จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,595
“…อึก”
กริดที่กลับมาถึงไรน์ฮาร์ท ผุดเหงื่อเย็นเม็ดใหญ่
นั่นเพราะชายหนุ่มสัมผัสถึงแรงกดดันอันมหาศาล
แขนขาสั่นระริก ภายในใจหวนนึกถึงการต่อสู้อันดุเดือดกับครานเบลอีกครั้ง
เมอร์เซเดสกำลังยืนจ้องหน้ากริด
ด้วยผิวกระจ่างใส ดวงตาสีฟ้า ใบหน้าเย็นชา ทุกสิ่งทำให้กริดนึกถึงน้ำแข็ง
ภูเขาน้ำแข็งใจกลางมหาสมุทร
หากได้ไปทวีปตะวันออก เมอร์เซเดสคงถูกขนานนามให้เป็นจักรพรรดินีน้ำแข็งแน่นอน
“ดิฉันดีใจที่ฝ่าบาทกลับมาอย่างปลอดภัย”
น้ำเสียงอาจฟังดูอ่อนโยน แต่ปัญหาคือดวงตาที่เย็นยะเยือก
ค่อนข้างชัดเจนว่าเมอร์เซเดสกำลังโกรธ
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ย้อนกลับไปในตอนที่ทราบข่าวมังกรบุกเรย์ดัน
กริดขอร้องกับเธอจากก้นบึ้ง
ได้โปรดอย่าตามไป
หากเธอตามไปด้วย กริดจะโกรธเคืองไปชั่วชีวิต
ชายหนุ่มเน้นย้ำคำว่า ‘โกรธและชั่วชีวิต’ มากเป็นพิเศษ
ใช่แล้ว กริดฉวยโอกาสจากความรู้สึกอีกฝ่าย
เมอร์เซเดสกลัวคำขู่มาก
จนไม่กล้าบุ่มบ่ามไล่ตามไป
เมื่อคำนึงว่ากริดไม่มีวันตาย เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเฝ้ามองแผ่นหลังชายหนุ่มลับเส้นขอบฟ้า
และในทางปฏิบัติ เป็นเรื่องยากที่จะไล่ตามความเร็วกริดทัน
วาร์ปเกตไม่สามารถใช้การได้
ศักยภาพของปีกเงิน ไม่เพียงพอที่จะไล่ตามกริดผู้ใช้คอมโบชุนโปกับเนตรบาร์บาทอส
เมอร์เซเดสที่ถูกทิ้งให้อยู่ตามลำพัง รู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น
ทุกนาทียาวนานราวกับชั่วนิรันดร์
ท่ามกลางกระแสเวลาที่ยืดยาวประหนึ่งยาง สิ่งเดียวที่เมอร์เซเดสทำได้คือการสวดวิงวอน
อัศวินที่มิอาจปกป้องเจ้านายของตน
เมอร์เซเดสรู้สึกไร้ความสามารถ ในใจเต็มไปด้วยความอับอายและสิ้นหวัง ถึงขั้นตั้งคำถามเกี่ยวกับคุณค่าในการดำรงอยู่ของตน
ไอรีนคือผู้เข้ามาปลอบประโลมหญิงสาวที่สั่นกลัว
สตรีผู้คุ้นเคยความรู้สึกนี้มากกว่าใคร กุมมือที่สั่นเทาของเมอร์เซเดสด้วยความอบอุ่น แม้ว่าตนจะกำลังเศร้าและกังวลมากที่สุด
เมอร์เซเดสสัมผัสถึงความสง่างามขององค์ราชินี และยิ่งทวีความนับถืออีกฝ่ายในฐานะพี่สาว
ดังนั้น
“ฝ่าบาท!”
เมอร์เซเดสไม่กล้าแย่งสิทธิ์อันชอบธรรมของไอรีน
สตรีผู้วิ่งไปหากริดและสวมกอดเป็นคนแรก
“ขอโทษที่ทำให้เธอเป็นห่วง”
กริดมักจะอ่อนโยนกับไอรีนเป็นพิเศษ
ในฐานะบุตรสาวของขุนนางธรรมดา (?) ซึ่งในภายหลังกลายเป็นภรรยาของเทพจักรพรรดิ ความเครียดและความกดดันภายในใจย่อมสูงกว่าคนทั่วไปเป็นทุนเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น กริดมักออกรบอยู่เสมอ
ไอรีนย่อมต้องเตรียมใจฟังข่าวร้ายซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จึงเข้าใจได้ว่าทำไมผมของเธอถึงมีสีขาวในตอนที่ยังไม่ได้สั่งสมบารมีเทพ
เป็นเหตุผลที่กริดรู้สึกผิดมาตลอด
“ขอโทษทำไม? ใครจะกล้าตำหนิบิดาที่สู้เพื่อปกป้องลูกหลานของตน?”
บาซาร่าเคยกล่าวไว้ว่า มหาจักรพรรดิคือบิดาของปวงประชา
ดูเหมือนว่าไอรีนจะเห็นด้วยกับคำกล่าวนั้น
เช่นเดียวกันกับกริด
และนั่นทำให้ชายหนุ่มฉุกคิดได้ว่า บาซาร่าไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย
‘…คงต้องแวะไปเยี่ยมเธอให้บ่อยกว่านี้’
หลังจากพิธีสมรส
บาซาร่าซึ่งได้รับการสถาปนาให้เป็นราชินีแห่งไททัน ต้องกลับไปประจำการในดินแดนที่รับผิดชอบ
เธออ้างเหตุผลว่า ทุกวินาทีที่ผ่านไปล้วนสำคัญต่อการฟื้นฟูซากเมืองที่ถูกทำลายจากมหาสงคราม
แต่ถึงอย่างนั้น กริดก็ยังไม่คลายความรู้สึกผิด
สมรสทางการเมือง
กริดแต่งงานกับบาซาร่าโดยปราศจากความรักเชิงหนุ่มสาว
บาซาร่าเองก็ทราบข้อเท็จจริงนี้ดี จึงทำตัวห่างเหินเพื่อไม่ให้กริดลำบากใจ
จนถึงขั้นที่ชายหนุ่มรู้สึกผิด
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด ตนก็มีสถานภาพผูกพันกับอีกฝ่าย
กริดมีหน้าที่ต้องมอบความรักให้บาซาร่า ไม่ว่าจะอยากทำหรือไม่ ชายหนุ่มต้องใส่ความพยายามเพิ่มเข้าไป
‘…แต่แมรีโรสเป็นข้อยกเว้น’
กับแมรีโรสนั้น… ไม่ไหว เรารับมือไม่ได้… ยังกลัวมาจนถึงตอนนี้…
ขณะลูบคลำริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว กริดสะดุ้งแผ่วเบา
เป็นเพราะไอรีนกับเมอร์เซเดสกำลังจ้องเขม็ง คล้ายกับสีแดงระเรื่อบนใบหน้ากริด กำลังสร้างความเข้าใจผิดบางอย่างให้สองสาว
ชายหนุ่มเกิดลางสังหรณ์ทันที
ค่ำคืนนี้คงยากลำบากเป็นแน่แท้
“แฮ่ม… เมอร์เซเดส”
กริดกระแอมแห้งเพื่อทำให้บรรยากาศสดใส
สมบัติล้ำค่าที่เหล่านักแปรธาตุเสี่ยงชีวิตปกป้อง ชายหนุ่มยื่นมันให้เมอร์เซเดส
ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ดูเหมือนอุปกรณ์สำหรับเคลือบกระดาษ
ได้แต่นึกสงสัยว่า มันมีความสำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
“พวกเขาบอกว่านี่คือสิ่งที่เธอกำชับให้ผลิต แม้มังกรจะเปลี่ยนเรย์ดันให้กลายเป็นทะเลเพลิง แต่พวกเขาก็ช่วยกันปกป้องอย่างสุดชีวิต”
“อุก…!”
“…?”
กริดได้แต่ยืนฉงน
เพราะมันเห็นดวงตาเมอร์เซเดสเบิกกว้างประหนึ่งลูกแมว มือเท้าขยับเขยื้อนในลักษณะแปลกประหลาด
ราชาอัศวิน
พฤติกรรมในปัจจุบันของเมอร์เซเดส ดูไม่เหมาะสมกับตำแหน่งที่อัศวินทั่วโลกใฝ่ฝันเลยสักนิด
ในท้ายที่สุด หญิงสาวชักดาบด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ดาบเสือขาวที่ใสยิ่งกว่ากระจก
“มะ…มันเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ…! ดิฉันจะทำลายมันทิ้ง!!”
“เดี๋ยว! เธอคิดจะทำอะไร? ใจเย็นก่อน!!”
เกิดความวุ่นวายขึ้นสักพัก
กริดใช้ร่างกายปกป้องวัตถุที่เปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของเลือดและเหงื่อนักแปรธาตุ เมอร์เซเดสจึงไม่กล้าแกว่งดาบส่งเดช
***
“ขอบคุณพวกเธอมาก”
“กริดตัวจริง… พวกเขารักษาสัญญา”
กรุงไรน์ฮาร์ท ปราสาทโอเวอร์เกียร์
ภายในวังหลวงโอเวอร์เกียร์ซึ่งปัจจุบันแทบจะกลายเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ กริดและอาสึกะแลกเปลี่ยนรอยยิ้มเป็นกันเอง
[ผู้เล่น ‘อาสึกะ’ เข้าร่วมกิลด์โอเวอร์เกียร์]
[ผู้เล่น ‘แบล็กเท็ดดี้’ เข้าร่วมกิลด์โอเวอร์เกียร์]
ในที่สุดความฝันของอาสึกะก็เป็นจริง
เธอได้รับสิทธิ์ให้ซื้อไอเท็มที่ผลิตโดยกริด
เป็นความฝันที่พยายามไล่ตามมาตลอดหลายปี
ขณะเดียวกัน นี่ก็เป็นข้อแลกเปลี่ยนที่กริดพึงพอใจ
อาสึกะและแบล็กเท็ดดี้โด่งดังมานานแล้ว
เนื่องจากเปิดรับเฉพาะไฮแรงเกอร์ กิลด์โอเวอร์เกียร์หนึ่งจึงยังมีที่ว่างเหลืออยู่
และยิ่งง่ายกว่าเดิมเมื่อได้ยินว่าทั้งสองช่วยชีวิตโนลล์กับเหล่าแวมไพร์
จุดแข็งที่สุดของอาสึกะคือ ‘ความร่ำรวย’ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเธอจะสร้างปาฏิหาริย์ด้วยอำนาจเงินตรา
แต่ถึงอย่างนั้น กริดก็รู้สึกขอบคุณจากก้นบึ้ง
ขอบคุณที่เลือกกิลด์โอเวอร์เกียร์ และขอบคุณที่ช่วยโนลล์
“ในตอนแรก ฉันสงสัยว่าพวกเธอคงไม่ชอบหน้าเรา เพราะทั้งสองคนไม่เคยยื่นใบสมัครมาก่อน… โชคดีที่ไม่ได้เป็นแบบนั้น”
“เรื่องนั้น… ฉันเคยทำร้ายทหารของนายที่ประจำการหน้าทางเข้าเมืองเฟนเรียร์ ก็เลยเสียใจและกลัวมาก…”
“เรื่องนั้นนี่เอง… จริงอยู่ที่ค่อนข้างน่าเศร้า แต่หลังจากนั้น หลายสิ่งก็เปลี่ยนไปมาก”
“…นับแต่นี้เป็นต้นไป ฉันจะคอยปกป้องทหารของนายอย่างสุดความสามารถ”
“อา… พวกเขากลายเป็นพวกพ้องของเธอแล้ว”
“อื้อ”
แนวคิดที่ว่า เป็นศัตรูครั้งหนึ่ง เป็นศัตรูตลอดกาล คือชุดความคิดที่โบราณและไร้วิสัยทัศน์
เพื่อที่จะต่อกรกับศัตรูที่แข็งแกร่ง การปรับความเข้าใจและปรองดองคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
เหมือนกับที่เซนอนทำ
เมื่อเวลาผ่านไป กรอบความคิดของกริดได้โตขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ถัดจากนั้นไม่นาน
“คิดว่ายังไงบ้าง”
“เจ๋งมาก”
กริดรับคำว่าจ้างจากอาสึกะทันที
นั่นเป็นข้อเสนอของกริดเอง เพราะชายหนุ่มวางแผนที่จะหมกตัวในโรงตีเหล็กสักระยะ
“แนวคิดน่าสนใจมาก”
ในหมู่เจ้าศาสตรา อาสึกะถือเป็นกรณีพิเศษ
ไม่เพียงแต่จะใช้อาวุธทุกชนิดได้อย่างชำนาญ แต่ยังมีกำลังทรัพย์ในการจัดหาสิ่งที่จำเป็นได้อย่างครบครัน
หากจำไม่ผิด เคยมีข่าวลือที่ว่า อาวุธทั้งหมดของกริดในท้องตลาด ถูกอาสึกะกว้างซื้อจนเกลี้ยงแล้ว
เป็นธรรมดาที่ความรู้ด้านอาวุธของเธอจะลึกซึ้ง
ดวงด้วยตาที่เปล่งประกาย หญิงสาวอธิบายให้กริดฟังว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตนปรารถนาอาวุธแบบใดบ้าง โดยที่กริดคอยมอบไอเดียและคำแนะนำด้านคุณสมบัติ
‘กระบองลูกตุ้ม… เราเองก็ลองใช้บ้างดีไหม?’
มีบางข้อเท็จจริงในศึกกับครานเบลที่ช่วยให้กริดกระจ่าง
ท่าแทงและฟันมีข้อจำกัด เมื่อต้องสู้กับเป้าหมายที่ทนทายาด ดูเหมือนว่าพลังในการบดขยี้จะมีประสิทธิภาพสูงกว่า
‘ยิ่งบาดแผลมีความซับซ้อน การฟื้นตัวก็ยิ่งใช้เวลานาน แถมยังสร้างอาการบาดเจ็บภายในได้ง่ายขึ้น’
ยกตัวอย่างเช่น หากทุบใส่เกล็ดมังกรบริเวณหน้าอก
มีความเป็นไปได้ที่เศษเกล็ดจะหักและทิ่มแทงเข้าไปในอวัยวะสำคัญของมังกร
สามารถคาดหวังให้เกิดอาการผิดปรกติทางกายภาพได้
อันที่จริง สิ่งนี้แทบจะเป็นตำราต่อสู้พื้นฐาน
มีผู้เล่นจำนวนมากใช้อาวุธรองประเภท ‘ทุบ’ มานานแล้ว
อย่างไรก็ดี กริดไม่เคยมองว่าอาวุธประเภททุบเป็นสิ่งจำเป็น เพราะการโจมตีหลักของตนคือท่ารำดาบ
ทักษะติดตัวของ ‘ท่ารำดาบเทพโอเวอร์เกียร์’ จะแสดงผลเมื่อถืออาวุธประเภทดาบเท่านั้น
พลังทำลายที่เหนือจินตนาการของกริด ล้วนมาจากการสวมใส่อาวุธประเภทดาบ
จึงเกิดเป็นกรอบความคิดที่ว่า อาวุธประเภทดาบดีที่สุดแล้วในการโจมตีระยะใกล้ ส่วนระยะไกลก็เป็นธนู
อย่างไรก็ดี ตอนนี้ถึงเวลาที่ต้องทำลายกรอบความคิดดังกล่าว
‘ยกตัวอย่างเช่น ในเมื่อดาบจันทราดับจะสร้างความเสียหายแบบคงที่ ทักษะติดตัวจากการถือดาบก็แทบไม่มีผล การสวมใส่อาวุธประเภทดาบหรือทุบจึงแทบไม่มีข้อแตกต่าง’
กริดเพิ่งตระหนักได้ว่า ความยอดเยี่ยมของทักษะติดตัวจากท่ารำดาบ คือพันธนาการที่ฉุดรั้งความคิดของตนมาตลอด
ไอเดียดังกล่าวเกิดจากพิมพ์เขียวของอาวุธใหม่ที่อาสึกะต้องการ รวมถึงแนวคิดที่เธอพยายามเพิ่มเข้ามาอีกหลายข้อ
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากด้วยนะ”
“ตกลง ถ้าเสร็จแล้วจะติดต่อไปหา”
“ฮิฮิ~ ใครจะไปคิดว่า ฉันจะได้เข้าร่วมกิลด์โอเวอร์เกียร์พร้อมกับอาวุธใหม่เอี่ยม… ใจเต้นเป็นบ้าเลย”
ตลอดสี่วันเต็ม
กริดจดจ่ออยู่กับงานว่าจ้างของอาสึกะ
ชายหนุ่มมีแผนจะเติมเต็มร่างกายอาสึกะกับแบล็กเท็ดดี้ด้วยอุปกรณ์ชุดใหม่
และเนื่องจากทั้งสองไม่ได้เร่งมือ กริดจึงไม่รีบร้อนที่จะตอบแทนบุญคุณ
ชายหนุ่มทราบดี สถานการณ์ในตอนนี้ยังไม่เร่งด่วน จึงไม่คิดจะผลิตผลงานคุณภาพต่ำให้คนทั้งสอง
กริดใช้เวลาช่วงแรกไปกับการจัดสรรแรงบันดาลใจที่พรั่งพรู
ก่อนจะเริ่มถลุงแขนของครานเบลกับเกล็ดเซนอน ชายหนุ่มอยากผ่อนคลายตัวเองให้มากที่สุด
‘…เมื่อลองมาคิดดู’
หลังจากสมาธิจดจ่อถึงขีดสุด กริดพบปัญหาสำคัญ
เขตแดนพายุเพลิงเทพ
โลกจินตภาพที่แฝงมากับหัวใจฟีนิกซ์แดง
พลังธาตุไฟ
ธาตุที่ไม่สอดคล้องกับคุณสมบัติของเทพโอเวอร์เกียร์ในปัจจุบัน
บางที เขตแดนพายุเพลิงเทพอาจเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่คอยฉุดรั้งตนไว้
‘ชุดเกราะที่ผลิตจากลมหายใจสี่เทพผู้พิทักษ์ก็เหมือนกัน’
สิ่งที่ต้องทำในอนาคต เริ่มชัดเจนขึ้นในความคิดกริด
อันดับแรกที่ต้องทำก็คือ ผลิตชุดเกราะใหม่จากเกล็ดมังกรที่ฮายาเตะเคยมอบให้เป็นของขวัญ และเกล็ดของเซนอนที่จะงอกขึ้นอย่างต่อเนื่องภายในเมืองเรย์ดัน
ส่วนคำถามที่ว่า จะเปลี่ยนโลกจินตภาพของตนด้วยวิธีใด คงต้องนำไปปรึกษากับบราฮัมและฟีนิกซ์แดง
‘เรายังมีหัวใจราชินีน้ำแข็งอยู่ แต่ว่า…’
หัวใจราชินีน้ำแข็ง คือน้ำแข็งที่ไม่มีวันละลาย
แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะให้ประเมินว่า ราชินีน้ำแข็งมีระดับตัวตนทัดเทียมฟีนิกซ์แดง
ฟีนิกซ์แดงเป็นถึงเทพ
มีโอกาสต่ำมากที่หัวใจราชินีน้ำแข็งจะสามารถ ‘คานอำนาจ’ กับเพลิงฟีนิกซ์แดง
‘ฟีนิกซ์แดงคงมอบคำแนะนำให้เราได้… ส่วนเหล็กแสงจันทร์ เราหาเพิ่มได้จากการทำภารกิจของไฟโวล์ฟ… สำหรับแขนของครานเบล… ไว้ค่อยถลุงหลังจากจัดการทุกสิ่งเรียบร้อยแล้ว’
ในความเป็นจริง สิ่งที่กริดผิดหวังมากที่สุดคือพลังโจมตีของตน
ท่ารำดาบผสานหกชนิดด้วยบัฟเต็มสูบ ผนวกกับค่าสถานะจากดรากอนไนท์
แม้จะเป็นพลังทำลายที่เหนือกว่าลมหายใจมังกร แต่นั่นกลับไร้ความหมายโดยสิ้นเชิง
เพราะหลอดพลังชีวิตของครานเบลแทบไม่กระดิก
กริดจำเป็นต้องมีพลังทำลายที่สูงกว่านี้ หากหวังเอาชนะบาเอลซึ่งเหนือกว่าครานเบลไปอีกขั้น
อย่างไรก็ดี กริดจัดลำดับการผลิตอาวุธไว้ท้ายสุด
เป็นความตั้งใจที่จะรอดูผลลัพธ์ของชุดเกราะใหม่และการเปลี่ยนโลกจินตภาพเสียก่อน
“…”
สีหน้ากริดพลันแข็งทื่อกะทันหัน
ของดูต่างหน้าของข่าน
ชายหนุ่มหวนนึกถึง ‘พิษ’ ภายใน <วัลฮัลล่าแห่งห้วงอาทรชั่วนิรันดร์> ที่ข่านสร้างขึ้นในวาระสุดท้าย
ใช่แล้ว
วัลฮัลล่าคือชุดเกราะที่มีธาตุ มิได้ว่างเปล่า
บางทีอาจถึงเวลาที่ต้องบอกลาเกาะวัลฮัลล่าเช่นกัน
‘ไม่สิ…’
หมับ
กริดจับส่วนหน้าอกของชุดเกราะด้วยฝ่ามือใหญ่หนา
ชายหนุ่มสัมผัสถึงความอบอุ่นของวัลฮัลล่าที่อบอุ่นเหมือนกับหัวใจข่าน พลางก็ขบกรามแน่น
‘เราต้องช่วยข่านให้ได้…’
ใบหน้ากริดที่ฝืนกลั้นน้ำตา ยับยู่ยี่ประหนึ่งกระดาษถูกขยำ
***
“ตรงนี้คือแม่น้ำแห่งการคืนชีพที่เป็นปัญหา”
ดวงวิญญาณมากมายกำลังกรีดร้อง
ทั้งหมดคือดวงวิญญาณที่ถูกจองจำอยู่ในแม่น้ำ ความทรงจำสมัยยังมีชีวิต ปัจจุบันเป็นราวกับคำสาป
“ตรงนี้คือ… ปลายแม่น้ำส่วนสุดท้าย เป็นช่วงที่กว้างใหญ่ไพศาลราวกับไร้จุดสิ้นสุด ยิ่งเดินตรงไปก็ยิ่งได้ยินเสียงกรีดร้องของดวงวิญญาณ”
ยูร่าอธิบายด้วยสีหน้าหม่นหมอง เช่นเดียวกันกับพวกพ้องที่กำลังฟัง
พวกมันอึดอัดใจเมื่อได้ทราบว่า เหล่ามนุษย์ที่เคยใช้ชีวิตร่วมกัน ปัจจุบันกำลังทุกข์ทรมานอยู่ที่ใดสักแห่งในแม่น้ำสายนั้น
ใครบางคนแสดงความโกรธออกนอกหน้า
“พวกเราบุกโจมตีปากสุนัขและจัดการกับเอลิกอสตรงๆ ไม่ได้หรือ?”
ทีมสำรวจนรกกำลังฮึกเหิมสุดขีด
ในขณะที่ฝ่ายผู้เล่นแข็งแกร่งขึ้นอย่างมากในมหาสงคราม ฝ่ายอสูรก็อ่อนแอลงมากเช่นกัน
นอกจากนั้น สมาชิกทั้งหมดของทีมสำรวจยังผ่านการล่าเฮลกาโอมาแล้วหลายครั้ง เมื่อถูกยอมรับจากเฮลกาโอ (?) ผลข้างเคียงภายในนรกก็กลายเป็นสิ่งไร้ความหมาย
ไม่ว่าจะท้องฟ้าที่ดูเหมือนจะถูกสาดด้วยสีสันอันชวนให้นึกถึงลางร้าย ดวงดาวที่บิดเบี้ยว หรือดวงจันทร์ที่มีดวงตานับพัน ทุกสิ่งล้วนมิอาจสร้างความหวาดหวั่นแก่ผู้มาเยือน
พวกมันอาละวาดในนรกได้อย่างอิสระ จึงไม่มีใครเกรงกลัวอัศวินดำเอลิกอส
ถึงจะได้ยินมาว่า อีกฝ่ายแข็งแกร่งยิ่งกว่าอสูรหลักเดียวบางตนเสียอีก แต่นั่นสำคัญตรงไหน?
ทีมสำรวจได้ประจักษ์ความแข็งแกร่งของนักล่าอสูรยูร่า อริยศรจิสึกะ รวมถึงเฟคเกอร์และแค็ทซ์ไปแล้ว
แถมยังมีหน่วยสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมอย่างขุนพลโอเวอร์เกียร์ เช่นเรกัสและป็อน นอกจากนั้น ทีมสำรวจที่เหลือก็ยังมั่นใจในฝีมือของตัวเอง
อย่างไรก็ดี เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์กลับคิดต่าง
โดยเฉพาะยูร่าที่เข้าใจพลังของเอลิกอสได้ชัดเจนกว่าใคร
“ระดับความยากของนรกขุมยี่สิบต้องเพิ่มขึ้นมากแน่ ไม่มีทางที่เอลิกอสซึ่งเคยเกือบพลาดท่ามาแล้วหนหนึ่ง จะไม่เตรียมตัวรับมือการบุกรุกในอนาคต”
ปากสุนัขที่ควบคุมแม่น้ำแห่งการคืนชีพ คือหนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญของนรก
จะต้องมีเหตุผลสำคัญที่เอลิกอสถูกส่งมาประจำการแน่นอน
พิจารณาจากเรื่องที่เอลิกอสไม่ประมาทเลอราเฆ่ มีความเป็นไปได้ว่ามันคือนักวางกลยุทธ์ผู้รอบคอบ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากนรกขุมยี่สิบในปัจจุบันจะเต็มไปด้วยแนวป้องกันหลายชั้นที่บั่นทอนกำลังผู้บุกรุก
> นี่… ข้ายังต้องการเจ้าอยู่นะ
“…!”
ยูร่าพลันสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงที่ดังขึ้นในหัวกะทันหัน
แน่นอน เธอจำเจ้าของเสียงได้
ตัวตนที่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตยูร่าเมื่อนานมาแล้ว
คงยากที่จะให้ลืมเสียงของจอมอสูรลำดับสอง อาโมแรค
Comments
Post a Comment