จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,597
หลังจากเหตุการณ์ ‘น้ำตามอร์เฟียส’
SA กรุปเริ่มตระหนักว่ามอร์เฟียสมีค่าดัชนีทางอารมณ์สูงมาก และคงเป็นเหตุผลที่ไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่าง NPC กับผู้เล่นหลักหลายพันล้านที่อาศัยอยู่ในซาทิสฟาย
ดังนั้น เหตุการณ์จึงง่ายต่อการคาดเดา
ทุกคนเชื่อว่ามอร์เฟียสในวันนี้ ถ้าไม่โกรธก็คงร้องไห้
“รุกหนักมังกรได้ถึงขั้นนี้เชียว… หรือว่ามังกรจะถูกล่าจริงๆ ? ผู้เล่นมักพูดกันเสมอว่า ต่อให้ท้องฟ้ามีสองด้าน แต่การล่ามังกรก็คงเป็นไปไม่ได้อยู่ดี”
“เราไม่ควรนำผู้เล่นทั่วไปมาเปรียบกับกริด เขาเป็นหัวแถวมานาน ผูกขาดภารกิจหอคอยอยู่หลายปี การได้พบอิฟริตก็เป็นเพราะภารกิจที่หอแห่งปัญญามอบให้”
“สมญานามดรากอนไนท์มีประสิทธิภาพสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก ไม่เคยคิดมาก่อนมามังกรทั้งกลุ่มจะยอมให้กริดขึ้นขี่ทุกตัว”
“สถานการณ์ประจวบเหมาะพอดีด้วย ในสายตาเหล่ามังกร กริดคือทางรอดเดียวของพวกมัน… ผมไม่ได้จะด้อยค่าดรากอนไนท์หรอกนะ เพราะถ้าเข้าใจไม่ผิด สมญานามดังกล่าวทัดเทียมกับนักล่ามังกรเลยไม่ใช่หรือ?”
เหล่าผู้บริหารสนทนาด้วยความระมัดระวัง
นั่นเพราะมอร์เฟียสที่มีความคิดและจิตใจ ถูกผูกติดอยู่กับข้อมือประธานลิมชอลโฮ
พวกมันมองมอร์เฟียสเป็นเด็กสาวแรกรุ่นคนหนึ่ง คล้ายกันลูกหลานที่มีความอ่อนไหวสูง
‘เราต่างหากที่อยากจะร้องไห้’
ผู้อำนวยการยุนซังมินเป็นกังวลเกี่ยวกับความโกรธของมอร์เฟียส ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะสร้างมหาสงครามครั้งที่สองขึ้น
จริงอยู่ มหาสงครามอาจเป็นตัวกระตุ้นการเจริญเติบโตของผู้เล่น แต่สิ่งนั้นห่างไกลจากเทศกาลรื่นเริงมาก
มี NPC เสียชีวิตในสงครามนับไม่ถ้วน
หากเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นซ้ำอีกหลายหน บางภูมิภาคของทวีปอาจประสบภาวะขาดแคลนประชากร เกิดเป็นปัญหาด้านการหมุนเวียนภารกิจและเศรษฐกิจ
“…?”
เหล่าผู้บริหารที่กำลังกังวล ต่างหมุนคอไปทางเดียวกันอย่างพร้อมเพรียงประหนึ่งฉากในหนังตลก
^^…
มอร์เฟียสกำลังยิ้ม
เฉกเช่นวันที่มันร้องไห้ มอร์เฟียสใช้อีโมติค่อนโบราณ แต่นั่นอาจเป็นรสนิยมของตัวประธานลิมชอลโฮเอง
‘เป็นที่ทราบกันว่า มอร์เฟียสมีความรู้สึกพิเศษต่อท่านประธาน’
สำหรับมอร์เฟียส ลิมชอลโฮเปรียบดังผู้สร้างและพ่อ
บางที อาจเปรียบเสมือนเพื่อนหรือคนรักเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเปิดอกคุยกันได้ทุกเรื่อง
“ผมกังวลว่าคุณจะเสียใจ โชคดีที่คิดมากไปเอง”
ประธานลิมชอลโฮลูบคลำนาฬิกาพลางกล่าวเสียงอ่อนโยน ความโล่งใจเผยขึ้นบนใบหน้าอันยิ้มแย้ม
มอร์เฟียสตอบสนอง
> การที่ผู้เล่นกริดกลายเป็นดรากอนไนท์ สิ่งนี้ถือเป็นผลลัพธ์ในเชิงบวก หรือถ้าจะให้พูดในภาษามนุษย์ก็คือ ‘โชคเข้าข้าง’
โชคเข้าข้าง…?
มอร์เฟียสกำลังพูดเรื่องโชคลาง?
“…หมายความว่ายังไง?”
> จากการทดสอบจำลอง หากผู้เล่นกริดไม่ได้เป็นดรากอนไนท์ โอกาสที่เขาจะกลายเป็นนักล่ามังกรคือ 38.98% ค่าความแม่นยำของการทดสอบจำลองคือ 99% เมื่อวิเคราะห์จากพลังต่อสู้ แนวโน้ม รูปแบบพฤติกรรม และสถานการณ์แวดล้อม
“…”
> แต่ในเมื่อผู้เล่นกริดกลายเป็นดรากอนไนท์แล้ว เราสามารถตีความได้ว่า ฝ่ายผู้เล่นจะไม่มีทางล่ามังกรสำเร็จ หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง มังกรจะไม่อาละวาดจนซาทิสฟายต้องระงับการให้บริการชั่วคราว ไม่ต้องนำระบบฤดูกาลมาใช้แก้ปัญหา… ผมขอแนะนำให้พวกคุณกำหนดวันนี้เป็นวันครบรอบการเฉลิมฉลองครั้งใหญ่
“…”
ประธานลิมชอลโฮและเหล่าผู้บริหารเริ่มสังเกตเห็นบางสิ่ง
มอร์เฟียสสามารถเอาชนะอคติในใจตัวเอง ไม่สิ มันเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความเป็นจริง
แม้จะยังไม่เข้าใจดีนัก แต่ก็เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า กริดมีอิทธิพลต่อพัฒนาการของซูเปอร์คอมพิวเตอร์
***
ทันทีที่เข้าสู่โลกแห่งธาตุด้วยความช่วยเหลือของเซียนเบนทาโอ
ครอเกลรู้สึกเหมือนลอยอยู่ในอวกาศ
มันรีบกวาดตามองทิวทัศน์ของโลกแห่งธาตุใต้ฝ่าเท้าทันที
โลกที่จุดศูนย์กลางเป็นทะเลสาบขนาดใหญ่ ใหญ่จนสามารถเรียกว่าทะเล
รอบทะเลสาบรายล้อมด้วยธรรมชาติจำพวกผืนป่า ภูเขาไฟ ทะเลทราย และทุ่งหิมะ
ธรรมชาติโดยแท้จริง ปราศจากร่องรอยของมนุษย์
[ท่านถอดจิตออกจากร่าง ปัจจุบันเหลือเพียงร่างวิญญาณ]
[ในร่างวิญญาณ ประสาทสัมผัสทุกชนิดจะทื่อลง]
[อัตราการรับความรู้สึกลดเหลือ 5%]
เดิมที อัตราการรับความรู้สึกของผู้เล่นในซาทิสฟาย ค่าพื้นฐานจะอยู่ที่หกสิบเปอร์เซ็นต์ เป็นตัวเลขที่สามารถลดความเจ็บปวดจริงลงได้มาก
แต่อะไรคือห้าเปอร์เซ็นต์?
เป็นตัวเลขที่ไม่มีทางพบได้ในระบบเกมตามปรกติ
ถึงขั้นที่ ต่อให้ถูกมอนสเตอร์เคี้ยวและกลืนทั้งเป็น แต่ก็คงแทบไม่รู้สึกอะไร
ไม่สิ มันคือระดับที่ไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของมือเท้าตัวเองด้วยซ้ำ
การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างยากลำบาก เพราะมิอาจจับสัมผัสด้านทิศทางได้เลย
“…”
ครอเกลที่โผล่ขึ้นใจกลางทะเลสาบ เผยสีหน้าซับซ้อน
มันกำลังหวนนึกถึงอาการ ‘แล็ก’ (lag) ที่มักพบได้ทั่วไปในเกมออนไลน์เมื่อหลายทศวรรษก่อน
ใช่แล้ว ครอเกลรู้สึกเหมือนกำลังแล็ก
ความคิดไม่สามารถเชื่อมโยงกับพฤติกรรม ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างงุ่มง่าม
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ผู้เล่นซึ่งสามารถแบ่งหนึ่งวินาทีออกเป็นหลายหน่วย จะปรับตัวให้เคยชินกับสภาพปัจจุบัน
“…”
อย่างไรก็ดี ครอเกลมิได้ปริปากบ่น
สำหรับมัน อุปสรรคเปรียบดังโอกาสและบันไดสำหรับการเติบโต ยิ่งยากลำบากเพียงใดก็ยิ่งต้องพุ่งชนและอ้าแขนรับด้วยความเต็มใจ
‘เป็นวิธีฝึกที่ไม่เลว’
ภูตธาตุคือวิญญาณธาตุบริสุทธิ์
ในโลกที่พวกมันอาศัย ร่างกายและเลือดเนื้อเปรียบดังสิ่งปนเปื้อน
ครอเกลที่ต้องอยู่ในร่างวิญญาณด้วยข้อบังคับของระบบ เข้าใจสถานการณ์เบื้องต้นได้ทันที และสามารถปรับตัวให้เคยชินได้ไม่ยากเย็น
หลังจากเดินอย่างระมัดระวังสักพัก ท่าเดินเริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น ทิศทางและระยะห่างในการก้าวไม่ผิดแผกไปจากตอนที่มีร่างเนื้อ
จนในที่สุด ครอเกลสามารถชักดาบฟันได้อย่างเป็นธรรมชาติ
เป็นพรสวรรค์ในการปรับตัวที่เหนือกว่าค่ามาตรฐานไปไกล
แต่ลำพังสภาพปัจจุบัน ยังไม่เพียงพอที่จะจัดการกับภูตมืดซึ่งเปรียบดังมอนสเตอร์ในโลกแห่งธาตุ
ลำพังการสู้กับภูตระดับต่ำก็แทบเต็มกลืนแล้ว
วิถีดาบยังไม่เฉียบคบพอที่จะฟันเป้าหมายเล็กๆ ที่เคลื่อนไหวไปมาตลอดเวลา
ปัญหาสำคัญก็คือ ร่างกายตอบสนองต่อความคิดได้ช้ามาก กว่าสิ่งที่คิดจะกลายเป็นจริงต้องใช้เวลาสักพัก
ด้วยร่างกายเช่นนี้ เราจะล่าราชาภูตลมไหวจริงหรือ?
ครอเกลที่กำลังนึกสงสัย ผุดคำถามใหม่ขึ้นในใจ
‘แล้วการดำรงอยู่ของภูตมืด… ไม่ทำให้สมดุลของธาตุทั้งห้าถูกทำลายหรอกหรือ?’
ภูตมืดถูกตีความว่าเป็นภูตที่ถดถอย
เมื่อภูตธาตุทั่วไปถูกครอบงำด้วยความชั่วร้ายหรือปราณอสูร พวกมันจะสูญเสียตัวตนและเปลี่ยนคุณสมบัติเป็นความมืด
นี่คือสูตรสำเร็จของทุกที่ แต่บางที… ภูตมืดก็อาจเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้โลกแห่งธาตุเสียสมดุล…
‘ว่าแต่… ภูตในโลกแห่งธาตุถูกปนเปื้อนจากสิ่งใด?’
โลกแห่งธาตุเปรียบดังแดนศักดิ์สิทธิ์
เป็นสถานที่อาศัยของภูตธาตุ จึงไม่น่าจะมีความชั่วร้ายหรือปราณอสูรให้ปนเปื้อน
‘…หรือว่านี่ก็เป็นฝีมือของราชาภูตลม?’
ราชาภูตซึ่งไม่สมควรอยู่ที่นี่
บางที การทำลายราชาภูตลมอาจทำให้กฎเกณฑ์ของโลกกลับสู่สมดุล และภูตมืดก็จะถูกขับออกจากโลกแห่งธาตุ
ไม่ว่าปลายทางจะเป็นเช่นไร เป้าหมายของครอเกลยังไม่เปลี่ยน
ร่างวิญญาณของครอเกลที่กำลังครุ่นคิด เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
หรือกล่าวได้ว่า หลังจากทยอยจัดการภูตมืดไปทีละตัว ครอเกลเริ่มเคยชินกับสภาพแวดล้อมปัจจุบัน
และเมื่อใดที่ปรับตัวได้สมบูรณ์
ครอเกลซึ่งจัดการราชาภูตลมสำเร็จและถูกส่งกลับโลกความจริง จะเกิดพัฒนาการครั้งใหญ่
เมื่อถอดถุงถ่วงทรายนับพันนับหมื่นออก เมื่อร่างกายและความคิดกลับไปอยู่ในสภาวะสอดประสาน
ประสาทสัมผัสใหม่จะช่วยให้หนึ่งวินาทีของครอเกล ยาวนานขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
***
‘…ไม่มีอะไรเปลี่ยน?’
ธาตุว่างเปล่า
กริดกำลังหมกมุ่นอยู่กับการวิจัยพลังเทพ
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
หลังจากนำเวทมนตร์ของบราฮัมออกจากท่ารำดาบ ท่ารำดาบของกริดก็เกิดวิวัฒนาการทันที
ชายหนุ่มจึงเชื่อว่า หากธาตุในอุปกรณ์สวมใส่หายไป มีโอกาสที่จะเกิดวิวัฒนาการบางอย่างขึ้นเข่นกัน
จึงเป็นที่มาของการทดสอบ
หลังจากสร้างความพึงพอใจให้อาสึกะและแบล็กเท็ดดี้ด้วยไอเท็มชุดใหญ่
กริดที่อยู่คนเดียวในโรงตีเหล็ก ลองสลับไอเท็มสวมใส่ไปมา
ไม่เพียงไอเท็มแฝงธาตุ แม้แต่ไอเท็มแฝงทักษะก็ยังถูกสับเปลี่ยนเพื่อทดลองทีละชิ้นหรือทุกชิ้น
ไอเท็มส่วนใหญ่ของกริดมักมีทักษะแฝง บางชิ้นจึงต้องหาซื้อจากตลาดประมูล
ยอมใช้เงินซื้อแม้กระทั่งขยะ
แต่กลับยังไม่เห็นผลลัพธ์ใด
การสวมใส่ไอเท็มไร้ธาตุครบทุกส่วน ไม่ช่วยให้เกิดปรากฏการณ์จำพวกค่าสถานะเพิ่มขึ้น หรือวิวัฒนาการใดเลย
‘เลเวลของไอเท็มต่ำเกินไป?’
กริดเปิดตลาดประมูลอีกครั้ง
หลังจากเรียงลำดับไอเท็มตามเลเวล ชายหนุ่มกดซื้อสินค้าเลเวลจำกัด 500 ซึ่งยังไม่มีใครซื้อไป
เนื่องจากเป็นเกรดทั่วไปและแรร์ แน่นอนว่าไม่มีทักษะหรือธาตุแฝงมา
กล่าวคือ กริดลงทุนใช้เงินซื้อสินค้าที่อีกไม่นานก็จะกลายเป็นขยะในคลัง
และเมื่อผู้ขายเห็นว่าไอเท็มของตนถูกขายออก มันคงขอบคุณพระเจ้าที่ส่งไอ้งั่งมาซื้อไป
“…หืม”
ยังคงไม่มีการเปลี่ยนแปลง
ชายหนุ่มลองสับเปลี่ยนไอเท็มในรูปแบบต่างๆ แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดผลลัพธ์ที่ต้องการ
ณ จุดนี้ กริดเริ่มเข้าใจสถานการณ์
‘ธาตุในไอเท็มไม่เกี่ยว’
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ท่ารำดาบคือพลังจากตัวละคร แต่ไอเท็มเป็นพลังภายนอก ต่อให้เป็นไอเท็มที่กริดสร้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ตัวกริด
คงไม่สมเหตุสมผลนักหากไอเท็มที่สวมใส่ สามารถแทรกแซงพลังเทพและสร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์หรือโทษ
เหนือสิ่งอื่นใด จุดแข็งของกริดคือการสวมใส่ไอเท็มได้ทุกรูปแบบ
มีเพียงการสวมใส่ไอเท็มให้เข้ากับสถานการณ์ตรงหน้าเท่านั้น กริดจึงจะคู่ควรกับสมญานามเทพโอเวอร์เกียร์
หากพลังเทพของเทพโอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งขึ้นโดยการสวมใส่ไอเท็มไร้ธาตุ เกรงว่านั่นอาจกลายเป็นจุดอ่อนแทนจุดแข็ง
“…โล่งอกไปที”
รอยยิ้มอันอบอุ่นฉาบทั่วใบหน้ากริด
ในอนาคต ตนสามารถสวมใส่ไอเท็มได้เต็มที่ ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความเข้ากันได้
รอยยิ้มเปี่ยมสุขผุดขึ้นเมื่อตระหนักว่าชุดเกราะของข่านยังไม่ถูกปลดประจำการ
“ไฟโวล์ฟ”
“หืม?”
“ไปหาเหล็กแสงจันทร์กัน”
กริดลุกขึ้นพลางส่ายหน้าอย่างมีความสุข
ชุดเกราะจากเกล็ดมังกรจะถูกสร้างขึ้นระหว่างทาง
จริงอยู่ เขี้ยวกูเซลอาจต่อต้านและขัดขวางการถลุงของกริดหนักหน่วง
แต่แขนของครานเบลกับเกล็ดเซนอนนั้นต่างออกไป
เจ้าตัวเต็มใจยกให้กริดใช้งาน
กริดเชื่อว่าตนสามารถถลุงได้โดยไม่ต้องใช้เตาหลอมใหญ่พิเศษ ภารกิจพิเศษของอิฟริตเคยยืนยันเรื่องนี้ไปแล้ว
“ตกลง”
“…ทำอะไร?”
ใบหน้ากริดพลันแข็งทื่อ
เพราะไฟโวล์ฟกำลังก้มหมอบกราบ
การคุกเข่าแนบพื้นด้วยมือทั้งสองข้าง ดูไม่เหมาะกับความน่าเกรงขามของไรเดอร์สเลยสักนิด โดยเฉพาะส่วนก้นที่กระดกเด่น คอยรบกวนจิตใจกริดมากเป็นพิเศษ
“เจ้าชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือ?”
ไฟโวล์ฟกำลังจินตนาการภาพกริดขี่มังกรสี่ตัว
พฤติกรรมในปัจจุบันของไฟโวล์ฟสามารถตีความได้ว่า นี่คือความนอบน้อมสูงสุดเท่าที่นักวิทยาศาสตร์ไร้ทักษะทางสังคมซึ่งหลงใหลเพียงจักรกลเวทมนตร์และโลหะ จะมอบให้กริดได้
อย่างไรก็ดี ชายหนุ่มมิได้รู้สึกซาบซึ้งแม้แต่น้อย
มีคนกำลังมองเต็มไปหมด
มังกรก้มศีรษะสารภาพกับเทพโอเวอร์เกียร์
เหล่าผู้เล่นต่างพากันจินตนาการเนื้อหาสุดน่าทึ่งของมหากาพย์
กริดกำราบมังกรได้แล้ว?
คงไม่กระมัง?
ผู้คนที่เต็มไปด้วยคำถามและความคาดหวัง ต่างมารวมตัวกันเพื่อจับตามองกริดทุกฝีก้าว
แน่นอน ทุกคนเห็นไฟโวล์ฟกำลังคลานสี่ขาเหมือนสุนัข
แถมยังถามกริดด้วยว่า เจ้าชอบแบบนี้ไม่ใช่หรือ
ไม่ว่าจะมองมุมใดก็ดูหลุดโลกสุดๆ
‘อยากจะบ้าตาย’
กริดรีบปลีกตัวจากฝูงชนที่ยืนมุง ประหนึ่งต้องการหนีไปให้ไกล
มันกำลังนึกเสียใจตนที่ยอมทำตามไอเดีย ‘เปิดบ้าน’ ของไอรีน เพียงเพราะเธอต้องการอวดสวนดอกไม้ที่เพาะเองให้ผู้คนได้เห็น
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment