จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,596



ไม่มีใครไม่รู้จักอาโมแรค


กระทั่งผู้ที่ไม่ได้เล่นซาทิสฟาย ก็ยังเคยได้ยินชื่อของจอมอสูรลำดับสองรายนี้


ยิ่งไปกว่านั้น อย่าลืมว่าอาโมแรคคือผู้ก่อตั้งวิหารยาธาน


อาโมแรคอาจเป็นผู้ศรัทธายาธานเพียงหนึ่งเดียวในหมู่จอมอสูร


กล่าวคือ อาโมแรคเป็นตัวตนที่สร้างความเสียหายแก่มวลมนุษย์มากที่สุด


ก่อนที่มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรจะเริ่มขึ้น การรุกรานของจอมอสูรส่วนใหญ่ เกิดจากพิธีกรรมอัญเชิญของเหล่าสาวกยาธาน


อาโมแรคคืออสูรร้ายที่เผยแผ่คำสอนชั่วให้แก่ผู้คน เป็นตัวการที่ทำให้โลกวุ่นวาย


“บ้าน่า…?”


มองแวบแรก คิดว่าเทพเสด็จลงมาเยือนเสียอีก


ตัวตนที่มีร่างกายสีขาวบริสุทธิ์


สตรีร่างใหญ่ สัดส่วนผอมเพรียว กำลังแผ่แสงสีขาวออกจากภายใน


ด้วยออร่าที่คล้ายกับพลังเทพและร่างกายสูงกว่าสิบสองเมตร ทุกคนต่างพากันแหงนหน้ามองโดยไม่มีทางเลือก


จนกระทั่งอีกฝ่ายเข้ามาใกล้


ใบหน้าของสตรีรายนี้ปราศจากอวัยวะทุกชนิด ไม่ว่าจะดวงตา จมูก ปาก หรือหู กระทั่งร่างกายด้านล่างก็แบนราบ มีเพียงส่วนโค้งเว้าของสะโพกและส่วนนูนบนหน้าอกที่ช่วยให้จำแนกได้ว่าเป็นสตรี


กล่าวคือ อีกฝ่ายมอบความรู้สึกเหมือนกับหุ่นลองเสื้อผ้าที่ดูน่าขนลุก


ชื่อเหนือศีรษะเขียนไว้ว่า ‘อาโมแรค’


เหตุใดจอมอสูรลำดับสอง ถึงรายล้อมด้วยสิ่งที่คล้ายกับพลังเทพได้?


บรรยากาศดูขัดแย้งโดยสิ้นเชิง ภายในใจทุกคนเกิดการต่อต้านและหวาดหวั่น


ใบหน้าของสมาชิกทีมสำรวจที่ฮึกเหิมจนถึงเมื่อครู่ ทยอยซีดเผือดอย่างรวดเร็ว


ความประหม่า หวั่นเกรง และไม่เป็นมิตรกัดกินจิตใจจนพากันกำอาวุธในมือแนบแน่น


แม้ดีบัฟ ‘ประหลาด’ ที่เกิดจากอาโมแรคจะคอยพันธนาการอิสรภาพ แต่ทีมสำรวจนรกนั้นถือเป็นหัวกะทิในหมู่หัวกะทิ อาจไม่ใช่เหล่าผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุด แต่ก็อยู่ในกลุ่มแนวหน้าของโลกอย่างไม่มีข้อกังขา


ย่อมไม่เสียขวัญเพียงเพราะเรื่องแค่นี้


ชิ้งชิ้งชิ้งวิ้งวิ้งวิ้งวิ้ง!!


แสงหลากสีสันโอบล้อมร่างกายเหล่าทีมสำรวจ ส่วนใหญ่เป็นบัฟจำพวกขจัดความกลัวและเสริมประสิทธิภาพร่างกายกับเวทมนตร์


สองมืออันสั่นเทาของนักบุญหญิงรูบี้กำไม้เท้าแน่น เตรียมเปิดใช้งานเขตแดนศักดิ์สิทธิ์เพื่อขับไล่ปราณอสูรของอาโมแรคออกไป


ทว่า ดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะไม่เป็นไปตามที่ต้องการ


เขตแดนศักดิ์สิทธิ์มิได้แผ่ออกไปปกคลุมร่างกายพวกพ้อง


ขอบเขตของมันกว้างเพียงขนาดตัวรูบี้ มิได้ขยายออกไปปกคลุมทั่วบริเวณอย่างที่ควร


ไม่สิ มันกลับยิ่งถดถอยและค่อยๆ จางหายไป


เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งถูกกล่าวขานว่าปราบอสูรได้ชะงักงัน กลับมิอาจสำแดงฤทธิ์เดชแม้จะมีคุณสมบัติเด่นเป็นการ ‘ไม่อนุญาตให้ความชั่วร้ายทั้งปวงเข้ามาใกล้’


‘ไม่ใช่… ปราณอสูร?’


นักบุญหญิงเปรียบดังเสาหลักค้ำจุนมวลมนุษย์


รูบี้ทราบข้อเท็จจริงนี้เป็นอย่างดี


ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด เธอจะไม่หวั่นไหวหรือสั่นคลอน และคอยเป็นที่พึ่งทางใจให้กับทุกคน


ในบางครั้ง หญิงสาวรู้สึกว่าความรับผิดชอบของตนยิ่งใหญ่เกินกำลัง เกิดเป็นความกดดันทางจิตใจที่หนักหน่วง แต่โชคดีที่เธอมีตัวอย่างอันยอดเยี่ยมเป็นแผ่นหลังของพี่ชาย


กริดมักแบกความรับผิดชอบไว้บนบ่าและพุ่งชนกับปัญหาด้วยความกล้าหาญอยู่เสมอ และผลลัพธ์มักออกมาดีทุกครั้ง


แต่ในวินาทีนี้


ดวงตาของรูบี้กำลังว่างเปล่าและสั่นสะท้าน


นี่คือหนแรกที่เธอสัมผัสถึงความไร้พลัง ความมั่นใจค่อยๆ ถูกกัดกร่อนโดยแสงสว่างที่อาโมแรคแผ่ออกมา


[จอมอสูรแห่งความขัดแย้ง อาโมแรค พรากอำนาจในการใช้ทักษะของท่าน]


[ทักษะทุกชนิดที่ใช้งานออกไปจะถูกยกเลิก]


[จอมอสูรแห่งความขัดแย้ง อาโมแรค ทำการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทักษะของท่าน]


[จอมอสูรแห่งความขัดแย้ง อาโมแรค ทำให้ท่านมิอาจแยกแยะมิตรศัตรู]


“เซฮี!!”


คนแรกที่ตระหนักถึงความผิดปรกติคือจิสึกะ


เธอมีหน้าที่รับผิดชอบแนวหลังเหมือนกับรูบี้ ขณะเดียวกันก็มี ‘สายตา’ ที่ยอดเยี่ยมสำหรับสังเกตภาพรวมของทีม


เหนือสิ่งอื่นใด เธอเป็นผู้นำโดยกำเนิด


เนื่องด้วยสภาพแวดล้อมพิเศษของนรก ตำแหน่งผู้นำจึงตกเป็นของยูร่า แต่ความเป็นผู้นำในตัวจิสึกะยังคงคอยใส่ใจพวกพ้องอย่างทั่วถึง


จิสึกะเป็นคนแรกที่ค้นพบความผิดปรกติเกี่ยวกับอาณาเขตของแดนศักดิ์สิทธิ์ จึงทราบถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ และเตรียมเปิดใช้งานเขตแดนศรคุ้มกันเพื่อปกป้องนักบุญหญิง


จนกระทั่ง จิสึกะเห็นบัฟหมู่ของรูบี้หายไปจากรายการบัฟ


ชิ้ง! ชิ้งชิ้งชิ้ง!


หญิงสาวไม่รีรอที่จะใช้งานเขตแดนศรป้องกัน


คุณสมบัติคือการใช้คมศรปกป้องและขจัดผลข้างเคียงด้านลบทั้งหมด


โครงสร้างทักษะของรูบี้ที่เคยผิดเพี้ยนเพราะอาโมแรค กลับคืนสู่สถานะปรกติทันที ลูกศรสีฟ้าแปดดอกที่ลอยรอบตัวรูบี้คอยทำหน้าที่สกัดกั้นการคุกคามจากอาโมแรค


“ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”


“พ…พี่สาว…!”


สำหรับจิสึกะ รูบี้ไม่ใช่นักบุญหญิง แต่เป็นเซฮี


น้องสาวข้างบ้านที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาหลายปี เปรียบดังสมาชิกครอบครัวคนสำคัญ


จิสึกะพบว่าเซฮีซึ่งทำตัวเป็นผู้ใหญ่ก่อนวัยอันควร มิได้แข็งแกร่งเหมือนดังภายนอก เซฮีเป็นเพียงเด็กที่จิตใจดีงามและชอบช่วยเหลือผู้อื่น แต่ต้องไม่ลืมว่า จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ เธอยังเป็นเพียงหญิงสาว ยังต้องการพึ่งพาใครสักคน


“หายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ ตั้งสติ… ลองมองไปรอบตัว ทุกคนที่นี่ไม่ใช่ไอ้งั่งที่ทำอะไรไม่เป็นหากขาดเธอไป”


รูบี้รู้สึกประหนึ่งได้เอนหลังพิงต้นไม้ใหญ่ ความตึงเครียดและกดดันค่อยๆ คลายออกด้วยอ้อมกอดและเสียงกระซิบ


“…ฉันคิดว่านี่ไม่ใช่ร่างจริงของอาโมแรค มันดูคล้ายกับร่างจำลองที่สร้างด้วยวิธีพิเศษ แต่ทักษะส่วนใหญ่ใช้กับอีกฝ่ายไม่ได้ผล”


รูบี้กล่าวอย่างสิ้นหวัง เธอทราบดีว่าการพูดเช่นนั้นจะทำลายขวัญกำลังใจของทีม แต่ก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องบอกไปตามตรง


จิสึกะลูบศีรษะหญิงสาว พลางจินตนาการว่า กริดจะทำหน้าเช่นไรหากตนลูบศีรษะอีกฝ่ายแบบนี้บ้าง


“ไม่ต้องห่วง พวกเราชนะแน่”


จิสึกะปลอบประโลมรูบี้


การโจมตีส่วนใหญ่ใช้การไม่ได้?


แล้วถ้าเป็นไอ้นี่ล่ะ?


อาจไม่รุนแรงเท่ายามในปรกติก็จริง


ปึด!


ดวงตาอันงดงามของจิสึกะผู้ง้างสายธนูไปด้านหลัง ทวีความลุ่มลึก


สายธนูที่กัดกินเข้าไปในเนื้อนิ้วมือขวา มอบความเจ็บปวดจนหญิงสาวตาสว่าง


อย่างไรก็ดี ภายในใจปราศจากความเกรงกลัวโดยสิ้นเชิง มีเพียงความมุ่งมั่นอันแรงกล้า


ต้องรักษาเอาไว้ให้ได้


ทั้งตัวเรา น้องสาวที่รัก และพวกพ้องคนสำคัญ


ด้วยหัวใจอันเร่าร้อนดุจดังดวงอาทิตย์อเมริกาใต้ กงล้อเพลิงถือกำเนิดรอบกายจิสึกะ


> ยูร่า เหล่าลูกหลานของข้าล้วนเคยรับใช้องค์ยาธาน… หือ?


เสียงอันน่าขนลุกของอาโมแรคที่ดังก้องในหัวยูร่าโดยไม่สนใจสภาพแวดล้อม ชะงักไปเป็นครั้งแรก


เธอหันหน้าไปทางจิสึกะ


> นี่เจ้า…


บึ้ม—!


แขนขวาของจิสึกะลอยขึ้นไปในอากาศ


อาโมแรคที่ขยับเข้ามาใกล้ ระเบิดหัวไหล่ขวาของจิสึกะทิ้งในพริบตา


ในสายตาทีมสำรวจ ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที เพียงได้เห็นประกายแสง เสียงระเบิดก็ดังตามมาทันที


อย่างไรก็ดี สายตาของอริยศรไม่พลาดการเคลื่อนไหวของอาโมแรคในทุกเสี้ยววินาที


คันศรของจิสึกะถูกเล็งไปยังใบหน้าอาโมแรคด้วยระยะทางที่สั้นที่สุด


เธอจงใจสละแขนขวาเพื่อตัดกำลังอาโมแรค


ในวินาทีที่แขนขวาถูกทำลาย สายรั้งธนูได้ถูกปลดปล่อย


ลูกศรพุ่งออกไปเป็นเส้นตรง


ลูกศรที่สร้างโดยเทพโอเวอร์เกียร์กริด แฝงไว้ด้วยเพลิงฟีนิกซ์แดง ปราณปราบมาร และพลัง ‘กระตุ้นแก่นพลัง’ ด้วยเจตจำนงอริยศร


เมื่อเทียบกับตำนานคนอื่น อริยศรจะต่อสู้ระยะประชิดได้ค่อนข้างแย่ แต่มีจุดแข็งอยู่ที่ประสาทสัมผัสอันล้ำลึก และนั่นช่วยให้อริยศรสามารถกระตุ้นแก่นพลังได้ในพริบตา


จิสึกะใช้พลังที่หนึ่งไอดีจะใช้ได้เพียงสามครั้งโดยปราศจากความลังเล


แน่นอน จะบอกว่าไม่เสียดายก็คงเป็นการโกหก แต่เธอมองว่าตนควรลงมือให้เด็ดขาด


ทีมสำรวจทุกคนล้วนเป็นไฮแรงเกอร์


หากเกิดการสูญเสียจำนวนมาก ขุมกำลังของผู้เล่นจะเสียหายหนักเกินไป ตารางเวลาในการสำรวจนรกก็จะถูกเลื่อนออกไปด้วย


นั่นจะสร้างความระคายเคืองให้กริด


> …!


อาโมแรคพยายามตะโกนบางสิ่ง แต่เสียงของเธอถูกกลบจนมิดด้วยเสียงคำรามของลูกศรหมุน จึงไม่มีใครได้ยิน


กล่าวคือ เวทมนตร์ของอาโมแรคหยุดแสดงผลชั่วขณะ


ตรวนเวทมนตร์ล่องหนที่เกิดขึ้นพร้อมกับเสียงกระซิบของอาโมแรค มิอาจพันธนาการยูร่าได้อีกต่อไป


เมื่อได้รับอิสระกลับคืน นักล่าอสูรรีบสื่อสารกับภูตแห่งความว่างเปล่าทันที


ชุดเกราะภูตธาตุ


ออร่าสีส้มโปร่งแสงคล้ายพลังเทพของกริด กลายร่างเป็นยุทธภัณฑ์ห่อหุ้มร่างกายทุกส่วนของยูร่า


เธอลงมือทันทีโดยไม่มัวรีรอ


ในการมองเห็นของหญิงสาว ลูกศรที่หมุนควงสว่านของจิสึกะกำลังพุ่งไปทางใบหน้าอาโมแรคในลักษณะคล้ายหลุมดำ


“สยบขุมนรก”


นรกกลายเป็นดินแดนของนักล่าทันที สิ่งมีชีวิตอื่นถูกเปลี่ยนสถานะให้กลายเป็นเหยื่อ


“แสงทำลายล้าง”


ลำแสงสีหยกเขียวพุ่งผ่านร่างอาโมแรค แต่กลับไม่เกิดผลลัพธ์ใด


ไม่มีแม้แต่รูโหว่ เป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันว่า แสงที่เปล่งจากร่างกายอาโมแรคคือสิ่งอื่นที่ไม่ใช่ปราณอสูร


ยูร่ามิได้ผิดหวัง


อย่างน้อยลูกศรที่กำลังควงสว่านของจิสึกะ ก็ดูดซับแสงสีหยกเข้าไปบางส่วน


และไม่ใช่แค่แสงทำลายล้าง


ทักษะและเวทมนตร์ของเหล่าทีมสำรวจ ล้วนถูกดูดเข้าไปในวังวนลูกศรของจิสึกะซึ่งยังคงหมุนอย่างเกรี้ยวกราด


ลูกศรของจิสึกะขยายขนาดอย่างรวดเร็ว จนในที่สุดก็ใหญ่พอจะกลืนกินร่างกายท่อนบนของอาโมแรคได้ทั้งหมด


> เจ้า… คือ…


เสียงอาโมแรคบางส่วนดังปะปนกับเสียงคำราม


ช่างตัดสินใจและได้รวดเร็วและเด็ดเดี่ยว…


ข้าอยากได้…


ท่ามกลางเสียงอื้ออึง


บึ้มมมม!!


เมื่อศรของจิสึกะปะทะกับเป้าหมายและระเบิดออก ร่างกายส่วนที่เหลือของอาโมแรคได้ถูกทำลายด้วยแรงระเบิด


เศษซากถูกเก็บกวาดโดยยูร่า แค็ทซ์ เฟคเกอร์ และทีมสำรวจที่เหลือ


จนกระทั่งผ่านไปสักพัก


“ฟู่ว…!”


ทีมสำรวจพากันถอนหายใจโล่งอก ตอนนี้ทุกคนเป็นอิสระจากดีบัฟของอาโมแรคแล้ว


นี่พวกเราเพิ่งขับไล่จอมอสูรลำดับสองกลับไปได้?


จิสึกะรีบกล่าวกับพวกพ้องที่กำลังได้ใจ


“พวกเราต้องรีบถอย…”


ร่างกายจิสึกะกำลังสั่นสะท้าน


ค่าเรี่ยวแรงถูกใช้จนหมด มิอาจขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว เป็นผลมาจากการเปิดใช้งานกระตุ้นแก่นพลัง


ยูร่าแบกจิสึกะขึ้นหลังพลางออกคำสั่งกับทุกคน


“กลับปราสาท!”


ปราสาทผลึก


สถานที่ซึ่งปลอดภัยที่สุดในนรก เชื่อมต่อกับลิฟต์ภาคพื้นดิน


ทว่า ใครบางคนกำลังขวางทางกลับ


“เหลวไหลสิ้นดี… ทำไมฉันต้องเป็นคนคอยเก็บกวาดทุกครั้ง?”


โรส


ผู้เล่นคนแรกที่กลายเป็นจอมอสูร


ด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ในฐานะบริวารของอาโมแรค เธอสามารถสร้างวงแหวนเวทนับสิบกลางอากาศในคราวเดียว พร้อมกับใช้ไม้เท้าที่ปกคลุมด้วยเปลวไฟ ร่ายมนตร์ตรึงความเคลื่อนไหวของทีมสำรวจเอาไว้


“อั่ก…!”


ล้มเหลว


เฟคเกอร์ที่พุ่งขึ้นไปในอากาศประหนึ่งเงาผี ปาดคอโรสจนมิอาจร่ายคาถาจบ


หน้าที่ของเธอคือการถ่วงเวลา


สิ่งที่ต้องทำมีเพียง คอยถ่วงเวลาทีมสำรวจเอาไว้ จนกว่าร่างใหม่ของอาโมแรคจะมาถึงในอีกสามนาทีข้างหน้า


“ชิ…!”


ความมุ่งมั่นของโรสไม่เป็นสองรองใคร เธอสามารถจัดระเบียบร่างกายที่ร่วงหล่นพร้อมกับต่อสู้ในระยะประชิดอย่างดุเดือด ไม้เท้าถูกแกว่งฟาดประหนึ่งไม้เรียวโดยเล็งไปทางยูร่า ผู้กำลังแบกจิสึกะไว้บนหลังและน่าจะเปิดช่องว่างมากกว่าใคร


ทว่า


“แค่ก!”


ดาบของแค็ทซ์ฟันโรสได้ก่อนที่ไม้เท้าจะปะทะเป้าหมาย


เป็นพลังโจมตีที่น่าทึ่ง


โรสถึงกับเกิดความประทับใจ


“เจ๋งชะมัด…! นี่คือพลังของคลาสแอนเชียน! ตัวตนที่เชื่อมโยงกับสามอสูรต้นกำเนิดโดยตรง…!”


เราเองก็เหมือน ในสักวัน เราก็จะ…!


แสงหลากสีสันกระหน่ำใส่ร่างกายโรสอย่างท่วมท้น


ค่อนข้างน่าขันที่ส่งจอมอสูรลำดับสามสิบ มากขวางทางทีมผู้สำรวจนรกชุดแรกที่เต็มไปด้วยหัวกะทิ


“นังตัวแสบ…”


ท่ามกลางแสงสีเทาที่กำลังกระจัดกระจาย จิสึกะส่ายหน้าเมื่อเห็นโรสกำลังยิ้ม


ผ่านไปไม่นาน


> คิดไม่ถึงเลยจริงๆ


อาโมแรคพึมพำหลังจากมาถึงจุดเกิดเหตุที่ไม่มีมนุษย์หลงเหลืออยู่


> คันศรที่สามารถดับตะวัน… ไม่น่าเชื่อว่ามนุษย์จะครอบครองพลังของราชามหาดารา


จิสึกะปฏิเสธการสืบทอดพลังโพเวียและเลือกเส้นทางอริยศร


เธอบุกเบิกทางเดินของตัวเอง และได้ครอบครองพลังปราบมารจากศาลเจ้าในทวีปตะวันออก


เป็นศาลเจ้าซอมซ่อที่มีตัวอักษร ‘弓’ (คันศร) สลักอยู่ มันทั้งเก่าและเสื่อมโทรมประหนึ่งพร้อมจะพังได้ทุกเมื่อ


จากบรรดาเทพที่ถูกลืม มีเพียงสองตนที่ใช้คันศร


ราชามหาดารา (แดบยอล) และราชาซอบยอลแห่งอาณาจักรฮวาน


จากสองเทพข้างต้น เทพผู้ทรงปัญญา อ่อนโยน และเป็นมิตรกับมนุษย์คือราชามหาดารา


แม้จะหลงกลติดกับดักของราชาซอบยอล จนต้องตกนรกและติดอยู่ในแม่น้ำแห่งการคืนชีพ แต่ดูเหมือนว่าเจตจำนงที่ราชามหาดาราเหลือทิ้งไว้บนโลก จะถูกสานต่อโดยอริยศรจิสึกะ


> ในโลกนี้ เวรกรรมยังคงดำเนินไปตามครรลอง…?


อาโมแรคเริ่มตระหนักถึงบางสิ่งอย่างคลุมเครือ


โลกนี้คือโลกสุดท้ายแล้ว


ท่านพ่อจะได้เลิกเศร้าเสียที…


ไม่แน่ว่า การส่งมนุษย์ไปหาบาเอลอย่างราบรื่น อาจเป็นสิ่งที่ดีก็ได้


ไม่แน่ใจ จุดจบของบาเอลอาจกำลังใกล้เข้ามา


ไม่สิ… ในสถานการณ์แบบนี้ ยิ่งต้องระวังให้มากเป็นพิเศษ…


ต้องคอยระวังไม่ให้บาเอลกินมนุษย์ในยุคปัจจุบันเข้าไป และกลายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา


ต้องไม่ลืมว่า นรกไม่ใช่สถานที่สำหรับมนุษย์


นรกที่ท่านพ่อต้องการให้เป็นแหล่งพักพิงของผู้ตายที่มิอาจขึ้นสวรรค์ ไม่ใช่สถานที่สำหรับสิ่งมีชีวิต


ใช่แล้ว มนุษย์ทุกคนที่เข้ามาในนรกต้องถูกทำให้เป็นอสูร…


ขณะความคิดของอาโมแรคกำลังบิดเบี้ยวบ้าคลั่ง


“ข้าคิดว่าตัวเองยังแข็งแกร่งไม่พอ… มีวิธีใดทำให้แข็งแกร่งขึ้นเร็วๆ ไหม? นี่ท่านอาโมแรค! ได้โปรดสนใจข้าด้วย!”


> …


ใบหน้าอันราบเรียบของอาโมแรค เกิดบิดเบี้ยวเล็กน้อย


เพราะโรสที่ปรี่เข้ามาหาหลังจากคืนชีพ เอาแต่แหกปากทำลายบรรยากาศ

______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00