จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,598


มหาเสนาบดีลอเอลคือผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดทางการเมืองในจักรวรรดิ


ได้รับอำนาจเต็มด้านกิจการภายใน การทูต และการแต่งตั้งบุคลากร


แต่นั่นหมายถึงความรับผิดชอบที่เพิ่มขึ้น


งานของลอเอลหนักหนาสาหัสเหนือจินตนาการ ไม่ว่าจะในยามออนไลน์หรือออฟไลน์ มีบ่อยครั้งที่ลอเอลหน้ามืดเพราะทำงานหนักเกินไป จนถึงขั้นประสบภาวะผมร่วงรุนแรง


แต่มันก็คุ้มค่า


เฉกเช่นที่กริดยกระดับตัวเองด้วยสนามรบจนกลายเป็นอรหันต์ ศักยภาพและความเข้าใจทางการเมืองของลอเอลที่คอยรบในสนามการเมือง ได้พัฒนากลายเป็นระดับอรหันต์เช่นกัน


มันรับรู้ภาพรวมทางการเมืองได้เหมือนหมากบนกระดาน และสามารถแก้สถานการณ์ได้ทันท่วงทีเสมอ


เป็น ‘เหนือมนุษย์’ ในอีกแง่มุมหนึ่ง


ย้อนกลับไปก่อนที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะกลายเป็นจักรวรรดิ


ลอเอลเอาชนะทุกอุปสรรคภายในโดยไม่หยุดพัก


สามารถกล่าวได้ว่า หากไม่มีลอเอล วันนี้ก็จะไม่มีจักรวรรดิโอเวอร์เกียร์


ประสบการณ์ที่สั่งสมอย่างยาวนานกองสุมยิ่งกว่าขุนเขา ลอเอลจึงมีสิทธิ์อันชอบธรรมที่จะได้เกิดใหม่ในฐานะเหนือมนุษย์


“ตรงนี้ ตรงนี้ และตรงนี้”


แผนที่จักรวรรดิโอเวอร์เกียร์


บนแผนที่ขนาดใหญ่ซึ่งแทบไม่แตกต่างจากแผนที่ทวีปตะวันออก ลอเอลชี้ไปยังเมืองสามแห่ง


จากนั่นก็ทำมือเป็นสัญลักษณ์ ‘เชือด’


“ส่งผู้ตรวจการเข้าไปภายในสัปดาห์นี้”


“เซเรฟคือเมืองหลวงของมาร์ควิสไคซัคไม่ใช่หรือ? คงเกิดคลื่นระลอกใหญ่ตามมาแน่…”


“ขึ้นอยู่กับผลการตรวจสอบ ฉันเชื่อว่าไม่มีใครกล้าปกป้องเขา”


<วิสัยทัศน์ของมหาเสนาบดีแห่งจักรวรรดิ>

สามารถระบุเลเวล ค่าสถานะ ทักษะ บุคลิก ศักยภาพ ความเอนเอียง ราศี และดวงชะตาของเป้าหมาย

มานา: 5,000

ระยะหน่วง: 2 ชั่วโมง


นี่คือทักษะเฉพาะตัวของลอเอล มันถูกยกระดับขึ้นในวินาทีที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์กลายเป็นจักรวรรดิ


เกรดของทักษะคือ เลเจนดารี (ยกระดับ)


ไม่เพียงจะมองเห็นศักยภาพของเป้าหมาย แต่ยังรวมไปถึงแก่นแท้ของจิตใจ


นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก


ลอเอลสามารถวางเหล่าอัจฉริยะไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสม


‘ดรีมทีม’ ที่ลอเอลเลือกเฟ้นด้วยตัวเอง ถือกำเนิดขึ้นเพื่อทำให้ทุกปัญหาภายในจักรวรรดิเป็นเรื่องง่าย


นอกจากนั้น ทักษะยังช่วยทำนายว่า เมื่อใดที่ดรีมทีมจะเริ่มแข็งข้อ เมื่อใดที่ช่วงเวลารุ่งโรจน์ของดรีมทีมนี้จะสิ้นสุดลง และจะมีใครในทีมทุจริตต่อบ้านเมืองหรือไม่


ด้วยเหตุนี้ ส่วนกลางจึงมักส่งคนไปตามหัวเมืองต่างๆ เพื่อตรวจสอบการทำงาน


ในบางรายก็ดูไร้เหตุผล จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็นกรณีเสร็จศึกฆ่าขุนพล


ลอเอลคุ้นชินกับคำวิจารณ์เป็นอย่างดี พลังอำนาจจึงถูกใช้อย่างเต็มที่โดยปราศจากความกังวล


ไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นราชวงศ์ซาฮารันหรือไม่


ยิ่งเป้าหมายเป็นตระกูลใหญ่หรือมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้น ลอเอลยิ่งจับตามองเป็นพิเศษ ไม่ได้จงใจปล่อยปละละเลย


เพราะถ้าพบปัญหาได้ช้า วิธีแก้ไขปัญหาก็จะยิ่งรุนแรง


ใช่แล้ว


หากเป็นไปได้ ลอเอลก็ไม่ต้องการให้เกิดเหตุนองเลือด นั่นคือความเมตตาในแบบฉบับของมัน เพื่อให้ได้มาซึ่งสันติภาพภายในจักรวรรดิ


“ท…ท่านมหาเสนาบดี!”


“มีอะไร?”


“ร..เรื่องนั้น มีรายงานว่าคณะผู้ตรวจการที่ส่งไปทางตะวันออก หายตัวไปจากชูฮาวส์”


“…”


แน่นอนว่า ลอเอลไม่ใช่เทพ


อาจรับรู้หลายสิ่งภายในจักรวรรดิได้ตลอดเวลา แต่ใช่ว่าจะเห็นทุกสิ่ง


ทั้งที่ทุ่มอำนาจและทักษะทั้งหมดในมือแล้วก็ตาม


ต้องไม่ลืมว่า บนโลกนี้มีไอ้พวกสารเลวอยู่นับไม่ถ้วน


ต่อให้เป็นเทพก็มิอาจควบคุมการทุจริตทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว


‘อย่างที่คิด… ฝ่ายที่มองว่าการสำรวจนรกคือโอกาสทอง ค่อยๆ เผยธาตุแท้ออกมาทีละคน’


ใครบางคนกล่าวไว้ว่า จากมนุษย์หนึ่งล้านคน จะมีคนที่จิตใจประเสริฐเพียงหนึ่ง


มนุษย์ 99.99 เปอร์เซ็นต์เคยมองข้ามศีลธรรมและก่อความผิดอย่างน้อยหนึ่งครั้ง


นั่นไม่ใช่อคติที่ลอเอลมีต่อมนุษย์ หากแต่เป็นข้อเท็จจริงที่ไม่ได้เกินเลย


ลองดูเพื่อนบ้านของคุณสิ


หรือใกล้กว่านั้น ลองย้อนดูตัวคุณเอง


‘เพื่ออนาคต เราต้องเพิ่มขนาดทีมผู้ตรวจสอบ’


เป็นเรื่องยากที่จะสรรหาบุคคลซึ่งไม่หลงระเริงไปกับสิ่งล่อลวง


เหล่าเจ้าเมืองที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตส่วนใหญ่ ในตอนแรกก็เคยเป็นคนดีมาก่อน ทุกคนเคารพศรัทธาเทพจักรพรรดิกริดจากก้นบึ้ง และสาบานว่าจะจงรักภักดีต่อแผ่นดิน


ทว่า เมื่อถูกล่อลวงซ้ำแล้วซ้ำเล่า จิตใจก็เริ่มเสื่อมทราม


‘ไม่มีใครที่ใช้การได้เลยหรือ…’


ณ ปัจจุบัน คนที่ลอเอลไว้ใจส่วนใหญ่ถูกส่งลงไปสำรวจนรก


ความวิตกเริ่มกัดกินจิตใจ เมื่อลอเอลตระหนักว่าไพ่ในมือของตนเหลืออยู่ไม่มาก


ปัญหาสำคัญก็คือ จักรวรรดิโอเวอร์เกียร์กินพื้นที่กว้างใหญ่เกินไป


ค่อนข้างเจ็บปวดที่ต้องยอมรับความจริงว่า ปัญหาทยอยเกิดขึ้นอย่างชุกชุม ทั้งที่จักรวรรดิเพิ่งถูกสถาปนาได้เพียงไม่กี่เดือน


และส่วนหนึ่งของปัญหาก็เกิดจากตัวลอเอลเอง


จากบรรดาเจ้าเมืองที่ลอเอลแต่งตั้ง คุณสมบัติเชิงความสามารถจะถูกมองก่อนอุปนิสัยเสมอ เพราะไม่ว่ายังไงพวกมันก็เป็นแค่ไพ่ที่เตรียมใช้แล้วเขี่ยทิ้งหากเริ่มออกลาย


ลอเอลไม่มีทางเลือกนอกจากต้องตามแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า


แล้วหลังจากนี้ ดินแดนต่างๆ จะถูกบริหารโดยปัจจัยด้านคุณธรรมมากกว่าฝีมือ


จริงอยู่ คงมีสักวันที่คนเหล่านี้พ่ายแพ้ให้กับสิ่งล่อลวง แต่อย่างน้อยก็ยังครองสติได้นานกว่า


“…เดี๋ยวนะ”


ใบหน้าลอเอลที่กำลังใคร่ครวญ พลันสดใสขึ้นมาทันที


มันนึกถึงยอดฝีมือบางคนที่ต้องตกงานหลังจากทวีปถูกย้อมด้วยสีของจักรวรรดิโอเวอร์เกียร์


ยมทูต ไนท์


คลาสลับสายนักฆ่าที่โด่งดังด้านประสิทธิภาพการทำงาน


***


[ฮัคเซ่นถอนหายใจเฮือกใหญ่]


“…”


ซีดาน ไฟโวล์ฟ และฮัคเซ่น


ทั้งสามมีหนึ่งสิ่งร่วมกัน


พวกมันคือวิญญาณที่กริดได้รับหลังจากโค่นจอมอสูรลำดับสี่ คามิคิน


แน่นอน ชายหนุ่มไม่ได้มองพวกมันเป็นเพียงสิ่งของ


จึงนึกเสียใจมาตลอด


เรื่องที่ฮัคเซ่นเป็นเพียงคนเดียวที่ยังลอยวนเวียนรอบตัวกริด


แตกต่างจากซีดานที่แก้ไขอดีตและค้นพบผู้สืบทอด กับไฟโวล์ฟที่ได้รับร่างกาย (?) ที่ตนปรารถนากลับคืน ฮัคเซ่นยังคงอยู่ในสถานะแรกเริ่ม


ทำได้เพียงเตร็ดเตร่ในสภาพวิญญาณ


เมื่อเทียบกับเมื่อครั้งถูกจองจำในนรก สถานการณ์แทบไม่ได้ดีไปกว่ากัน


“ฉันไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง… แค่ตอนนี้มีความจำเป็นต้องใช้เหล็กแสงจันทร์อย่างเร่งด่วน”


กริดที่รู้สึกผิด พยายามอธิบายให้ฮัคเซ่นฟัง


ด้วยความจริงใจจากก้นบึ้ง


กริดต้องการเหล็กแสงจันทร์เพื่อนำมาสร้างปรากฏการณ์ใหม่


ปรากฏการณ์ที่มาในรูปทรงกระบองลูกตุ้ม


มีโอกาสสูงที่จะใช้ระยะหน่วงจะร่วมกับดาบจันทราดับ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะสถานการณ์ที่ต้องใช้งานกระบองลูกตุ้ม เป็นคนละส่วนกับดาบจันทราดับอยู่แล้ว


จริงอยู่ที่กริดได้ดัดแปลงให้มโยลเนียร์มีคุณภาพสูงขึ้น แต่นั่นยังไม่เพียงพอ


อาการผิดปรกติ ‘ชะงัก’ ของมโยลเนียร์ไม่สามารถใช้กับเป้าหมายที่มีระดับตัวตนสูง


คนละเรื่องกับเหล็กแสงจันทร์ที่มองข้ามระดับตัวตนเป้าหมายโดยสิ้นเชิง


นอกจากนั้น เหตุผลที่กริดหมกมุ่นอยู่กับอาวุธประเภททุบ เป็นเพราะคำนึงถึงข้อจำกัดของหัตถ์เทวะ


เฉกเช่นมโยลเนียร์ หัตถ์เทวะแทบไม่มีบทบาทในศึกระดับสูง


นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ เป็นข้อจำกัดตายตัวของละโมบมานานแล้ว


ปัญหาสำคัญคือด้านความเร็ว


ย้อนกลับไปในตอนที่สู้กับครานเบล


อุกกาบาตก้อนละโมบที่กริดพยายามทิ้งใส่เป้าหมายทุกครั้งที่สบโอกาส กลับไม่โดนตัวครานเบลแม้แต่หนเดียว


หรือต่อให้โดน ก็คงเกิดคำถามว่าจะทะลวงผ่านการป้องกันสัมบูรณ์ได้หรือไม่


ย้อนกลับมาที่ความเร็ว ละโมบเชื่องช้าเสียจน ครานเบลสามารถหลบหลีกได้ง่ายดาย


เป็นปัญหาทางด้านความเร็วโดยไม่มีสิ่งอื่นเจือปน


กล่าวคือ หากกริดต้องการใช้งานอาวุธประเภททุบ การให้หัตถ์เทวะถือแทนนั้นแทบไม่เกิดประโยชน์ เพราะยิ่งศัตรูแข็งแกร่ง โอกาสโจมตีโดนก็ยิ่งต่ำ


‘เหนือสิ่งอื่นใด หัตถ์เทวะควรถูกใช้เป็นประสาทสัมผัสเทียมมากกว่า… ในยามเผชิญหน้ากับศัตรูแข็งแกร่งที่แพ้ทางอาวุธทุบ เราต้องถืออาวุธด้วยตัวเอง แม้จะต้องสูญเสียทักษะติดตัวของท่ารำดาบก็ตาม’


มีปัญหามากมายให้ขบคิด


กริดนึกสงสัยว่า จะดีกว่าหรือไม่หากตนนำก้อนละโมบที่ลอยอยู่บนชั้นบรรยากาศ มาสร้างหัตถ์เทวะเพิ่มอีกสักสองร้อยข้าง เพื่อขยายขอบเขตของประสาทสัมผัสเทียมให้กว้างขึ้น


‘…สนุกชะมัด’


ไม่ว่าจะแข็งแกร่งขึ้นสักเพียงใด แต่ศัตรูที่แข็งแกร่งกว่าก็จะคอยวนเวียนมาสร้างความกังวลได้เสมอ


ไม่มีช่วงเวลาว่างเว้นให้เบื่อ


ซาทิสฟายช่างเป็นเกมคุณภาพ


ล่ะมั้ง…


[คุณสมบัติช่องที่สองของ <ดาบหนักกูเซล> ถูกเปลี่ยนเป็น เพิ่มพลังโจมตีของทักษะ 3%]


‘…เกมกาก’


กริดไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า


ระหว่างทาง ชายหนุ่มนำค่าคำวิงวอนมาสุ่มหาคุณสมบัติใหม่ พลางออกแบบชุดเกราะมังกรในหัว


กริดวางแผนจะใช้ทักษะออกแบบไอเท็มกับชุดเกราะมังกร


หัวจรดเท้า


มันจะหุ้มร่างกายด้วยวัสดุที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน


ด้วยความสัตย์จริง กริดอยากเพิ่มพลังโจมตีมากกว่า แต่ใจหนึ่งก็อยากได้แรงบันดาลใจจากการผลิตชุดเกราะก่อน


เป็นเหตุให้อาวุธที่จะสร้างจากแขนครานเบล ถูกเลื่อนความสำคัญออกไป


‘คำถามในตอนนี้ก็คือ ต่อให้สวมอุปกรณ์ใหม่ยกชุด เราแข็งแกร่งพอที่จะโค่นบาเอลจริงหรือ?’


แม้จะทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างลงไป แต่หลอดพลังชีวิตของครานเบลกลับแทบไม่กระดิก นับประสาอะไรกับบาเอล?


ขณะกริดทวีความกังวลที่ไม่มีคำตอบ


“ตรงนั้น”


ไฟโวล์ฟร่อนลงด้านล่าง


เป็นเกาะเล็กๆ กลางทะเล


“แน่ใจใช่ไหม?”


“แน่ใจ ที่นี่แหละ”


“…ถูกฝังอยู่ใต้ทะเลสินะ”


“แถบนี้เคยเป็นหนึ่งในเมืองของคนยักษ์”


เบลิโตริน


บ้านเกิดของไฟโวล์ฟ


ไฟโวล์ฟยังจำได้ดี มีการฝังเหล็กแสงจันทร์ส่วนสุดท้ายไว้ที่เมืองนี้


“เมืองจมลงใต้ทะเลตั้งแต่พันปีก่อน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาพบ… นอกจากนั้น แผนผังของเมืองอาจเปลี่ยนไปจากผลกระทบที่อิฟริตสร้างขึ้น”


“ฉันจะช่วยหาอีกแรง”


“เจ้าไม่จำเป็นต้องออกโรง แค่ให้ข้ายืมโครงกระดูกก็พอ ระหว่างพวกเรากำลังสำรวจ เจ้าสามารถจดจ่ออยู่กับการพนัน รวมถึงการวิจัยสิ่งใหม่ๆ เหมือนที่เคยทำมาตลอดทาง”


“นั่นไม่ใช่การพนัน มันคือการเสริมประสิทธิภาพอาวุธ… ช่างเถอะ เข้าใจแล้ว”


กริดดึงพิมพ์เขียวเปล่าออกมากาง เตรียมลงมือทำงานอย่างจริงจัง


‘ย้อนกลับในตอนที่สร้างชุดเกราะจากลมหายใจเทพสี่ทิศ เราเคยคิดว่านั่นคือที่สุดของเครื่องป้องกันแล้ว’


คาดไม่ถึงว่าจะมีวันที่ได้สร้างชุดเกราะมังกร


กริดหวนนึกถึงสมัยก่อน เมื่อครั้งมังกรยังถูกนำไปเปรียบกับดวงดาว หลังจากดำดิ่งในห้วงอารมณ์สักพัก ชายหนุ่มเพ่งสมาธิแน่วแน่


ไฟโวล์ฟสูดลมหายใจ


ในเชิงเครื่องจักรโลหะ สิ่งที่มันทำคือการเกร็งร่างกายและคลายออก


จะหาเมืองที่จมลงใต้ทะเลเมื่อพันปีก่อนพบไหม?


แน่นอนว่าภายในใจมีความกังวล


แต่ไฟโวล์ฟก็มุ่งมั่นที่จะหาให้เจอ


มันไม่เคยลืมว่า ตนได้ร่างกายกลับคืนมาก็เพราะกริด


ไฟโวล์ฟต้องการใช้ร่างกายนี้ เพื่อช่วยเหลือและตอบแทนบุญคุณกริดเท่าที่จะทำได้


‘เป็นร่างกายที่สมบูรณ์แบบ ไม่ต้องกลั้นหายใจ สามารถทนต่อแรงดันน้ำมหาศาลของทะเลลึก’


จนกว่าจะหาเมืองพบ เราจะไม่โผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำเด็ดขาด…


เป็นความตั้งใจที่เด็ดเดี่ยว


ซ่า!


ไฟโวล์ฟโยนตัวเองลงทะเล ดำดิ่งลงไปพลางมอบคำแนะนำแก่โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ทั้งสอง


จนกระทั่งผ่านไปราวหนึ่งชั่วโมง


“อ่อก… แค่ก!”


ไฟโวล์ฟโผล่ขึ้นจากผิวน้ำที่สะท้อนกับแสงแดด


ด้วยร่างกายใหญ่และหนัก ทุกครั้งที่มันตะเกียกตะกายเหมือนหนูตกน้ำ คลื่นยักษ์ทยอยก่อตัวขึ้น


“…มีอะไร?”


หากพบเมือง โครงกระดูกทั้งสองต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้าแล้ว


หรือต่อให้มอนสเตอร์อย่างคราเค่นปรากฏตัว ไฟโวล์ฟก็น่าจะจัดการได้ไม่ยาก


เช่นนั้นแล้ว หมอนี่กลับขึ้นมาทำไม?


“…?”


กริดที่กำลังสงสัยในพฤติกรรมไฟโวล์ฟ ดวงตาเริ่มเบิกกว้าง


“ท่านกริด!”


“ท่านเทพโอเวอร์เกียร์!!”


เสียงจำนวนมากดังจากระลอกคลื่น


เป็นเสียงของชาวเผ่าวารี


เหตุใดคนที่ควรอยู่ในไซเรน ถึงปรากฏตัวในทะเลห่างไกลเช่นนี้?


เมื่อเห็นกริดเผยสีหน้าประหลาดใจ ชาวเผ่าวารีอธิบาย


“ข้าทราบข่าวของฝ่าบาทจากพวกปลา”


“เราจึงว่ายมาที่นี่เผื่อว่าพระองค์ต้องการความช่วยเหลือ”


“…ขอบใจมาก”


บนโลกใบนี้ ยังมีคนบางกลุ่มที่ไม่เคยเปลี่ยน


ไม่ใช่ทุกคนที่จะเสื่อมทรามลง


สิ่งที่น่าแปลกก็คือ รอบตัวกริดมีคนเช่นนั้นอยู่มากมาย


ทุกคนพยายามตอบแทนความเชื่อใจที่กริดเคยมอบให้


คงพูดได้ไม่เต็มปากว่า การที่ลอเอลมองคนในแง่ลบไว้ก่อน และคอยลับมีดล่วงหน้าเพื่อเตรียมเชือดทิ้ง เป็นวิธีการที่ผิด


กริดกับลอเอลแตกต่างกันมาก แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดผิด


และด้วยความแตกต่างสุดขั้วเช่นนี้ จักรวรรดิจึงเกิดสมดุลที่สมบูรณ์แบบ


ในวันนี้


[เทพโอเวอร์เกียร์กริดค้นพบเมืองโบราณที่ถูกลืม]


เบลิโตรินปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านไปกว่าพันปี


ใช้เวลาค้นหาน้อยจนน่าทึ่ง


รวดเร็วจนความมุ่งมั่นอันแรงกล้าของไฟโวล์ฟกลายเป็นหมัน


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00