จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,515
ซาทิสฟายได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมโทรทัศน์และการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก
เทคนิคการถ่ายภาพด้วยทักษะและเวทมนตร์ช่วยให้บรรดากองถ่ายสามารถบันทึกภาพที่มิอาจทำได้ในโลกความจริง
นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ภาพยนตร์และละครหลายเรื่องย้ายมาถ่ายทำในซาทิสฟายแทนฉากจริง
『สุดยอดมากครับ…』
『ผมซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเลย』
ทีมถ่ายทอดสดจากแต่ละประเทศทั่วโลกกำลังตื่นเต้นอย่างมิอาจหักห้าม
ในจอภาพการถ่ายทอดสดสมรภูมิห้วงนรก ผู้ชมทางบ้านได้เห็นทหารหลายคนมีใบหน้าเปรอะเปื้อน ได้ยินเสียงตะโกนที่คมชัด
ต้องขอบคุณเทคนิคการถ่ายทำอันซับซ้อน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางได้เห็นในยามปรกติ
ทันทีที่การต่อสู้จบลง
กริดซึ่งมีสภาพยับเยินพยายามปกปิดบาดแผล
ผู้ชมหลายร้อยล้านทางบ้านได้เห็นความจริงที่ผู้คนในสนามรบไม่ได้เห็น – ความจริงที่ว่า กริดกำลังแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ไว้บนว่า
เป็นวีรกรรมที่จะถูกกล่าวขานไปอีกแสนนาน
วิดีโอที่กริดพยายามปกปิดใบหน้าด้วยหัตถ์เทวะแพร่กระจายไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็วประหนึ่งไฟลามทุ่ง
หลายคนที่เพิ่งได้เห็นฉากดังกล่าว กลายเป็นแฟนตัวยงของกริดไปโดยปริยาย
『การที่กริดถูกยกย่องให้เป็นผู้เล่นอันดับหนึ่ง มิใช่เพียงเพราะเขาแข็งแกร่งที่สุด แต่ยังรวมไปถึงทัศนคติอันน่าทึ่ง』
『ถูกต้องครับ ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้คนมากมายถึงอยากเข้าร่วมกับกริด』
เฮ่าผู้คอยก้มศีรษะให้กริดทุกครั้งที่เผชิญหน้ากัน รวมถึงดาเมี่ยนที่เอาแต่เทิดทูนกริดออกสื่อ
กลุ่มต่อต้านภายในจีนและญี่ปุ่นที่เคยแสดงความไม่พอใจทั้งสองคนอย่างรุนแรง ปัจจุบันมีท่าทีอ่อนลงอย่างชัดเจน
ท่ามกลางวิกฤติร้ายแรงที่มนุษย์ไม่เคยเผชิญมาก่อน กริดเปรียบดังดวงประทีปที่คอยเรียงร้อยความสามัคคีของมนุษยชาติ
***
ไอเท็มประเภทเดียวที่บาเอลดรอปคืออัญมณี
หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อค้นหาคุณสมบัติลับ กริดยืนยันว่าพวกมันเป็นเพียงอัญมณีธรรมดา
จริงอยู่ที่ ‘อัญมณีธรรมดา’ เหล่านี้คือสมบัติล้ำค่าซึ่งสามารถเปลี่ยนชีวิตคนปรกติในชั่วข้ามคืน แต่ถึงกระนั้น
ถึงกระนั้นกลับไม่มีไอเท็มที่นำหน้าด้วยชื่อบาเอล หรือไอเท็มเกรดมิธดรอป
แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เกินความคาดหมาย
บาเอลที่กริดเพิ่งกำจัดไปเป็นเพียงเศษชิ้นส่วนอีโก้
เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยของบาเอล
อัศจรรย์มากแล้วที่ยังมีอัญมณีดรอปให้
‘แต่ทำไมถึงมอบค่า EXP มากขนาดนี้…’
จริงอยู่ที่เลเวลตัวละครเพิ่มง่ายขึ้นหลังจากผ่านกำแพงนรกในช่วงสี่ร้อย แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่กริดเลเวลอัปมากถึงยี่สิบระดับในคราวเดียว
ว่ากันตามตรง สิ่งนี้ชวนให้ฉงนไม่น้อย
หรือว่าเศษเสี้ยวอีโก้ของบาเอลจะมอบค่าประสบการณ์มหาศาลเป็นปรกติ?
‘…นั่นสินะ’
ไม่สำคัญว่าบาเอลจะอยู่ในสภาพใด
ตัดปัจจัยทั้งหมดออกไป ปฏิเสธไม่ได้ว่าบาเอลมีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับบีบัน
ตัวตนเหนือธรรมชาติที่สามารถทำลายล้างหรือช่วยเหลือมนุษยชาติได้ตามลำพัง
ศัตรูที่กริดเพิ่งโค่นไปยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น
เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน อย่าว่าแต่ยี่สิบเลเวล แม้แต่สามสิบเลเวลก็เป็นไปได้
‘น่าเสียดายที่ไม่มีพลังถูกบันทึกไว้ในอักขระ แต่นั่นก็เข้าใจได้’
รางวัลที่ใหญ่ที่สุดในการปราบบาเอลไม่ใช่เลเวล แต่เป็นระดับตัวตน
มันเพิ่มขึ้นถึงสองขั้น
นอกจากนั้น ค่าเรี่ยวแรงและอัตราการฟื้นฟูตามธรรมชาติยังเพิ่มขึ้นมาก
‘แจ็คพ็อต…’
ประสาทสัมผัสเทียมที่เกิดจากเครื่องยิงพลังเวท ช่วยลดภาระทางใจของกริดลงไปหลายเท่า
การเพ่งสมาธิและการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นระหว่างต่อสู้ถูกตัดออกไปหลายส่วน ช่วยให้กริดสิ้นเปลืองค่าเรี่ยวแรงน้อยลงมาก
เมื่อนำมารวมกับค่าเรี่ยวแรงที่เพิ่งถูกยกระดับ
‘หลังจากนี้ไป… เราคงไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแม้จะต่อสู้ครึ่งวันติดต่อกัน’
แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับระดับคู่ต่อสู้ด้วย แต่ถ้าเป็นการเก็บเลเวลตามปรกติ กริดจะไม่เหน็ดเหนื่อยไปตลอดทั้งคืน
นอกจากนั้น โลกจินตภาพก็ยังแข็งแกร่งขึ้น
‘เราจะยืนยันเรื่องนี้อย่างละเอียดในภายหลัง’
หลังจากสร้างดาบเสร็จ
เราจะปืนหอแห่งปัญญาและดวลกับบีบันเพื่อกะเกณฑ์ขีดจำกัด…
เขตแดนพายุเพลิงเทพจะถูกบีบันฟันขาดในดาบเดียว หรือจะยื้อเวลาไว้ได้สักนิด?
ทั้งสองสิ่งแตกต่างกันอย่างมาก
‘นอกจากนั้น…’
กริดผุดคำถามใหม่
ระดับตัวตนเหนือมนุษย์
นี่คือระบบของเหนือมนุษย์ ไม่ใช่เทพ
แต่ทำไมเราถึงยังเสพสุขอยู่บนระบบนี้แม้จะกลายเป็นเทพ…?
ในทางสามัญสำนึก มันคือพลังที่กริดไขว่คว้ามาด้วยตัวเอง จึงไม่แปลกที่จะยังสามารถใช้งานได้ แต่ในทางหลักการ สิ่งนี้ค่อนข้างแปลก
แปลกจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นบั๊ก
เป็นธรรมดาที่จะคิดเช่นนั้น
มีกฎว่าเทพไม่สามารถฆ่าเทพ
แต่ในทางกลับกัน ขีดจำกัดสูงสุดของเหนือมนุษย์สามารถทำได้
กริดซึ่งมีทั้งสองสิ่งในตัวคนเดียว คือเรื่องปรกติแล้วจริงหรือ?
‘ไอ้พวก SA…’
พวกมันกำลังปล่อยให้เราสั่งสมระดับเหนือมนุษย์ไปจนถึงขีดจำกัด จากนั้นก็ทวงคืนโดยอ้างว่าเป็นบั๊ก?
‘…ใจเย็นก่อน อาจจะไม่ใช่ก็ได้’
กริดส่ายหน้าเพื่อสลัดความคิดฟุ้งซ่านอันน่าสยดสยอง
ซาทิสฟายไม่เคยมีแม้แต่บั๊กเดียว สถานการณ์ปัจจุบันก็ไม่น่าจะเข้าข่าย
การที่สถานะเหนือมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับสถานะเทพ อาจเป็นกฎพิเศษที่มีอยู่แล้วแต่เรายังไม่รู้…
‘คิดบวกเข้าไว้’
ชายหนุ่มรู้สึกดีกับการที่ระดับตัวตนเพิ่มขึ้นถึงสองขั้น
การมีพื้นฐานร่างกายดีขึ้นย่อมหมายถึงผลประโยชน์ในเชิงบวกเสมอ ต่อให้ในอนาคตทางทีมงานเกมจะ ‘ริบ’ พลังไปบางส่วน แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมก็จะไม่สูญหายไปมาก
เลเวล 505
กริดเปิดหน้าต่างค่าสถานะและแบ่งปันอย่างเท่าเทียมโดยระวังมิให้กระทบกับสัดส่วนทองคำ
“ส…สุดยอด!!”
ปาฏิหาริย์กำลังปรากฏสู่สายตาทุกคน
แสงสว่างที่โปร่งใสและอบอุ่นกำลังห่อหุ้มร่างกายซิกซึ่งนอนนิ่งในสภาพทรุดโทรม
บาดแผลทั่วร่างอันตรธานหายไปอย่างหมดจด แขนขาที่เคยขาดหายถูกฟื้นฟูกลับคืนดังเดิม
เป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดจากการสวดวิงวอนอย่างต่อเนื่องของนักบุญหญิง
กองทัพฝ่ายพันธมิตรนับแสนนายต่างพากันตื้นตันประหนึ่งได้เห็นพรจากเทพ
ดยุคมอริสถึงกับหลั่งน้ำตา
เป็นอีกครั้งที่มันประทับใจในตัวรูบี้ อารมณ์ของมันกำลังพลุ่งพล่านจนไม่กล้ากลอกตาหนีไปไหน
‘ถ้าปล่อยไว้แบบนี้… เซฮีได้กลายเป็นเทพแน่’
ขณะกริดกำลังคิดถึงอนาคต
สวบ
ซิกเฟรคเตอร์ยืนหันหน้าเข้าหาร่างของตนที่เริ่มกลับมาสมบูรณ์
“อย่างที่คิด… ความทรงจำของข้าเกี่ยวกับอดีตคงมีความสับสนปะปนอยู่หลายส่วน”
“มีปัญหาตรงไหนหรือ?”
“ตรงกันข้าม… เท่าที่จำได้ ร่างกายข้ามิได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ แต่ปัจจุบันมันเกือบจะสมบูรณ์แบบ”
“ฮะฮะ!”
กริดและชาวโอเวอร์เกียร์มิได้จริงจังกับคำพูดอีกฝ่ายมากนัก
พวกมันเข้าใจว่าซิกเฟรคเตอร์คงตื่นเต้นจนจำผิดไปเอง
เฟคเกอร์ซึ่งเป็นคนเดียวที่ทราบความจริง ผุดคำถามในใจทันที
‘บาเอลเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายซิกได้… ย่อมหมายความว่ามันฝังพิษร้ายไว้ได้เช่นกัน’
เฉกเช่นที่เฟคเกอร์กังวล
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
ซิกเฟรคเตอร์เองก็ระแวงบาเอล
มันตรวจสอบร่างกายตัวเองอย่างละเอียดด้วยพลังอักขระที่มีประสิทธิภาพด้านการค้นหา ชำระล้าง และสร้างแนวป้องกัน
ผลลัพธ์ก็คือ
‘…ไร้ที่ติ’
นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา
ร่างของซิกที่ถูกบาเอลยืม (?) ใช้งานชั่วคราว ถูกยกระดับขึ้นจากสมัยอดีตอย่างก้าวกระโดด จุดอ่อนทางกายภาพถูกกลบจนมิด แถมยังขัดเกลาให้เข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ นอกจากสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีตำหนิในด้านใดอีก
ซิกเฟรคเตอร์คิดได้เพียงอย่างเดียว
‘บาเอลพยายามจุดชนวนสงครามระหว่างมนุษย์กับสวรรค์’
นั่นคือเหตุผลที่บาเอลช่วยเหลือทางอ้อม
ไม่สิ เรียกว่าช่วยเหลือคงไม่ถูกต้องนัก ควรเรียกว่า ‘การวางกับดัก’ มากกว่า
ในวินาทีที่บาเอลพบร่างซิกและทำการยกระดับ มนุษย์มีชะตากรรมต้องเผชิญหน้ากับสวรรค์อย่างมิอาจเลี่ยง
‘มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรเป็นแค่บันไดขั้นแรก? มันต้องการอะไรกันแน่? สวรรค์ถล่ม? มนุษยชาติดับสูญ?’
แต่ช่างเถอะ นั่นมิได้สลักสำคัญ
กริดมีแผนจะเผชิญหน้ากับสวรรค์อยู่แล้ว ส่วนซิกก็อยากแก้แค้นสวรรค์มาตั้งแต่ต้น
กับดักของบาเอลไม่มากไปกว่าความช่วยเหลือ
ซิกเฟรคเตอร์ฉีกยิ้มกว้างพลางวางมือลงบนหน้าผากของร่างกายที่กำลังหลับสนิท
ชิ้งชิ้งชิ้งชิ้ง!
อักขระนับสิบถูกวาดขึ้นบนอากาศ
ซิกเฟรคเตอร์ที่ยืนอยู่และซิกที่กำลังนอน ร่างกายทั้งสองหมุนวนเข้าหากันอย่างรุนแรง
ทันใดนั้น
[มารลำดับหก ซิก คืนชีพแล้ว]
เมื่อการโอนถ่ายวิญญาณเสร็จสิ้น ข้อความโลกแสดงขึ้น
เป็นช่วงเวลาที่กริด ซีบาล และชาวโอเวอร์เกียร์รอคอยมาเนิ่นนาน แต่กลับเป็นสถานการณ์อันน่าตื่นตะลึงสำหรับคนทั่วไปที่เพิ่งทราบตัวตนแท้จริงของแกรนมาสเตอร์ ซิกเฟรคเตอร์
เมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดจบลง
“สุดยอด…”
เหล่ายอดนักรบแห่งเผ่าดราโกเนี่ยนรวมถึงบันส์เดลกำลังเฝ้ามองจากบนฟ้า
พวกมันผ่านวาร์ปเกตมายังห้วงนรกพร้อมกับกริด
แต่เนื่องจากไม่ได้รับคำสั่ง จึงทำเพียงคอยจับตามองตั้งแต่ต้นจนจบ
ข้อสรุปที่พวกมันสังเกตเห็นก็คือ:
“สมแล้วที่เป็นเทพของพวกเรา โฮ่ง!”
“บรู๋วววว~!”
ไม่แปลกที่พวกมันจะรู้สึกภักดีอย่างแรงกล้า
พลังที่สามารถโค่นบาเอลตามลำพัง พลังที่สามารถสยบจักรวรรดิและอาณาจักรอื่นไว้แทบเท้า พลังที่สามารถชักจูงไม่เพียงตำนานและเทวทูตมาเป็นอัครสาวก แต่ยังรวมถึงมารลำดับหก
จากมุมมองของดราโกเนี่ยน ไม่มีเหตุผลให้พวกมันไม่รับใช้กริด
‘พิจารณาจากการที่เจ้าพวกนั้นเอาแต่เห่า… คงกำลังเข้าใจผิดอยู่สักเรื่อง’
กำลังคิดการเห่าหอนเยี่ยงสุนัขเปรียบดังการวิงวอนต่อเทพ?
บันส์เดลถอนหายใจยาวพลางเลื่อนมือขึ้นมาจับหน้า
หากปล่อยไว้เช่นนี้ เกรงว่าพวกมันจะถูกขนานนามให้เป็นครึ่งสุนัขมากกว่าครึ่งมังกร
แต่ก็ช่วยไม่ได้
ครึ่งมังกรเป็นฝ่ายสาบานเองว่าจะคอยรับใช้เยี่ยงสุนัข ทางเลือกเดียวคือการทนอยู่กับสิ่งนี้ให้ได้
***
“ข้าจะรักษาให้เอง”
คำสาปเกียจคร้านที่ซิกต้องทนทุกข์มาหลายชาติภพ ถูกสลักไว้ในดวงวิญญาณมิใช่ร่างกาย
ลำพังการย้ายร่างกายไม่ช่วยรักษา
แต่บราฮัมที่เพิ่งฟื้นคืนพลังแท้จริง สามารถรักษาได้ง่ายดาย
ผลการค้นคว้าวิจัยซึ่งเกิดจากการเสียสละพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ไปจำนวนมาก ถูกนำมาใช้กับซิกทันทีที่บราฮัมกลับคืนสถานะเดิม
มันกำลังถูกมวลอารมณ์ถาโถม?
ซิกหลับตาลงและหลั่งน้ำตาอย่างเงียบงัน
ซีบาลที่เคยเฝ้ามองความทุกข์ยากของซิกมานานกำลังฉีกยิ้มกว้าง ส่วนกริดก็หลั่งน้ำตาอย่างเหนือความคาดหมาย แถมยังร้องไห้มากกว่าใคร เป็นผลข้างเคียงจากความสามารถในการ ‘เข้าใจหัวอกผู้อื่น’ อย่างลึกซึ้ง
กริดที่ตัดสินใจหยุดร้องเมื่อถูกซีบาลจ้องด้วยสายตาประหลาด ผุดความสงสัยใหม่ทันที
ร่างที่ยังหลงเหลือหลังจากวิญญาณของซิกถูกโอนถ่ายไปยังร่างหลัก
คำถามก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างของแกรนมาสเตอร์ ซิกเฟรคเตอร์?
“ตอนนี้มันเป็นแค่ศพ เผาทิ้งได้เลย”
ซิกตอบอย่างสุภาพพลางหันไปขอบคุณบราฮัมอีกหลายครั้ง
“…ฉันขอได้ไหม?”
กริดไตร่ตรองถึงโอกาสบางอย่างก่อนซักถาม และซิกก็อนุญาตโดยไม่ลังเล
แกร่ก! แกร่ก!
โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หนึ่งพลันเต้นรำด้วยความยินดี
ยารุกต์ที่กำลังห้อยอยู่ในฝึกดาบตรงเอวพีคซอร์ดเริ่มแหกปาก
***
มนุษย์กำลังชิงความได้เปรียบเหนือสมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็น
ต้องขอบคุณอำนาจทำลายล้างของปืนใหญ่หลายร้อยกระบอกจากกองเรือรบโอเวอร์เกียร์ รวมถึงอริยศรจิสึกะและ ‘เสือดาวแอฟริกัน’ คุจารักที่ฝีมือยอดเยี่ยมเกินกว่าข่าวลือ
แนวรบของกองกำลังพันธมิตรคอยตรึงศัตรูไว้ด้านหน้า ส่วนด้านหลังก็มีปืนใหญ่หลายร้อยกระบอกระดมยิงจากทะเล
กองทัพนรกที่ถูกโจมตีขนาบในจุดกึ่งกลางไม่สามารถตีฝ่าออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก
‘คงถึงขีดจำกัดแล้ว’
จอมอสูรลำดับสิบสาม บีเลธ
มันต่อสู้ได้ไม่เต็มฝีมือเพราะมีโครงกระดูกปริศนาคอยพันแข้งพันขาตลอดสามวันสามคืน แถมยังต้องคอยปัดป้องกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงมาจากทะเลตามลำพัง
มันไม่พบคำตอบอื่นใดนอกจากการล่าถอย
แต่กระนั้นก็ไม่รีบร้อนตัดสินใจ
คามิคินและบาร์บาทอส
มันกำลังรอให้กองทัพหลักในห้วงนรกซึ่งนำโดยจอมอสูรหลักเดียวสองตนคว้าชัยชนะ
ใช่แล้ว แต่ไหนแต่ไร กองทัพหลักของนรกคือฝั่งสมรภูมิห้วงนรก
เมื่อยึดปากทางเข้าห้วงนรกสำเร็จ กองทัพหลักจะถูกส่งมาสนับสนุนหมู่เกาะเบเฮ็นจากด้านหลังทัพศัตรู
นั่นคือช่วงเวลาที่จะได้ตบกะโหลกโครงกระดูกจอมเวทที่เอาแต่บิดเบือนมิติเหมือนกับแมลงวัน รวมถึงเผ่าวารีที่คอยปกป้องปืนใหญ่อย่างขยันขันแข็งภายในน้ำ…
พวกความสุขดังกล่าว บีเลธยอมกัดฟันทนต่อความอัปยศอดสู
เมื่อคาดหวังมาก ความผิดหวังก็ยิ่งรุนแรง
“อะไรกัน…?”
กำลังเสริมที่มันรอคอยยังมาไม่ถึง เป็นกองหนุนของฝ่ายศัตรูที่มาถึงก่อน
จำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสน
แถมคนที่นำทัพก็ยังน่าสะพรึงเป็นพิเศษ
ผมสีทองห้อยระดับเอว รอบตัวเต็มไปด้วยอักขระลึกลับที่ยิงพลังงานสีแดง ทุกการเคลื่อนไหวนำชัยชนะมาสู่มวลมนุษย์ ทุกย่างก้าวสามารถย่นระยะทางได้หลายกิโลเมตร
‘ขืนอยู่ต่อคงไม่รอดแน่…’
บีเลธที่ไหวตัวได้เร็วรีบบินหนีขึ้นฟ้า มันแทรกตัวเข้าไปในประตูมิติซึ่งเล็งเตรียมไว้นานแล้ว
เปรี้ยง!
ลำแสงสีแดงป่นร่างกายท่อนล่างของบีเลธจนแหลกละเอียด แต่ร่างกายท่อนบนยังสามารถผ่านประตูมิติเข้าไปได้ทัน มวลพลังงานสีแดงที่ยังหลงเหลือพุ่งแหวกอากาศผ่านไปราวกับจะทะลวงไปถึงสวรรค์
บึ้ม!
พลังงานสีแดงระเบิดออกที่เส้นขอบฟ้า
ราวกับกำลังส่งคำเตือนไปถึงสวรรค์ที่อยู่เหนือท้องฟ้าขึ้นไป
“…”
“…”
บรรดาอสูรต่างพากันยืนแข็งทื่อ แม้กระทั่งสัตว์อสูรที่ปราศจากเหตุผลก็ยังร่างกายสั่นเทา
ทหารฝ่ายพันธมิตรก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
คาดเดาผลลัพธ์ที่ตามมาได้ไม่ยาก
กลองศึกที่ประกาศชัยชนะของมวลมนุษย์ในสมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็นดังขึ้น
[อัครสาวกของท่าน ‘ซิก’ สะสางความคาใจข้อแรกสำเร็จแล้ว ค่าสถานะทั้งหมดของซิกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ความเร็วในการใช้อักขระเพิ่มขึ้น]
อดีตมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดผู้ได้เห็นจุดจบของมวลมนุษย์ในภพก่อน
ในวินาทีนี้ มันช่วยให้มนุษย์จำนวนมากรอดพ้นจากวิกฤติ เป็นการบรรเทาภาระทางใจที่แบกรับมานานได้บางส่วน
Comments
Post a Comment