จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,512
มหันตภัยอันเกิดจากการระเบิดที่มีจำนวนรวมหลักแสนครั้ง
ผู้ชมที่ได้ประจักษ์การโหมกระหน่ำจากกลุ่มลำแสงที่ดูคล้ายพายุฝน ต่างจินตนาการภาพความพินาศย่อยยับของกองทัพพันธมิตรไว้ในใจ
มีหลายคนตัดสินใจหลับตา อุดหู หรือเปลี่ยนช่องเนื่องจากไม่กล้าเผชิญหน้ากับหายนะที่กำลังปะทุออก
หลังจากถอนหายใจยาว บางกลุ่มบรรจงลืมตาขึ้น บางกลุ่มเปลี่ยนกลับมายังช่องเดิม
“แฮ่ก…”
พวกมันพ่นลม
ใครหลายคนไม่พอใจมุมกล้องที่กำลังแพนไปทั่วสนามรบอันกว้างใหญ่
ภูมิประเทศที่ถูกทำลาย อาวุธที่จมดิน บ่อเลือดที่กลายเป็นทะเลสาบ และเศษเลือดเนื้อที่สูญเสียเจ้าของ
สภาพสนามรบโหดร้ายกว่าที่พวกมันคิดไว้มาก
ดูราวกับเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบทั้งหมด
คุณไลม์แห่งร้านของชำ ช่างตีเหล็กพอลด์สัน เจ้าเมืองที่แม้จะเป็นคนอารมณ์ร้อน แต่ก็ดูแลทุกคนเป็นอย่างดี
เหล่าผู้เล่นรู้สึกเศร้าและกังวลว่าสายสัมพันธ์ที่ตนสร้างมานานหลายปีในซาทิสฟาย จะถูกทำลายไปในพริบตา
อนาคตของซาทิสฟายจะแต่งต่างออกไป ขาดความสนุกโดยสิ้นเชิง
บางที เหล่าผองเพื่อนที่กำลังตื่นเต้นและเตรียมจะออกไปผจญภัยในสถานที่ใหม่เพื่อเก็บเลเวล จะทยอยเลิกเล่นซาทิสฟายไปทีละคน
“…หือ?”
บรรดาผู้คนที่กำลังสลดหดหู่ด้วยเหตุผลด้านสายสัมพันธ์หรืออย่างอื่น
ขณะพวกมันกำลังจ้องหน้าจอด้วยสีหน้าซึมเศร้า เสียงบรรเลงที่เป็นฉากหลังกลับดังขึ้น
ใครพาวงออเครสต้าเข้ามาในสนามรบ?
ขณะทุกคนกำลังอุทานว่าบ้าบอสิ้นดี หน้าจอเริ่มฉายไปทางอื่น
ขอบเขตการมองเห็นขยายออกไปจนถึงเส้นขอบฟ้าพร้อมกับดนตรีที่เริ่มบรรเลงท่วงทำนองสง่างาม
ภาพหมุนไปยังมุมอื่น ผ่านฉากสนามรบที่โหดร้ายและเต็มไปด้วยการสูญเสีย จนกระทั่งฉายไปยังกลุ่มสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก
ตรงข้ามกับสิ่งที่ผู้ชมจินตนาการ กองทัพพันธมิตรยังมิได้ถูกทำลาย
ทหารทุกคนกำลังแหงนมองท้องฟ้า
พวกมันส่งเสียงเชียร์ด้วยใบหน้ายินดีปรีดาจนเกือบกลบเสียงดนตรี
“…!”
ผู้ชมเพิ่งเริ่มสังเกตเห็น
ภาพของสนามรบที่พังพินาศและสลดหดหู่เมื่อครู่ ส่วนใหญ่เป็นความสูญเสียฝั่งอสูร
เมื่อกล้องแหงนมองขึ้นไปตามสายตาของทหาร ทุกคนมองเห็นแผ่นหลังของใครบางคน
ออร่าที่แผ่ออกมารอบตัวเป็นสีเดียวกับพระอาทิตย์ตกดิน
เป็นแสงอาทิตย์ที่กำลังมอบความสว่างท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิดที่ถูกย้อมด้วยปราณอสูร
“บ…บ้าบอสิ้นดี…”
เป็นฉากที่ทั้งน่าตื่นเต้นและตื้นตัน
ผู้ชมเข้าใจทันทีว่าทำไมโลกนี้ถึงต้องมีวีรบุรุษ
***
‘ใจเย็นเข้าไว้’
กริดที่กระวนกระวายพยายามข่มใจให้สงบ
ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าเสียงหัวเราะของบาเอลหยุดลง
เมื่อพบว่าตัวเองกำลังเครียดเกินไป การผ่อนคลายคือสิ่งจำเป็น
‘อยู่ระดับไหนกันนะ…’
กริดเคยมีประสบการณ์สู้กับเศษชิ้นส่วนอีโก้ของบาเอลมาแล้วก็จริง
แต่นั่นไม่สามารถนำมาอ้างอิง
ตอนนั้นบาเอลสิงร่างแอ็กนัส แต่ปัจจุบันบาเอลกำลังอยู่ในร่างซิก
เทียบกันไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ซิกคือตัวตนที่สูงส่งยิ่งกว่ายังบัน เป็นครึ่งเทพตัวจริง ขาดแค่ความสำเร็จและความศรัทธาก็จะกลายเป็นเทพ
‘ก่อนอื่นก็ต้องทดสอบความเร็ว’
กริดได้ลิ้มรสประสบการณ์แสนมหัศจรรย์ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา
ทั้งการดวลกับบีบันและการได้เห็นฮายาเตะเอาชนะเซราทุล นั่นคือช่วงเวลาแสนล้ำค่า
ประสบการณ์ดังกล่าวช่วยให้กริดกะเกณฑ์ฝีมือตัวเองได้แม่นยำ
ความเร็วในการตอบสนองของตนเข้าใกล้ความเร็วเสียง แต่ยังไม่เร็วกว่าเสียง
ต่อให้กระตุ้นโลกแห่งเหนือมนุษย์จนถึงขีดสุด แต่ก็ยังมีกรณีที่ ‘มองเห็นแต่ตอบสนองไม่ทัน’ อยู่
กล่าวอีกนัยหนึ่ง กริดจะตอบสนองความเร็วในระดับดังกล่าวไม่ทัน วิธีหลบคือต้องเดาล่วงหน้าจากสัญชาตญาณ
หากความเร็วของบาเอลสูงกว่า ‘กำแพงเสียง’ เหมือนกับเซราทุล เกรงว่ากริดคงแทบไม่มีโอกาสเอาชนะได้
แต่กริดยังไม่รีบร้อนประเมินฝีมือบาเอลสูงเกินไป
ต่อให้เก่งขนาดไหนก็ไม่น่าจะแข็งแกร่งไปกว่าบีบัน
เมื่อพิจารณาว่าบาเอลเป็นทายาทโดยตรงของเทพ (ยาธาน) ความแข็งแกร่งมีสิทธิ์ที่จะอยู่ในระดับเดียวกับเซราทุล แต่แน่นอนว่านั่นเป็นเพียงการคาดคะเนจากปูมหลังและต้นกำเนิด
เซราทุลมีสถานะตัวตนเป็นเทพ ส่วนบาเอลเป็นแค่จอมอสูร
ต้นกำเนิดของเซราทุลและบาเอลอาจคล้ายคลึงกัน แต่ไม่มีทางที่บาเอลในปัจจุบันจะแข็งแกร่งเท่าเซราทุลซึ่งสั่งสมความแข็งแกร่งผ่านบารมีเทพและความศรัทธา
เทวทูตลำดับหนึ่งซึ่งยังไม่มีใครเคยเห็น
นั่นอาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทัดเทียมกับบาเอล
‘นอกจากนั้น… นี่ไม่ใช่ร่างจริง แถมยังเป็นโลกมนุษย์’
แม้ว่าโลกสองใบอาจกำลังปะปนกัน แต่ก็ไม่มีทางที่ปราณอสูรจะเข้มข้นเท่ากับนรก บาเอลจึงอ่อนแอลงอย่างไม่ต้องสงสัย
สรุปโดยสั้น
‘เรามีโอกาสชนะ’
นี่คือการประเมินเบื้องต้นของกริด
ในเวลาเดียวกัน บาเอลก็กำลังประเมินกริด
“เจ้าสุกงอมแล้ว”
เป็นการประเมินที่แตกต่างจากเมื่อครั้งพบกันคราวก่อนโดยสิ้นเชิง
“เจ้ากำลังเดินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง… ไม่เหมือนกับเมื่อครั้งอดีตที่เจ้ามีสิทธิ์เป็นเทพ แต่เลือกที่จะไม่เป็น… เข้าใจแล้วว่าทำไมเซพาเดียถึงต้องสร้างเรื่องวุ่นวายเช่นนี้”
ทั่วโลกเชื่อว่าตัวการเบื้องหลังของสงครามคือบาเอล
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ กองทัพนรกจำนวนมหาศาลกำลังรุกรานโลกมนุษย์
แต่ความจริงกลับมิได้เป็นเช่นนั้น
ผู้ริเริ่มสงครามคือเซพาเดีย
มันต้องการฆ่ากริดและพรากทุกสิ่งไปจากกริด เพื่อลดระดับตัวตนของกริดให้ต่ำลง
บาเอลเพียงแค่ปล่อยให้เซพาเดียทำตามอำเภอใจ
“…”
กริดค่อนข้างประหลาดใจ
หรือเพราะนี่คือเศษชิ้นส่วนของอีโก้?
บุคลิกของบาเอลจึงถูกเผยออกมาแค่บางส่วน น้ำเสียงและสำเนียงการพูดแตกต่างจากบาเอลที่เคยเจอกันในนรกพอสมควร บาเอลในปัจจุบันดูไม่ค่อยเอาจริงเอาจัง ไม่เหมือนกับมหาบาเอลผู้ยิ่งใหญ่
ฟ้าว!
บทสนทนามิได้ยืดยาว
บาเอลปรี่เข้าหากริดราวกับต้องการระงับความเบื่อหน่ายเต็มที
เปรี้ยง!
‘แข็งแกร่งประมาณบีบัน แต่ยุ่งยากกว่าด้วยดีบัฟมหาศาลและจิตสังหาร… แถมยังมีตัวแปรอย่างการอัญเชิญขุมนรก’
กริดประเมินฝีมือบาเอลหลังจากปะทะกันหนึ่งดาบ
ร่างของซิกเหนือกว่าที่ซิกเฟรคเตอร์บรรยายไว้พอสมควร และบาเอลก็อาศัยร่างที่เกือบจะสมบูรณ์แบบดังกล่าวได้เต็มประสิทธิภาพ
ยิ่งไปกว่านั้น บาเอลมาพร้อมมีดีบัฟมากมาย
กริดต้านทานได้เกือบทั้งหมด แต่ก็ยังมีบางส่วนที่ส่งผลกระทบ
ระดับตัวตนลดลงเล็กน้อย ผลของกายาเหนือมนุษย์หายไป และสมญานามจำนวนมากถูกผนึก
โชคดีที่สถานะเทพยังคงอยู่
ส่งผลให้รอดพ้นจากดีบัฟถูกเปิดจุดอ่อนตลอดเวลาและบั่นทอนสมาธิ
สมญานามที่ถูกผนึกส่วนใหญ่เป็นสิ่งที่สั่งสมมาในช่วงต้นและกลางเกม
สมญานามที่เกี่ยวกับเทพทั้งทางตรงและทางอ้อมยังอยู่ครบ
กริดเดาว่าจิตสังหารเหล่านี้อาจเกิดจากตัวของบาเอลเอง
เพียงเจตจำนงอันบิดเบี้ยวของนรก และเศษเสี้ยวพลังของยาธาน ยังไม่มากพอจะบั่นทอนความยิ่งใหญ่ของเทพ
เปรี้ยง!
กรามของกริดเอียงทำมุม
เกิดจากการที่บาเอลชกด้วยกำปั้นอันว่องไวประหนึ่งลำแสง ชายหนุ่มพยายามถอยหลังหลบแล้ว แต่กระนั้นก็ยังเฉี่ยวมาโดนคางพร้อมกับสร้างความเสียหาย 15,000 หน่วย
แต่ไม่ใช่การถูกอัดฝ่ายเดียว ในจังหวะที่ก้าวถอยหลัง กริดแทง ‘สังหาร’ ทะลวงอกบาเอลพร้อมกับสร้างความเสียหายที่มากกว่านับสิบเท่า
เลือดสาดกระเซ็นเป็นกลุ่มใหญ่ แต่กริดมิได้เป็นกังวลเกี่ยวกับร่างของซิก
ร่างที่ถูกผนึกมานานนับพันปีจะถูกทำลายได้ง่ายดายเช่นนี้เชียว?
กริดประเมินว่าเศษชิ้นส่วนอีโก้ของบาเอลคงถูกทำลายก่อนร่างซิก เป็นข้อสรุปที่เกิดจากประสบการณ์อันโชกโชนในโลกซาทิสฟาย
แต่ถึงจะคิดผิดก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
‘เพราะเรามีเซฮี’
โครม!
กำปั้นบาเอลกระแทกชุดเกราะกริด
ชายหนุ่มถูกสวนกลับ แต่ก็ตอบโต้กลับไปด้วยวิชาดาบผสานสามชนิด
แต่ดาบกริดพุ่งไปไม่ถึงตัวบาเอล ฟันโดนเพียงอากาศอันว่างเปล่าด้านบน
นั่นเพราะบาเอลทำให้กริดสูญเสียวิถีฟันด้วยการเตะใส่ข้อมือ
ตามด้วยการยันซ้ำใส่หน้าอกจนระยะการเหยียดของกริดยิ่งสั้นลง
ท่าเตะของบาเอลนำหน้ากริดหนึ่งก้าวเสมอ เพราะมันพุ่งเข้าใส่ด้วยระยะทางที่สั้นกว่า
‘ไอ้ระยำ’
กริดตระหนักได้เมื่อเห็นบาเอลกำลังแสยะยิ้ม
จอมอสูรตนนี้ ‘เป็นมวย’ แถมยังเชี่ยวชาญศิลปะการต่อสู้หลายแขนง
แตกต่างจากจอมอสูรทั่วไป บาเอลมิได้พึ่งพาสัญชาตญาณดิบ แต่โจมตีอย่างเป็นระบบ
เมื่อมองย้อนกลับไปในตอนที่มันใช้หมัดชกใส่ชุดเกราะ กริดพบว่าอีกฝ่ายน่าจะเป็นยูโด
หากชุดเกราะแตกขึ้นมา บาเอลคงสอดมือเข้าไปจับเสื้อทุ่ม
ซู่ว!
ขณะชักดาบกลับและฟัน ‘ทำลายล้าง’ ใส่ศัตรูอีกครั้ง กริดควบแน่นพลังงานสีแดงไว้ในมือซ้ายเพื่อเตรียมใช้ ‘คลื่นกระแสเลือด’
บึ้ม!
บาเอลพยายามโยกหลบทำลายล้าง
แต่เนื้อจากถูกรบกวนด้วยคลื่นกระแสเลือด ร่างกายบาเอลจึงสูญเสียการทรงตัว
หากเปลี่ยนเป็นร่างหลัก บาเอลคงหลบได้ง่ายดาย แต่ร่างของซิกนั้นยังไม่สมบูรณ์แบบ เลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกเล่นงานด้วยอาการผิดปรกติบางชนิด
ในวินาทีที่ ‘ทำลายล้าง’ สับลงบนหัวไหล่บาเอล โลหิตที่พวยพุ่งก่อตัวเป็นดาบเลือดพร้อมกับระเบิดออก
นี่คือคอมโบดาบโลหิตของกริด
กริดต่อด้วยทักษะผสานไอเท็มทันทีโดยไม่พักหายใจ
ดาบมังกรเพลิงถูกผสานเข้ากับดาบอัสนีฯ เพื่อรีดพลังโจมตีของทักษะถัดไปจนถึงขีดสุด
ทักษะที่ว่าก็คือ ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’
ทั้งหมดเกิดขึ้นและจบลงภายในไม่ถึงสองวินาที
เสียงระเบิดและเสียงดาบดังตามมาในอีกหนึ่งอึดใจให้หลัง สร้างความวิงเวียนและวุ่นวายให้กับพื้นดินเบื้องล่าง
ผู้คนต่างตื่นตะลึงไปกับคลื่นกระแทกหลากสีสันที่พุ่งออกไปทุกทิศทาง แบ่งท้องฟ้าออกเป็นหลายส่วน
เป็นการต่อสู้ที่แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง
สำนักข่าวบางช่องหยุดพักการถ่ายทอดสด
พวกมันทำตัวเป็นมืออาชีพด้วยการย้อนภาพกลับไปยังเหตุการณ์เมื่อสองสามวินาทีก่อน จากนั้นก็เล่นซ้ำด้วยความเร็วที่ช้าลงหนึ่งร้อยเท่าพร้อมกับวิเคราะห์สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างละเอียด ส่งผลให้เรตติ้งรายการพุ่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
บาเอลที่เริ่มถูกจู่โจมด้วย ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’ อาศัยเทคนิคบางอย่างในการพลิกผันกระแส
แม้จะฉวยโอกาสจากร่างของซิกซึ่งมีระดับตัวตนสูง ใช้พลังจิตอันมากมายสยบเขตแดนพายุเพลิงเทพ
แต่ถึงอย่างนั้นพลังทำลายของ ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’ ก็ยังเกินต้านทานในสายตาบาเอล มันไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเคลือบผิวหนังด้วยปราณอสูรหลายชั้น
“อั่ก!”
กริดที่ยังอยู่ระหว่างการใช้งาน ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’ พลันกระอักเลือดคำใหญ่
ฝ่ามือบาเอลที่ทะลวงผ่านเข้ามาในช่องว่างชุดเกราะ ฉีกทำลายเนื้อหนังพร้อมกับลำไส้อย่างโหดเหี้ยม
เป็นระดับความเจ็บปวดที่มันจินตนาการไม่ถึง ตามด้วยตัวเลขความเสียหายอันชวนให้ตกตะลึง
ทันทีที่การใช้งาน ‘คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร’ จบลง ชายหนุ่มรีบชุนโปหนีออกมาทิ้งระยะห่างและพันผ้ารอบท้องเพื่อปิดบาดแผล จากนั้นก็ดื่มโอสถและกินยาห้ามเลือด
บาเอลทำเพียงยืนมองโดยไม่ไล่ตามกริด
พิจารณาจากบางสิ่ง คล้ายกับมันกำลังคุยกับใครสักคน
‘กำลังคุยกับแม่ซื้อรึไง…’
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับชายคนนี้
กริดไม่คิดหาเหตุผลให้ปวดหัว รีบปรี่เข้าไปโจมตีบาเอลในตอนที่สบโอกาส
ชายหนุ่มใช้วิชาดาบสลับกับชุนโป รวมถึงการคั่นวิชาดาบราชาไร้พ่ายด้วยชุนโปอย่างไหลลื่น ส่งผลให้การโจมตีพุ่งเข้าใส่บาเอลจากทุกทิศ
เป็นชุดการโจมตีที่หนักหน่วงยิ่งกว่าเมื่อครั้งโจมตีใส่บีบัน
บาเอลขบกรามแน่นขณะหลบการฟัน แทง และพยายามสวนกลับ
“ข้าบอกให้หยุด”
มันไม่ได้บอกกริด
แต่เป็นคำเตือนถึงไอ้งั่งที่กำลังเล่นเป็นนักซุ่มยิง
แต่นักซุ่มยิงมิได้หยุดมือแม้จะได้ยินคำเตือน
เปรี้ยง!
ร่างกริดถูกกระสุนเวทมนตร์ปะทะจนกระเด็นถอยหลัง
แรงกระแทกหนักหน่วงจนศีรษะกระตุกไปด้านหลัง
‘บ้าจริง…’
กริดขบกรามแน่นพลางพยุงร่างกายไม่ให้ร่วงหล่น
มันทราบมาตลอดว่าบาร์บาทอสกำลังซ่อนตัวอยู่ที่ใดสักแห่งในสนามรบ
เหตุผลที่หัตถ์เทวะ โนเอะ แรนดี้ และแวมไพร์ถูกปล่อยออกมาเพ่นพ่าน ก็เพื่อคอยเป็นหูเป็นตาจากการซุ่มยิง
ชายหนุ่มสิ้นเปลืองโลกแห่งเหนือมนุษย์ที่แท้จริงไปกับการอ่านวิถีโจมตีของบาเอล จนไม่เหลือสมาธิมากพอจะไปจดจ่อกับมือปืน
การตัดสินใจดังกล่าวไม่ใช่เรื่องผิด
ปัญหาเพียงข้อเดียวก็คือ หัตถ์เทวะและเหล่าบริวารมิอาจอ่านวิถีและแนวกระสุนของพลซุ่มยิง
“ข้าจัดการหนูสกปรกให้เอง”
บราฮัมหันไปส่งสัญญาณให้เมอร์เซเดส อัสโมเฟล และไคล์ก่อนจะหายตัวไป
เป็นสัญญาณบอกให้กระจายตัวไปค้นหาบาร์บาทอส
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดจากการวิเคราะห์สถานการณ์อย่างใจเย็น
ตอนนี้บาเอลกำลังลอยอยู่สูงจนใครหลายคนเข้าใจผิดว่ามันยืนบนดวงจันทร์
มีเวทมนตร์เพียงไม่กี่ชนิดที่ยิงได้สูงขนาดนั้น และสภาพร่างกายของบราฮัมกับไคล์ก็ยังไม่สมบูรณ์ ยากที่จะสร้างความเสียหายได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
จริงอยู่ที่มันสามารถต่อสู้ในระยะประชิดได้ แต่จากการประเมินเบื้องต้น บราฮัมมองว่าความเร็วของตนไม่น่าจะรับมือบาเอลไหว นั่นอาจเป็นการถ่วงขากริดโดยเปล่าประโยชน์
สำหรับจอมเวท การแลกหมัดกับศัตรูที่มีฝีมือใกล้เคียงกันนั้นไม่ต่างอะไรกับฆ่าตัวตาย
จริงอยู่ที่บราฮัมฟื้นคืนพลังแวมไพร์ทายาทมาแล้ว แต่แก่นสำคัญก็ยังไม่ใช่การต่อสู้ในระยะใกล้
แทนที่จะเสี่ยงชีวิตสู้กับบาเอล การออกไปค้นหาบาร์บาทอสและทำให้กริดสู้ได้ง่ายขึ้นคงจะเป็นประโยชน์มากกว่า
“ฉันจะอยู่เคียงข้างฝ่าบาท”
เมอร์เซเดสเพิกเฉยสัญญาณของบราฮัม
“ถ้าไม่มีเธอไปด้วย การค้นหาบาร์บาทอสจะกลายเป็นเรื่องยากทันที เพราะมันอยู่ร่วมกับครอบครัวเป็นกลุ่มใหญ่ หากให้ท่านบราฮัมและไคล์ไปตามลำพัง นั่นอาจอันตรายเกินไป”
“…”
อัสโมเฟลพยายามโน้มน้าว
แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็อยากได้คำยืนยันจากกริด
“ฝ่าบาทเอาตัวรอดตามลำพังได้ใช่ไหม…”
เป็นภาพที่ดูแล้วชวนให้อมยิ้ม แม้ภายนอกเมอร์เซเดสจะถามหน้านิ่งเสียงเย็น แต่ดวงตากลับกำลังสั่นระริกประหนึ่งกระรอกขี้กลัว
กริดเผยยิ้มโดยไม่รู้ตัวก่อนจะพยักหน้า
“ไปช่วยบราฮัม”
“น้อมรับบัญชา”
เมอร์เซเดสหายตัวตามบราฮัมไปไม่ห่าง
ร่างกายกริดค่อยๆ ฟื้นตัวจากบาดแผล
‘เราควรทำยังไงในสถานการณ์แบบนี้…’
บาร์บาทอสจะลงมือซุ่มยิงทันทีที่กริดสิ้นเปลืองประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ไปกับการโจมตีของบาเอล
นอกจากการใช้ประสาทสัมผัสและตามอง เราต้องหาอื่นในการตอบสนองการซุ่มยิง…
‘ร่างแยกจากพลังบีเลียลคงไม่มีประโยชน์…’
ถูกต้อง นั่นเป็นแค่พลังของจอมอสูรลำดับสามสิบสอง ไม่มีทางลวงตาประสาทสัมผัสของจอมอสูรหลักเดียวอย่างบาเอลและบาร์บาทอส ต้องไม่ลืมว่าแม้แต่พลังอ่านใจของอริยดาบก็ยังแยกแยะออก
จริงอยู่ที่การใช้ ‘แปรธาตุอัตโนมัติ’ ของเฟย์ริสสามารถป้องกันโพรเจกไตล์ได้ทุกชนิด แต่บัฟจะคงอยู่เพียงหนึ่งนาที ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน
การยืมเนตรมองทะลุของเมอร์เซเดสก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะนั่นจะส่งผลให้เมอร์เซเดสอ่อนแอ และดวงตาของเธอมีไว้สำหรับค้นหาตำแหน่งบาร์บาทอส
‘เดี๋ยวนะ…’
กริดฉุกคิดถึงด้ายเงิน
เครื่องยิงพลังเวทที่จะฉีดเวทมนตร์ออกจากเครื่องพร้อมกับเสริมคุณสมบัติทางกายภาพด้วยด้ายเงิน
ชิ้งชิ้งชิ้งชิ้ง!
กริดเรียกหัตถ์เทวะทั้งสามสิบข้างกลับมาอยู่ใกล้ตัว จากนั้นก็ยิงพลังเวทออกไปพร้อมกับด้ายเงินเพื่อร้อยหัตถ์เทวะเข้าด้วยกัน
เป็นสิ่งที่ยากจะมองเห็นด้วยตาเปล่า
ด้ายเงินเส้นบางที่ผสานกับพลังเวทนั้นแทบจะล่องหน
ฉึบ
หัตถ์เทวะค่อยๆ ลอยออกห่างจากกริด
กระทั่งด้ายเงินที่ผูกไว้ระหว่างนิ้วถูกดึงจนตึง
นี่คือวินาทีที่ใยแมงมุมล่องหนกำลังปกคลุมรอบตัวกริด
ด้ายเงินถูกผูกไว้ระหว่างหัตถ์เทวะทั้งสามสิบข้างในแนวนอน แนวตั้ง และแนวเฉียง โดยมีกริดอยู่กึ่งกลาง
ทันใดนั้น
ใยแมงมุมล่องหนส่วนล่างเริ่มกระเพื่อม
การซุ่มยิงของบาร์บาทอสถูกเรดาห์ด้ายเงินตรวจพบ
กริดเอียงคอเล็กน้อย
ชายหนุ่มสามารถหลบหลีกการซุ่มยิงได้โดยไม่ต้องพึ่งพาประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์
มันกำลังวิวัฒนาการ
บาเอลที่เอาแต่สบถใส่บาร์บาทอสมาสักพัก แสยะยิ้มด้วยความพึงพอใจ
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment