จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,538
ภูเขามักถูกมองว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มาตั้งแต่โบราณกาล
เกรเนียร์ก็เช่นกัน
ภูเขาที่ตั้งเด่นตระหง่านอย่างเดียวดายท่ามกลางดินแดนอันรกร้าง
เป็นทัศนียภาพที่งดงามและดึงดูดจนใครต่อใครต้องเหลียวมอง
มีข่าวลือหนาหูว่าผลของต้นสนที่ปักหลักอย่างมั่นคงริมหน้าผาคือโอสถ และหลายคนเชื่อว่านั่นเป็นเรื่องจริง
ผู้คนทยอยมาเยือนเกรเนียร์ราวกับถูกสิงสู่
พวกมันพยายามสำรวจภูเขาเพื่อค้นหาโอสถและขุมทรัพย์ที่มองไม่เห็น
ครั้งหนึ่ง ราชาขุนเขาเคยทำเพียงเฝ้ามอง
จากยอดเขา มันรู้สึกโกรธกับพฤติกรรมการทำลายธรรมชาติแสนล้ำค่า และการล่าสัตว์เพื่อความสนุกสนาน แต่ราชาขุนเขาก็ทำเพียงเงียบ
เพราะมันทำอะไรไม่ได้
ในช่วงเวลานั้น ตัวตนของราชาขุนเขายังเลือนราง เป็นสิ่งที่ใกล้เคียงนามธรรม ไม่มีร่างเนื้อ
ราชาขุนเขามีสถานะใกล้เคียงกับดวงวิญญาณอันเลือนรางซึ่งเกิดจากความเชื่อที่ว่า ภูเขาทุกลูกต้องมีเทพคอยปกป้อง
ดังนั้น เมื่อได้รับร่างเนื้อครั้งแรก ราชาขุนเขาจึงยินดีปรีดา
มันตื่นเต้นที่จะได้ระบายโทสะอันเดือดดาล ตื่นเต้นที่จะได้ชุ่มชโลมขนหมีที่ตนสิงสู่ด้วยเลือดมนุษย์ มันสังหารผู้รุกรานโดยไม่ลังเล โดยเชื่อว่านั่นคือหน้าที่ของตน
มันเติมเต็มความปรารถนาให้แม่หมีที่ลูกถูกผู้บุกรุกฆ่าเพื่อเอาถุงน้ำดี
มันช่วยสะสางความแค้นให้ต้นไม้ที่แข็งตายอย่างทุกข์ทรมานในฤดูหนาวเพราะถูกผู้บุกรุกเลาะเปลือกออก
มันรับฟังความโกรธแค้นของวิญญาณชาวเขาที่ถูกผู้บุกรุกทำให้กลายเป็นของเล่น
ราชาขุนเขาเกิดมาเพื่อภูเขา จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต่อสู้เพื่อปกป้องทุกชีวิตบนภูเขา
มันขับไล่ผู้บุกรุกด้วยการยืมร่างของสัตว์ที่ตายและร่างของชาวเขา
ยิ่งเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มากเท่าไร ผู้มาเยือนภูเขาเกรเนียร์ก็ยิ่งเพิ่มจำนวน
ไม่ว่าจะเป็นทหารรับจ้างที่หน้ามืดเพราะเงินทอง กองทัพหุ้มเกราะ และนักรบกับนักบวชที่จับกลุ่มกันในนามความยุติธรรม
พวกมันล้วนเข้ามาท้าทายราชาขุนเขา
นับแต่นั้นเป็นต้นมา ราชาขุนเขาก็ถูกเรียกว่าสัตว์ประหลาด
เป้าหมายของผู้มาเยือนเกรเนียร์เปลี่ยนจากโอสถและขุมทรัพย์ที่ยังไม่แน่ชัดว่ามีอยู่จริง เป็นการโค่นล้มราชาขุนเขา ถึงขั้นที่ต้องเคลื่อนกองทัพเข้ามาปราบปราม
นั่นยิ่งทำให้เกรเนียร์เป็นหนึ่งเดียวมากขึ้น
ต้นไม้ สัตว์ร้าย และชาวเขาต่างไม่ลืมความโหดร้ายของผู้บุกรุก ทุกชีวิตรวมใจกับสวดวิงวอนจากก้นบึ้งให้ราชาขุนเขาได้รับชัยชนะ
ผ่านไปหลายปี ราชาขุนเขากลายเป็นตำนาน
ทหารรับจ้างและกองทัพเลิกท้าทายเกรเนียร์
มีเพียงนักรบหรือผู้ที่เรียกตัวเองว่าตำนานเท่านั้นที่พยายามปีนขึ้นมาบนเกรเนียร์
ทุกครั้งที่ต่อสู้และคว้าชัย ราชาขุนเขาก็ยิ่งแข็งแกร่ง
มันวิวัฒนาการด้วยการขโมยร่างกายและระดับตัวตนของผู้ท้าชิง
จุดเริ่มต้นของเทวตำนานบทใหม่ได้เริ่มขึ้น
เกรเนียร์และราชาขุนเขาค่อยๆ ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
เหลือเพียงผู้ที่มีคุณสมบัติคู่ควรเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ท้าทาย
นั่นคือเรื่องราวเมื่อหนึ่งพันปีก่อน
***
‘เจ้านี่… บังอาจหลอกเรา!’
ใบหน้าของเหล่าผู้พิทักษ์ที่ยังหลงเหลือกำลังบิดเบี้ยว
ศัตรูที่พวกมันต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย กลับกลายเป็นแค่ลูกน้อง พวกมันไม่เคยเผชิญความอับอายเช่นนี้มาก่อน
‘ต้องฆ่า…!’
ผู้พิทักษ์เปี่ยมด้วยจิตสังหารที่ต้องการเข่นฆ่าสตรีผู้บอบบางตรงหน้า
แต่นอน พวกมันไม่ผลีผลามลงมือ
ภายนอกอาจดูอ่อนแอ แต่หล่อนเป็นสัตว์ประหลาดที่ฆ่าพี่น้องมันด้วยการโจมตีเดียว
เมื่อเทียบกับบรรดาผู้ที่เคยพยายามท้าทายราชาขุนเขา ระดับตัวตนของเธอสูงส่งกว่าใครทั้งหมด ไม่มีใครกล้าบุกเข้าไปส่งเดช
แต่แน่นอน ระดับตัวตนของเธอยังด้อยกว่าราชาขุนเขามาก
เหล่าผู้พิทักษ์มิได้คลางแคลงใจเลยว่า พวกตนจะต้องมีโอกาสแก้แค้นแน่นอน
และโอกาสก็มาถึงภายในเวลาอันสั้น
“ตกลง ถ้าปืนขึ้นมานั่งบนนี้ได้ ข้ายอมเป็นเพื่อนเจ้าหนึ่งวัน”
ราชาขุนเขาโบกมือให้สตรีนิรนาม
ที่นั่งในความหมายของราชาขุนเขาคือ ‘เกรเนียร์’
เป็นที่นั่งซึ่งเกิดจากการซันทับและตัดกันของภูเขาหลายลูก
การปีนขึ้นไปนั่งหมายถึงการต่อต้านเจตจำนงของเกรเนียร์ และนั่นจะมีค่าเท่ากับโทษตาย
จากบรรดาผู้ท้าทายภูเขาเกรเนียร์ทั้งหมด มีเพียงคนเดียวที่เคยนั่งบนบัลลังก์
ซีดาน
ชื่อที่สลักลงในใจเหล่าผู้พิทักษ์อย่างชัดเจน
ซีดานนั่งลงบนบัลลังก์ของราชาขุนเขาด้วยร่างมนุษย์ หาใช่เทพ
แต่มันก็ตายทันทีที่นั่งลง
เจตจำนงอันแรงกล้าของเกรเนียร์เสียดแทงหัวใจและทำให้ซีดานตายคาที่ และถึงแม้จะตายไปแล้ว ซีดานก็ยังเดินต่อไปอีกห้าก้าวจนกระทั่งเข้าใกล้ราชาขุนเขา
เพื่อเป็นเกียรติแก่ชายคนนี้ และเพื่อปกป้องเกียรติของตัวเอง ราชาขุนเขารักษาสัญญาที่ให้ไว้
เพื่อที่จะสร้างโอสถที่ไม่มีอยู่จริง มันใช้บารมีเทพของตนช่วยชีวิตแม่ซีดาน ส่งผลให้ร่างกายอยู่ในสภาพอ่อนแอเป็นเวลานานนับร้อยปี
[ซีดานเตือนว่า การนั่งบนบัลลังก์ไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย]
ซีดานรีบร้องเตือนด้วยความกังวล
กริดเข้าใจท่าทีตอบสนองของซีดาน
เพราะมันทราบดีว่า การนั่งบนบัลลังก์มีความหมายเช่นไร
เป็นข้อมูลที่ได้รับรู้ผ่านเนื้อหาภารกิจ <ตำนานห้าก้าว>
‘ต้องเผชิญกับเจตจำนงอันแรงกล้าของภูเขาซึ่งหน้า’
เจตจำนงของเกรเนียร์ ภูเขาที่ดำรงตนมานานหลายพันปีและกลายเป็นสุสานของเหล่าตำนานและเทวตำนานมากมาย
เมื่อลองนำไปเทียบกับระบบภายในเกมอย่าง ‘พลังจิตไร้รูปร่าง’ หรือ ‘โลกจินตภาพ’ คงเป็นการยากที่จะกะเกณฑ์ว่าเจตจำนงของภูเขาทรงพลังเพียงใด
แต่กริดมิได้ลังเล มันก้าวไปข้าวหน้าทันที
‘มาไกลถึงขั้นนี้แล้ว เราจะไม่กลับไปมือเปล่า’
ตัดเรื่องความแข็งแกร่งของราชาขุนเขาออกไป กริดต้องการบรรลุเป้าหมายต่ำสุดของการมาเยือนที่นี่
หนังสือเปลี่ยนคลาสของซีดาน
ไม่ว่ายังไงก็ต้องครอบครองให้ได้
หากถอยกลับไปตอนนี้เพียงเพราะความกลัว มีโอกาสสูงมากที่จะพลาดการครอบครองไปตลอดชีวิต
ครืนนนนน!!
ยอดเขาแหลมหมุนวนและบิดเป็นเกลียวประหนึ่งหัวสว่าน
กำแพงผาหินเกิดรอยแยกเป็นทางยาว เศษดินหินน้อยใหญ่แตกกระจัดกระจายไปทุกทิศ จากนั้นก็พุ่งใส่กริดประหนึ่งพายุลูกเห็บ
มหันตภัยทางธรรมชาติ
ไม่มีคำใดนิยามได้ตรงกว่านี้อีกแล้ว
[ซีดานเกิดความประหลาดใจ เพราะนี่เป็นภัยธรรมชาติที่รุนแรงกว่าสมัยที่ตนเผชิญ]
‘ก็ต้องแบบนั้นอยู่แล้ว’
คงไม่ฉลาดนักหากจะนำเกรเนียร์ในปัจจุบันมาเทียบกับเกรเนียร์ที่ซีดานเคยมาเยือน
วันเวลาเลือนผ่านไปหลายรอยปี
ระดับตัวตนของเกรเนียร์ย่อมต้องเพิ่มขึ้นภายใต้อิทธิพลของราชาขุนเขา ผู้กลืนกินตำนานและเทวตำนานอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาดังกล่าว
กริดคำนึงถึงเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว
กึก
ชายหนุ่มก้าวยาว
มิได้แยแสเศษดินหินอันท่วมท้นที่กำลังพุ่งเข้ามาในทัศนวิสัย
นั่นเพราะมีหัตถ์เทวะคอยถือโล่ปกป้องเอาไว้ทั้งหมด
“ไม่ว่าจะมองมุมใด พลังนั่นก็สุดยอด…”
ผู้พิทักษ์ต่างถอนหายใจ
มือที่ขยับได้เองและไม่มีวันถูกทำลาย แถมยังดูเหมือนไม่ต้องใช้พลังงาน
แน่นอนว่าของจริงยังไม่เริ่ม
หลังจากนี้ไปจะเป็นเจตจำนงของเกรเนียร์
[สายลมกระโชกกำลังบดร่างท่าน]
ขณะกริดเตรียมก้าวครั้งที่สอง สายลมที่พุ่งเข้ามาทวีความรุนแรงขึ้นหลายเท่า ร่างกริดปะทะกับแรงดันมหาศาลประหนึ่งอีกฝ่ายต้องการกดชายหนุ่มให้ติดพื้น เปรี้ยะ! พื้นในจุดที่กริดกำลังยืนส่งเสียงกรีดร้องและปริแตก
‘นี่มัน…?’
กริดมีพรสวรรค์ในการใช้ประโยชน์จากค่าสถานะ
โดยเฉพาะค่าพละกำลัง ชายหนุ่มสามารถรีดประโยชน์จากมันได้จนหยดสุดท้ายโดยไม่เสียของแม้แต่หนึ่งแต้ม
ค่าพละกำลังมิได้ถูกใช้เฉพาะการต่อสู้ แต่ยังรวมถึงการตีเหล็ก จึงเป็นธรรมดาที่กริดจะคิดหาวิธีรีดประสิทธิภาพออกมาให้ได้มากที่สุด
ในวินาทีนี้ กริดกำลังเค้นพละกำลังจนหยดสุดท้าย
แต่ถึงอย่างนั้นก็มิอาจก้าวไปข้างหน้าได้แม้แต่หนึ่ง กระทั่งปลายนิ้วก็ยังขยับได้ยากลำบากเมื่อต้องเผชิญหน้าสายลมที่มีน้ำหนักราวกับภูเขา
กริดได้ข้อสรุปให้ตัวเอง
‘อย่างที่คิด’
สายลมตรงหน้ามีพละกำลังที่เหนือกว่าเป้าหมายอย่างไร้เงื่อนไขและไม่คำนึงถึงค่าสถานะ
นี่คงเป็นสิ่งที่เพิ่มขึ้นมาหลังจากซีดานเสียชีวิต
ช่างปะไร
กริดเองก็มีพลังที่ทำงานคล้ายๆ กัน
‘พลังซาลอส’
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพลังสองชนิดที่สามารถเอาชนะศัตรูอย่างไร้เงื่อนไขมาปะทะกัน?
แน่นอน ผลลัพธ์คือเสมอ
เปรี้ยง!!
กริดที่เปิดใช้งานพลังซาลอส ออกแรงปะทะกับพายุอีกครั้งจนเกิดเสียงคำรามกึกก้อง
คลื่นกระแทกพุ่งออกไปทุกทิศทาง แรงปะทะอันไร้เทียมทานของสายลม หักล้างกับพลังซาลอสอย่างเท่าเทียม
กริดก้าวไปข้างหน้าอีกครั้ง พายุที่ทรงพลังและพยายามกลืนชายหนุ่มสิ้นฤทธิ์ในทันที
ครืน!!
คราวนี้เหล่ายอดเขาเริ่มเคลื่อนไหว พวกมันพุ่งเข้าหากริดประหนึ่งหอกยักษ์
ท่ามกลางฉากเหตุการณ์อันน่าตกตะลึง กริดเปรียบดังจุดเล็กๆ เมื่อเทียบกับวัตถุที่กำลังพุ่งเข้าใส่จากทุกทิศ
แต่ถึงอย่างนั้น
“…!”
“…!”
กริดชักดาบพร้อมกับหมุนตัวหนึ่งรอบ
สายตาของเหล่าผู้พิทักษ์ต่างกำลังจดจ้องไม่กะพริบ
ทันใดนั้นเอง
แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก!!
บรรดายอดเขาที่เกือบจะสัมผัสตัวกริดพลันแตกละเอียดและกระจายออกไปทุกทิศ
ผู้พิทักษ์ต่างพากันฉงน
เพราะพวกมันมองตามไม่ทันว่ายอดเขาเหล่านั้นถูกฟันตั้งแต่วินาทีแรกที่กริดชักดาบ
ฟ้าว—
เจตจำนงของภูเขายังไม่ถูกทำลายไปทั้งหมด
ยอดเขาแหลมที่อยู่เหนือศีรษะกริดทั้งหมดอาจถูกทำลาย แต่ยอดเขาอีกมากที่พุ่งมาจากด้านล่างยังคงอยู่
พื้นดินที่กริดยืนตอนนี้เป็นหนึ่งในนั้น
ครืนนน!
ร่างกายชายหนุ่มสั่นสะเทือนหนักหน่วง
ยอดเขาใต้ฝ่าเท้าขยับตัวราวกับคลื่นเพื่อไม่ให้กริดมีที่ยืน
แต่ปัญหานี้แก้ไม่ยาก
เวทบิน ละโมบ ปึกครึ่งมังกร และอื่นๆ อีกมาก
กริดมีเทคนิคในการบินมากกว่าหนึ่งแบบ
แต่ชายหนุ่มมิได้หลีกหนีอุปสรรค มันยังคงย่ำเท้าลงบนพื้นดินที่สั่นเป็นระลอกคลื่น
นั่นก็เพื่อให้บรรลุเงื่อนไขการใช้งาน <เทพธรณี>
‘ถ้าเราชอบทางลัด คงใช้ชุนโปไปที่บัลลังก์ตั้งแต่แรกแล้ว’
แต่กริดเลือกการเผชิญหน้า
เพราะการทดสอบไม่ได้มีไว้เพื่อหลีกเลี่ยง แต่เพื่อเอาชนะ
เหนือสิ่งอื่นใด กริดต้องการลิ้มรสประสบการณ์ของบททดสอบ
ครืนนนน…. กึก!
พื้นดินหยุดสั้น จากนั้นก็แข็งตัวและกลายเป็นสะพานดินที่ทอดยาวขึ้นไปจนถึงบัลลังก์
กึก
ขณะกริดเหยียบลงบนสะพาน
[เจตจำนงของเกรเนียร์ต่อต้านท่าน]
ตึง!!
น้ำหนักมหาศาลกดทับร่างกายกริดอีกครั้ง
คราวนี้ไม่ใช่สสารทางกายภาพอย่างแรงลม
แต่เป็นพลังที่ไร้รูปร่าง
จับต้องไม่ได้
ในที่สุด บททดสอบที่แท้จริงก็เริ่มขึ้น
‘มาลองกันสักตั้ง…’
กริดกลืนน้ำลายพลางปลดปล่อยเขตแดนพายุเพลิงเทพ
ซ่า—
เจตจำนงของภูเขาสลายไปทันทีโดยมิอาจต้านทาน
แม้แต่กริดเองก็คาดไม่ถึงผลลัพธ์เช่นนี้
ชายหนุ่มเดินมาถึงที่นั่งอย่างง่ายดาย
จากนั้นก็นั่งลงโดยมีราชาขุนเขาด้านข้างจ้องมองมา
ภายในกริดกำลังสับสน แต่มิได้เผยออกไปให้ใครเห็น เพียงทำตัวผ่อนคลายให้ได้มากที่สุด
สีหน้าของราชาขุนเขาที่กำลังจ้องชายหนุ่มเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ
“เจตจำนงของภูเขาถูกโค่นโดยพลังของตัวตนสัมบูรณ์…”
(หลังจากนี้ ตัวตนสัมบูรณ์ = ตัวตนสัมบูรณ์)
<ปราณดาบอนันต์> ที่แฝงอยู่ในเขตแดนพายุเพลิงเทพที่นักล่ามังกรฮายาเตะมอบให้
นี่คือสิ่งที่ราชาขุนเขาไม่รู้จัก
เกรเนียร์ย่อมมิอาจต้านทานในสิ่งที่ราชาขุนเขาไม่เคยเผชิญ
ไม่ว่าเกรเนียร์จะยิ่งใหญ่สักเพียงใด แต่มันก็เป็นแค่ภูเขา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่มีขีดจำกัดชัดเจน
“ย่างก้าวของเจ้ามีคุณลักษณะของเทพเสือขาว… โลกจินตภาพของเจ้ามีคุณลักษณะของเทพฟีนิกซ์แดงและตัวตนสัมบูรณ์ แถมเจ้ายังใช้แม้กระทั่งพลังของจอมอสูร…”
รอยยิ้มที่แผ่ไปทั่วใบหน้าราชาขุนเขาขณะนึกทบทวนทั้งห้าก้าวที่ผ่านมาของกริด ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งชัดเจน
“คนเดียว แต่หลายคน… เจ้าเหมือนกับข้า”
ความรู้สึกทำนอง ‘พวกเดียวกัน’ ผุดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่มันถือกำเนิด
ราชาขุนเขาเกิดความชื่นชอบในตัวกริดโดยไม่ปิดบัง เป็นครั้งแรกในชีวิตที่มันมีความสุขเพราะรู้สึกว่าตัวเอง ‘ไม่ได้เดียวดาย’
[ค่าความสัมพันธ์กับราชาขุนเขาแห่งเกรเนียร์เพิ่มขึ้น 10 หน่วย]
‘เห?’
บรรยากาศที่ชื่นมื่นเหนือความคาดหมายทำให้กริดสับสนเล็กน้อย
ราชาขุนเขาถามกริดที่พยายามปั้นหน้าขรึม
“ทำไมเจ้าถึงไม่ใช้ชุนโป”
ปืนขึ้นมานั่ง
นั่นคือเงื่อนไขที่ราชาขุนเขายื่นให้กริด
ไม่มากไม่น้อยไปกว่านี้
เป็นบททดสอบที่ง่ายมากถ้ากริดใช้ชุนโป
นั่นคือไมตรี ราชาขุนเขาต้องการหยิบยื่นไมตรีให้กริด เพราะมันรู้สึกถึงความเป็น ‘พวกเดียวกัน’ จากข่าวลือมากมายที่ลอยมาตายสายลม
แต่กริดกลับกล้าย่างกรายด้วยสองเท้าเพื่อขึ้นมานั่งบนบัลลังก์
มันทำไปเพราะต้องการปฏิเสธไมตรี หรือต้องการสำแดงพลัง?
ขณะราชาขุนเขาเผยสีหน้าคาดหวัง กริดตอบในสิ่งที่คาดไม่ถึง
“เพราะฉันอยากสัมผัสถึงความเจ็บปวดที่ซีดานเคยเผชิญ”
“…แล้วเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ชื่นชม… ฉันชื่นชมซีดานที่ผ่านบททดสอบแสนสาหัสมาได้… แม้แต่ฉันก็อาจต้องตายถ้าทำพลาด”
นั่นคือความรู้สึกจากก้นบึ้งของกริดโดยมิได้แต่งเติมแม้แต่คำเดียว
และเมื่อกล่าวออกมาอย่างเป็นกันเอง มันยิ่งฟังดูจริงและเข้าถึงจิตใจ
กริดรู้สึกนับถือซีดานโดยแท้จริง
[ซีดานอ่านความรู้สึกของท่านและเกิดความซาบซึ้ง]
[ค่าความสัมพันธ์กับราชาขุนเขาแห่งเกรเนียร์เพิ่มขึ้น 10 หน่วย]
“…??”
เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่ซีดานจะซาบซึ้ง แต่กับราชาขุนเขา?
“เห็นด้วย… เขาเป็นเพียงไม่กี่คนที่สลักความประทับใจไว้ในความทรงจำของข้าได้”
ราชาขุนเขาพยักหน้าพลางยื่นหนังสือเล่มเก่าให้กริด
“สิ่งนี้คือบทสรุปของทักษะที่ข้าเห็นและช่วงชิงจากซีดาน… เจ้าคงต้องการมัน”
[ท่านได้รับ <บันทึกของนักสู้ในตำนาน>]
“…”
ได้ครอบครองหนังสือเปลี่ยนคลาสเลเจนดารีง่ายชะมัด
นั่นคือความรู้สึกของกริด
แต่ความเป็นจริงคืออะไร?
ประการแรก หนังสือเปลี่ยนคลาสเล่มนี้ได้รับจากการโค่นจอมอสูรลำดับสี่ คามิคิน และถูกยอมรับจากราชาขุนเขาแห่งเกรเนียร์
ประการถัดมา เกรเนียร์คือเขตต้องห้ามเหมือนกับถ้ำสุดเขตแดนเหนือ
ระดับความยากในการครอบครองบันทึกของซีดาน สูงกว่าหนังสือของแพ็กม่าหลายเท่า บางทีอาจเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้เล่นคนใดได้ครอบครองจนกระทั่งซาทิสฟายถึงวันปิดตัวลง
“ในตอนที่สัมผัสถึงการรุกรานของกองทัพอสูร ข้าเกิดความไม่สบายใจอย่างน่าประหลาด”
ราชาขุนเขาสารภาพ
“คงเพราะข้าดำรงอยู่เพื่อปกป้องเกรเนียร์ หากโลกกึ่งกลางถูกทำลาย เกรเนียร์เองก็คงต้องเผชิญวิกฤติ จึงเป็นธรรมดาที่ข้าจะหวังให้โลกกึ่งกลางอยู่รอดปลอดภัย… ในช่วงที่ผ่านมา ข้าได้ยินความสำเร็จมากมายของเจ้าจนเกิดความสบายใจ”
“…”
กริดหวนนึกถึงบทสนทนาของตนกับลาร์ดวูล์ฟ:
“หลังจากได้พบสภาหอคอยและมหาโจรราตรีสีชาด เจ้าคงตระหนักแล้วว่า โลกนี้ยังมียอดฝีมืออีกมากมายที่เร้นกายอยู่ในเงามืด… เหนือสิ่งอื่นใด เกือบทั้งหมดเป็นพวกวิปริต ไม่ได้ทำตัวน่ารักเหมือนบีบัน… ส่วนใหญ่เป็นพวกระยำ จังไร ชั่วช้าและต่ำทราม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จงระวังวิญญาณไร้ผู้สืบทอด สายลมแห่งมหาพงไพร และผู้สันโดษแห่งเกรเนียร์ไว้ให้ดี หากเจ้าทำตัวโดดเด่นเกินไป อาจตกเป็นเป้าหมายของพวกมันในสักวัน”
ลาร์ดวูล์ฟเคยตักเตือนอย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม ผู้สันโดษแห่งเกรเนียร์ หรือที่เรียกกันว่าราชาขุนเขา ความจริงแล้วมีนิสัยธรรมดาและอ่อนโยนมาก
‘การตัดสินคนจากภายนอกช่างน่ากลัว’
สามารถบดบังได้แม้กระทั่งสติปัญญาของคนยักษ์…
ขณะกริดครุ่นคิด ราชาขุนเขาเดินมาจับข้อมือ
ผิวกายที่แห้งผากราวกับเปลือกไม้มอบสัมผัสที่น่าขนลุก
“ดังนั้นเจ้าต้องอยู่ที่นี่ ช่วยปกป้องเกรเนียร์กับข้าตลอดไป”
‘ตัดสินคนจากภายนอกกับผีน่ะสิ’
สติปัญญาของคนยักษ์ช่างล้ำเลิศ
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment