จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,544



ภูมิประเทศของห้วงนรกไม่เหมาะแก่การป้องกันสักเท่าไร


เป็นสถานที่แตกต่างจากหมู่เกาะเบเฮ็นซึ่งสามารถโจมตีล้อมกรอบทั้งทางบกและทะเลได้ทันทีที่ศัตรูปรากฏ


ประการแรก พื้นที่ของหลุมห้วงนรกนั้นกว้างใหญ่เกินไป


อัศวินต้องใช้เวลาราวครึ่งวันกว่าจะเดินครบหนึ่งรอบ ดังนั้นการจะตั้งกองทัพล้อมกรอบจำเป็นต้องใช้ทหารไม่ต่ำกว่าแสนนาย และนั่นจะทำให้มีปัญหาด้านการกระจายความแข็งแกร่ง


นอกจากนั้นยังมีลักษณะเป็นหลุมมืดที่ปราศจากแสง ยากแก่การสังเกตสภาพแวดล้อมด้านล่าง


จึงแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะตอบสนองต่อมอนสเตอร์นับหมื่นซึ่งพรั่งพรูออกมาอย่างกะทันหันโดยปราศจากสัญญาณเตือน


เดิมที ห้วงนรก หรือกล่าวให้ถูกต้องคือไททันซึ่งเป็นที่ตั้งห้วงนรก ควรมีชะตากรรมต้องกลายเป็นนรกทันทีที่สงครามเริ่มขึ้น ทำหน้าที่เป็นฐานทัพหลักซึ่งนำพาไปสู่ชัยชนะของกองทัพอสูร


ไล่ตั้งแต่คามิคิน บาร์บาทอส ไปจนถึงเศษเสี้ยวอีโก้ของบาเอล


นี่คือเหตุผลที่ตัวตนสำคัญโผล่ออกจากห้วงนรก มิใช่หมู่เกาะเบเฮ็น


และฝ่ายที่ตั้งรับถึงต้องเป็นบราฮัม ไคล์ ยูเฟอมิน่า และบรรดากุนซือจากชาติพันธมิตร


“มาแล้ว”


บราฮัมสามารถจำแนกกระแสพลังเวทที่โกลาหลภายในห้วงนรก ช่วยให้หยั่งรู้การมาถึงของกองทัพอสูร


“ดอกเอเดียนทางฝั่งตะวันออกเริ่มเหี่ยวแห้ง เกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย ไข่มุกกลายเป็นสีเขียว: น้ำแข็ง ถึกทน และขนาดใหญ่”


กุนซือเร่งทำนายประเภทของมอนสเตอร์จากการเปลี่ยนแปลงเชิงสภาพแวดล้อม


ซู่ว—!


พลังเวทปริมาณมหาศาลของบราฮัมแผ่ปกคลุมปกทางเข้าห้วงนรก


“คราวนี้เป็นธาตุน้ำแข็ง ท่านไคล์ควรร่วมมือด้วย”


“ตกลง”


ยูเฟอมิน่าผู้ร่ายเวทโดยพิจารณาจากเวทมนตร์ของบราฮัมและประเภทของศัตรู กล่าวกับไคล์ เจ้าแห่งเวทสายฟ้า


ครืนนน!


การผนึกกำลังกันระหว่างยอดฝีมือและกุนซือแถวหน้าของทวีป ช่วยให้ฝ่ายมนุษย์สามารถก้าวข้ามอุปสรรคด้านภูมิประเทศไปได้


ในทุกระลอกการบุก กองทัพอสูรจะล้มตายไปเกินกว่าครึ่งก่อนจะเริ่มสู้เสมอ


และแม้แต่สัตว์อสูรที่สามารถรอดมาได้ก็ยังต้องถูกเปิดเผย ‘จุดอ่อน’


เพราะนั่นจะหมายความว่า ส่วนใดส่วนหนึ่งบนร่างกายที่ยังไม่ถูกเวทมนตร์ยิงใส่คือจุดอ่อน


ผู้เล่นและทหารสามารถต่อสู้ได้สะดวกสบายขึ้นมาก


“ยังกับรถบัสแน่ะ”


สีหน้าของผู้เล่นต่างสดใสขณะแหงนมองเหล่าสุดยอดจอมเวทที่ลอยเคียงกันบนท้องฟ้าเหนือปากห้วงนรก


พวกมันมีความสุขที่ได้เข่นฆ่ามอนสเตอร์อย่างง่ายดายและสั่งสมค่า EXP


ทว่า มีคนเพียงจำนวนน้อยเท่านั้นที่ไม่ต้องการให้สงครามจบลง


นั่นเพราะหลายคนเข้าใจหัวอกของทหารที่ต้องการแยกย้ายกลับไปหาครอบครัวที่บ้านเกิด


นี่คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดซึ่งนำพามาโดยมหาสงคราม


ผู้เล่นและ NPC กลายเป็นเพื่อนแท้ต่อกัน


“ข… ขอบคุณมาก”


“ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”


กลายเป็นเหตุการณ์ปรกติไปแล้วที่ผู้เล่นจะยอมเจ็บตัวเล็กน้อยเพื่อปกป้องทหาร


ชาวโอเวอร์เกียร์ที่สัมผัสถึงการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวต่างก็ร่วมยินดีไปด้วย


พวกมันเชื่อว่ากริดน่าจะมีความสุขถ้าได้เห็นภาพนี้


“เมื่อหลายปีก่อน กริดเคยถูกผู้คนหัวเราะเยาะในเรื่องที่จริงจังกับเกมมากเกินไป”


“นี่คือการเปลี่ยนแปลงที่ก็อดกริดสร้างขึ้น! แม้แต่ในญี่ปุ่น พวกเขายังพูดออกมาเองว่า ตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับว่าก็อดกริดคือผู้นำของฝ่ายมนุษย์! ฮ่าฮ่า!”


“คิดจะเรียกตีนจากญี่ปุ่นอีกแล้วหรือ?”


“ทำไมพีคซอร์ดถึงไม่เปลี่ยนไปเลยนะ”


“แม้แต่ทุกวันนี้เขาก็ยังคอยหาเรื่องแค็ทซ์อยู่เลย”


“บ้าน่า เขาจะเอาชนะแค็ทซ์ในตอนนี้ได้ยังไง”


วันนี้ก็เหมือนกับทุกวัน


ผู้เล่นและทหารเป็นแกนหลักโดยมีชาวโอเวอร์เกียร์คอยสนับสนุน


ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ทุกคนจึงรู้สึกได้ทันที


กรร! กรี๊—! โฮกกกกก!!


สัตว์อสูรที่ปีนขึ้นจากห้วงนรกมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปรกติหลายเท่า


“ไฟ ล่องหน ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่…! ธ…ธาตุดิน! ประเภทบิน! ใหญ่พิเศษ! ขนาดใหญ่!!”


บรรดากุนซือต่างสับสน


เพราะว่าประเภทของสัตว์อสูรที่คาดเดามีมากเกินไป


ราวกับพวกมันมิอาจตรวจสอบได้อย่างครอบคลุม


บราฮัม ไคล์ และยูเฟอมิน่าตระหนักถึงความร้ายแรงของสถานการณ์


พวกมันเค้นมานาทั้งหมดและกระหน่ำเวทมนตร์นานาชนิดลงไปในห้วงนรกโดยไม่คำนึงถึงประเภทของศัตรู


อย่างไรดี ความฮึกเหิมดุดันของกองทัพอสูรกลับมิได้แผ่วลง


จำนวนของสัตว์อสูรที่รอดมีมากกว่าจำนวนที่ล้มตาย


เรียกได้ว่าเป็นการโหมบุกอย่างหนักหน่วง


“ต้องเรียกราชาเนตรมารมาไหม?”


ยูเฟอมิน่าชำเลืองไปทางวาร์ปเกตที่เชื่อมต่อกับไรน์ฮาร์ทพลางแสดงความเห็น แต่บราฮัมส่ายหน้า


“ยังไม่จำเป็น”


ราชาเนตรมารทรงพลังเกินไป มันสามารถปล่อยลำแสงแห่งการทำลายล้างออกจากดวงตา แต่น่าเสียดายที่ราชาเนตรมารยังควบคุมพลังของตัวเองได้ไม่ค่อยดี


ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้น หนักหนาสาหัสเกินกว่าร่างกายที่อ่อนแอของมันจะรับไหว


สำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน นั่นเป็นผลเสีย


เฉกเช่นแวมไพร์ เนตรมารเคยเป็นชาวนรกมาก่อน


ราชาเนตรมารจะต้องตกเป็นเป้าโจมตีของสัตว์อสูรแน่นอน


ด้วยพลังเนตรอันแข็งแกร่งที่แลกมากับร่างกายแสนอ่อนแอ หากตกเป็นเป้าโจมตีของฝ่ายอสูร เผ่าเนตรมารคงเอาตัวรอดได้


โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ราชาเนตรมารจะเผชิญความเสี่ยงมากกว่าเนตรมารทั่วไป เพราะเหล่าจอมอสูรทรงปัญญาต่างหมายช่วงชิงดวงตามารมาเป็นของตน


แม้แต่บราฮัมก็อาจปกป้องไม่ไหว


“คุณใจดีขึ้นนะ”


“ไร้สาระ”


“เป็นห่วงราชาเนตรมารใช่ไหมล่ะ”


“เปล่าสักหน่อย… ข้าไม่ได้เป็นห่วงเขา แค่กลัวว่าพวกจอมอสูรจะกรูกันออกมาเพราะราชาเนตรมาร… ฮึ่ม!”


บราฮัมอดไม่ได้ที่จะพึมพำเมื่อเห็นยูเฟอมิน่ากำลังฉีกยิ้มกว้าง


เธอคือทายาทของอดีตศิษย์เอก


มันแค่ต้องการชดเชยความใจดีที่ไม่เคยมอบให้ศิษย์ของตัวเอง


แตกต่างจากสมัยที่มันถูกแวมไพร์ขับไล่และต้องเตร็ดเตร่อย่างเดียวดาย


ตอนนี้ไม่มีเหตุผลใดที่บราฮัมต้องมองโลกในแง่ลบ


มันสำนึกเสียใจในสิ่งที่ตนเคยทำกับลูกศิษย์เสมอมา


ครืนนนน—


“…!”


ดวงตาบราฮัมพลันเบิกโพลง มันตกตะลึงจนเผลอสูดลมหายใจยาว เป็นท่าทีตอบสนองที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน


ไคล์เพิ่งเคยเห็นบราฮัมแสดงออกเช่นนี้เป็นครั้งแรก


ไม่ใช่ว่าบราฮัมคือชายผู้ทำตัวโอหังกับทุกสิ่งบนโลกหรอกหรือ? ไม่เว้นแม้ในยามที่เผชิญหน้ากับคามิคิน


“สิ่งใด… กำลังจะมา…?”


ไคล์ถามอย่างกังวล


“เทพ”


บราฮัมไม่ละเลยที่จะตอบ


เทพ?


เป็นคำตอบที่ฟังดูเหลวไหลสิ้นดี


แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย


เทพสงครามและเทพโอเวอร์เกียร์


ไคล์เคยเห็นเทพมาแล้วหลายตน รวมถึงจอมอสูรและเทวทูต


การดำรงอยู่ของเทพไม่ใช่แค่เรื่องในตำนานอีกต่อไป แต่มันคือความจริงของโลก


“ใหญ่มาก… ราวกับกลุ่มก้อนความเคียดแค้น…”


ไคล์และยูเฟอมิน่ามองเห็นเพียงห้วงนรกสีดำสนิทและมืดมิด ต่อให้พยายามสาดแสงเข้าไปก็ไม่เป็นผล ความมืดได้กลืนกินแสงเข้าไปจนหมด


แต่ดวงตาบราฮัมกลับจดจ้องไปยังก้นห้วงนรก


ความมืดมิอาจปิดกันพลังในการตรวจจับของมหาจอมเวทที่เก่งกาจที่สุดตลอดกาล


“…!”


“…!”


ไคล์และยูเฟอมิน่าต่างพากันสั่นสะท้านจนเกือบจะเป็นความกลัว


นั่นเพราะพลังเวทภายในห้วงนรกซึ่งมีปริมาณใกล้เคียงอนันต์ กลับถูกบราฮัมดูดซับมาเป็นของตัวเองในคราวเดียว


‘นี่คือเวทดูดกลืนมานาจริงหรือ?’


‘สัตว์ประหลาด ชายคนนี้เป็นสัตว์ประหลาด’


หากโลกนี้มีตำแหน่งเทพแห่งการทำลายล้าง ผู้ที่ได้รับย่อมต้องเป็นบุรุษเบื้องหน้าพวกมัน


ขณะไคล์กำลังมั่นใจ


“ถ้าปล่อยไว้นานกว่านี้ สัตว์อสูรจำนวนมากจะตอบสนองต่อความแค้นจนอาละวาดอย่างเสียสติ ต้องรีบปิดฉากโดยเร็ว… ที่นี่คงต้องฝากพวกเจ้าดูแลแทน”


บราฮัมกล่าว


ไม่มีใครตอบสนองหรือห้ามปรามได้ทัน


มันกระโดดลงไปในห้วงนรกเรียบร้อยแล้ว


***


“รีบจัดกระบวนทัพในตอนนี้ฉันยื้อเวลาให้!”


คริสเป็นทัพหน้าเสมอ


ทุกครั้งที่คริสเหวี่ยงดาบจะสร้างลมพายุ แรงระเบิด และเสียงกรีดร้อง


หากเป้าหมายใดไม่ถูกตัดขาด ดาบใหญ่จะบดขยี้ร่างกายอย่างหนักหน่วง


ร่างกายของสัตว์อสูรจะคงกระพันในทุกส่วนยกเว้นจุดอ่อน แต่ดาบใหญ่ของคริสกลับสามารถทำให้อวัยวะของศัตรูบิดเบี้ยวผิดรูปร่าง กะโหลกยุบเป็นหลุม ดวงตาถลนออกจากเบ้า


นั่นคือเทคนิคการสร้างพลังทำลายด้วยน้ำหนักของดาบใหญ่


ศัตรูจะมีสภาพน่าสมเพชทุกครั้งที่โดนฟัน จึงเหมาะสมแล้วที่จะเรียกว่าพลังทำลายล้าง


ฉัวะ!!


การฟันเพียงครั้งเดียวสามารถลบสัตว์อสูรแถวหน้าไปได้หลายสิบตัว


ร่างของสัตว์อสูรบางตัวลอยขึ้นฟ้าและกระเด็นไปตกลงในหลุมลึกของห้วงนรกที่พวกมันปีนขึ้นมาอย่างยากลำบาก


กี๊! กิกี๊!!


สัตว์อสูรในแถวหน้าต่างหันมองกันเอง พวกมันพยายามสื่อสารกันทั้งที่แทบไม่เคยทำ จากนั้นทุกตัวต่างเพิกเฉยคริสโดยการเบี่ยงร่างอ้อมไป


เป็นความกลัวที่เกิดจากสัญชาตญาณ รูปแบบการต่อสู้ซึ่งอยู่เหนือสามัญสำนึกของคริสทำให้ความคงกระพันของพวกมันกลายเป็นหมัน


คริสไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอย


หนึ่งในจุดแข็งของดาบใหญ่คือรัศมีการโจมตีที่ไกลกว่าอาวุธอื่น


ดาบของคริสทั้งหนักและยาวที่สุด


นอกจากนั้น คริสเป็นทรราช


มันประกาศกร้าวว่าผืนดินที่ตนกำลังเหยียบย่ำคืออาณาเขต


ฉัวะ!!


สัตว์อสูรที่พยายามหลบหนีต่างพากันยืนทึ่ง เส้นทางของพวกมันล้วนถูกกีดขวางไว้ด้วยดาบเล่มยักษ์ที่ดูเหมือนต้นเสาเอียง แต่ละตัวทยอยถูกพละกำลังของทรราชเหยียบย่ำให้จมดิน


กริดคือคนเดียวในโลกที่สามารถเข้ามาในอาณาเขตได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจากคริส


กรี๊!!


ฉากอันน่าเหลือเชื่อถูกสร้างขึ้น


ร่างของสัตว์อสูรที่ส่งเสียงกรีดร้อง ลอยขึ้นฟ้าในลักษณะกราฟพาราโบลาก่อนจะตกลงไปในห้วงนรก


สัตว์อสูรตัวใหญ่ก็มีชะตากรรมเดียวกัน


พละกำลังของคริสนั้นมหาศาล สามารถเค้นน้ำหนักได้มากถึงหนึ่งหมื่นตัน


“เขากำลังเล่นเบสบอลอยู่หรือไง…”


ขณะผู้เล่นคนหนึ่งกล่าวขึ้นหลังจากเห็นคริสหวดอสูรจำนวนมากตกลงไปในห้วงนรก


“เสร็จแล้ว!”


หนึ่งในผู้บัญชาการกองทัพที่นำโดยคริสตะโกนขึ้น


กระบวนทัพถูกจัดใหม่อย่างเป็นระเบียบ


พวกมันพร้อมแล้วที่จะรับมือกับการโหมบุกเต็มกำลังของฝ่ายอสูร


สัตว์ประหลาดประเภทบินที่คล้ายกับรออยู่นาน รีบบินขึ้นพร้อมกับอ้าปากกว้างยิงลำแสง


ชิ้ง!!


ทว่า คริสเป็นผู้ครอบครองอักขระ


อักขระกลบจุดอ่อน


สุดยอดอักขระที่จะช่วยเปลี่ยนจุดอ่อนให้กลายเป็นจุดแข็ง


เดิมที นักรบระยะประชิด โดยเฉพาะจำพวกที่เน้นพละกำลังมากกว่าความเร็ว มักแพ้ทางมอนสเตอร์โจมตีไกลและประเภทบิน แต่สำหรับคริสแล้วเป็นเรื่องง่าย


“โฮ่…”


“ไม่มีจุดอ่อนเลยหรือไง… สมแล้วที่เป็นเบอร์สองของโอเวอร์เกียร์”


ในช่วงไม่กี่ปีหลัง คริสยังคงรักษาอันดับโลกแบบรวมคลาสไว้ได้เหนียวแน่น


และเนื่องจากเป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งแรงค์หนึ่งของกริด จึงเป็นธรรมดาที่คริสจะถูกเรียกว่าเบอร์สอง


ไม่เพียงเท่านั้น ตัวตนคริสในปัจจุบันเริ่มขยับเข้าใกล้คำว่าสมบูรณ์แบบเต็มที


เป็นเรื่องน่าเหลือเชื่อมากหากจะบอกว่านี่คือคลาสทั่วไป


“ย๊ากกกก—!!”


การตะลุมบอนยกใหญ่เริ่มขึ้นอีกครั้ง


เฉกเช่นหน่วยอื่นที่ต้องปะทะกับกองทัพสัตว์อสูรทันทีที่พวกมันปีนขึ้นมา หน่วยของคริสก็ต้องเข้าตะลุมบอนเช่นกัน


ในช่วงแรก กระแสสงครามเป็นไปในเชิงบวก


ต้องขอบคุณความยอดเยี่ยมของคริส การรักษาแนวรบจึงดำเนินไปอย่างราบรื่นและทำให้ขวัญกำลังใจทหารเพิ่มพูน


แต่ยิ่งเวลาผ่านไป ปัญหาก็ยิ่งเกิด


กองทัพสัตว์อสูรพรั่งพรูเข้ามาด้วยจำนวนและความฮึกเหิมที่ไม่ธรรมดา


พวกมันละทิ้งสัญชาตญาณการปกป้องจุดอ่อนและเริ่มอาละวาดอย่างบ้าคลั่งประหนึ่งสัตว์ป่า


‘นี่มัน…’


แต่ละหน่วยเริ่มแตกพ่ายอย่างรวดเร็ว


เมื่ออสูรไม่มัวคอยปกปิดจุดอ่อน จุดอ่อนของพวกมันจึงไม่ถูกเปิดเผย


ทหารทั่วไปยากที่จะโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นเหตุให้ภาระของผู้เล่นเพิ่มขึ้น


สนามรบพลิกผันโดยสิ้นเชิง


คริสถูกโดดเดี่ยวอย่างรวดเร็ว


ขณะพวกพ้องทยอยถูกผลักถอยหลัง จำนวนของสัตว์อสูรที่คริสต้องรับมือตามลำพังก็ยิ่งเพิ่มขึ้น


ปัญหาสำคัญก็คือ มีอสูรจำนวนมากแฝงตัวมากับสัตว์อสูร โดยพิจารณาจากเลเวล บางตัวเป็นถึงบริวารของจอมอสูรลำดับสูง


พวกมันเน้นรุมโจมตีคริสอย่างหนักหน่วง


พวกมันได้เรียนรู้ว่า นี่คือวิธีที่จะชนะสงคราม


“คึ่ก!”


ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อ ขีดจำกัดของคลาสก็ยิ่งเผยให้เห็น


คลาสทั่วไป


แม้ประสิทธิภาพหลังจากพัฒนาคลาสครั้งที่สี่จะทัดเทียมกับคลาสลับ แต่ความแตกต่างเชิงค่าสถานะก็ยังมีมากอยู่ดี


ยิ่งเกรดของคลาสเพิ่มขึ้น แต้มสถานะต่อเลเวลก็จะยิ่งเพิ่มขึ้นตามเงื่อนไข


จริงอยู่ที่สามารถลดช่องว่างให้แคบลงได้โดยสมญานามและโอสถ แต่คริสซึ่งน่าจะดื่มโอสถมากที่สุดในโลก กลับยังมิอาจไล่ตามค่าสถานะของผู้เล่นคลาสลับได้ทัน


และความแตกต่างของค่าสถานะพื้นฐาน ย่อมส่งผลมาถึงประสิทธิภาพในการต่อสู้ระยะยาว


ยิ่งมีค่าสถานะสูงเพียงใด ศัตรูก็ยิ่งตายเร็วและสูญเสียพลังชีวิตน้อยลง จึงเป็นสัจธรรมที่ยิ่งค่าสถานะมากก็ยิ่งต่อสู้ได้นาน


‘น่าหงุดหงิดชะมัด’


คริสที่ร่างกายเริ่มหนักกล่าวตัดพ้อในใจ


มันตำหนิตัวเองที่ไม่สามารถทำลายขีดจำกัดของคลาส ‘ทั่วไป’ ได้อย่างที่คิดไว้


ย้อนกลับไปในตอนที่กริดกำลังค้นหาหนังสือเปลี่ยนคลาสของแพ็กม่า


คริสเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับแวมไพร์และขังตัวเองในปราสาท


มันหน้ามืดตามัวเพราะโอสถ ส่งผลให้วิสัยทัศน์แคบลงมาก


มันเสียใจในวันเวลาอันแสนไร้ค่าเหล่านั้น และต้องการย้อนกลับไปแก้ไขหากเลือกได้


[ระยะหน่วงหลังใช้ของโพชันพลังชีวิตยังไม่พร้อม]


‘จบสิ้นแล้ว’


ไม่สิ มันไม่ใช่จุดจบ ก็แค่ความพ่ายแพ้เพียงครั้งเดียว


คริสสงบสติพลางเค้นพละกำลังเฮือกสุดท้ายกวัดแกว่งดาบใหญ่ เปลี่ยนให้อสูรสองตัวกลายเป็นเถ้าถ่านไปพร้อมกัน


ฉากดังกล่าวปลุกเร้าความเคารพนับถือในตัวผู้คนเป็นอันมาก


ท่ามกลางเสียงโห่ร้องและเสียงเชียร์


ฉึก!


ดาบใหญ่ในมือคริสถูกปักลงพื้น


ทำไปเพื่อพยุงร่างกายมิให้ล้มลง


เมื่อสัมผัสได้ว่าค่าเรี่ยวแรงใกล้หมดหลอดเต็มที คริสหันไปตะโกนกับแรงเกอร์ในหน่วยเดียวกัน


“พาทหารถอยไปเข้าร่วมกับหน่วยพีคซอร์ด ด้วยยารุกต์ เขาน่าจะรับมือได้ดีกว่าเรา”


สายตาของคริสสนใจเพียงพวกพ้อง


มิได้แยแสกรงเล็บและฟันของอสูรที่เตรียมเจาะเข้ามาในร่างกาย


ผู้เล่นหลายคนพยายามย้อนกลับมาช่วย แต่คริสทำเพียงตะโกน:


“ในสถานการณ์แบบนี้ ยอมตายแล้วคืนชีพคือทางเลือกที่ดีกว่า!”


ความตายสองครั้งหมายถึงการออฟไลน์ยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ความตายหนึ่งครั้งหมายถึงโอกาสแก้ตัว


มันสามารถคืนชีพด้วยทรัพยากรเต็มหลอดและกลับมาเข้าร่วมแนวหน้าได้ทันที


ท้ายที่สุด คริสมิอาจขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว ร่างกายของมันทรุดลงพิงกับดาบใหญ่


แต่ทันใดนั้นเอง


จากด้านข้าง


“รีบเรียนสิ่งนี้ซะ”


กริดเดินเข้ามาพร้อมกับยื่นหนังสือเล่มเก่า


“เร็วเข้า”


แน่นอน เขตแดนพายุเพลิงเทพถูกเปิดใช้งานแล้ว


แต่น่าเสียดาย อิทธิพลเชิงฟื้นฟูของเขตแดนพายุเพลิงเทพที่มีต่อพวกพ้อง มีเพียงอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิต พลังในการรักษา และค่าต้านทานอาการผิดปรกติ


คริสได้รับความเสียหายอย่างหนัก แถมยังติดดีบัฟเลือดไหลและพิษอีกหลายชนิด ยากที่จะฟื้นฟู HP ตามธรรมชาติได้ทัน ตัวเลขจึงลดลงอย่างต่อเนื่องจนมีค่าใกล้เคียงศูนย์เต็มที


แต่คริสเชื่อใจกริดโดยไม่เคลือบแคลง


มิใช่เพียงเพราะกริดเป็นพวกพ้องหรือเพื่อน แต่เพราะกริดคือบุคคลที่ยิ่งใหญ่กว่าตน


นั่นคือเหตุผลที่คริสรีบกดใช้งานหนังสือโดยไม่อ่านรายละเอียด


[ท่านกลายเป็น ‘ผู้สืบทอดซีดาน’]


[เลเวลของท่านลดลง]


[เลเวลของท่านกลายเป็น 1]


[ค่าสถานะและทักษะเกี่ยวกับคลาสหลักถูกล้างทั้งหมด]


“…?”


ตามปรกติแล้ว แรงเกอร์จะกลัวความตายเพราะไม่ต้องการสูญเสียค่า EXP มหาศาล


โดยเฉพาะบรรดาไฮแรงเกอร์ พวกมันกังวลเกี่ยวกับการถูกลดเลเวลยิ่งกว่าค่า EXP ที่เสียไปเสียอีก เพราะนั่นจะส่งผลต่ออันดับโลกโดยตรง


กล่าวอีกนัยหนึ่ง การยอมถูกรีเซตเลเวลเพื่อให้มีชีวิตรอด ถือเป็นเรื่องที่โง่เขลาสิ้นดี


“…หมายความว่ายังไง!!”


คริสแหกปากเมื่อเวลาผ่านไป


มันยังคงไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด แต่ความหงุดหงิดนั้นเป็นของจริง


ร่างกายอ่อนแอลงจนดาบใหญ่ที่เคยถือได้ด้วยมือเดียว หนักอึ้งราวกับภูเขา ทุกสิ่งเหมือนกับกำลังฝันไป


เบื้องหน้ามีสัตว์อสูรและอสูรนับพันตัว แต่เลเวลของตนกลับลดเหลือเพียงหนึ่ง


เป็นใครก็คงห้ามใจไม่ให้แหกปากไม่ไหว


กริดพยุงคริสขึ้นมา


“จับแน่นๆ ล่ะ… รถบัสกำลังจะซิ่ง”


ณ วันนี้ สถิติการเก็บเลเวลที่เร็วที่สุดในประวัติศาสตร์กำลังจะถูกจารึก


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

  1. กริดก็โหดได้ใจเกิ๊นนน!!

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00