จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,540
‘นั่นสินะ ข้อมูลเป็นสิ่งสำคัญ’
เพียงมองไปที่เกรเนียร์ในตอนนี้ กริดตระหนักถึงความสำคัญของข้อมูลได้ชัดเจน
ไม่ว่าจะชนพื้นเมืองที่ทำราวกับคนนอกเป็นสัตว์ประหลาดเพราะไม่รู้จักโลกกว้าง เหล่าผู้พิทักษ์ที่เอาแต่ดูแคลนคนนอกโดยเชื่อว่าเกรเนียร์เป็นศูนย์กลางของโลก หรือราชาขุนเขาที่คอยรับข้อมูลจากโลกภายนอกตลอดเวลาและทราบว่าเกรเนียร์เป็นเพียงบ่อน้ำ
ทั้งที่อยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมเดียวกัน แต่ฝ่ายหนึ่งกลับแย่ยิ่งกว่าลิง ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเปรียบดังนักปราชญ์ สิ่งนี้เกิดจากพลังของข้อมูลโดยไม่มีอะไรเจือปน
‘ถ้าเราไม่มีข้อมูล คงหลงใหลไปกับชื่อของเครย์เชอร์’
กล่าวได้ว่ากริดสามารถ ‘หลบกับระเบิด’ ได้เพราะความรู้
หากปราศจากข้อมูล ชายหนุ่มคงกระโจนเข้าไปในเขตกับระเบิดเพียงพออีกฝ่ายฟังดูแข็งแกร่ง
ใช่แล้ว
กริดมองว่าเครย์เชอร์เป็นทุ่นระเบิด เพราะมันรู้จักอีกฝ่ายเป็นอย่างดี
‘มนุษย์ผู้ยอมเป็นโลงศพด้วยความตั้งใจตัวเอง’
เครย์เชอร์ปรารถนาจะโอบกอดร่างที่ถูกผนึกของแมรีโรสไปตลอดกาล
มันเลือกความตายทางร่างกายเพียงเพราะหวังดื่มด่ำกลิ่นกายของแมรีโรส
มันยอมละทิ้งร่างกายมนุษย์และย้ายดวงวิญญาณไปยังโลงศพเพราะหลงเชื่อคำเชื้อเชิญของแพ็กม่าที่กล่าวว่า ‘แม้จะกลายเป็นศพ แต่ประสาทสัมผัสจะยังคงอยู่’
แม้จะแก้ตัวว่าทำไปเพื่อรักษาผนึกของแมรีโรสให้ยาวนาน แต่บังเอิญว่ากริดได้เห็นความปรารถนาอันดำมืดของเครย์เชอร์มาแล้ว
หากชายหนุ่มไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเครย์เชอร์มาก่อน
ถ้าไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นพวกบ้ากาม
ตอนนี้คงหลงมัวเมาไปกับคำพูดราชาขุนเขาและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ชายคนนั้นคืนชีพ
‘แค่คิดก็น่ากลัวแล้ว’
ถ้าเผลอคืนชีพให้เคลย์เชอร์โดยไม่ทราบเรื่องมาก่อน สิ่งนี้จะกลายเป็นฝันร้ายที่ตามหลอกหลอนกริดไปอีกนานโดยที่มิอาจเรียกร้องค่าเสียหายกับราชาขุนเขาได้เลย
‘ไม่ใช่แค่นั้น การคืนชีพให้เครย์เชอร์ในตอนนี้ไม่ใช่ทางเลือกที่ดี’
แมรีโรสคืนชีพจากผนึกแล้ว
เมื่อพิจารณาถึงท่าทีและการกระทำของเธอ เช่นการคืน ‘เลือด’ ให้บราฮัมพร้อมกับคืนสถานะแวมไพร์ทายาท กริดสามารถเรียกแมรีโรสว่าพันธมิตรได้อย่างไม่เคอะเขิน
เป็นอีกหนึ่งไพ่ตายที่สามารถงัดออกมาใช้ในสถานการณ์สำคัญ
แล้วจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเครย์เชอร์ถูกคืนชีพ?
‘มันจะพลิกแผ่นดินตามหาแมรีโรส และก่อกวนความเคลื่อนไหวของแมรีโรสจนส่งผลเสียมาถึงเรา’
เครย์เชอร์เป็นสันตะปาปาที่ยิ่งใหญ่ไม่ผิดแน่
กริดไม่คิดดูแคลนความสำเร็จในการผนึกแมรีโรสซึ่งเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์ในเวลานั้น
และยิ่งยอดเยี่ยมขึ้นไปอีกเมื่อพิจารณาว่า เครย์เชอร์เป็นเหนือมนุษย์เพียงแค่ไม่กี่คนในประวัติศาสตร์
ตามปรกติแล้ว พวกเหนือมนุษย์มักมีแนวโน้มที่จะวิปริตและเห็นแก่ตัว แต่เครย์เชอร์กลับเลือกที่จะต่อสู้เพื่อผู้คน
เรียกได้ว่าใกล้เคียงกับมนุษย์ในอุดมคติที่กริดต้องการจะเป็น
แต่แน่นอน นั่นเป็นแค่อดีต
บางทีเครย์เชอร์น่าจะเปลี่ยนไปในตอนที่ได้พบกับแมรีโรส
ถูกความรักบังตาจนต้องยอมจำนนต่อราคะตัณหา ไม่หลงเหลือสามัญสำนึกอีกต่อไป
ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้า
ตอนนี้คงยากที่จะสนทนากันแบบเป็นการเป็นงาน
‘แต่ถึงอย่างนั้น’
กริดอยากทราบวิธีคืนชีพให้เครย์เชอร์
ดังที่เคยกล่าวไป ข้อมูลคือพลัง
‘ตอนนี้อาจยังไม่ควรคืนชีพ แต่ในสักวัน อาจมีช่วงเวลาที่เราต้องการเขา’
เครย์เชอร์เป็นสันตะปาปาองค์แรกที่ ‘ก้าวข้ามมนุษย์’ จนได้สืบทอดตำแหน่งต่อจากปฐมสันตะปาปา
เป็นสันตะปาปาที่แข็งแกร่งที่สุดในประวัติศาสตร์ เป็นนักบวชที่เก่งกาจที่สุดและยังเป็นเหนือมนุษย์
แม้จะสำเร็จได้ด้วยความช่วยเหลือจากผู้คนจำนวนมากและบุตรีแห่งรีเบคก้า แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันคือผู้ผนึกแมรีโรส
ไม่ต้องมองหาความสำเร็จเพิ่มเติมก็สามารถบอกได้ว่าชายคนนี้แข็งแกร่ง
‘เป็นอีกครั้งที่เราได้ตระหนักว่า โลกนี้เต็มไปด้วยผู้คนที่ยอดเยี่ยม’
อริยดาบมุลเลอร์ ราชาไร้พ่ายมาดรา นักล่าอสูรอเล็กซ์ สันตะปาปาเครย์เชอร์ แพ็กม่าผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล บราฮัมที่ต่อสู้กับมังกรเพลิงทราวก้า (?) และอีกมากมาย
ยุคสมัยที่ผู้แข็งแกร่งสามารถพลิกฟ้าดินได้ตามลำพัง
แค่จินตนาการตามก็ทำเอากริดใจเต้นแรง
‘…ในอนาคตจะยิ่งวิเศษกว่านี้อีก’
มิใช่ความเชื่อที่ผูกโยงกับตัวตนของสภาหอคอยหรือผู้เหลือรอดจากอดีตอย่างบราฮัมและซิก
และไม่ใช่เพราะมั่นใจในพรสวรรค์ของเหล่าขุนพลอย่างปิอาโร่ เมอร์เซเดส หรือไคล์
กริดเชื่อในตัวเองและผู้เล่นอื่น
เป็นความไว้วางใจที่คู่ควร
อ้างอิงจากเวลาในซาทิสฟาย ผู้เล่นใช้เวลาเพียงไม่ถึงยี่สิบปีก็สามารถไล่ตามและก้าวข้ามบุคคลสำคัญในอดีต
เป็นศักยภาพการเติบโตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์
ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะมีผู้เล่นทยอยก้าวข้ามบุคคลในอดีตได้มากขึ้นเรื่อยๆ
แต่ถ้าวัดจากความสำเร็จ กล้าพูดได้เต็มปากว่า ‘ผู้เล่น’ ก้าวข้ามอดีตไปเรียบร้อยแล้ว
การรุกรานครั้งใหญ่ที่นรกและสวรรค์บางส่วนร่วมมือกัน
กระทั่งการจู่โจมของบาเอลก็ยังถูกมนุษย์สกัดกั้น
และศูนย์กลางของทุกคนก็คือกริด
“ว่าแต่ จะคืนชีพให้เครย์เชอร์ได้ด้วยวิธีใด?”
ในปัจจุบัน ไม่มีใครไม่ทราบหรือปฏิเสธข้อเท็จจริงที่ว่า กริดกำลังเร่งกระแสเวลาให้ไหลเร็วขึ้น
กระทั่งราชาขุนเขาที่เร้นกายซ่อนตัวก็ยังทราบ
“ในเมื่อเจ้ารู้จักเครย์เชอร์อยู่แล้วก็คุยกันง่าย เครย์เชอร์ถูกย้ายดวงวิญญาณทั้งเป็น คล้ายกับกรณีของบราฮัมและซิก”
นั่นคือเหตุผลที่ราชาขุนเขาเคารพยำเกรงกริด
ความรู้สึกทำนอง ‘หัวอกเดียวกัน’ หรือต้องการซื้อใจกริดเป็นเพียงเรื่องรอง
เฉกเช่นที่กริดไม่อยากสู้กับราชาขุนเขาหลังจากตระหนักถึงพลังของอีกฝ่าย ราชาขุนเขาก็ไม่ต้องการสู้กับกริดเช่นกัน
บางทีตัวกริดก็อาจยังไม่ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของเทพโอเวอร์เกียร์ในปัจจุบันได้อย่างเหมาะสม
“หมายความว่าถ้าหาร่างเนื้อพบเหมือนกับกรณีบราฮัมและซิก เราสามารถคืนชีพให้เครย์เชอร์ได้?”
“ถูกต้อง”
“เครย์เชอร์กลายเป็นโลงศพมานานแล้ว ร่างเนื้อยังไม่บุบสลายไปอีกหรือ?”
ร่างของบราฮัมถูกแช่ในน้ำแข็งพันปี ส่วนซิกอยู่เก็บไว้ที่ช่องว่างห้วงนรก
ทั้งสองร่างต่างถูกเก็บรักษาในสภาพแวดล้อมพิเศษ ไม่ว่าจะด้วยเจตนาดีหรือร้าย แต่ก็ล้วนเกิดจากความจงใจ
แต่กับกรณีเครย์เชอร์แล้วต่างออกไป ฟังดูไม่น่าจะถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี
‘แพ็กม่าไม่น่าจะมีความรู้สึกพิเศษกับเครย์เชอร์’
แพ็กม่าเข้าหาเครย์เชอร์เพียงเพราะต้องการใช้อีกฝ่ายเป็นเครื่องมือ
เพื่อจะพัฒนาฝีมือ เพื่อจะขัดเกลาวิชาดาบ แพ็กม่าท้าดวลเคลย์เชอร์ที่ใกล้สิ้นอายุขัย และหลังจากนั้นไม่นานเครย์เชอร์ก็เสียชีวิต
เพียงเพราะความปรารถนาจากก้นบึ้งของมัน
หากไม่ใช่เพราะเครย์เชอร์ปรารถนาที่จะกลายเป็นโลงศพด้วยตัวเองเพื่อใช้ชีวิตร่วมกับแมรีโรสไปตลอดกาล แพ็กม่าก็คงบังคับไม่ได้
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าแพ็กม่าหลอกใช้ความปรารถนาของเครย์เชอร์เพื่อตัวเอง มันฆ่าเครย์เชอร์และเพื่อสร้างโลงศพ
คนแบบนี้น่ะหรือจะเก็บรักษาร่างเครย์เชอร์ไว้เป็นอย่างดี?
โอกาสมีต่ำมาก แค่ไม่ถูกเปลี่ยนให้เป็นอันเดดก็โชคดีเท่าไรแล้ว
กริดมั่นใจมาก
“ร่างของเขาถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี”
ราชาขุนเขามอบคำตอบที่คาดไม่ถึง
“ถ้าเจ้าทราบว่าเครย์เชอร์ถูกผนึกในโลงศพไม้ศักดิ์สิทธิ์ ย่อมหมายความว่าเจ้าทราบเรื่องราวทั้งหมด… ก็ตามนั้น แพ็กม่านำศพของเครย์เชอร์ไปวางไว้ในสถานที่ซึ่งค่อนข้างประหลาด”
“สถานที่ประหลาด?”
“ชื่อของมันคือสุสานไร้ผู้สืบทอด”
“…!”
“เป็นสุสานขนาดมหึมาที่ยากจะกะเกณฑ์ขนาด ลักษณะคล้ายปราสาทใต้ดิน เต็มไปด้วยขุมทรัพย์มากมาย มีคนรับใช้หนึ่งหมื่นและทหารอีกสามหมื่นถูกฆ่าและฝังไปในตอนที่ถูกสร้าง ขนาดของสุสานเทียบได้กับภูเขาลูกยักษ์ แม้ความสูงจะเทียบกับเกรเนียร์ไม่ได้ แต่อาณาบริเวณกว้างขวางกว่าหลายเท่า”
นั่นคือเหตุผลที่ยากจะมีใครตามหาสุสานไร้ผู้สืบทอดพบ
สุสานที่กระทั่งเจ้าของก็ถูกลืมเลือนหลังจากผ่านไปหลายปี
หญ้าและต้นไม้งอกเงยขึ้นมาปกคลุมหลุมศพจนกระทั่งกลายเป็นภูเขา
มีเพียงไม่กี่คนที่ทราบตำแหน่งของสุสานไร้ผู้สืบทอด เพราะแทบไม่มีใครคิดว่าภูเขาจะเป็นสุสานไปได้
แต่แน่นอน กริดทราบพิกัด
ต้องขอบคุณสกังค์
สกังค์กล่าวว่าสุสานไร้ผู้สืบทอดมีลักษณะคล้ายกับสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้แต่มีขนาดใหญ่กว่า
“นั่นเป็นสุสานของใคร?”
กระทั่งสกังค์ก็ยังมิอาจจนสืบทราบเจ้าของสุสาน
เพราะทีมสำรวจมักจะถูกกวาดล้างจากเวรยามอันเดดที่เข้มงวด
“ข้าไม่ทราบ มันถูกเรียกว่าสุสานไร้ผู้สืบทอดก่อนที่ข้าจะถือกำเนิด”
“นายเคยพบวิญญาณไร้ผู้สืบทอดไหม?”
“คำบอกเล่าที่กล่าวว่าผู้ช่วงชิงเทวตำนานเป็นมิตรต่อกันนั้นเป็นเพียงข่าวลือ พวกเราคือนักล่า หากได้เผชิญหน้ากัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องตาย และเหนือสิ่งอื่นใด มีไม่บ่อยครั้งที่พวกเราจะออกจาก ‘ถิ่น’ เฉกเช่นที่ข้าเกิดมาเพื่อปกป้องเกรเนียร์ วิญญาณไร้ผู้สืบทอดก็คงเกิดมาเพื่อปกป้องสุสานไร้ผู้สืบทอด”
“อา…”
“กลับมาที่ประเด็นเดิม มีข่าวลือหนาหูว่าศพที่ถูกฝังอยู่ในบางพื้นที่ของสุสานไร้ผู้สืบทอดจะไม่เสื่อมสภาพ และข้าเชื่อว่าข่าวลือดังกล่าวเป็นเรื่องจริง นั่นคือเหตุผลที่เครย์เชอร์อาจคืนชีพได้”
“หืม..”
กริดเผยสีหน้าลังเลชัดเจน
ไม่ใช่เพราะข้อมูลมีคุณภาพต่ำ แต่เป็นเพราะกริดยังไม่เชื่อใจอีกฝ่าย
‘ค่าความสัมพันธ์แค่ยี่สิบหน่วยยังถือว่าต่ำอยู่’
กริดยังไม่เชื่อในสิ่งที่ราชาขุนเขาบอกเล่า และนั่นคือเรื่องที่เข้าใจได้
“ฟังดูน่าเหลือเชื่อเกินไป… ประการแรก เครย์เชอร์เป็นสันตะปาปา หน้าที่รับผิดชอบศพคือวาติกัน ไม่ใช่แพ็กม่า ประการที่สอง ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมแพ็กม่าถึงอยากถนอมศพเครย์เชอร์จนถึงกับยอมข้ามธรรมเนียมปฏิบัติ มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำแบบนั้น?”
“ไม่แปลกที่จะสงสัย แต่ข้าขอสาบานด้วยบารมีเทพว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริง น่าเสียดายที่ข้าเองก็ไม่ทราบว่าแพ็กม่าคิดอะไร”
“…”
ราชาขุนเขาอาจถูกเรียกว่าราชา แต่ความจริงแล้วใกล้เคียงกับเทพภูเขามากกว่า
ระดับตัวตนของมันสูงกว่ากริด จึงคู่ควรกับการถูกเรียกว่าเทพ
มันกล้าสาบานด้วยบารมีเทพ
[ซีดานกล่าวว่า ท่านเชื่อใจราชาขุนเขาได้]
‘ก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน’
ราชาขุนเขาเคยยอมเสียสละตัวเองครั้งใหญ่เพื่อรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับซีดาน เช่นนั้นแล้วคำสาบานก็คงไม่ได้ถูกเปล่งออกมาอย่างไร้ราคา
แต่ยังมีอีกหนึ่งคำถามคาใจกริด
‘แพ็กม่าทำไปทำไม…’
ไตร่ตรองสักพัก กริดหวนนึกถึงน้ำตาของแพ็กม่า
น้ำตาแห่งความสำนึกผิดที่หลั่งออกมาขณะเผชิญหน้ากับกองทัพอสูรตามลำพังบนหมู่เกาะเบเฮ็น
‘เขาเสียใจที่ทรยศบราฮัม และรู้สึกผิดที่ได้กระทำสิ่งเลวร้ายต่ออดีตตำนาน’
เมื่อลองมองย้อนกลับไป แพ็กม่ายังพอจะมีความเป็นคนหลงเหลืออยู่บ้าง
‘ความเป็นคน’ ดังกล่าวคือสิ่งที่ผลักดันให้นำศพเครย์เชอร์ไปฝังไว้ในสุสานไร้ผู้สืบทอดเพื่อถนอมสภาพ?
‘เขารู้สึกผิดต่อเครย์เชอร์…? คงไม่ ฟังดูไร้เหตุผลเกินไป’
ถ้าแพ็กม่าอยากทำเพื่อเครย์เชอร์จริง ศพจะถูกส่งไปให้วาติกัน
แม้ดวงวิญญาณจะยังอยู่บนโลก แต่หากผ่านพิธีกรรมทางศาสนา ดวงวิญญาณจะได้รับการปลอบประโลมไม่มากก็น้อย
‘ไม่สิ… นั่นอาจเป็นการทำเพื่อเครย์เชอร์จริงๆ ก็ได้’
โลงศพที่สร้างจากไม้ศักดิ์สิทธิ์ย่อมมีวันเสื่อมพลัง…
แมรีโรสหลุดออกจากผนึกด้วยตัวเอง…
หรือว่าแพ็กม่า ผู้สร้างโลงศพ จะคาดการณ์อนาคตได้?
หรือว่าเขาจะคิดเรื่องการคืนชีพของเครย์เชอร์เผื่อเอาไว้ ในกรณีที่แมรีโรสหลุดจากผนึกและทิ้งให้เครย์เชอร์ต้องเผชิญความเหงาอันเดียวดายไปตลอดกาล?
‘มีโอกาสเป็นไปได้มากทีเดียว เพราะเราก็เห็นมาแล้วว่าแพ็กม่ายังเหลือความเป็นคนอยู่บ้าง’
เป็นการอนุมานที่เชื่อมโยงจากน้ำตาของแพ็กม่าและการถนอมศพของบราฮัมไว้เป็นอย่างดี
ไตร่ตรองสักพัก กริดพยักหน้า
“ตกลง ฉันจะเชื่อคำพูดนาย แล้วสรุปว่าแพ็กม่าฝังร่างเครย์เชอร์ไว้ในจุดใด?”
แพ็กม่าคงไม่บุกเข้าไปในส่วนลึกของสุสานไร้ผู้สืบทอดเพียงเพื่อฝังศพเครย์เชอร์
ต่อให้ทำพันธสัญญากับบาเอล แพ็กม่าก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งพอที่จะโค่นวิญญาณไร้ผู้สืบทอด
‘โดยเฉพาะเมื่อต้องสู้ในถิ่นของอีกฝ่าย กระทั่งราชาขุนเขาที่สูญเสียพลังไปบางส่วนก็ยังแข็งแกร่งถึงเพียงนี้’
คงต้องเป็นเทพลำดับสูงหรือมังกรแถวหน้าถึงจะโค่นไหว
และแพ็กม่าก็คงไม่มีปัญญาโน้มน้าววิญญาณไร้ผู้สืบทอดที่ดำรงตนมายาวนานกว่าราชาขุนเขา
“ข้าเองก็ไม่ทราบแน่ชัด เพราะด้านในของสุสานไร้ผู้สืบทอดอยู่นอกเหนือความเข้าใจของข้า เดาได้แค่ว่า อาจอยู่ในอุโมงค์ใต้ดินสักแห่งที่เชื่อมต่อกับสุสาน”
“แถวนั้นมีอุโมงค์กี่แห่ง?”
“จากข่าวลือที่ระบุว่า มีคนตายหลายร้อยคนคอยเฝ้ายามอยู่ในแต่ละอุโมงค์ จึงคิดว่าน่าจะมีไม่ต่ำกว่าหนึ่งร้อยแห่ง”
“…งั้นหรือ ช่างเถอะ ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว”
“…?”
“ก็อย่างที่พูดไป ฉันไม่คิดจะคืนชีพให้เครย์เชอร์”
เราไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดกับเครย์เชอร์อยู่แล้ว…
กริดสลัดความเสียหายพร้อมกับลุกขึ้นจากบัลลังก์
เหล่าผู้พิทักษ์ที่กำลังยืนมองอย่างเหม่อลอยจากด้านล่างบัลลังก์ ต่างรีบเบือนหน้าหนีก่อนที่จะได้สบตากริด
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันเคยเห็นเทพสนทนากับราชาขุนเขาอย่างเท่าเทียม แถมยังตระหนักว่าพวกตนสิ้นหวังเพียงใดในยามที่ต่อสู้กับอีกฝ่าย
พวกมันหวาดกลัวกริดจนไม่กล้าสบตา
[ภรรยาของท่าน ‘ไอรีน’ ได้รับค่าบารมีเทพ]
“ก่อนจะกลับ ช่วยรับนี่ไป”
“นี่คือ…?”
“ข้าคัดเลือกวิชาที่มีประโยชน์ที่เคยช่วงชิงมาจากผู้บุกรุก หวังว่าจะมีประโยชน์กับเจ้า”
[ท่านได้รับ <หนังสือทักษะเกรดเลเจนดารีที่ถูกลืม> 3 เล่ม]
[ท่านได้รับ <หนังสือทักษะเกรดมิธที่ถูกลืม> 1 เล่ม]
“…”
กริดถึงกับหมดคำพูดเมื่อได้เห็นของรางวัลอันน่าตกตะลึง
มันตำหนิตัวเองอย่างหนักที่บังอาจสงสัยในคำพูดราชาขุนเขา
“…ขอบคุณมาก ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นประโยชน์หรือไม่ แต่ขอสัญญาว่าจะปกป้องให้โลกภายนอกปลอดภัย ไม่ปล่อยให้อันตรายลุกลามมาถึงเกรเนียร์”
คำสัญญาของกริดแทบไม่มีน้ำหนัก
ใครก็ตามที่คิดบุกรุกเกรเนียร์ ชะตากรรมเดียวคือการกลายเป็นอาหารอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ถึงอย่างนั้น ราชาขุนเขากลับเผยสีหน้าพึงพอใจอย่างน่าประหลาด
“ดีใจที่ได้ยินแบบนั้น”
[ค่าความสัมพันธ์กับราชาขุนเขาแห่งเกรเนียร์เพิ่มขึ้น 10 หน่วย]
เป็นการเดินทางที่ได้รับผลตอบแทนมหาศาลทั้งที่ไม่มีเหตุการณ์ใหญ่เกิดขึ้นเลย (?)
มันทั้งง่ายและน่ายินดีจนกริดอดคิดไม่ได้ว่า ถ้าในอนาคตได้เจอแต่เรื่องทำนองนี้ก็คงดี
เมื่อได้ยินกริดพึมพำกับตัวเอง สีหน้าแรนดี้หมองหม่นลงทันใด
เธอยิ่งดูน่าสงสารขึ้นเมื่อกลับคืนร่างของเด็กสาว
“เมี๊ยว”
โนเอะปลอมประโลมอย่างเงียบงัน
อารมณ์ของแรนดี้เริ่มผ่อนคลายลงเมื่ออุ้งเท้าที่อ่อนนุ่มราวกับสวมถุงมือขนสัตว์สัมผัสลงบนบ่า
Comments
Post a Comment