จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,514



30,556


นี่คือพลังชีวิตที่เหลืออยู่ของกริด


หลังจากบัฟร่างมืด ความเร็วและค่าแม่นยำของบาเอลเพิ่มขึ้นหลายเท่า


‘ถ้าเราถูกสวนกลับในครั้งสุดท้าย ประกันชีวิตอมตะทำงานแน่’


พลังของร่างมืดที่ได้ลิ้มรสอีกครั้งหลังจากห่างหายไปนาน มันวิเศษมากแม้จะอยู่ในร่างกายคนอื่น


เมื่อความเร็วและพลังโจมตีของอีกฝ่ายเพิ่มขึ้นกะทันหัน ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปรับตัวให้คุ้นชิน


ทำเอากริดอยากครอบครองร่างมืดอีกครั้ง


‘ถ้าเราเสียประกันชีวิตอมตะ สถานการณ์คงยากลำบากกว่านี้’


แต่สาเหตุแท้จริงที่ทำให้กริดแตกตื่นหลังจากบาเอลเปิดใช้งานร่างมืด คือการที่ ‘หลอดพลังชีวิต’ ของบาเอลหายไป


ใช่แล้ว หลอดพลังชีวิตอันตรธานหายไปจากการมองเห็น


สิ่งนี้สร้างแรงกดดันมหาศาล


กริดไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ไม่ผิดนักหากจะนิยามให้เป็นความกลัว


ชายหนุ่มมิอาจทราบได้ว่าตนสร้างความเสียหายใส่ศัตรูไปมากแค่ไหนแล้ว


ความสับสนมากมายผุดขึ้นทุกซอกมุมภายในใจ


แผนการที่วางไว้มีอันต้องคลาดเคลื่อน เพราะไม่สามารถทำนายความตายหรือจุดจบของศัตรูได้


นั่นทำให้กริดต้องทุ่มเททุกสิ่งที่มี


มันฉวยโอกาสในจังหวะที่บราฮัมดึงความสนใจบาเอลด้วยเวทอุกกาบาต


ละโมบก้อนใหญ่ถูกวางแทรกไว้กับอุกกาบาตเก้าลูก และหลังจากบาเอลเสียสมดุล มันเปิดฉากด้วยดาบจันทราดับ


อันดับแรก ชายหนุ่มตัดแขนทั้งสองข้ามเพื่อลดทอนการป้องกันของบาเอล จากนั้นก็เปลี่ยนอาวุธพร้อมกับพรั่งพรูท่าไม้ตายเข้าใส่


การทำเช่นนั้นส่งผลให้ร่างกายกริดได้รับผลข้างเคียงมหาศาล แถมบาเอลยังฟื้นฟูร่างกายได้เร็วกว่าที่คิด จึงตอบโต้กลับมาหลายชุด


หากไม่ใช้เพราะกริดคว้าคอบาเอลไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ป่านนี้คงถูกแรงระเบิดพัดกระเด็นและสูญเสียโอกาสปิดบัญชี


ในท้ายที่สุด ชายหนุ่มโค่นบาเอลลงสำเร็จ


ผลลัพธ์คือเครื่องยืนยันว่ากริดตัดสินใจถูกต้อง


หากเกิดความลังเลจนสูญเสียประกันชีวิตอมตะก่อนที่บาเอลจะล้มลง จิตใจกริดคงระส่ำจนสูญเสียความเยือกเย็น


สู้ต่อไปจะดีจริงหรือ?


เรากับมันใครจะตายก่อน?


ถอยกลับไปฟื้นฟูดีไหม?


เป็นต้น


ท่ามกลางคำถามที่ถาโถม มีโอกาสสูงที่กริดจะเสียสมาธิและตอบสนองได้ช้าลง จนนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในที่สุด


ทั้งหมดเกิดขึ้นเพียงเพราะมองไม่เห็น ‘หลอดพลังชีวิต’ ของศัตรู


‘นั่นคือพลังของบาเอล?’


กริดครุ่นคิดสักพักก่อนจะสรุปว่าไม่ใช่


บาเอลไม่สามารถใช้พลังตัวเองได้ ขีดจำกัดดังกล่าวบีบคั้นให้ต้องดึงพลังเดิมของซิกออกมา


‘อาจเป็นคุณสมบัติของสิ่งมีชีวิตระดับสูงสุด’


สิ่งที่มีชีวิตที่สามารถซ่อน ‘หลอดเลือด’ หลังจากเข้าสู่สถานะหนึ่ง หรือไม่ก็ซ่อนได้ตั้งแต่เริ่ม…


แตกต่างจากบอสประเภทที่หลอดพลังชีวิตเด้งขึ้นไปจนเต็มหลอดและแสดงตัวเลขด้วยเครื่องหมาย ‘?’


หลอดเลือดในลักษณะดังกล่าวจะกลับเป็นปรกติหลังจากถูกโจมตีไปสักพัก แต่หากปราศจากหลอดเลือดโดยสิ้นเชิง ผู้เล่นจะไม่มีทางกะเกณฑ์สถานการณ์ฝั่งศัตรู


ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพยายามฆ่าศัตรูที่ไม่รู้ว่าจะล้มลงตอนไหน


เรียกได้ว่าความยากต่างกันราวสิบเท่า


‘ช่างเถอะ… แค่แข็งแกร่งกว่านี้ก็พอ’


กลับมาสนใจปัจจุบันก่อนดีกว่า


[กำลังคำนวณของรางวัล]


ดูเหมือนว่าการชนะบาเอลจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่


ต่อให้สิ่งที่ทำลายไปเป็นเพียง ‘เศษชิ้นส่วนอีโก้’ แต่ระบบก็ยังคำนวณของรางวัลอย่างรอบคอบโดยไม่แจกส่งเดช


เป็นความระมัดระวังตัวที่หาได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเกินไป


ระบบไม่มีความรู้สึกส่วนตัว ต้องผ่านการคำนวณเป็นธรรมดา


“…เฮ้อ”


กริดไตร่ตรองสักพักก่อนจะสำรวจร่างซิกที่บาเอลเหลือทิ้งไว้


ผ่านมาหลายวินาที บาดแผลบนใบหน้าเริ่มเลือนหาย ลมหายใจและการมองเห็นกลับเป็นปรกติ


ทันใดนั้น


ฟ้าว!


กริดกระโจนขึ้นไปบนฟ้า


พวกมันอาจยังไม่รู้ว่าบาเอลตายไปแล้ว หรือไม่ก็ยังไม่อยากเชื่อ…


ครอบครัวบาร์บาทอสจำนวนแปดตนกำลังไล่ล่าไคล์บนท้องฟ้า


บราฮัมในอ้อมแขนไคล์กำลังหมดสติ


‘ให้ตายสิ… หมอนั่น’


บราฮัมกลับไปเป็นแวมไพร์ทายาทอีกครั้ง


เผ่าพันธุ์เปลี่ยนเป็นแวมไพร์โดยสมบูรณ์ เป็นเผ่าอสูรประเภทหนึ่ง


แทนที่จะถูกฟื้นฟูจากเปลวเพลิงฟีนิกซ์แดง บราฮัมคงต้องสิ้นเปลืองพลังในการป้องกันจนอ่อนแรงลง


หลังจากคลุกคลีท่ามกลางสนามรบนานหลายวัน ร่างกายบราฮัมอยู่ในสภาพที่ไม่สมบูรณ์อย่างเห็นได้ชัด


แต่ถึงอย่างนั้นกลับยังเสี่ยงชีวิตช่วยกริดขณะที่ตัวเองกำลังค้นหาบาร์บาทอส


เป็นการตัดสินใจที่โง่เขลาผิดจากไปวิสัยของดยุคแห่งปัญญา เห็นได้ชัดว่าใช้อารมณ์เหนือเหตุผล


แต่ต้องขอบคุณเขา เราจึงเอาชนะบาเอลได้ก่อนที่ประกันชีวิตจะทำงาน…


‘นายไม่ต้องกังวล’


“คึฮะฮะ… คึฮะฮะ—ฮึก!!”


หลังจากครอบครัวทั้งแปดของบาร์บาทอสเริ่มเข้าใกล้ไคล์ เสียงหัวเราะของพวกมันแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้อง


ท่ามกลางตาข่ายสายฟ้าที่ไคล์กางไว้เต็มท้องฟ้า มีบางสิ่งพุ่งแทรกเข้ามาฟันคอ ไหล่ แขน และขาของพวกมัน


เหล่าอสูรที่เพิ่มเห็นกริดเมื่อสายต่างเผยสีหน้าตกตะลึง


“เป็นความจริงหรือ…!”


“บาเอลถูกโค่นแล้ว?”


พวกมันก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวก่อนจะหยุดชะงัก


จากนั้นก็ทิ้งภาพตกค้างพร้อมกับหายตัวไปโผล่ล้อมรอบกริดด้วยค่ายกลแปดทิศที่น่าชื่นชม


“เข้าใจแล้ว… เจ้าเองก็กลายเป็นซากเหมือนกัน”


“เอาหัวมาส่งถึงที่เลยหรือ? คุคุคุ!”


บรรดาอสูรรับใช้ของจอมอสูรหลักเดียวจะมีระดับความน่าเกรงขามสูงมากในนรก


มากพอที่จะ ‘เบ่ง’ ในนรกทุกขุมที่พวกมันผ่านไป


หากพวกมันคิดน้อยและสนใจปัจจุบันมากกว่าอนาคต ป่านนี้คงท้าชิงตำแหน่งจอมอสูรหลักยี่สิบได้สบาย


เมื่อได้เห็นกริด ดวงตาพวกมันส่องประกายทันที


สถานการณ์ไม่เป็นผลดีกับกริดเลยสักนิด แม้จะฟื้นฟูพลังชีวิตตามธรรมชาติได้เร็วกว่าปรกติมาก แต่สภาพร่างกายก็ยังไม่ต่างจากผ้าขี้ริ้ว


ครอบครัวของบาร์บาทอสมองเห็นสถานการณ์ฝั่งกริดเป็นอย่างดี


“กระหม่อมว่าท่านควรถอย…”


ไคล์ที่ยืนหลังกลุ่มอสูรซึ่งกำลังปิดล้อมกริด ส่งเสียงกระซิบกระซาบ


มันลดสายตาลงพลางกล่าวอย่างมีมารยาทด้วยความสุภาพเรียบร้อย มีความเป็นได้ว่าหลังจากจักรวรรดิเหลือเสาหลักเพียงคนเดียว ไคล์คงตั้งใจศึกษาเกี่ยวกับมารยาทและการวางตัวมากขึ้น


‘ไคล์คงเล็งตำแหน่งดยุคไว้’


มันเกิดในจักรวรรดิ… แถมยังมีพรสวรรค์ด้านการต่อสู้ที่ไม่เป็นสองรองใคร หากสามารถพิสูจน์ความจงรักภักดีให้ประจักษ์และนำมาผนวกเข้ากับมารยาทขุนนางได้ ไคล์จะมีสิทธิ์ปกครองผู้คนและดินแดนจากรุ่นสู่รุ่น…


เมื่อชำเลืองเห็นกริดยิ้มอย่างพึงพอใจ สีหน้าไคล์พลันบิดเบี้ยว


‘บ้าน่า… เขาไม่คิดที่จะหนี?’


แต่ในความเป็นจริง ไคล์ไม่เคยเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับมารยาท มันยังคงโด่งดังในด้านความโอหังและถือตัว


ที่ไคล์ทำตัวมีมารยาทต่อหน้ากริด เป็นเพราะมันกำลังกลัว


มันแค่พยายามเอาตัวรอดด้วยมารยาทงูๆ ปลาๆ สมัยยังทำงานรับใช้อดีตจักรพรรดิ


“ฝ่าบาทไม่มีความจำเป็นต้องฝืนตัวเอง…”


ไคล์ชำเลืองไปทางวังหลวงที่ยังคงส่งเสียงระเบิดต่อเนื่อง


ขณะที่เมอร์เซเดสและอัสโมเฟลกำลังตรึงข้อเท้าบาร์บาทอสเอาไว้ เสียงระเบิดเหล่านี้คือสัญญาณบอกให้ตนรีบหนี


แต่กริดคิดต่างออกไป


“นายกำลังบอกให้ฉันพาบราฮัมหนีและทิ้งทุกคนไว้ข้างหลัง?”


“ห…หามิได้ขอรับ”


ไคล์สำนึกผิดและรีบส่ายหน้า


มันไม่กล้าหนีไปคนเดียว สำหรับไคล์แล้ว กริดคือความกลัวที่อยู่เหนือกว่าทุกสิ่ง


“…ถ้าฆ่าเจ้านี่สำเร็จ จุดประสงค์ในการเข้าร่วมสงครามก็จะลุล่วงใช่ไหม?”


“เหยื่อกระโจนเข้าปากด้วยตัวเองแบบนี้ ข้ามีความสุขมาก… ไม่ได้กำลังฝันไปใช่ไหม?”


ครอบครัวบาร์บาทอสหัวเราะคิกคักพลางแผ่จิตสังหารและความละโมบ พวกมันกำลังมองกริดเป็นเหยื่อ ไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น


‘บัดซบ… นี่มันเรื่องบ้าบออะไรกัน…’


ขณะไคล์ทวีความกระสับกระส่าย


ฉึบ!


เหล่าครอบครัวบาร์บาทอสที่กรูเข้าไปรุมกริดต่างพากันส่งเสียงกรีดร้อง


พวกมันย่างกรายเข้าสู่เขตแดนแห่งประสาทสัมผัสเทียมและถูกฟันสวนกลับ


กริดมิได้ขยับตัวแม้แต่ก้าวเดียว


ไคล์และครอบครัวบาร์บาทอสต่างพากันหน้าซีด


‘เขาแกล้งทำเป็นใกล้ตาย?’


เป็นเรื่องธรรมดาที่จะเข้าใจผิด


กริดเพิ่งได้รับค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาลจากของรางวัลที่ถูกจัดสรรช้ากว่าปรกติ


เมื่อเลเวลก้าวไปถึงระดับ 503 และค่าสถานะได้รับการตื่นครั้งที่ห้า กริดกลายเป็นคนละคนกับวินาทีเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง


โหนกแก้มไคล์แฟบลงทันที


เมื่อตระหนักว่ากริดกำลังทดสอบตนแม้ในยามวิกฤติ มันอดคิดไม่ได้ว่าชายคนนี้อาจเป็นปีศาจกลับชาติมาเกิด


เราคงได้เผชิญจุดจบอันน่าสยดสยองหากตัดสินใจทรยศและหนีไปตามลำพัง…


“เจ้านี่ยังปรกติดีทั้งที่เพิ่งฆ่าบาเอลไป?”


“เหลวไหลสิ้นดี!”


ครอบครัวบาร์บาทอสเผ่นหนีโดยไม่หันกลับไปมองหลัง


กริดไล่ตามติด


บาร์บาทอสแข็งแกร่งได้เพราะมีครอบครัวคอยแบ่งปันทัศนวิสัย หากมีโอกาส กริดก็อยากกำจัดครอบครัวของมันให้ได้มากที่สุด


นอกจากนั้นยังต้องการทำความคุ้นเคยกับอุปกรณ์ยิงพลังเวท


คุณสมบัติพื้นฐานของ ‘เครื่องยิงพลังเวท’ ที่ถูกดัดแปลงมาใหม่ก็คือ: ผสานด้ายเงินเข้ากับมานาที่ยิงออกไป


ด้ายเงินจะแตกตัวเป็นอนุภาคขนาดเล็กและถูกเก็บไว้ในเครื่องยิง พวกมันจะคอยตอบสนองต่อเวทมนตร์ที่ถูกโอนถ่ายเข้ามา


เดิมทีกริดตั้งใจจะเสริมคุณสมบัติทาง ‘กายภาพ’ และ ‘ความหลากหลาย’ ให้แก่พลังเวท


ผลลัพธ์ออกมายอดเยี่ยมกว่าที่คิดไว้พอสมควร


เพื่อที่จะยืดด้ายเงินให้ยาวที่สุด กริดตัดสินใจป่นด้ายเงินเป็นผงและบรรจุไว้ในเครื่องยิง จากนั้นก็ผสานเข้ากับมานาอย่างเป็นสัดส่วน


ข้อเสียก็คือ ยิ่งพลังเวทมาก ความเข้มข้นของด้ายเงินก็ยิ่งลดลง แต่ปัจจุบันข้อเสียดังกล่าวกลับกลายเป็นข้อดี


นั่นคือจุดเริ่มต้นของประสาทสัมผัสเทียม


ด้ายเงินที่กางอยู่รอบตัวกริดประหนึ่งใยแมงมุมมีความหนาแน่นต่ำมาก ไม่ผิดนักหากจะเรียกว่าเวทมนตร์บริสุทธิ์ จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีใครตระหนักถึงหรือสัมผัสโดน


นอกจากตัวกริดเอง คนทั่วไปไม่มีทางรับรู้ได้ว่าชนเข้ากับด้ายเงิน หลักการเดียวกับคนที่เดินชนฝุ่นเม็ดเล็กจะไม่รับรู้ถึงการมีอยู่ของฝุ่น


‘ถึงจะช้าไปสักหน่อย แต่บาเอลก็สังเกตเห็น…’


คงต้องเค้นความสามารถนี้ให้ถึงขีดสุด…


ต้องค้นหาขีดกำจัดที่ด้ายเงินสามารถขยายตัว เพื่อลบร่องรอยด้ายเงินให้เจือจางที่สุด


หากปล่อยเอาไว้โดยไม่แก้ไข บาเอลจะรู้ตัวทันทีหากต้องเผชิญหน้ากันอีกครั้ง


‘และขณะเดียวกัน…’


นอกจากการขยาย กริดยังต้องฝึกฝนการหดด้ายเงินเพื่อบีบรัดคู่ต่อสู้


แบบนี้เป็นต้น


ปึด!


“อ…เอ๋?”


หนึ่งในครอบครัวบาร์บาทอสที่กำลังเหวี่ยงหอกโจมตีกริดพลันออกอาการสับสน เพราะหอกของมันถูกพันธนาการด้วยบางสิ่งที่มองไม่เห็น


ใบหน้าของอสูรที่ถูกกระชากให้เข้าใกล้กริด แปรเปลี่ยนเป็นหวาดผวาในทันที


‘นี่มันพลังแบบไหนกัน?’


ฉัวะ!


“อ๊ากกกกกก!!”


เสียงร้องอันโหยหวนของครอบครัวบาร์บาทอสดังสนั่นก่อนจะถูกกริดหั่นเป็นเศษเนื้อ


แต่นั่นก็ช่วยให้สมาชิกครอบครัวที่เหลือหนีไปอย่างปลอดภัย


เมื่อพวกมันเข้าใกล้ราชสำนักจักรวรรดิ จุดแสงที่น่าจะเป็นบาร์บาทอสสว่างขึ้นและหายไปพร้อมกับครอบครัวที่ไปสมทบ


กริดไม่ไล่ตาม


หากสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งทัดเทียมจอมอสูรหลักยี่สิบคิดหนี การเข่นฆ่าให้หมดย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย กริดพึงพอใจกับผลการล่าในปัจจุบันแล้ว


‘เรายังควบคุมด้ายเงินได้ไม่ดีพอ คงต้องฝึกฝนให้มากขึ้น…’


จริงอยู่ที่การเปลี่ยนวัสดุจากด้ายเงินเป็นละโมบจะช่วยมอบผลลัพธ์ในอุดมคติ แต่นั่นคงเป็นไปไม่ได้


ต่อให้ละโมบกลายเป็นเศษผง แต่ตัวตนของพวกมันก็ยังชัดเจนเสมอ


[ท่านจำกัดหนึ่งในครอบครัวของบาร์บาทอส ‘โกก้า’]


[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ]


[เลเวลของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ]


[ท่านได้รับ <หอกสามง่ามของโกก้า>]


[ท่านมีเนตรบาร์บาทอสอยู่แล้ว จึงไม่สามารถดูดซับเนตรของครอบครัวได้]


‘…หลังจากนี้ไป การฆ่าครอบครัวบาร์บาทอสจะเป็นหน้าที่คนอื่น’


ข้อความโลกปรากฏขึ้นขณะกริดกำลังศึกษาข้อมูลใหม่ และขณะที่ทุกสายตากำลังจดจ้อง


[ผู้บัญชาการกองทัพนรกในสมรภูมิห้วงนรก ตัดสินใจล่าถอย]


[ห้วงนรกเข้าสู่ภาวะสงบนิ่งไปชั่วขณะ]


ถือเป็นข่าวดี


สงครามที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องตลอดสามวันสามคืน ถึงคราวพักรบชั่วขณะ


เหล่าทหารและผู้เล่นฝ่ายพันธมิตรต่างส่งเสียงเชียร์และโห่ร้องให้กริด หลายทรุดตัวลงด้วยความโล่งใจและตื้นตัน พวกมันหัวเราะและร่ำไห้ไปด้วยกันอย่างสมัครสมานสามัคคี


***


“ดูเหมือนว่า… ตัวข้าในอดีตจะมีกระบวนการความคิดที่ไม่ปรกติ”


ซิกเฟรคเตอร์มาถึงห้วงนรกหลังจากทุกสิ่งจบลง


มันกล่าวพลางจ้องร่างกายที่ตนตามหามาแสนนาน


“…ตอนนั้นข้าคงไม่พอใจกับอวัยวะทั้งสามสิบสองของตัวเอง”


ร่างซิกแขนขาดไปหนึ่งข้าง และขาขาดไปสองข้าง


กริดเป็นต้นเหตุ แต่ไม่มีใครกล้าบอกความจริง


กริดซึ่งพยายามไม่สนใจซิกเฟรคเตอร์และแสร้งทำเป็นตรวจสอบของรางวัลจากการฆ่าบาเอล ในที่สุดก็ปริปากพูด


“นายจะกลับมาเดินได้แน่… พวกเรามีนักบุญหญิงนะ”


“อา…”


ซิกเฟรคเตอร์เผยรอยยิ้มที่หาได้ยาก


ตัวมันที่ต้องคืนชีพอยู่หลายครั้งและได้รับคำสาปจนกลายเป็นคนเย็นชา ย่อมมีความสุขเมื่อได้เห็นร่างกายที่แท้จริงของตัวเอง


“ข้าขอศรัทธาในเทพองค์เดียวที่ข้ายอมรับ… นับแต่นี้ไป ข้าจะตอบแทนบุญคุณด้วยการอยู่ข้างกายเจ้าไปตลอดกาล”


[ท่านสร้างสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับอัครสาวก ‘ซิกเฟรคเตอร์’]


“…”


ลงเอยแบบนี้จนได้


ความนอบน้อมที่ผิดแผกไปจากปรกติของซิกเฟรคเตอร์กำลังทำให้กริดกระดากใจ มันทำได้เพียงมองออกไปยังภูเขาลูกห่างไกลด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน


เหล่าผู้คนของจักรวรรดิ รวมถึงไคล์และดยุคเกล็นฮาล ต่างจ้องมองด้วยสายตาสุดทึ่ง


นี่เป็นครั้งแรกที่พวกมันเคยเห็นแกรนมาสเตอร์ยิ้มหรือก้มศีรษะให้ใครอย่างนอบน้อม


แต่เมื่อเป้าหมายเป็นกริด ทุกคนจึงเข้าใจได้ไม่ยาก


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00