จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,517



เมฆสีทองปกคลุมไปทั่วห้องโถงใหญ่


พวกมันคือสัญลักษณ์ของความรู้สึกโหยหา


เท่าทวยเทพที่ถูกขับไล่ยังคงคิดถึงบ้านเกิดของพวกตน


“เซราทุลพ่ายแพ้ และซิกคืนชีพ”


ท่าทีสุขุมเยือกเย็นของฮานึลทำให้สาม ‘ซา’ ต่างพากันประหลาดใจ


‘นึกว่าเขาจะระเบิดเสียงหัวเราะเสียอีก’


จากบรรดามหาเทพแห่งต้นกำเนิด ฮานึลซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกมากที่สุด


ข้อกล่าวหาไร้สาระที่พุ่งเป้ามายังฮานึลล้วนเกิดจากความอิจฉาของคนเขลา


“อา… เกิดเรื่องน่าอับอายเช่นนี้ติดต่อกัน แอสการ์ดคงนั่งไม่ติดแน่”


“โดมิเนี่ยน… ไม่สิ.. ยูดาห์อาจเริ่มเคลื่อนไหว”


สามซาสังเกตได้


ฮานึลต้องการออกไปข้างนอก


นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสม


แนวป้องกันของแอสการ์ดหละหลวมมาสักระยะแล้ว หลังจากเผชิญเหตุการณ์ไม่คาดฝันหลายหนติดต่อกัน


การบุกรุกสวรรค์ในเวลาเช่นนี้นับว่าเหมาะสม


‘ทันทีที่ไปเหยียบตะวันตก บารมีเทพของพวกเราจะเพิ่มขึ้นมาก’


มนุษย์ฝั่งตะวันตกเริ่มเสื่อมความเชื่อมั่นในตัวแอสการ์ด


พวกมันไม่ได้รับความช่วยเหลือใดจากสวรรค์ขณะถูกกองทัพอสูรรุกราน


เป็นเรื่องง่ายจะเบี่ยงเบนความศรัทธาไปยังเป้าหมายใหม่


‘…แต่ยังไม่มากพอที่จะลองเสี่ยง’


จริงอยู่ที่โอกาสเช่นนี้หาได้ยาก หรืออาจไม่มีอีกแล้ว


เหตุการณ์ใหญ่อย่างความพ่ายแพ้ของเซราทุลและการคืนชีพของซิก โอกาสเกิดขึ้นพร้อมกันมีต่ำมากจนใกล้เคียงปาฏิหาริย์


แต่การฉวยโอกาสตรงหน้าอาจไม่ได้ลงเอยด้วยดีเสมอไป


ต่อให้บุกแอสการ์ดทันทีตอนนี้ โอกาสได้รับชัยชนะก็ไม่สูงสักเท่าไร


ความแข็งแกร่งโดยรวมยังแตกต่างกันเกินไป


แม้ว่าเซราทุลจะอยู่ในสถานะฟื้นฟูตัวเอง และยูดาห์จะไม่อยู่


แต่ที่นั่นยังมีริคาเอลและโดมิเนี่ยน


ยูดาห์ โดมิเนี่ยน และริคาเอลคือเทพและอัครสาวกที่ถูกสร้างขึ้นในตอนที่รีเบคก้าถือกำเนิด


ทั้งสามคือตัวการขับไล่พวกตนมายังดินแดนแห่งนี้


พวกมันมีพลังอำนาจในขอบเขตที่ไม่ต้องสนใจความแข็งแกร่ง


เป็นตัวตนพิเศษที่มิอาจมองข้าม เฉกเช่นเทพสัมบูรณ์ มังกรโบราณ และสิ่งมีชีวิตที่มีคำนำหน้าหรือลงท้ายว่า ‘ปฐม’ หรือ ‘ต้นกำเนิด’ อย่างสามอสูรแห่งนรก


“ยังไม่ต้องกังวล”


สามซาถูกปลุกให้ตื่นจากภวังค์


พุงซา อึนซา และอูซา


ฮานึลจ้องทั้งสามด้วยสายตาเก็บซ่อนอารมณ์


“จับตามองไปก่อน… เทพโอเวอร์เกียร์กับซิกอาจโค่นยูดาห์สำเร็จ เมื่อถึงเวลานั้น เราจะลงมือในจังหวะที่โดมิเนี่ยนลงมายังโลก”


“…ท่านประเมินเทพโอเวอร์เกียร์ไว้สูงมาก”


ทางด้านซิกนั้นไร้ข้อกังขา ชายคนดังกล่าวเป็นตัวตนที่สูงส่งมาตั้งแต่สมัยบรรพกาล ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมรีเบคก้าถึงต้องสาปแช่งด้วยตัวเอง


ในตอนที่ฮานึลต้องการโน้มน้าวซิกมาเป็นพวก สามซาต่างเห็นพ้อง


หากสามารถไล่คืนชีพให้กับเจ็ดมารโดยมีซิกเป็นจุดเริ่มต้น กำลังรบของฝ่ายตนจะยิ่งแข็งแกร่ง


แต่ในทางกลับกัน ฝั่งเทพโอเวอร์เกียร์ยังคลุมเครือ


จริงอยู่ สายลมอาจกระซิบบอกว่าเทพโอเวอร์เกียร์คือผู้ช่วยให้มนุษยชาติรอดพ้นจากการรุกรานระลอกแรก รวมถึงเป็นผู้คืนชีพให้ซิก


แต่สามซายังจดจำกริดสมัยเป็นมนุษย์ได้ดี


ใช่แล้ว เทพโอเวอร์เกียร์ยังมิได้เป็นเทพในตอนที่เยือนอาณาจักรฮวาน


อาจเคยผ่านบทสอบของซือโหยวด้วยคะแนนเป็นเลิศ แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้คาดคะเนความแข็งแกร่งได้มากนัก


ชายคนนั้นจะเอาชนะการลงทัณฑ์จากยูดาห์ได้จริงหรือ?


สามซาแทบมองไม่เห็นโอกาส


‘ถ้าถูกทำลายไปพร้อมกันหมดได้ก็คงดี’


สามซาปรารถนาให้เป็นเช่นนั้นจากก้นบึ้ง


ซิกผู้ปฏิเสธการเป็นอัครสาวกของฮานึล และกริดผู้ทำให้ซิกกลายเป็นอัครสาวกของตน


จากมุมมองของสามซา ทั้งซิกและกริดต่างเป็นเป้าหมายของความเกลียดชัง คงดีที่สุดหากจะตายไปพร้อมกับเทพสวรรค์


ฮานึลกล่าวแฝงความนัย


“ประเมินเทพโอเวอร์เกียร์ไว้สูง…? ต้องบอกว่าข้าไว้ใจเวนิชมากกว่า”


“อย่างนี้นี่เอง…”


“เมื่อพิจารณาถึงบาปที่เธอเคยก่อ พวกเราสามารถคาดหวังได้”


สีหน้าแววตาของสามซาเผยความผ่อนคลาย


“…”


มีเพียงซอบยอลที่ยังคงนิ่งเงียบ สายตาซึ่งจ้องไปทางสามซาทวีความเย็นชา แต่อีกฝ่ายมิได้สังเกตเห็น


***


ตอบโต้การรุกรานของบาเอล จากนั้นก็ต้องคิดหาวิธีใช้ร่างซิก


พลังสมองของกริดถูกเค้นออกไปมาก


แต่ถึงอย่างนั้น เวลาก็กระชั้นเข้ามาทุกทีจนกริดหมดสิทธิ์พักผ่อน ต้องก้มหน้าเร่งมือสร้างดาบเล่มใหม่


จริงอยู่ที่ชายหนุ่มไม่ได้สมองเบลอจนทำพลาดเรื่องพื้นฐานหรือละเลยสิ่งสำคัญ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระบวนการดำเนินไปอย่างไม่ราบรื่น


หลังจากกรำศึกหนักด้วยความเร็วใกล้เคียงกับเสียง แม้เวลาจะผ่านมานานจนค่าเรี่ยวแรงฟื้นฟู แต่ความอ่อนล้าทางใจยังไม่เลือนหายไปไหน


อย่างไรก็ดี ยิ่งเผชิญสถานการณ์ยากลำบาก ค่าสถานะ ‘ความพากเพียร’ และสมาธิก็ยิ่งเห็นผลชัด


หากไม่นับความเหนื่อยล้าทางใจที่ยิ่งสั่งสม กริดยังคงทำงานได้อย่างสมบูรณ์แบบ


มันควบคุมเปลวไฟของเตาหลอมได้อย่างไร้ข้อบกพร่อง จนกระทั่งหลอมเขี้ยวมังกรสำเร็จด้วยความร้อนเหนือจินตนาการ


นอกจากนั้นยังได้รับโบนัสเป็นการยกระดับโลกจินตภาพและพลังจิต


การหลอมวัสดุสำเร็จเพียงหนึ่งชิ้น ถึงกับต้องมอบรางวัลตอบแทนมหาศาลเช่นนี้เชียวหรือ?


จากบรรดาระบบช่วยต่อสู้ทั้งหมด สองระบบที่อยู่ในระดับสูงสุดคือพลังจิตและโลกจินตภาพ


แต่กระนั้นกริดกลับไม่มีความสุข


เตาหลอมแห่งเทพถูกทำลาย


กว่าจะสร้างเตาหลอมเกรดมิธเช่นนี้ได้ มันต้องสิ้นเปลืองกำลังคน เวลา และทุนทรัพย์ไปมาก


กริดเคยสาบานว่าจะใช้งานเตาหลอมแห่งเทพไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ แต่กลับกลายเป็นว่า มันพังหลังจากใช้ไปได้แค่ครั้งเดียว


‘ในเมื่อเป็นแบบนี้ คงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องเค้นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดออกมา’


เตาหลอมแห่งเทพต้องไม่พังอย่างสูญเปล่า


ถึงจะยังไม่พังโดยสมบูรณ์ แต่ก็ใช้งานไม่ได้เหมือนเดิม


กริดที่ข่มสติอย่างยากลำบาก พยายามสร้างแรงบันดาลใจในการทำงานให้ตัวเอง


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!


ชายหนุ่มเริ่มนวดฟันกรามด้วยทั่งและค้อนของเฮ็กเซเทีย


ฉ่า!


จากนั้นก็นำกลับไปหลอมโดยใช้ไฟที่ลุกโชนออกจากช่องว่างของเตาหลอม


เคร้ง! เคร้ง!


หลังจากทำซ้ำอีกหลายหน ชายหนุ่มทำการสร้างกรอบใบดาบตามพิมพ์เขียวที่เคยออกแบบไว้


“…”


ยิ่งเวลาผ่านไป กริดยิ่งดำดิ่ง


ในระหว่างนั้น ผนังชั้นนอกของเตาหลอมพังทลายโดยสมบูรณ์ และทั่วทวีปก็ยังเกิดสงครามขึ้นประปราย


กริดจดจ่ออยู่กับโลกของตัวเองโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง


แม้จะยอมจำนนแล้ว แต่เขี้ยวของกูเซลกลับยังแสดงท่าทีต่อต้านและปฏิเสธเปลวไฟเป็นระยะ


ไม่น่าเชื่อว่าทักษะ <เทพโอเวอร์เกียร์ปกครอง> และหมวก <ความอัปยศของทาลิม่า> จะมีประโยชน์อย่างมากในเวลาเช่นนี้


<เทพโอเวอร์เกียร์ปกครอง> Lv.1

อาศัยอำนาจแห่งเทพที่อ้างตัวว่าเป็นผู้สร้างและปกครองทุกสิ่ง ท่านสามารถปกครอง ‘ผลิตภัณฑ์’ ได้ชั่วคราว

ระยะเวลาเริ่มต้นคือ 1 วินาที ยิ่งมีค่าพลังจิตสูงเท่าใด ระยะเวลาก็ยิ่งเพิ่มขึ้น

ระหว่างการปกครอง ท่านจะ ‘ได้รับสิทธิ์ทุกชนิดยกเว้นทำลายตัวเอง’ กับผลิตภัณฑ์เป้าหมาย

เป้าหมายที่ใช้ได้: วัตถุที่ท่านคุ้นเคย มากที่สุด 2 ชิ้น เพิ่ม 1 ชิ้นต่อค่าพลังจิต 1,000 หน่วย

ระยะหน่วง: 1 ชั่วโมง


เป็นพลังที่แตกต่างจากทักษะของดยุคคุณธรรมซึ่งสามารถ ‘ยืม’ ไอเท็ม


และยังแตกต่างจากพลัง ‘ควบคุมอีโก้’ ของความอัปยศแห่งทาลิม่า


พลังเทพโอเวอร์เกียร์ปกครองจะส่งอิทธิพลกับ ‘ผลิตภัณฑ์’ ทุกชนิด และอิทธิพลที่ว่าก็ไม่ใช่เรื่องเล็ก


ได้รับสิทธิ์ทุกชนิดยกเว้นทำลาย สิ่งนี้มีประโยชน์ใช้สอยมากมายไม่รู้จบ


และแน่นอน เขี้ยวของกูเซลที่กริดหลอมย่อมถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ ‘ผลิตภัณฑ์’


เมื่อใดก็ตามที่มันต่อต้าน กริดจะควบคุมด้วยเทพโอเวอร์เกียร์ปกครอง และหากทักษะติดระยะหน่วง ความอัปยศแห่งทาลิม่าจะถูกใช้แทน


หากไม่มีสองสิ่งนี้ ขั้นตอนการขึ้นรูปเขี้ยวมังกรจะกินเวลานานมาก


ทุกครั้งที่กริดพยายามขึ้นรูปดาบ เขี้ยวกูเซลจะอาละวาดราวกับไม่ต้องการสูญเสียแก่นแท้


‘…อีโก้ทรงพลังชะมัด’


เทียบไม่ได้เลยกับการต่อต้านจากความอัปยศแห่งทาลิม่า


หลักฐานพิสูจน์คือท่าทีของดาบมังกรเพลิง


ตามปรกติแล้ว หากความอัปยศแห่งทาลิม่าพยายามต่อต้านกริด ดาบมังกรเพลิงจะเผยท่าทีคุกคามอย่างโจ่งแจ้ง แต่พอเป็นการต่อต้านจากเขี้ยวของกูเซล ดาบเล่มเดียวกันกลับเงียบสงัดประหนึ่งหนูตาย ราวกับระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษ


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น


ดาบมังกรเพลิงถือกำเนิดจาก ‘ลมหายใจ’ มิใช่ ‘อวัยวะ’ ของมังกรเพลิงทราวก้า


แม้ดาบมังกรเพลิงจะถูกยกระดับหลังจากผสานกับละโมบ แต่โดยพื้นฐานแล้ว อีโก้ของดาบมังกรเพลิงย่อมมีระดับต่ำกว่าเขี้ยวกูเซล


ต่อให้ทราวก้ามีตัวตนสูงส่งกว่ากูเซลก็ตาม


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!!


ลักษณะการทุบค้อนของกริดทวีความซับซ้อน


ยิ่งเวลาผ่านไป ชายหนุ่มยิ่งบรรจงขึ้นรูปเขี้ยวมังกรอย่างประณีตวิจิตร


กริดจัดระเบียบให้กิ่งหนามเล็กๆ หันไปยังทิศทางเดียวกัน


แนวเส้นโค้งของเขี้ยวยังถูกคงไว้


ชายหนุ่มเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเพราะเหตุใด เขี้ยวมังกรถึงต้องโค้งในองศานี้


อาศัยความเข้าใจ มันขัดเกลาดาบโดยมีเจตจำนงดังกล่าวเป็นแก่นสำคัญ


จนกระทั่งเขี้ยวมังกรกลายเป็นรูปทรงดาบหนักที่แวววาว กริดลงมือประกอบละโมบเข้ากับส่วนด้าม


แต่ดาบยังไม่เสร็จ


ต้องลับให้คมกว่านี้


ขณะก้มหน้าทำงานอย่างมีสมาธิ กริดซึ่งตระหนักถึงความคิดของดาบมังกรเพลิง กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน


“ฉันไม่ทอดทิ้งนายแน่”


แม้ว่าดาบหนักกูเซลจะกลายเป็นสุดยอดไอเท็มชนิดที่ไม่มีศาสตราเล่มใดเทียบติด แต่กริดก็ไม่คิดจะทิ้งดาบเก่า


มันจะนำความรู้และข้อมูลที่ได้จากการสร้างดาบหนักกูเซลไปใช้ ‘ดัดแปลง’ บรรดาศาสตราเทพเล่มเก่าในคลัง


การสร้างดาบเล่มใหม่ของกริด หวังผลไปถึงการพัฒนาอาวุธทุกชนิดของตน


ไม่ใช่สร้างเพื่อเลือกใช้งานเล่มใดเล่มหนึ่ง


เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!!


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว


ระหว่างการสร้างดาบหนักกูเซล กริดถึงขีดจำกัดการเชื่อมต่อไปสามครั้ง


หมายความว่าชายหนุ่มใช้เวลาผลิตไปแล้วกว่าเก้าวัน


สิ่งนี้เกิดขึ้นได้เพราะกริดมีพวกพ้องคอยสะสางความวุ่นวายภายนอกแทน


ชาวโอเวอร์เกียร์และเหล่าอัครสาวกต่างเก็บกวาดอสูรอย่างขยันขันแข็งจนไม่ต้องถึงมือกริด


ความสำเร็จของยูร่าและครอเกลก็ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน พวกมันร่วมมือกับเลอราเฆ่บุกเข้าไปขโมยขุมทรัพย์วิญญาณของคามิคิน


ส่งผลให้กริดสามารถทุ่มสมาธิไปกับการสร้างตามได้เต็มที่


เมื่อผนวกเข้ากับพลัง ‘เทพโอเวอร์เกียร์ปกครอง’ และ ‘ควบคุมอีโก้’ ของหมวกขาดน้ำ ดาบใหม่จึงสร้างเสร็จเร็วกว่าที่เคยวางแผน


ถึงคราวข้อความโลกปรากฏ


[เทวภัณฑ์แห่งเทพโอเวอร์เกียร์ถือกำเนิด]


[เทวตำนานแห่งเทพโอเวอร์เกียร์ถูกยกระดับ]


[ค่าสถานะทุกชนิดของผู้ศรัทธาเทพโอเวอร์เกียร์เพิ่มขึ้น 10 หน่วยเป็นการถาวร, ผลข้างเคียงจากการสวมใส่ไอเท็มข้ามระดับลดลงเล็กน้อย]


ถือเป็นข่าวที่ทำให้มนุษยชาติมีความหวัง


ทว่า


[ของรางวัลจากการผลิตไอเท็มเกรดมิธ: ค่าสถานะทุกชนิดเพิ่มขึ้น 30 หน่วยเป็นการถาวร, ชื่อเสียงระดับทวีปเพิ่มขึ้น 1,000 แต้ม]


[เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่อาวุธมังกรที่แท้จริงถูกผลิตขึ้น ท่านได้รับสมญานาม <นักล่ามังกร? >]


[สาวกโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์และช่างตีเหล็กทั่วโลกทวีความศรัทธาในตัวท่าน]


[ทวยเทพกำลังจับตามองท่าน]


[ลูกชายมังกรศิลา กูเซล ลืมตาตื่นขึ้น]


[มังกรบางตัวกำลังเฝ้ามองสถานการณ์ด้วยความบันเทิง]


“…???”


เนื้อหาของข้อความระบบที่กริดมีสิทธิ์เห็นคนเดียว กลับไม่น่าพึงพอใจสักเท่าไร


การจ้องมองจากทวยเทพไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย เพราะมันมิได้เพิ่งเกิดขึ้น และยังอยู่ในขอบเขตที่กริดคำนวณ


แต่การตอบสนองจากมังกรคืออะไร?


กรณีเลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นแล้ว


นอกจากนั้น ลูกชายกูเซล?


‘หมอนั่นไม่ได้กำลังเข้าใจผิดใช่ไหม?’


แต่ช่างเถอะ


ต่อให้รู้ว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น เราก็ไม่เปลี่ยนความคิด…


กริดไม่มีทางปล่อยโอกาสในการสร้างอาวุธมังกรหลุดมือ


มันไม่คิดจะนั่งอมนิ้วเฉยๆ เพียงเพราะหวาดกลัวภัยคุกคามจากมังกร


‘ลองคิดในแง่บวก… ถ้ามังกรปรากฏตัว หอแห่งปัญญาก็มีเหตุผลให้เข้ามาแทรกแซง สถานการณ์อาจดีกว่าเดิม’


นอกจากนั้นยังมีสมญานามที่น่าเหลือเชื่อ


<นักล่ามังกร? >


แม้เครื่องหมายคำถามที่ต่อท้ายจะสร้างความตะขิดตะขวงใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือหนึ่งในสุดยอดสมญานามของซาทิสฟาย


“…!”


กริดซึ่งเตรียมอ่านรายละเอียดของดาบและสมญานามใหม่ สัมผัสถึงบางสิ่งและรีบหันไปด้านหลัง


สตรีผู้หนึ่งกำลังใช้สองมือประคองใบหน้าอันงดงามราวกับดงบุปผาของตน


เมื่อกริดหันไปสบตา อีกฝ่ายยิ้มตอบจนทำให้ชายหนุ่มรู้สึกวิงเวียนศีรษะ


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า สตรีผู้นี้มีตัวตนระดับเทพธิดา


เวนิช


กริดรู้จักหล่อน


เทพธิดาแห่งเงินตราและเจ้าของราชรถสุริยัน


ในตอนที่ซื้อทั่งและค้อนของเฮ็กเซเทีย กริดเคยได้ยินเสียงของเวนิชมาแล้วครั้งหนึ่ง


“ข้ามาที่นี่เพื่อขายข้อมูล… ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อเจ้ามาก~!”


ดวงตาที่สุกสว่างราวกับแสงดาวของเธอปราศจากความมุ่งร้ายโดยสิ้นเชิง


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

  1. ฮื่มมมมม~ ตัดจบได้แมวมั๊ค!!

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00