เซเดสด้วยสายตาเปี่ยมความศรัทธา
“ขอบคุณมากคุณพลทหาร ขอให้คุณโชคดีเช่นกัน”
เมอร์เซเดสตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่งดงามยิ่งกว่าดาวดวงใดทั้งหมด
***
[ เขตแดนพายุสายฟ้าอสูร — ระดับอ่อนแอ (3) ]
สร้างสนามพายุสายฟ้ารัศมี 200 เมตร
-เอฟเฟคเขตแดน 1-
สร้างสายฟ้าแบบสุ่มตั้งแต่ 4 เส้นไปจนถึง 11 เส้นภายใน 1 วินาที
เป้าหมายที่ถูกสายฟ้าโจมตีจะได้รับความเสียหาย 10,000 หน่วย
ก่อให้เกิดอาการผิดปรกติหลายประเภท ทั้งอัมพาต มึนงง เผ่าไหม้ และอื่นๆ
* สายฟ้าจะผ่าแบบสุ่มเป้าหมาย
( ไม่แยกแยะมิตรและศัตรู มีเพียงผู้ใช้งานเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ )
-เอฟเฟคเขตแดน 2-
สายลมที่ทรงพลังจะทำให้ร่างกายผู้ใช้งานเบาขึ้น
ท่ามกลางลมพายุ ผู้ใช้จะมีความเร็วเคลื่อนที่เพิ่มขึ้น 20%
ขณะเดียวกัน ทุกคนที่อยู่ในรัศมีของสายลมจะถูกสะกดความเร็วเคลื่อนที่ 20%
-เอฟเฟคเขตแดน 3-
สายลมที่ทรงพลังจะกีดขวางการมองเห็นของทุกคนยกเว้นผู้ร่าย
ค่าความแม่นยำลงลด 10%
-เอฟเฟคเขตแดน 4-
เสียงสายฟ้าที่ดังสั่นจะก่อให้เกิดความสับสน
ความเร็วร่ายเวทของทุกคนยกเว้นเจ้าของเขตแดนจะลดลง 10%
-เอฟเฟคเขตแดน 5-
ถูกผนึกไว้เนื่องจากทักษะมีระดับต่ำ
* จะถูกปลดผนึกเมื่อทักษะกลายเป็นระดับอ่อนแอ (2)
-เอฟเฟคเขตแดน 6-
ถูกผนึกไว้เนื่องจากทักษะมีระดับต่ำ
* จะถูกปลดผนึกเมื่อทักษะกลายเป็นระดับอ่อนแอ (1)
-เอฟเฟคเขตแดน 7-
ถูกผนึกไว้เนื่องจากทักษะมีระดับต่ำ
* จะถูกปลดผนึกเมื่อทักษะกลายเป็นระดับอ่อนแอ
ทรัพยากรที่ใช้ : มานา 1,000 หน่วยต่อหนึ่งวินาที
ระยะเวลาเตรียมอัญเชิญเขตแดน : 30 วินาที
* สามารถอัญเชิญได้ทันทีหากใช้ในสภาพอากาศที่มีเมฆมาก
ระยะหน่วงหลังใช้ : 20 นาที
“…”
เวทมนตร์เขตแดนคือสัญลักษณ์ที่แสดงถึงมอนสเตอร์ประเภทบอส
เขตแดนที่บอสอัญเชิญจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้ตัวบอสพร้อมกับส่งผลกระทบกับผู้เล่นเป็นวงกว้าง
ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือ ‘เขตแดนโลหิต’ ของเอลฟิน·สโตนในอดีต
แต่พลังสุดโกงดังกล่าวกลับถูกครอบครองโดยผู้เล่นหนึ่งคน—กริด
‘สุดยอดพลัง’ คำกล่าวนี้มิอาจบรรยายสรรพคุณของเวทมนตร์เขตแดนได้ไม่หมด
ให้เรียกว่าพลังที่ ‘ทำลายสมดุลเกม’ คงจะเหมาะสมกว่า
‘แต่มานาที่ใช้ก็สูงเอาเรื่อง’
เวทมนตร์ที่สร้างพายุสายฟ้าในรัศมีสองร้อยเมตรต้องสิ้นเปลืองมานาขนาดไหนกัน
กริดจินตนาการภาพตัวเองใช้ร่างมืดพลางปลดปล่อยเขตแดนสายฟ้าอสูรเพื่อกำราบศัตรูให้อยู่หมัด ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าการติดปีกให้เขาโบยบินเสียอีก
แถมยังเป็นพลังของทักษะในระดับ ‘อ่อนแอ’
‘เอฟเฟคที่ถูกผนึกไว้จะเป็นแบบไหน’
พลังอัสทารอธยอดเยี่ยมจนกริดเกือบลืมความเสียใจที่พลาดตัวเมอร์เซเดส
สิ่งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งมนตร์เสน่ห์ของเกมที่เกิดขึ้นไม่ได้รู้จบ
ตรงข้ามกับโลกความจริงที่ทุกคนอย่างหนักเพื่อให้ได้ผลลัพธ์แสนธรรมดา โลกแห่งเกมกลับมอบความสุขทุกครั้งที่มีการผจญภัยเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการอัพเลเวลหรือฝ่าฟันอุปสรรค์ไปพร้อมมิตรสหาย
มีใครบ้างไม่ชอบเกม?
กริดอมยิ้มพลางหวนนึกถึงตัวตนสมัยอดีต
‘ชินยองวู…โลกแห่งเกมไม่ใช่สถานที่สำหรับหลบหนีความจริงของนายอีกแล้ว แต่มันคือสถานที่แห่งอนาคต!’
พลังที่กริดได้รับในวันนี้ จะส่งผลให้วันข้างหน้าของเขาสว่างสดใสยิ่งกว่าเดิม
ชายหนุ่มกำหมัดแน่นอย่างมีความสุข
เขาหันไปกล่าวกับโนเอะ
“ได้เวลากลับของจริงแล้ว”
ทุกสิ่งกำลังไปได้สวย
แม้ต้องพลาดเมอร์เซเดส แต่ผลตอบแทนจากการลอบเข้าไททันก็นับว่าคุ้มค่ากว่าที่คิด
ไม่มีเหตุผลให้ต้องเศร้าเสียใจไปตลอด
ชายหนุ่มเดินนำหน้ากลุ่มเด็กเล็กไปพร้อมกับโนเอะ
หากเขาเดินทางตามลำพัง กริดคงบินกลับไรท์ฮาร์ทได้ภายในหนึ่งวัน
แต่นั่นเป็นไปไม่ได้กับการพกเด็กเล็กหลายสิบคนติดตัวไปด้วย พวกเขามีร่างกายอ่อนแอจนน่าตกตะลึง
ด้วยความที่ไม่เคยออกกำลังกาย แต่ละย่างก้าวเดินจึงเชื่องช้ายิ่งกว่าเตาคลาน
‘จะทำยังไงกับเด็กกลุ่มนี้ดี’
จะเกิดอะไรขึ้นหากปล่อยไว้ที่หมู่บ้าน
แบบนั้นไม่ดีแน่
ไม่มีสิ่งใดรับประกันว่าชาวบ้านจะให้การต้อนรับ อาจเป็นการสร้างบาดแผลทางใจใหม่เพิ่มขึ้น
ชายหนุ่มเป็นกังวลกับจิตใจของกลุ่มเด็กมากกว่าระยะเวลาการเดินทางของตัวเอง
‘เราเรียกใช้งานอัศวินคนไหนได้บ้าง’
ยูเฟอมิน่า…
ถ้าเป็นเธอคงใช้เวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่มกลับไรนฮาร์ทได้ทันที
ขณะกริดกำลังจะอัญเชิญยูเฟอมิน่า เสียงของโนเอะได้ดังแว่วที่ข้างหู
“นั่นเรียกว่าดอกไม้ล่ะ เหมียว”
“อาบู!”
"นั่นเรียกว่าภูเขาล่ะ เหมียว"
“อาดา!”
“นั่นเรียกว่าท้องฟ้าล่ะ เหมียว”
“บูบู!”
“เนี๊ยวฮ่าฮ่า! สัตว์อสูรอันดับหนึ่งของขุมนรกจะสอนมนุษย์จิ๋วให้เอง เหมียว!”
“โน…เอ! โน…อู!”
“เมี๊ยว!”
เด็กเหล่านี้ถูกจองจำในหอแห่งนิรันดร์มาตั้งแต่จำความได้
ส่วนโนเอะเองก็มีชะตากรรมที่ต้องอยู่ในช่องสัมภาระกริดเป็นเวลานาน
พวกเขาช่างคล้ายคลึงกันนัก
กลุ่มเด็กเล็กกำลังมีความสุขที่ได้เดินชมวิวทิวทัศน์อันงดงามสองข้างทางอย่างอิสระ
ลงเอยด้วย…
‘เดินต่ออีกสักนิดก็ไม่เลว’
กริดไม่ต้องการทำลายบรรยากาศชื่นมื่นของทุกคน
เขาตัดสินใจอัญเชิญอัศวินโครงกระดูกและแรนดี้ออกมาเพิ่ม
“อาบู!”
แกร่ก แกร่ก แกร่ก!
“อาดา!”
"สวัสดี ฉันชื่อแรนดี้"
แกร่กแกร่ก!
สัตว์อสูรอันดับหนึ่งแห่งขุมนรก
ร่างโคลนอันดับหนึ่งแห่งป่าลึกลับ
โครงกระดูกประหลาดสองตน
กลุ่มเด็กเล็กไร้เดียงสาที่ไม่เคยเผชิญโลกกว้างมาก่อน
และ ‘ผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลก’
ปาร์ตี้รวมคนประหลาดกำลังเดินทางเข้าสู่เขตป่าหลังจากข้ามแม่น้ำสายใหญ่
ใครก็ตามที่ได้เห็นเป็นต้องฉงนในความไม่เข้ากัน
ย่อมต้องมีคนจำพวก…
“ส่งเงินมาซะ! แอ่ก!”
พวกมันถูกกำจัดอย่างราบคาบ
ระหว่างการเดินทาง กริดได้ทำลายโจรป่านับสิบกลุ่มและมอนสเตอร์กว่าหนึ่งพันตัว
ส่งผลให้โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ได้รับค่าประสบการณ์ไปมากมาย
แต่เพียงไม่นาน หายนะก็เกิดขึ้นจนได้
ไม่มีใครบนโลกสามารถมีความสุขได้ตลอดรอดฝั่ง
กรี๊~~!!
“บ้าจริง! เมดูซ่ามาทำอะไรที่นี่!”
คณะเดินทางได้เผชิญหน้ากับบอสแม็ปสุดโหดของป่าลาเมียเข้าโดยบังเอิญ
เป็นบอสที่มีเลเวลสามร้อยตอนต้น ในสถานการณ์ปรกติ กริดสามารถเชือดทิ้งตามลำพังได้ไม่ยากเย็นนัก
แต่ปัญหาคือกลุ่มเด็ก
เด็กเล็กเหล่านี้จะตายทันทีหากไปสบตากับเมดูซ่าเข้า
กริดพยายามดึงดูดความสนใจเมดูซ่าไว้ที่ตน แต่น่าเสียดายที่เด็กเล็กกำลังขวัญกระเจิง
“อ๊า! อ๊าาาา!!”
“กรี๊ดดด~!”
รูปลักษณ์อันน่าขยะแขยงของเส้นผมงูเหนือศีรษะเมดูซ่า คือสิ่งที่เด็กเล็กไร้เดียงสาไม่เคยพบเจอมาก่อน
เมื่อเหล่าเด็กน้อยส่งเสียงหวีดร้องโหวกเหวก สายตาของเมดูซ่าพลันชำเลืองไปมองทันใด
“ไม่นะ…!”
เด็กเหล่านี้มีชะตาที่ต้องอายุสั้นหลังจากถูกทารุณมานานหลายปีงั้นหรือ
กริดกำลังสิ้นหวังสุดขีด
ฉึก!
ฉึกฉึก!
ฝนธนูกลุ่มหนึ่งถูกกระหน่ำยิงจากด้านข้าง ทุกนัดเสียบเข้าศีรษะเมดูซ่าอย่างเที่ยงตรงแม่นยำ
เป็นฝีมือการยิงธนูที่น่าทึ่งจนกริดต้องหวนนึกถึงจิสึกะ
ชายหนุ่มและเมดูว่ารีบหันไปมองยังต้นทางของลูกธนูพร้อมกัน
ทั้งคู่ได้เห็นอัศวินสาวคนหนึ่ง
เธอกำลังสวมเกราะหนังเก่าโทรม มิใช่เกราะสีชาดอันโด่งดัง
อัศวินปริศนาเก็บคันธนูพลางซัดขว้างขวานหนึ่งด้ามพุ่งแหวกอากาศ
คมขวานเฉาะลำคอเมดูซ่าอย่างแม่นยำ อัศวินปริศนาฉวยโอกาสย่นระยะเข้าใกล้
ดาบคู่ในมือของเธอสะบัดฟาดฟันด้วยความเร็วอันน่าทึ่งที่แม้แต่กริดยังมองตามไม่ทัน
เหลือทิ้งไว้เพียงภาพติดตาสีเงินตกค้างกลางอากาศ
ดาบเล่มหนึ่งเสียบตัดขั้วหัวใจ ส่วนอีกเล่มสะบั้นเศียรเมดูซ่าจนขาดออกจากกัน
บอสแม็ปผู้โชคร้ายกลายเป็นแสงสีเทาอย่างรวดเร็ว
“นี่เธอ…”
“อัศวินเร่ร่อนเมอร์เซเดสยินดีที่ได้พบราชาโอเวอร์เกียร์”
คนทั้งสองหวนกลับมาพบกันอีกครั้ง
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,233
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
ปาร์ตี้สุดแกร่ง ที่แข็งแกร่งรวมตัว
ReplyDeleteเราลืมชื่อพระเอกไปแล้ว แต่ก็พึ่งรู้ตอนนี้แหละ(ชื่อจริง)
ReplyDeleteสวยพี่สวย👍
ReplyDeleteได้เมียเพิ่มอีกหนึ่ง
ReplyDelete