จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,542
ตลอดหนึ่งพันปีที่ผ่านมา
มีตำนานและเทวตำนานมากมายถูกฝังไว้ในมหาขุนเขา เกรเนียร์
ร่องรอยของเหตุการณ์เหล่านั้นหาพบได้ง่ายจนน่าประหลาดใจ เช่นรอยดาบหลายแสนเส้นที่สลักไว้บนกำแพงหิน
ราชาขุนเขาแห่งเกรเนียร์จะศึกษาร่องรอยของผู้บุกรุกเสมอ
ทุกวันจะคอยทำความเข้าใจร่องรอยบนก้อนหิน เลียนแบบขึ้นมาใหม่และพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น
ทิวทัศน์ขุนเขาและลำธาร
ทักษะเกรดมิธที่กริดได้รับ
อัดแน่นไปด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปี เจตจำนงของราชาขุนเขาที่พยายามปกป้องเกรเนียร์ และตำนานกับเทวตำนานอีกมากที่ถูกกลืนหายไปตามเจตจำนงของราชาขุนเขา
อาจเรียกได้ว่าเป็นบันทึกการต่อสู้ดิ้นรนของสิ่งมีชีวิต หรือบางทีควรเรียกว่าเป็นการนำหลักการของทุกทักษะบนโลกมาผสานเข้าด้วยกัน
<ทิวทัศน์ขุนเขาและลำธาร>
ทักษะติดตัว
วิชาดาบที่สะท้อนตัวตนของสายธารบนขุนเขาแห่งหนึ่ง
ไล่จากยอดเขาสูงตระหง่านไปจนถึงหน้าผาสูงชัน ลำธารที่ไหลไปตามแนวสันเขา รวมถึงโขดหินที่ผุดกร่อนจากน้ำตกและต้นสนที่ปักหลักอย่างมั่นคงตามลำพัง
ใครบางคนได้ใช้ดาบวาดทิวทัศน์ที่ตนปกป้องมาตลอดชีวิต
★ เมื่อสวมใส่อาวุธประเภทดาบ ค่าพลังจิตเพิ่มขึ้นสองเท่า
★ คุณสมบัติเพิ่มเติมจะถูกเสริมเข้ามาตามประเภทของวิชาดาบ
★ ขจัดผลข้างเคียงจากการสวมใส่อาวุธคู่
★ เมื่อใช้อาวุธคู่ ท่านสามารถใช้วิชาดาบสองชนิดพร้อมกันได้ แต่ระยะหน่วงจะเพิ่มขึ้นจากปรกติเล็กน้อย
★ ทำการเพิ่มประสิทธิภาพทักษะติดตัวในกรณีที่วิชาดาบไม่พร้อมใช้งาน, คุณสมบัติเพิ่มเติมจะถูกเสริมเข้ามาตามประเภทของวิชาดาบหรือประเภทการโจมตีธรรมดา โดยคุณสมบัตินี้จะแสดงผลต่อเมื่อสวมใส่อาวุธประเภทดาบเท่านั้น
ทักษะติดตัว
เงื่อนไขคือการสวมใส่อาวุธประเภทดาบ หรือไม่ก็ใช้ทักษะที่เกี่ยวกับวิชาดาบ
สำหรับกริด มันคือทักษะที่ได้ใช้ประโยชน์แทบจะตลอดเวลา
แถมประสิทธิภาพยังน่าทึ่ง
‘ประการแรก ทักษะที่คำนวณประสิทธิภาพจากค่าพลังจิต จำพวกเขตแดนพายุเพลิงเทพ จะถูกยกระดับอย่างมาก’
กึก
กริดเปิดใช้งานเขตแดนพายุเพลิงเทพเพื่อทดสอบพลางก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เป็นเพียงการเคลื่อนไหวแผ่วเบา แต่สามารถปลดปล่อยคลื่นดาบที่ดูคล้ายลำแสงให้พุ่งไปข้างหน้า
มันคือ ‘สังหาร’
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!
“…!”
ดวงตากริดพลันเบิกกว้าง
เนื่องจากคลื่นกระแทกที่แผ่พุ่ง กลายเป็นสามระลอกแทนที่จะเป็นหนึ่ง
นี่คือน้ำตกที่กัดเซาะหินจนผุกร่อน?
คุณสมบัติที่ถูกเสริมเข้ามาขณะโจมตีด้วยท่า ‘แทง’ คือการโจมตีหลายครั้ง
‘บ้าไปแล้ว’
กริดที่เย็นสันหลังวาบทำการอัญเชิญโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์
มันจำเป็นต้องทดสอบอย่างละเอียด
แน่นอนว่ากริดไม่ได้อยากทำ
ต่อให้โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์ไม่รู้สึกเจ็บปวด แต่ใครจะอยากฟันสัตว์เลี้ยงแสนรักของตัวเอง?
น่าเสียดาย นั่นเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เพราะไม่มีหุ่นฝึกตัวไหนที่สามารถทนความเสียหายจากการโจมตีของกริดได้เลย ถ้าทำแบบนั้นแรบบิตคงได้คลั่งอีกแน่
ขณะเดียวกันก็ไม่สามารถใช้หัตถ์เทวะที่ ‘ไม่ได้รับความเสียหาย’ เป็นเครื่องมือทดสอบความแรง
ฟุ่บฟุ่บฟุ่บ!!
การแทงดาบเพียงครั้งเดียวสร้างแรงปะทะใส่ร่างโครงกระดูกหนึ่งถึงสามครั้ง
สมมติให้ความเสียหายของ ‘สังหาร’ คือหนึ่งร้อยหน่วย ไม่ใช่ว่าทั้งสามการโจมตีจะเป็นหนึ่งร้อยหน่วยทั้งหมด ความเสียหายครั้งที่สองและสามจะถูกลดทอนลง 50% และ 80% ตามลำดับ
แต่ต้องไม่ลืมว่า นี่คือทักษะติดตัวที่แสดงผลตลอดเวลา ไม่ใช่ทักษะกดใช้งาน
อย่างน้อยก็สร้างความเสียหายได้แรงขึ้น 10% แน่นอนแล้ว
แถมยังแสดงผลออกมาในรูปแบบการโจมตีหลาย ‘ฮิต’
การโจมตีหลายฮิตจะมีประโยชน์มากในการ ‘ผลาญ’ ทักษะป้องกันตัวของศัตรู ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เผชิญ แต่โดยส่วนมากแล้วการโจมตีแบบหลายฮิตจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าการเพิ่มความรุนแรงเข้าไปตรงๆ
‘นั่นคือเหตุผลที่เราไม่พึงพอใจในเคล็ดวิชาลับของเซราทุล’
อันที่จริง ทักษะอาวุธคู่ของเซราทุลก็ไม่เลวนัก
ต่อหน้าเวนิช กริดอาจเย้ยหยันว่าเป็นของปลอม แต่ภายในใจนึกชื่นชมว่าสมแล้วที่เป็นเทพสงคราม
พลังโจมตีและความเร็วโจมตีจะเพิ่มขึ้นอย่างมากขณะสวมใส่อาวุธคู่ หากวัดเฉพาะในแง่พลังทำลายเพียงอย่างเดียว ทักษะอาวุธคู่ของเซราทุลจะเหนือกว่าทิวทัศน์ขุนเขาและสายธาร
เป็นทักษะเกรดมิธอย่างไม่ต้องสงสัย
ด้วยความสัตย์จริง กริดหวาดหวั่นในตัวเซราทุลที่สามารถเขียนหนังสือทักษะระดับนี้ได้ภายในไม่กี่วัน
หากวันใดเซราทุลคิดจะผลิตคัมภีร์เคล็ดวิชาลับเป็นจำนวนมาก กริดเกิดคำถามว่าตนจะเอาชนะกองทัพเทวทูตที่ถูกยกระดับได้จริงหรือ
แต่อย่างไรก็ดี ในท้ายที่สุด ชายหนุ่มเลือกทักษะจากราชาขุนเขา
ไม่ใช่ด้วยเหตุผลด้านความรู้สึกส่วนตัว แต่เป็นเพราะข้อบกพร่องของทักษะเซราทุล
ประการแรก มันยากที่จะใช้งานได้ต่อเนื่อง
ระหว่างที่มีพลังโจมตีและความเร็วเพิ่มขึ้นขณะใช้อาวุธคู่ ร่างกายอาจได้รับอาการผิดปรกติ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดอาการผิดปรกติทางกายภาพจำพวกกระดูกร้าว ในกรณีที่ร้ายแรงอาจถือดาบต่อไปไม่ไหวแม้แต่ข้างเดียว ลืมเรื่องการถืออาวุธคู่ไปได้เลย
ทักษะดังกล่าวสะท้อนนิสัยของเซราทุลได้เป็นอย่างดี
ดูได้จากสภาพร่างกายของสาวกเทพสงคราม เซราทุลมักไม่ใส่ใจสุขภาพคนที่เรียนวิชาสักเท่าไร
ไม่สนว่าเหล่าสาวกจะได้รับผลข้างเคียงอย่างไร แต่หน้าที่ของพวกมันคือการพิสูจน์ให้เห็นว่าวิชาต่อสู้ของเซราทุลยอดเยี่ยมที่สุดในโลก แม้ต้องแลกมาด้วยความตายก็ตาม
‘และข้อเสียไม่ได้มีแค่นั้น’
เฉกเช่นทักษะประเภทความชำนาญชนิดอื่น ทิวทัศน์ขุนเขาและสายธารสามารถใช้งานร่วมกับวิชาดาบกริดได้ ในขณะที่เคล็ดวิชาลับของเซราทุลนั้นไม่
จริงอยู่ที่เคล็ดวิชาลับอาวุธคู่ของเซราทุลจะยังคงแสดงประสิทธิภาพได้ยอดเยี่ยมที่สุดต่อให้ทักษะติดตัวของวิชาดาบกริดไม่แสดงผล แต่จากมุมมองของชายหนุ่ม สิ่งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ดี
นั่นเพราะถ้าคุณสมบัติจากทักษะติดตัวของท่ารำดาบหายไปทุกครั้งที่ถืออาวุธคู่ การฝืนใช้อาวุธคู่ก็คงไม่มีความหมาย
‘ถ้าเป็นคนทั่วไปคงยอมรับผลเสียนี้ได้’
อาจเรียกได้ว่าเคล็ดวิชาลับอาวุธคู่ของเซราทุลทรงพลังที่สุดในบรรดาทักษะประเภทความชำนาญทั้งหมด
คนทั่วไปคงไม่เสียใจที่ต้องละทิ้งทักษะความชำนาญเดิมของตน
แต่กับกริดแล้วไม่ใช่
การต้องสูญเสียคุณสมบัติของทักษะติดตัวท่ารำดาบไป สำหรับกริดแล้วเป็นความเสียหายใหญ่หลวง
อธิบายมาถึงจุดนี้ อาจฟังดูเหมือนกับว่า ‘ทิวทัศน์ขุนเขาและสายธาร’ จะมีประสิทธิภาพต่ำกว่าเคล็ดวิชาของเซราทุล แต่นั่นไม่เป็นความจริงเสมอไป
ค่าพลังจิตเพิ่มขึ้น ได้รับคุณสมบัติพิเศษขณะใช้ทักษะที่แตกต่างกัน สามารถใช้งานทักษะสองชนิดได้พร้อมกัน และคุณสมบัติที่จะช่วยยกระดับทักษะติดตัวในยามที่ทักษะอยู่ในระยะหน่วง
ทิวทัศน์ขุนเขาและสายธารมีสิ่งที่เคล็ดวิชาลับของเซราทุลไม่มี
เรียกได้ว่าเป็นทักษะสำหรับ ‘ยกระดับ’ ทักษะความชำนาญเดิมที่มีอยู่
‘ถึงตรงนี้ เรามั่นใจแล้ว’
ราชาขุนเขามองเห็นจุดอ่อนของเรา…
และเลือกมอบทักษะที่ช่วยปกปิดข้อบกพร่อง
ไม่ใช่เรื่องยากที่ราชาขุนเขาจะมองเห็นจุดอ่อนกริด โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าอีกฝ่ายเคยช่วงชิงเทวตำนานและตำนานมาแล้วมากมาย ระดับค่าวิสัยทัศน์ย่อมต้องไม่ธรรมดา
‘เหนือสิ่งอื่นใด เราเข้าไปในถิ่นของราชาขุนเขา’
ระดับความแข็งแกร่งคงทัดเทียมกับมังกรระดับสูงที่ต่อสู้ในถิ่นของตัวเอง
ลอเอลอาจไม่เห็นด้วยในตอนแรก แต่ยิ่งคิดกริดก็ยิ่งมั่นใจ
กริดประเมินพลัง ‘ลดความเสียหายที่ได้รับ’ ของราชาขุนเขาไว้สูงมาก
แตกต่างจาก ‘การป้องกันสัมบูรณ์’ ของมังกรที่จะสร้างความเสียหายได้ตามปรกติเมื่อถูกทะลวงผ่าน แนวคิดในการลดความเสียหายของราชาขุนเขานั้นเป็นทักษะติดตัวประเภทที่ไม่ถูกทะลุทะลวง
‘…ไม่สิ ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าเขาแข็งแกร่งเท่ามังกรระดับสูง’
แน่ใจแล้วหรือว่าจะสร้างความเสียหายได้ในปริมาณมากหากทะลวงผ่าน ‘การป้องกันสัมบูรณ์’ ของมังกรสำเร็จ?
ไม่มีทาง
กริดเคยเผชิญหน้ามังกรมารและมังกรจอมเขมือบมาก่อนก็จริง
แต่การคาดเดาพลังต่อสู้ของมังกรจอมเขมือบนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะอีกฝ่ายเอาแต่ตระเวนเที่ยวเล่น และในทางกลับกัน มังกรมารที่กริดได้เผชิญก็เก่งกาจราวกับอยู่คนละมิติ แถมกริดยังมีค่าวิสัยทัศน์ค่อนข้างต่ำ
ลำพังค่าสถานะพื้นฐานก็มากพอจะทำให้ตกตะลึงและสลักลงในความทรงจำ และกริดก็ไม่มีโอกาสได้สัมผัสทักษะหรือคุณสมบัติพิเศษของมัน
เหนือสิ่งอื่นใด เลเวลของกริดยังต่ำมากในตอนนั้น
‘การขาดข้อมูลทำให้เราเกิดความสับสน’
กริดที่เคยต่อสู้กับมังกรมารเป็นคนละคนกับกริดในปัจจุบันโดยสิ้นเชิง
ไม่เกินจริงไปนักหากจะบอกว่า กริดในสมัยนั้นเปรียบดังทารกแรกเกิดที่พยายามสู้กับมังกรมาร
หากได้เผชิญหน้ากับมังกรมารอีกครั้งตอนนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่จะรู้สึกแตกต่างออกไป
‘กล่าวกันว่า พวกมังกรชราแข็งแกร่งเทียบเท่าเทพสงคราม’
แน่นอนว่าเทพสงครามในที่นี้คือเซราทุล ไม่ใช่ซือโหยว
ถ้าอย่างนั้น พูดได้เต็มปากหรือไม่ว่าเกรเนียร์แข็งแกร่งทัดเทียมเซราทุล?
‘บอกยากเหมือนกัน เซราทุลที่เราเห็นเป็นเพียงร่างเสด็จเยือนโลกกึ่งกลาง’
สภาพแวดล้อมพันธนาการพลังของมันไว้หลายส่วน
เฉกเช่นที่จอมอสูรอ่อนแอลงบนโลกกึ่งกลาง เทวทูตและเทพต่างก็อ่อนแอลงบนโลกกึ่งกลางเช่นกัน และนั่นทำให้กริดยากที่จะกะเกณฑ์พลังที่แท้จริงขณะอีกฝ่ายต่อสู้ในถิ่นของตัวเอง
แม้แต่ราชาขุนเขาเอง หากกริดเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายในสถานที่อื่นนอกจากเกรเนียร์ ก็คงยากที่จะประเมินความแข็งแกร่งที่แท้จริง
‘มีแต่ต้องลิ้มรสด้วยตัวเองเท่านั้น’
เมื่อถึงเวลานั้น ทางเลือกเดียวคือการข่มใจไม่ให้ท้อแท้หรือหดหู่
“…มาเริ่มกันใหม่”
แกร่ก แกร่ก! แกร่ก แกร่กแกร่ก!
ราวกับโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หลงลืมวิธีพูดไปหนึ่งวัน
แม้พวกมันจะพูดภาษามนุษย์ได้คล่องแคล่วแล้ว แต่ตอนนี้กลับทำเพียงกระแทกกราม นั่นก็เพื่อกลั้นมิให้เสียงความเจ็บปวดเล็ดลอดออกมา
ต้องขอบคุณการเสียสละอันยิ่งใหญ่ของพวกมัน กริดจึงมีโอกาสได้ทดสอบคุณสมบัติทั้งหมดของทิวทัศน์ขุนเขาและสายธารอย่างละเอียด
เฉกเช่นทักษะเกรดเลเจนดารีอีกสามชนิด
<สงบก่อนมรสุม>
เมื่อเปิดใช้งานจะได้รับคุณสมบัติลดความเสียหาย 50%
เข้าสู่สถานะ ‘ห้ามเคลื่อนไหว’ เป็นเวลา 3 ถึง 10 วินาที, สะสม ‘โทสะ’ 10 หน่วยในทุกวินาที
ศัตรูทั้งหมดภายในรัศมี 5 เมตรจะเคลื่อนไหวได้ช้าลงเมื่อระดับ ‘โทสะ’ สูงกว่า 20 หน่วย
ยิ่งระดับโทสะสูงขึ้น ขอบเขตการแสดงผลจะกว้างขึ้นและอิทธิพลจะยิ่งรุนแรง และเมื่อทำการยกเลิกทักษะ ‘ความเสียหายทั้งหมดที่ถูกลดทอน’ จะสะท้อนกลับไปหาทุกเป้าหมายในขอบเขตของทักษะ นอกจากนั้นยังมีโอกาสสร้างอาการผิดปรกติ ‘สตัน’ อีก 2 วินาที
โอกาสในการ ‘สตัน’ แปรผันตามค่า ‘โทสะ’ หาก ‘โทสะ’ ถูกสะสมถึง 100 หน่วย ทุกเป้าหมายก็จะได้รับอาการ ‘สตัน’ , มองข้ามค่าต้านทานอาการ ‘สตัน’ ของเป้าหมายโดยสมบูรณ์
ระยะหน่วง: 30 นาที
มานา: 25,300
ชนิดแรก ทักษะเขตแดนแบบใหม่
แม้ว่าข้อจำกัดจะสูงและมีเงื่อนไขการใช้งานยุ่งยาก แต่ก็เหมาะแก่การพลิกสถานการณ์ในคราวเดียว
เป็นทักษะที่ช่วยให้ฝ่ายถูกกระทำกลายเป็นฝ่ายกระทำ ขึ้นอยู่กับฝีมือในการคำนวณ
แต่มันมาพร้อมผลข้างเสียร้ายแรงหนึ่งเรื่อง:
“พวกเจ้าคู่ควรกับโทสะของข้าแน่หรือ”
นี่คือคำพูดที่ต้องประกาศออกไปก่อนจะใช้งานทักษะ
“จงสำนึก”
นี่คือคำพูดขณะโทสะถูก ‘ชาร์จ’
“จงร่ำไห้”
ยังไม่หมด
“จงสิ้นหวัง”
ตรงข้ามกับความตั้งใจ ปากของกริดขยับไปเอง
เป็นการบีบบังคับโดยระบบ
ดูเหมือนจะมีเพื่อให้สอดคล้องกับหลักการ ‘สยบ’ ศัตรูด้วยความโกรธ
‘พวกเนตรมารเคยขึ้นมาปีนเกรเนียร์ด้วยรึไงกัน…’
กริดอดไม่ได้ที่จะสงสัยต้นกำเนิดของทักษะ
ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่าย จากนั้นก็รวบรวมสติกลับมา
สืบเนื่องจากเผ่าเนตรมารมีบทบาทสำคัญในสมรภูมิห้วงนรก อคติของผู้คนที่มีต่อ ‘ความเบียว’ จึงเริ่มลดลง
‘…ไม่ได้ช่วยให้สบายใจขึ้นเลยสักนิด’
ช่างเถอะ ยังเหลืออีกสองทักษะ
<ดาบแห่งความมืด>
เมื่อเปิดใช้งานทักษะ การโจมตีแต่ละครั้งมีโอกาส 30% ที่จะสร้างการโจมตีเพิ่มเติมซึ่งรุนแรงเป็น 60% ของพลังโจมตีเวทมนตร์
การโจมตีเพิ่มเติมจะพุ่งขึ้นจากใต้เท้าเป้าหมายและไม่สามารถป้องกันได้ด้วยพลังทางกายภาพ
ระยะหน่วง: ไม่มี
มานาเมื่อเปิดใช้งาน: 10,000
มานาเพื่อคงสภาพ: 500 ต่อวินาที
*ใช้มานาเพิ่มเติม 2,500 หน่วยทุกครั้งที่ทักษะแสดงผล
เป็นทักษะที่สามารถป้องกันได้ด้วยการหลบหลีกหรือใช้ทักษะที่เกี่ยวข้องกับมานาเท่านั้น
โอกาสแสดงผลไม่อาจสูง อยู่ที่ 30% เท่านั้น แต่ถ้าคำนึงถึงความเร็วในการโจมตีของกริด มันก็ถือว่าใช้ได้
ในตอนที่กริดใช้ ‘ร่ายรำ’ กับโครงกระดูกหนึ่ง มีใบมีดสีดำพุ่งขึ้นจากใต้เท้ามากกว่าสิบเล่ม
‘อัตราการสิ้นเปลืองมานาโหดร้ายมาก’
แต่ไหนแต่ไร กริดมักเพลิดเพลินไปกับคุณสมบัติของแหวนแห่งความไร้เหตุผลและไอเท็มชิ้นอื่น
ทุกทักษะจะใช้มานาต่ำกว่าที่ระบุไว้เกินครึ่งเสมอ
แต่ถึงอย่างนั้น มานากริดก็ถูกสูบในพริบตา
นั่นเป็นผลมาจากการมีความเร็วโจมตีสูงเกินไป
แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นทักษะที่ยอดเยี่ยม
ไม่ว่าใครก็ย่อมต้องอยากได้พลังทำลายเพิ่มเติมอยู่แล้ว
แถมยังเท่
เมื่อมีใบมีดสีดำมากกว่าสิบเล่มโผล่ขึ้นจากพื้นพร้อมกัน จะเกิดเป็นภาพลวงตาคล้ายกับตำแหน่งดังกล่าวถูกความมืดกลืนกิน
‘ก็ไม่เลว…’
ปัญหาอยู่ที่ทักษะสุดท้าย
<ราชาแห่งขุนเขา>
ทักษะติดตัว
เมื่อพลังชีวิตของท่านลดต่ำกว่า 30% ท่านจะได้รับการคุ้มครองจากราชาขุนเขา
ความเร็วทุกชนิดเพิ่มขึ้นอย่างมากและสถานะร่างกายเปลี่ยนเป็นของเหลว, สามารถทะลวงผ่านสสารได้
ทุกครั้งที่เป้าหมายถูกทะลวงผ่าน เป้าหมายดังกล่าวจะได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นสองเท่า สะสมได้สูงสุด 20 ครั้ง แต่ความเสียหายจากทักษะจะไม่สูงไปกว่า 4 เท่า
★ อัตราการหลบหลีกเพิ่มขึ้น 51% ขณะอยู่ในสถานะราชาแห่งขุนเขา
* ทักษะจะยังคงอยู่จนกว่าพลังชีวิตจะเพิ่มขึ้นเกินกว่า 30%, สูงสุดไม่เกินหนึ่งชั่วโมง
ระยะหน่วง: 1 ชั่วโมง 5 นาที
มานา: ไม่มี
การซ้อนทับของบัฟไม่ใช่ปัญหาสำหรับกริดที่มีชุนโป
ทันทีที่กำหนดเป้าหมายและใช้ชุนโป นั่นจะเท่ากับการสะสมบัฟ 1 ครั้ง
กริดเชื่อว่าทักษะนี้จะใช้ร่วมกับ ‘ร่างเทพสายฟ้า’ ได้ดี
แต่ปัญหาคือการรักษาระดับพลังชีวิตให้ต่ำกว่า 30%
หากกริดโจมตีเป้าหมายขณะสวมใส่ไอเท็มดูดเลือด พลังชีวิตจะเด้งเกินกว่า 30% ในพริบตา หรือต่อให้ถอดไอเท็มดูดเลือดออก พลังชีวิตก็จะยังเพิ่มเกินกว่า 30% ด้วยผลจากอัตราการฟื้นฟูตามธรรมชาติ
และกริดก็จะยิ่งอ่อนแอหากต้องลงทุนปิดการใช้งานเขตแดนพายุเพลิงเทพเพื่อลดอัตราการฟื้นฟู
‘คงเหมาะในสถานการณ์ที่ถูกจอมอสูรใช้ ‘ดูม’ ใส่’
กริดสลัดแนวคิดสุดประหลาดและไร้สาระออกจากใจ
รอยยิ้มบรรจงฉาบลงบนใบหน้าชายหนุ่ม
ต้องขอบคุณบรรดาทักษะใหม่ มันกำลังมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก
Comments
Post a Comment