จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,601

 จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,601


อาจมีความคล้ายคลึงกันบ้าง แต่จะให้เหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วคงเป็นเรื่องยาก


เฉกเช่นเกล็ดหิมะที่มีรูปทรงแตกต่างกัน เกล็ดมังกรในความทรงจำกริดก็มีจุดต่างเช่นกัน


เหมือนกับเกล็ดเซนอนในมือ


<เกล็ดมังกร>

เกรด: มิธ

เกล็ดมังกรสีเทา เซนอน

เซนอนจริงใจกับเทพโอเวอร์เกียร์กริดมาก เกล็ดของมันไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน

เป็นเกล็ดมังกรที่สมบูรณ์ที่สุดในโลก

เงื่อนไขขั้นต่ำในการหลอม: ทักษะการผลิตระดับตำนาน

เงื่อนไขที่เหมาะสมในการหลอม: ทักษะการผลิตระดับตำนานเลเวลสูงสุด


ก่อนจะออกจากเรย์ดัน


กริดได้รับเกล็ดจากเซนอนทั้งสิ้นสามชิ้น


แต่ละเกล็ดมีขนาดใหญ่กว่าตัวกริด รูปร่างต่างกันเล็กน้อย


แม้แต่กริดที่มีค่าวิสัยทัศน์มหาศาลก็ยังต้องเพ่งจากระยะใกล้จึงจะพบความแตกต่าง


ส่วนที่ต่างมีทั้ง มุมโค้งที่เบี่ยงออกไปราวหนึ่งองศา ลวดลายบนรากเกล็ดที่มีลักษณะคล้ายกลีบดอกไม้ และสีสันที่ยากจะแยกแยะ


หากต้องการสร้างเกราะมังกรที่ยอดเยี่ยมที่สุด รายละเอียดเหล่านี้คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม


เกราะมังกร


กล่าวคือ กริดต้องการห่อหุ้มร่างกายด้วยเกราะที่ลอกเลียนรูปแบบเกล็ดของมังกร


โดยเฉพาะเกราะหุ้มตัวอิฟริตและครานเบล


ชายหนุ่มจำเป็นต้องนึกให้ออกว่ามังกรทั้งสอง ใช้เกล็ดห่อหุ้มตัวเองในลักษณะใด และนั่นมีประโยชน์อย่างไร


“…”


อย่างไรก็ดี ความทรงจำมนุษย์มีขีดจำกัด


กริดตัดสินใจเล่นวิดีโอที่เคยบันทึกภาพมังกรทั้งสองซ้ำไปมา หลายสิบหลายร้อยรอบ


หลังจากถลุง เกล็ดของเซนอนจะกลายเป็นเกล็ดเล็กๆ หลายร้อยเกล็ด


ชายหนุ่มเฝ้าสังเกต ศึกษา และจดบันทึกรูปร่างของเกล็ดอย่างละเอียด


‘ต้องสานเข้าด้วยกันอย่างประณีต’


การผลิตชุดเกราะเกล็ดคืองานที่ยากเสมอ


ต้องนำแผ่นเหล็กมาตัดและเย็บเข้ากับเกราะหนังทีละชิ้น


มิหนำซ้ำ ชุดเกราะมังกรที่กริดเตรียมสร้าง ต้องใช้ความเอาใจใส่และความพยายามเพิ่มจากปรกติหลายเท่า


กริดไม่คิดจะใช้หนังเป็นวัสดุ


ด้วยเกรงว่าหนังสัตว์หรือมอนสเตอร์อาจทำให้เกล็ดมังกรเสื่อมความน่าเกรงขาม นอกจากนั้น เกราะเกล็ดมังกรไม่จำเป็นต้องใช้หนังเป็นฐานรอง ลำพังโครงสร้างที่ถักสานกัน ก็เพียงพอที่จะดูดซับแรงปะทะส่วนใหญ่


ชุดเกราะต้องถูกสร้างจากการสานเกล็ดเท่านั้น


เพื่อทำในสิ่งที่ยากและไม่เคยทำมาก่อน กริดจำเป็นต้องทุ่มสมาธิทั้งหมด


รูปแบบเกล็ดของอิฟริตและครานเบลที่เป็นต้นฉบับ ค่อยๆ ถูกวาดลงบนพิมพ์เขียวเปล่าตรงหน้า


นอกจากนั้น ชายหนุ่มยังออกแบบเครื่องมือและสภาพแวดล้อมพิเศษ สำหรับนำเกล็ดหลายร้อยชิ้นมาเรียงต่อกัน


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว


เกล็ดยังไม่ได้ถูกหลอม แต่ผ่านไปแล้วสิบห้าวันเต็ม


***


ครืดครืด ขยุกขยิก


หลังจากอีกหนึ่งศึกใหญ่จบลง


เสียงขีดเขียนดังขึ้นท่ามกลางสมรภูมิอันเงียบสงบ


เป็นเสียงการจดบันทึกของชาวโอเวอร์เกียร์บางส่วน


ทีมสำรวจนรกเฝ้ามองด้วยสีหน้าเจือความฉงน


อุปนิสัยที่ชอบจดบันทึกหลังสงครามจบลง ชวนให้ใครต่อหลายคนประหลาดใจ


‘กำลังทำบ้าอะไรอยู่?’


หลายคนเกิดความอยากรู้อยากเห็น บางคนอยากแอบดู


แต่ก็ไม่มีใครทำ เพราะทราบดีว่านั่นเป็นการเสียมารยาท และบางส่วนกำลังจดจ่ออยู่กับ การ ‘ทบทวน’ ศึกที่เพิ่งจบลงไป


การ ‘ทบทวน’ หลังการต่อสู้ คืออุปนิสัยหลักของแรงเกอร์ที่ไม่พอใจกับตำแหน่งปัจจุบันและต้องการไต่เต้าให้สูงกว่าเดิม


ยิ่งสำรวจนรกได้ไกลเพียงใด ก็ยิ่งต้องวิเคราะห์มอนสเตอร์หน้าใหม่ให้แตกฉาน เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในการต่อสู้ครั้งถัดไป


การจดบันทึกก็อยู่ในหมวดหมู่เดียวกัน


แต่เหตุผลที่ต้องจด ก็เพราะมีข้อมูลต้องใส่ใจมากกว่าคนอื่น


ไม่เพียงเท่านั้น บันทึกเหล่านี้ยังมีอิทธิพลอย่างมากต่อคำว่าจ้างผลิตไอเท็มที่จะส่งให้กริดในอนาคต


ถูกต้อง


บันทึกหลังสงคราม จะถูกแปลงเป็นข้อมูลและส่งไปหากริด


เนื้อหาส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ตนยังบกพร่อง และสิ่งที่อยากให้กริดสร้าง


นับเป็นประโยชน์อย่างมากต่อชาวโอเวอร์เกียร์และกริด


ต้องขอบคุณพวกพ้อง กริดจึงได้รับข้อมูลที่สำคัญของนรกอย่างต่อเนื่อง และไอเท็มที่ผลิตในอนาคต จะกลายเป็นบันไดสำหรับให้ชาวโอเวอร์เกียร์ไต่เต้าด้วยความเร็วติดจรวด


***


- เครื่องแต่งกายประจำสัปดาห์


หลังจากล็อกเอาต์


ชินยองวูที่เข้ามาในห้องแต่งตัว เปลี่ยนเป็นชุดออกกำลังกาย


ชุดออกกำลังกายและชุดออกนอกบ้านสำหรับวันจันทร์ถึงอาทิตย์ ถูกวางไว้เรียงกันในตู้เสื้อผ้า


เฉกเช่นทุกครั้ง นี่เป็นฝีมือของเซฮี


‘เราแต่งตัวห่วยขนาดนั้นเลย?’


ขณะยืนอ่านโน้ตที่น้องสาวทิ้งไว้ ชินยองวูใคร่ครวญกับตัวเองอย่างจริงจัง เพราะไม่ว่าจะมองมุมใด เซฮีก็เป็นห่วงเกินไปในเรื่องนี้


อันที่จริง ชายหนุ่มไม่ได้แต่งตัวห่วย


ไม่เพียงจะมีเซฮีคอยดูแลด้านเสื้อผ้ามาหลายปี แต่ชินยองวูยังเคยถ่ายแบบบ่อยครั้ง หากรสนิยมยังเพี้ยนอยู่ก็คงจะสมองทึบเกินไปสักหน่อย


แต่ปัญหาก็คือ ยองวูแทบไม่สนใจแบรนด์เสื้อผ้า


มีหลายหนที่แต่งกายด้วยแบรนด์ราคาถูกเพราะความชอบ โดยไม่คำนึงถึงสังคมและสภาพแวดล้อมที่เข้าร่วม


ตอนแรกไม่ใช่แบบนี้


ต้องไม่ลืมว่า ชินยองวูเป็นคนประเภทซื้อรถก่อนบ้าน


ไม่ใช่พวกขี้เหนียวหรือมัธยัสถ์แต่อย่างใด


แต่ไหนแต่ไร ชินยองวูยังทำตัวห่างไกลจากความประหยัดมาตลอด


แต่นั่นไม่ใช่นิสัยโดยกำเนิด


เพียงเพราะไม่มีเงิน จึงไม่ได้กินของที่อยากกิน ไม่ได้ซื้อในสิ่งที่อยากได้


ชายหนุ่มแค่อยากเอาคืนช่วงเวลาที่ยากลำบากของชีวิต


แต่ในปัจจุบัน ดูเหมือนว่าปมในใจจะคลายลงมากแล้ว


ชายหนุ่มได้กินทุกสิ่งที่อยาก ได้ซื้อทุกสิ่งที่ต้องการ


มีบ้านหลังใหญ่ มีเงินในบัญชีกองสุมเป็นภูเขา


ชีวิตไม่ต้องการความหรูหราอีกต่อไป


นั่นคือจุดเริ่มต้นของอุปนิสัยแบบย้อนกลับ


ยองวูกลับมาประหยัดอีกครั้ง


จริงอยู่ที่ไม่ได้ประหยัดเรื่องการกินหรือของใช้มากนัก เพียงแต่ไม่ยึดติดกับวัตถุสิ้นเปลืองจำพวกเสื้อผ้าและชากาแฟ


นอกจากนั้น มันไม่คิดปฏิเสธเสื้อผ้าที่น้องสาวซื้อให้


“อรุณสวัสดิ์!”


“รุณหวัด”


ประตูที่พาไปสู่ทางเดิน


ยองวูและจิสึกะซึ่งมาถึงเกือบจะพร้อมกัน กล่าวทักทายด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งสองเริ่มออกกำลังกายด้วยกันทุกเช้า


ยองวูเป็นฝ่ายออกปากขอร้อง


จริงอยู่ การได้ใช้เวลากับยองวู ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด คือสิ่งที่จิสึกะชื่นชอบเสมอ


แต่เธอก็รู้จักการให้เกียรติคนสำคัญของตน


มีหลายครั้งที่จิสึกะเอาแต่แอบดูยองวูออกกำลังกายอย่างมีความสุข โดยไม่เข้าไปละเมิดเวลาส่วนตัวของอีกฝ่าย


“เมื่อวานเป็นยังไงบ้าง?”


“เมื่อครบหนึ่งสัปดาห์ ร่างจำลองของอาโมแรคกลับมาอีกครั้งหลัง”


“อีกแล้ว? อย่าบอกนะว่าคราวนี้เธอก็ใช้กระตุ้นแก่นพลังไล่กลับไปอีก?”


“เปล่า ในระยะหลัง เทรูชานกับบันส์เดลร่วมมือกันได้ดีมาก”


“ลอร์ดแต่ละเผ่าพันธุ์ร่วมมือกัน?”


“ใช่… ในกรณีของอาโมแรค ดูเหมือนว่าจะเป็นพลังคนละชนิดกับบาเอล มันอ่อนแอเกินไปแม้จะใช้งานได้โดยไม่มีข้อจำกัด”


“โดยไม่มีข้อจำกัด…”


สมรรถภาพด้านกีฬาของยองวูและจิสึกะอยู่ในระดับเหนือมาตรฐาน การวิ่งเบาๆ โดยไม่เหนื่อย ยังเร็วกว่าการวิ่งเต็มฝีเท้าของคนธรรมดาส่วนใหญ่ แถมทั้งสองคนยังสนทนากันได้ไม่หยุด


เหตุผลที่ยองวูบอกให้จิสึกะมาออกกำลังกายด้วยกัน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะอยากเดต แต่อีกส่วนหนึ่งก็เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลภายในเกมอย่างสม่ำเสมอ


“ที่เต็มแล้ว”


เขตจีวอล


เขตการปกครองย่อยที่ 26 ของกรุงโซล ถือกำเนิดขึ้นใหม่ภายใต้อิทธิพลของชินยองวู


ย่านที่ยองวูพักอาศัยมีชื่อสุดพิลึกว่า ‘ย่านโอเวอร์เกียร์’ และเป็นจุดที่ประชากรหนาแน่นที่สุดในเขตจีวอล


ผู้คนพลุกพล่านตั้งแต่เช้าตรู่ ลานออกกำลังกายเนืองแน่นเบียดเสียด


“โอ้… เป็นพวกเธอเองหรือ? ใช้ตรงนี้สิ ฉันพอแล้ว”


สตรีผู้หนึ่งที่เห็นคู่ของยองวูกับจิสึกะเดินเข้ามา เผยสีหน้ายิ้มแย้มคล้ายกับเอ็นดูคู่รักหนุ่มสาว


“ไม่เป็นไรค่ะ คุณป้าออกกำลังกายให้เสร็จก่อน ทางนี้ขอรับไว้แค่น้ำใจ”


จิสึกะสื่อการอย่างคล่องแคล่วโดยไม่ต้องพึ่งเครื่องแปลงภาษา สำเนียงไม่ต่างจากชาวเกาหลีมากนัก


‘นี่คือเหตุผลที่พ่อกับแม่ชอบ’


ยองวูมองดูจิสึกะสนทนากับคุณป้าด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม


นิสัยร่าเริงและเป็นกันเองของจิสึกะ ทำให้คนรอบข้างมีความสุขได้เสมอ


ลำพังการยืนมองก็รู้สึกราวกับได้กินวิตามินครบทุกชนิด ดังนั้นยิ่งมองนานเท่าไร ยองวูก็ยิ่งรู้สึกว่าตนแข็งแรงขึ้นเท่านั้น


“กริด?”


“หือ?”


“ข…ขอยืมร่างกายแปปนึงได้ไหม?”


ยองวูที่กำลังฉีกยิ้มกว้าง ดึงสติกลับมายังความจริงทันที


อากัปกิริยาสุดพิสดารของจิสึกะ ทำให้ชายหนุ่มกระอักกระอ่วนไม่น้อย


“ม…ไม่มีปัญหา…”


ยองวูที่มอบคำตอบทันควัน มองว่าการให้ยืมนิดหน่อยคงไม่เสียหาย


เพราะใบหน้ายามร่าเริงของจิสึกะ ช่วยจรรโลงจิตใจได้มาก


หางตาที่โค้งลงและมุมปากที่โค้งขึ้นขณะอีกฝ่ายยิ้มกว้าง ทำเอาชายหนุ่มนึกถึงลูกสุนัขที่เตรียมนอนแอ่นท้องให้ลูบคลำ


คนทั่วโลกอาจนิยามจิสึกะด้วยคำว่า ‘เท่’ หรือ ‘เซ็กซี่’ แต่ยองวูกลับมองเห็นความน่ารัก เป็นเสน่ห์ที่มีเพียงชินยองวูเท่านั้นจะได้เห็น


“ถ…ถ้าอย่างนั้น ช่วงอยู่นิ่งๆ สักพักนะ”


“…”


ยองวูสูดลมหายใจเข้าลึก


นั่นเพราะจิสึกะที่ถอดรองเท้าออก พาดส้นเท้าลงบนหัวไหล่ชายหนุ่ม


ยืดหยุ่นมาก


ขายาวชะมัด…


ขณะยองวูนึกชื่นชมเรือนร่างส่วนที่งดงาม ใบหน้าจิสึกะกำลังแดงระเรื่อประหนึ่งผลแอปเปิล


เธอเอนตัวเข้าหาอีกฝ่ายเล็กน้อยโดยพยายามไม่สบตา


หัวใจคนทั้งสองขยับแนบชิด ต่างฝ่ายต่างได้ยินเสียงใจเต้นตึกตัก


“ยืดอีกสิ… เธอยังยืดไม่สุด…”


“อื้อ…”


ยองวูที่ทำตัวเป็นต้นไม้สำหรับช่วยจิสึกะออกกำลังกาย เกร็งกล้ามเนื้อทั่วร่างเพื่อไม่ให้ลำตัวกระดุกกระดิก เสียงที่เปล่งออกมาจึงสั่นเครือ


“นายก็ใช้ฉันบ้างสิ…”


“…”


เป็นคำที่ได้ยินแล้วจั๊กจี้ไปทั้งหูและหัวใจ


ในระยะหลัง ทุกเช้าของยองวูเปี่ยมไปด้วยความสุขเสมอ


***


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


เสียงค้อนทุบโลหะ ดังกังวานไปทั่วหอคอย


เป็นเสียงที่ใสและสม่ำเสมอ มันจึงน่าฟังเป็นพิเศษ


เหล่าสภาต่างหวนนึกถึงวันวานที่เคยเป็นเพียงคนธรรมดา


เสียงทุบค้อนของกริด ชวนให้นึกถึงทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่เห็นจนชินตา


“เริ่มเหมือนที่อยู่อาศัยของคนขึ้นมาบ้างแล้ว…”


เหล่าสภาชอบที่จะเก็บตัวอยู่ในห้อง เว้นแต่จะมีเหตุด่วนเกิดขึ้น


เดิมที พวกมันให้ความสำคัญกับเวลาส่วนตัวเหนือสิ่งอื่นใด เพราะแต่ละคนล้วนเป็นผู้แสวงหาความก้าวหน้า


หอคอยที่ใหญ่เกินกว่าจะให้คนเก้าคนพักอาศัย จึงมักเงียบสงัดอยู่เสมอ


แต่หลังจากกริดเข้าพัก ทุกสิ่งเริ่มเปลี่ยนไป


โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ช่วยบีบันทำความสะอาดอย่างขยันขันแข็ง


แรนดี้คอยเฝ้ามองและลอกเลียนแบบพฤติกรรมเหล่าสภา


ไฟโวล์ฟกับโนเอะต่างก็มีโลกส่วนตัว


การดำรงอยู่ของพวกมัน ช่วยให้บรรยากาศในหอคอยเปี่ยมไปด้วยสีสัน


เสียงการทำงานของกริดที่ดังติดต่อกันมานานเกือบเดือน ยิ่งช่วยเพิ่มชีวิตชีวาและความสดใส


เป็นบรรยากาศที่เหล่าสภาอ้าแขนต้อนรับด้วยความยินดี


ปฏิเสธไม่ได้ว่า มนุษย์เรามักเหงาเมื่อต้องอยู่คนเดียว


พวกมันต้องอดทนกับช่วงเวลายากลำบากเพื่อปกป้องสันติภาพของโลก โดยที่ไม่มีเวลาใส่ใจกับความสุขของตัวเอง


“…!”


ดวงตาของเหล่าสภาที่กำลังดำดิ่งในห้วงความคิด เบิกกว้างโดยพร้อมเพรียง


เรดาร์มังกรส่งสัญญาณเตือน


“เป็นไปไม่ได้…”


จุดที่เรดาร์แจ้งว่าพบมังกรก็คือ


ภายในหอแห่งปัญญา


เป็นสถานการณ์ที่แทบไม่มีทางเกิดขึ้นได้


เหล่าสภาที่กำลังร้อนรน รีบมารวมตัวกันและเตรียมทำศึก


เรดาร์ต้องเสียแน่…


ท่ามกลางความสับสนของทุกฝ่าย เรดาร์เริ่มบีบวงตำแหน่งให้แคบลง


ตำแหน่งที่ว่าคือห้องพักของกริด


______________

ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00