จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,594
> พวกเจ้า…! เหตุใดถึงต้องมาจุ้นจ้านในจังหวะสำคัญทุกครั้ง! ทำไมถึงต้องปกป้องพวกหนูที่เอาแต่มุดหัวอยู่ในรู!!
ดวงตาของมังกรระดับสูง คูบาทรอส กลายเป็นสีแดงก่ำ
เป็นภาพที่ชวนให้นึกถึงเปลวไฟอันร้อนแรง แต่สีหน้าดูคล้ายใกล้จะหลั่งน้ำตามากกว่าอารมณ์อื่น
คูบาทรอสรู้สึกโกรธแค้นเป็นฟืนไฟ แต่มิได้แผ่จิตสังหารออกมา
สภาหอคอยแข็งแกร่งเกินกว่าที่มันจะอาละวาดตามใจชอบ
ว่ากันตามตรง มันไม่อยากยั่วยุฮายาเตะมากนัก
นักล่ามังกร
ชายผู้เคยสังหารมังกรมาแล้วหนหนึ่ง และหลังจากนั้นต้องปลีกตัวจากโลกภายนอก
ทั้งที่มีพลังอำนาจล้นฟ้า สามารถสร้างความพินาศครั้งใหญ่ได้เพียงแค่นึกคิด
ณ ตอนนี้ ฮายาเตะไม่มีเจตนาจะทำร้ายคูบาทรอสแม้แต่น้อย
แต่ท่าทีดังกล่าวกลับสร้างแรงคุกคามอันเข้มข้น คล้ายกับระเบิดที่พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ
> หลีกไป!
จนกระทั่งไม่นานมานี้ คูบาทรอสคิดว่าตนช่างโชคดีเหลือเกิน
มันบังเอิญตื่นขึ้นมาในจังหวะเหมาะเจาะ และรังของตนก็ตั้งอยู่ใจกลางทวีปพอดิบพอดี
การตรวจพบมังกรห้าตัวกำลังชุลมุนวุ่นวาย ถือเป็นโอกาสทองที่จะออกล่าเหยื่อ
แม้จิตของมังกรพรางตาจะถูกแบ่งออกเป็นร้อยส่วนเพื่อบิดเบือนและชะลอการเข้าถึงจุดเกิดเหตุ แต่คูบาทรอสก็มีลำดับชั้นทัดเทียมกับมังกรพรางตา ย่อมสามารถเจาะผ่านวงกตที่อีกฝ่ายสร้างขึ้นได้หากมีเวลามากพอ
ในท้ายที่สุด จิตของมังกรพรางตาเริ่มเลือนหาย การบิดเบือนห้วงมิติอ่อนแอลง ส่งผลให้คูบาทรอสสามารถระบุพิกัดของความวุ่นวายและเทเลพอร์ตไปหาในพริบตา
ท่ามกลางช่วงเวลาแห่งความปีติ เหล่าสภาหอคอยปรากฏกายออกมาขัดจังหวะ
ด้วยบรรยากาศที่ค่อนข้างข่มขวัญ
อริยดาบบีบันกับนักสู้เค็นซึ่งทำให้เกล็ดมังกรไร้ประโยชน์ถือเป็นตัวน่ารำคาญ และฟรอนซาลล์ที่ฟื้นฟูของวิเศษคนยักษ์กลับมาอีกครั้ง คือเครื่องยืนยันว่าเหตุใดเผ่าพันธุ์คนยักษ์ในอดีตถึงถูกกวาดล้าง
รวมถึงฮายาเตะ ดวงดาวที่จรัสแสงกว่าใคร
แม้อีกฝ่ายจะลอยอยู่ด้านหลังสุด แต่ก็มากพอจะทำให้คูบาทรอสเกิดความพรั่นพรึง
“พวกเราก็ไม่อยากขวางทางเจ้านักหรอก”
ฮายาเตะเปิดปาก
ผมสีทองปลิวไสวท่ามกลางบรรยากาศที่ ‘มังกรข่มขวัญ’ กำลังคละคลุ้ง
ใบหน้าที่ถูกเผยให้เห็นอย่างเด่นชัด แสดงอารมณ์สุขุมเจือกังวล
“ไม่มีใครอยากเสี่ยงชีวิตเพื่อขวางทางมังกร แต่จะให้หลีกทางก็คงทำไม่ได้เช่นกัน เพราะเราไม่ต้องการเห็นเจ้าแข็งแกร่งไปมากกว่านี้”
> พวกมนุษย์น่ารังเกียจ!
โชคดีที่คูบาทรอสมีหลายตาเฉียบแหลม
หากลำดับชั้นของมันต่ำกว่านี้เพียงเล็กน้อย คงมองไม่เห็นข้อเท็จจริงเบื้องหลังความถ่อมตนของฮายาเตะ และเลือกที่จะเปิดศึกแลกชีวิตอย่างโง่เขลากับอีกฝ่าย
ดวงตาสีฟ้าของฮายาเตะทวีความลุ่มลึก
“ดูเหมือนว่าราชินีโลหิตจะตื่นขึ้นมาแล้ว… เลิกล้มความตั้งใจแล้วถอยกลับไปไม่ดีกว่าหรือ”
> ฮึ่ม…!
เหตุการณ์ไม่คาดฝันดันเกิดขึ้น
ส่งผลให้มังกรที่ร่างกายใหญ่โตดุจดังขุนเขาตัดสินใจหันหลังกลับ
ใบหน้าของเหล่าสภาหอคอยที่ตึงเครียดและกลั้นหายใจมานาน ในที่สุดก็เผยความผ่อนคลาย
> พวกเจ้า… สักวันจะต้องชดใช้บาปในครั้งนี้!
คำสาปแช่งที่จะกลายเป็นจริงในอนาคต
วาจามังกรของคูบาทรอส มีอำนาจในการแทรกแซงชะตากรรมของเหล่าสภาหอคอย
ทว่า คำสาปดังกล่าวได้ถูกแสงดาบของฮายาเตะทำลายทิ้งในทันที
“ขอบคุณที่ตัดสินใจเช่นนี้”
> ฮายาเตะ…! เจ้าจะต้องตายอย่างน่าสมเพช!
คูบาทรอสที่จ้องฮายาเตะด้วยสายตาอาฆาต ท้ายที่สุดก็บินจากไป
เหล่าสภาต่างส่งเสียงเชียร์ด้วยความโล่งใจ ในขณะที่ฮายาเตะนำฝ่ามืออันสั่นเทาไปประสานไว้ด้านหลัง
ตัวตนสัมบูรณ์
ฮายาเตะมีชีวิตเป็นอมตะ อีกทั้งยังมิอาจฆ่าตัวตาย
ดังนั้น จุดจบเดียวของฮายาเตะคือการถูกมังกรโบราณสังหาร และนั่นคือความตายที่เลวร้ายที่สุดในโลก
“คิดไม่ถึงว่าคูบาทรอสจะยอมกลับไปง่ายๆ เช่นนี้”
“เหมือนที่ท่านฮายาเตะพูดไว้ไม่มีผิด… ฟู่ว! โล่งชะมัด”
สภาหอคอยที่กลับมาถึงหอแห่งปัญญา เริ่มเปิดปากพูดคุย
เหตุการณ์ใหญ่ที่มีมังกรเข้ามาพัวพันมากถึงห้าตัว
หลังจากเป็นกังวลกันอยู่นาน ว่าจะมีมังกรตัวใหม่โผล่ออกมาเพิ่มหรือไม่ ในที่สุดเหตุการณ์ซึ่งมีโอกาสสร้างหายนะครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลกกึ่งกลาง ถึงคราวปิดฉากลงอย่างสงบ
นี่คือโอกาสที่ฮายาเตะเคยพูดถึง
แต่ส่วนหนึ่งต้องขอบคุณความยอดเยี่ยมของ ‘ดรากอนไนท์’ กริด
‘คิดไม่ถึงว่ากริดจะร่วมมือกับมังกรสี่ตัวเพื่อกดดันให้มังกรระดับสูงต้องจนตรอกและหนีไป… เกินความคาดหมายมากทีเดียว’
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า มีเพียงกริดผู้เดียวที่ทำเรื่องเช่นนี้ได้
“กริดเปรียบดังพรแสนประเสริฐของมวลมนุษย์”
เป็นเสียงของบีบัน
มันกล่าวขณะลูบคลำดาบกูเซล
ของวิเศษที่มีคุณสมบัติทางกายภาพทัดเทียม ‘วิชาดาบพิฆาตมังกร’ ของฮายาเตะ
ประสิทธิภาพอาจยังด้อยกว่าเมื่อเทียบกับวิชาดาบที่ฮายาเตะใช้จริง แต่เมื่อบีบันเสริมความแข็งแกร่งด้วยวิชาดาบไร้เทียมทาน การฟันผ่านเกล็ดมังกรก็ไม่ใช่เรื่องยากเย็น
บีบันภูมิใจในตัวกริดมาก
มันคิดว่าหากตนมีลูก ความรู้สึกคงทำนองนี้
“กริดยอดเยี่ยมจริงๆ”
เบ็ตตี้เห็นพ้อง เพราะเธอถึงกับเห็นภาพหลอนที่หัวใจตัวเองกลับมาเต้นแรงอีกครั้ง
“ถ้าไม่มีกริด… วันนี้จะมีสัตว์ประหลาดที่น่าสะพรึงตัวใหม่ถือกำเนิด”
พี่น้องฟรอนซาลล์และสภาหอคอยที่เหลือต่างพากันเผยรอยยิ้มอบอุ่น
สภาหอคอย แห่งหอปัญญา
เหล่าวีรชนที่คอยต่อสู้เพื่อความสงบสุขของโลกมานานหลายร้อยปี ต่างไว้วางใจที่จะฝากชะตากรรมของโลกไว้ในมือกริด
ทันใดนั้น มหากาพย์บทใหม่ของเทพโอเวอร์เกียร์ถูกป่าวประกาศไปทั่วโลก
เนื้อหาเกี่ยวกับมังกรตัวหนึ่งที่สารภาพความจริงกับเทพ
เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นในเทวตำนานใดมาก่อน
ทำเอาฮายาเตะถึงกับสั่นสะท้าน
***
“อ…โอ้…!”
ชาวเรย์ดันต่างพากันตกตะลึงอย่างมิอาจหลีกเลี่ยง
นั่นเพราะเมืองที่เคยแหลกสลายกลายเป็นเถ้าถ่าน ถูกฟื้นฟูกลับสู่สภาพเดิมในพริบตา
เซนอนย่อมเข้าใจและจดจำอารยธรรมของสิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่าได้ไม่ยากเย็น
มันสร้างกฎเกณฑ์ใหม่ด้วยเวทมนตร์และวาจามังกร เพื่อฟื้นฟูทุกสิ่งที่ตนเคยทำลายให้กลับคืนสภาพเดิมอย่างง่ายดาย
ทว่า สำหรับการชุบชีวิตคนตาย แม้แต่มังกรก็ทำไม่ได้
ยิ่งไปกว่านั้น นรกในปัจจุบันอยู่ในสภาพเสื่อมถอย
เป็นการยากที่จะคืนชีพให้ดวงวิญญาณ เนื่องจากแม่น้ำแห่งการคืนชีพมิอาจทำงานได้ตามปรกติ
> 2,788 ชีวิตที่ตายไปเพราะข้า… ข้าจะตอบแทนให้ด้วยเกล็ด และไม่เพียงเท่านั้น ข้าจะคอยดูแลครอบครัวของผู้สูญเสียอย่างดีที่สุด
สิ่งอัศจรรย์พลันบังเกิด
[ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นใหม่ <เกล็ดมังกร> ถูกเพิ่มเข้ามายัง ‘เรย์ดัน’ เมืองของจักรวรรดิโอเวอร์เกียร์ สิ่งนี้จะคงอยู่ต่อไปอีก 20 ปี]
[คุณสมบัติใหม่ <มังกรไถ่บาป> ถูกเพิ่มเข้ามายัง ‘เรย์ดัน’ เมืองของจักรวรรดิโอเวอร์เกียร์ สิ่งนี้จะมอบผลประโยชน์มากมายภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด]
“…”
ปัจจุบัน กริดกำลังหนักใจ
แม้จะเพิ่งเขียนมหากาพย์บทใหม่และได้ดื่มด่ำไปกับระดับตัวตนที่เพิ่มขึ้น แต่ชายหนุ่มมิได้ยินดีแม้แต่น้อย
เป็นเรื่องที่เข้าใจได้
กริดรู้สึกผิดต่อชาวเมืองที่ตายไป
ชายหนุ่มตำหนิความไร้พลังของตนที่มิอาจปกป้องคนเหล่านั้น และเกลียดชังตัวเองที่ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากให้อภัยตัวต้นเหตุ
กริดทำได้เพียงปลอบใจตัวเองว่า ตนไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ
หากฆ่าเซนอนเพียงเพื่อแก้แค้นให้ชาวเมือง ผลลัพธ์ที่ตามมาคือความสูญเสียที่มากกว่าเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น เซนอนได้กล่าวขอโทษอย่างจริงใจ แถมยังแสดงเจตจำนงที่จะตายแทนกริด
อีกทั้งยังช่วยฟื้นฟูเรย์ดันให้กลับมาสมบูรณ์ดังเดิมพร้อมกับมอบพรล้ำค่า
‘…ใครจะไปเกลียดลง’
ราวกับชาวเมืองอ่านสีหน้ากริดออก
“กระหม่อมเคยได้ยินตำนานเล่าว่า… มังกรเปรียบดังภัยธรรมชาติ”
ครอบครัวผู้สูญเสียเป็นฝ่ายเดินเข้ามาปลอบประโลมกริด
“สมาชิกครอบครัวของเราที่จากไป… พวกเขาก็แค่… โชคร้ายที่ต้องตายท่ามกลางภัยธรรมชาติ”
ครอบครัวผู้ตายสัมผัสถึงความจริงใจของเซนอนได้เช่นกัน
และยังเข้าใจด้วยว่า การโกรธแค้นและคิดแก้แค้นมังกรคือสิ่งที่เปล่าประโยชน์
ณ ตอนนี้ มีเพียงเรื่องเดียวที่พวกมันปรารถนา
“ฝ่าบาท… ได้โปรด… ช่วยให้พวกเขาหลุดพ้นจากนรกอันโหดร้ายด้วย”
เกิดใหม่
หนทางเดียวที่จะปลดปล่อยดวงวิญญาณที่ติดอยู่ในแม่น้ำแห่งการคืนชีพ คือการช่วยให้คนเหล่านั้นได้ไปเกิดใหม่
กริดพยักหน้าให้เหล่าครอบครัวผู้ตายที่ขอร้องด้วยเสียงสะอื้น
“ฉันสาบาน”
ในการต่อสู้ที่ผ่านมา มีหลายสิ่งให้กริดได้ศึกษา
ชายหนุ่มได้ตระหนักถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของมังกร และกะเกณฑ์พลังของบาเอลซึ่งกล่าวกันว่าทัดเทียมมังกรโบราณ
แต่นั่นมิได้ทำให้กริดหดหู่สิ้นหวัง
แขนของครานเบล เกล็ดของเซนอน และระดับตัวตนที่เพิ่มขึ้น
ผลตอบแทนของสงครามเต็มไปด้วยสิ่งดีๆ ที่สามารถยกระดับกริดขึ้นไปอีกขั้น
นอกจากนั้น
“แมรีโรส”
ชายหนุ่มมีโอกาสได้ยันยืนความแข็งแกร่งของหนึ่งในพันธมิตรที่เหนียวแน่น
“ไปบุกนรกพร้อมกับฉันได้ไหม?”
“แน่นอน แต่ตอนนี้ยังไม่สะดวก”
การบุกนรก คือเหตุผลที่แมรีโรสถือกำเนิด
ภารกิจของเธอคือการฆ่าบาเอลและเหล่าบริวาร จากนั้นก็ฟื้นฟูนรกให้กลับสู่สภาพเดิม
แม้กริดจะไม่ขอร้อง แต่แมรีโรสก็จะทำด้วยตัวเองในสักวัน
อย่างไรก็ดี ปัจจุบันยังไม่ถึงเวลา การเตรียมตัวยังไม่เสร็จสมบูรณ์
คำสาปเกียจคร้านเป็นเพียงปัญหารอง
หลังจากแมรีโรสเปรียบพลังกับครานเบล เธอพบว่าตนยังบกพร่องอยู่มาก
และอันที่จริง ยังเร็วเกินไปมากที่จะลงมือ
แมรีโรสเพิ่งสืบทอดพลังจากเบริอาเช่มาเมื่อหลายร้อยปีก่อน
ต้องใช้เวลาอีกสักพักก่อนที่ศักยภาพจะเบ่งบานสุดขีด
กระแสเวลาของโลกที่ไหลไปข้างหน้าไวขึ้นเพราะกริด สำหรับเธอแล้วมันเร็วเกินไป
“ข้าต้องไปพบใครบางคนก่อน”
“ใครบางคน…?”
“โลกนี้เต็มไปด้วยพวกขี้ขลาดที่เอาแต่หลบซ่อน ข้าไปจะเก็บเกี่ยวพลังที่ใกล้เลือนหายไปอย่างเปล่าประโยชน์”
แมรีโรสเดินเข้ามาแนบชิดกริดพร้อมกับยกส้นเท้าขึ้นอย่างอ่อนโยน
เมื่อหน้าผากขาวเนียนและคิ้วโก้งโค้งอันงดงามทั้งสองข้างปกคลุมทัศนวิสัยกริด สมองชายหนุ่มพลันขาวโพลนกะทันหัน
เป็นผลมาจากการที่บางสิ่งซึ่งยาวและเปียก กำลังแทรกตัวเข้ามาในช่องปาก
“…!”
แมรีโรสที่ใช้มือสัมผัสแผ่นหลังกริดอย่างทะนุถนอม ท่าทีดูหิวกระหายราวกับสัตว์ป่าที่รอคอยวันนี้มาตลอดชีวิต
หลังจากกระทำชำเราริมฝีปากของกริดด้วยลิ้น เธอดูดน้ำลายชายหนุ่มราวกับจะสูบให้แห้งเหือด
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ
ท่ามกลางความเพลิดเพลินและอับอายที่สลับไปมาอย่างต่อเนื่อง กริดเหม่อลอยอยู่สักพักก่อนจะมีโอกาสได้หายใจอีกครั้ง
เมื่อแมรีโรสถอนริมฝีปากออก ชายหนุ่มพบว่าปากอันอวบอิ่มของเธอดูแดงก่ำกว่าปรกติ
กริดเริ่มรู้สึกเจ็บ
มันพบว่าริมฝีปากของตนมีรอยแผลเล็กๆ
เป็นผลมาจากฟันซี่ขาวที่แหลมยาวของอีกฝ่าย
“สามีสุดที่รัก… รสชาติดีกว่าที่ข้าคิดไว้มากทีเดียว”
“…”
“ด้วยสิ่งนี้ ข้าสามารถครองสติไปได้อีกสักพัก… ไว้คราวหน้าจะลองชิมใหม่นะ~”
ซู่ว—
แมรีโรสกลายเป็นละอองสีดำกระจัดกระจาย
‘บ้าบอสิ้นดี… บ้าบอสิ้นดี!’
กริดที่ยืนอยู่ท่ามกลางเซนอนและชาวเมืองเรย์ดัน อดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านประหนึ่งต้นหลิวต้องลม
ชายหนุ่มยิ่งทวีความหวาดกลัวที่มีต่อแมรีโรส ด้วยเกรงว่าสักวันตนอาจถูกอีกฝ่ายกินเข้าไปจริงๆ
ริมฝีปากของกริดถูก ‘เคี้ยว’ อย่างละเมียดละไมโดยไม่เหลือเลือดแม้แต่หยดเดียว
Comments
Post a Comment