จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,515



ซาทิสฟายได้ปฏิวัติอุตสาหกรรมโทรทัศน์และการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก


เทคนิคการถ่ายภาพด้วยทักษะและเวทมนตร์ช่วยให้บรรดากองถ่ายสามารถบันทึกภาพที่มิอาจทำได้ในโลกความจริง


นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ภาพยนตร์และละครหลายเรื่องย้ายมาถ่ายทำในซาทิสฟายแทนฉากจริง


『สุดยอดมากครับ…』


『ผมซาบซึ้งจนน้ำตาไหลเลย』


ทีมถ่ายทอดสดจากแต่ละประเทศทั่วโลกกำลังตื่นเต้นอย่างมิอาจหักห้าม


ในจอภาพการถ่ายทอดสดสมรภูมิห้วงนรก ผู้ชมทางบ้านได้เห็นทหารหลายคนมีใบหน้าเปรอะเปื้อน ได้ยินเสียงตะโกนที่คมชัด


ต้องขอบคุณเทคนิคการถ่ายทำอันซับซ้อน ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางได้เห็นในยามปรกติ


ทันทีที่การต่อสู้จบลง


กริดซึ่งมีสภาพยับเยินพยายามปกปิดบาดแผล


ผู้ชมหลายร้อยล้านทางบ้านได้เห็นความจริงที่ผู้คนในสนามรบไม่ได้เห็น – ความจริงที่ว่า กริดกำลังแบกรับภาระอันยิ่งใหญ่ไว้บนว่า


เป็นวีรกรรมที่จะถูกกล่าวขานไปอีกแสนนาน


วิดีโอที่กริดพยายามปกปิดใบหน้าด้วยหัตถ์เทวะแพร่กระจายไปทั่วโลกอินเทอร์เน็ตอย่างรวดเร็วประหนึ่งไฟลามทุ่ง


หลายคนที่เพิ่งได้เห็นฉากดังกล่าว กลายเป็นแฟนตัวยงของกริดไปโดยปริยาย


『การที่กริดถูกยกย่องให้เป็นผู้เล่นอันดับหนึ่ง มิใช่เพียงเพราะเขาแข็งแกร่งที่สุด แต่ยังรวมไปถึงทัศนคติอันน่าทึ่ง』


『ถูกต้องครับ ผมเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้คนมากมายถึงอยากเข้าร่วมกับกริด』


เฮ่าผู้คอยก้มศีรษะให้กริดทุกครั้งที่เผชิญหน้ากัน รวมถึงดาเมี่ยนที่เอาแต่เทิดทูนกริดออกสื่อ


กลุ่มต่อต้านภายในจีนและญี่ปุ่นที่เคยแสดงความไม่พอใจทั้งสองคนอย่างรุนแรง ปัจจุบันมีท่าทีอ่อนลงอย่างชัดเจน


ท่ามกลางวิกฤติร้ายแรงที่มนุษย์ไม่เคยเผชิญมาก่อน กริดเปรียบดังดวงประทีปที่คอยเรียงร้อยความสามัคคีของมนุษยชาติ


***


ไอเท็มประเภทเดียวที่บาเอลดรอปคืออัญมณี


หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดเพื่อค้นหาคุณสมบัติลับ กริดยืนยันว่าพวกมันเป็นเพียงอัญมณีธรรมดา


จริงอยู่ที่ ‘อัญมณีธรรมดา’ เหล่านี้คือสมบัติล้ำค่าซึ่งสามารถเปลี่ยนชีวิตคนปรกติในชั่วข้ามคืน แต่ถึงกระนั้น


ถึงกระนั้นกลับไม่มีไอเท็มที่นำหน้าด้วยชื่อบาเอล หรือไอเท็มเกรดมิธดรอป


แต่นั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เกินความคาดหมาย


บาเอลที่กริดเพิ่งกำจัดไปเป็นเพียงเศษชิ้นส่วนอีโก้


เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กน้อยของบาเอล


อัศจรรย์มากแล้วที่ยังมีอัญมณีดรอปให้


‘แต่ทำไมถึงมอบค่า EXP มากขนาดนี้…’


จริงอยู่ที่เลเวลตัวละครเพิ่มง่ายขึ้นหลังจากผ่านกำแพงนรกในช่วงสี่ร้อย แต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่กริดเลเวลอัปมากถึงยี่สิบระดับในคราวเดียว


ว่ากันตามตรง สิ่งนี้ชวนให้ฉงนไม่น้อย


หรือว่าเศษเสี้ยวอีโก้ของบาเอลจะมอบค่าประสบการณ์มหาศาลเป็นปรกติ?


‘…นั่นสินะ’


ไม่สำคัญว่าบาเอลจะอยู่ในสภาพใด


ตัดปัจจัยทั้งหมดออกไป ปฏิเสธไม่ได้ว่าบาเอลมีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกับบีบัน


ตัวตนเหนือธรรมชาติที่สามารถทำลายล้างหรือช่วยเหลือมนุษยชาติได้ตามลำพัง


ศัตรูที่กริดเพิ่งโค่นไปยอดเยี่ยมถึงเพียงนั้น


เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน อย่าว่าแต่ยี่สิบเลเวล แม้แต่สามสิบเลเวลก็เป็นไปได้


‘น่าเสียดายที่ไม่มีพลังถูกบันทึกไว้ในอักขระ แต่นั่นก็เข้าใจได้’


รางวัลที่ใหญ่ที่สุดในการปราบบาเอลไม่ใช่เลเวล แต่เป็นระดับตัวตน


มันเพิ่มขึ้นถึงสองขั้น


นอกจากนั้น ค่าเรี่ยวแรงและอัตราการฟื้นฟูตามธรรมชาติยังเพิ่มขึ้นมาก


‘แจ็คพ็อต…’


ประสาทสัมผัสเทียมที่เกิดจากเครื่องยิงพลังเวท ช่วยลดภาระทางใจของกริดลงไปหลายเท่า


การเพ่งสมาธิและการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นระหว่างต่อสู้ถูกตัดออกไปหลายส่วน ช่วยให้กริดสิ้นเปลืองค่าเรี่ยวแรงน้อยลงมาก


เมื่อนำมารวมกับค่าเรี่ยวแรงที่เพิ่งถูกยกระดับ


‘หลังจากนี้ไป… เราคงไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแม้จะต่อสู้ครึ่งวันติดต่อกัน’


แน่นอนว่าขึ้นอยู่กับระดับคู่ต่อสู้ด้วย แต่ถ้าเป็นการเก็บเลเวลตามปรกติ กริดจะไม่เหน็ดเหนื่อยไปตลอดทั้งคืน


นอกจากนั้น โลกจินตภาพก็ยังแข็งแกร่งขึ้น


‘เราจะยืนยันเรื่องนี้อย่างละเอียดในภายหลัง’


หลังจากสร้างดาบเสร็จ


เราจะปืนหอแห่งปัญญาและดวลกับบีบันเพื่อกะเกณฑ์ขีดจำกัด…


เขตแดนพายุเพลิงเทพจะถูกบีบันฟันขาดในดาบเดียว หรือจะยื้อเวลาไว้ได้สักนิด?


ทั้งสองสิ่งแตกต่างกันอย่างมาก


‘นอกจากนั้น…’


กริดผุดคำถามใหม่


ระดับตัวตนเหนือมนุษย์


นี่คือระบบของเหนือมนุษย์ ไม่ใช่เทพ


แต่ทำไมเราถึงยังเสพสุขอยู่บนระบบนี้แม้จะกลายเป็นเทพ…?


ในทางสามัญสำนึก มันคือพลังที่กริดไขว่คว้ามาด้วยตัวเอง จึงไม่แปลกที่จะยังสามารถใช้งานได้ แต่ในทางหลักการ สิ่งนี้ค่อนข้างแปลก


แปลกจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเป็นบั๊ก


เป็นธรรมดาที่จะคิดเช่นนั้น


มีกฎว่าเทพไม่สามารถฆ่าเทพ


แต่ในทางกลับกัน ขีดจำกัดสูงสุดของเหนือมนุษย์สามารถทำได้


กริดซึ่งมีทั้งสองสิ่งในตัวคนเดียว คือเรื่องปรกติแล้วจริงหรือ?


‘ไอ้พวก SA…’


พวกมันกำลังปล่อยให้เราสั่งสมระดับเหนือมนุษย์ไปจนถึงขีดจำกัด จากนั้นก็ทวงคืนโดยอ้างว่าเป็นบั๊ก?


‘…ใจเย็นก่อน อาจจะไม่ใช่ก็ได้’


กริดส่ายหน้าเพื่อสลัดความคิดฟุ้งซ่านอันน่าสยดสยอง


ซาทิสฟายไม่เคยมีแม้แต่บั๊กเดียว สถานการณ์ปัจจุบันก็ไม่น่าจะเข้าข่าย


การที่สถานะเหนือมนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับสถานะเทพ อาจเป็นกฎพิเศษที่มีอยู่แล้วแต่เรายังไม่รู้…


‘คิดบวกเข้าไว้’


ชายหนุ่มรู้สึกดีกับการที่ระดับตัวตนเพิ่มขึ้นถึงสองขั้น


การมีพื้นฐานร่างกายดีขึ้นย่อมหมายถึงผลประโยชน์ในเชิงบวกเสมอ ต่อให้ในอนาคตทางทีมงานเกมจะ ‘ริบ’ พลังไปบางส่วน แต่ความแข็งแกร่งโดยรวมก็จะไม่สูญหายไปมาก


เลเวล 505


กริดเปิดหน้าต่างค่าสถานะและแบ่งปันอย่างเท่าเทียมโดยระวังมิให้กระทบกับสัดส่วนทองคำ


“ส…สุดยอด!!”


ปาฏิหาริย์กำลังปรากฏสู่สายตาทุกคน


แสงสว่างที่โปร่งใสและอบอุ่นกำลังห่อหุ้มร่างกายซิกซึ่งนอนนิ่งในสภาพทรุดโทรม


บาดแผลทั่วร่างอันตรธานหายไปอย่างหมดจด แขนขาที่เคยขาดหายถูกฟื้นฟูกลับคืนดังเดิม


เป็นปาฏิหาริย์ที่เกิดจากการสวดวิงวอนอย่างต่อเนื่องของนักบุญหญิง


กองทัพฝ่ายพันธมิตรนับแสนนายต่างพากันตื้นตันประหนึ่งได้เห็นพรจากเทพ


ดยุคมอริสถึงกับหลั่งน้ำตา


เป็นอีกครั้งที่มันประทับใจในตัวรูบี้ อารมณ์ของมันกำลังพลุ่งพล่านจนไม่กล้ากลอกตาหนีไปไหน


‘ถ้าปล่อยไว้แบบนี้… เซฮีได้กลายเป็นเทพแน่’


ขณะกริดกำลังคิดถึงอนาคต


สวบ


ซิกเฟรคเตอร์ยืนหันหน้าเข้าหาร่างของตนที่เริ่มกลับมาสมบูรณ์


“อย่างที่คิด… ความทรงจำของข้าเกี่ยวกับอดีตคงมีความสับสนปะปนอยู่หลายส่วน”


“มีปัญหาตรงไหนหรือ?”


“ตรงกันข้าม… เท่าที่จำได้ ร่างกายข้ามิได้ยอดเยี่ยมเช่นนี้ แต่ปัจจุบันมันเกือบจะสมบูรณ์แบบ”


“ฮะฮะ!”


กริดและชาวโอเวอร์เกียร์มิได้จริงจังกับคำพูดอีกฝ่ายมากนัก


พวกมันเข้าใจว่าซิกเฟรคเตอร์คงตื่นเต้นจนจำผิดไปเอง


เฟคเกอร์ซึ่งเป็นคนเดียวที่ทราบความจริง ผุดคำถามในใจทันที


‘บาเอลเสริมความแข็งแกร่งให้ร่างกายซิกได้… ย่อมหมายความว่ามันฝังพิษร้ายไว้ได้เช่นกัน’


เฉกเช่นที่เฟคเกอร์กังวล


ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!


ซิกเฟรคเตอร์เองก็ระแวงบาเอล


มันตรวจสอบร่างกายตัวเองอย่างละเอียดด้วยพลังอักขระที่มีประสิทธิภาพด้านการค้นหา ชำระล้าง และสร้างแนวป้องกัน


ผลลัพธ์ก็คือ


‘…ไร้ที่ติ’


นี่ไม่ใช่ภาพลวงตา


ร่างของซิกที่ถูกบาเอลยืม (?) ใช้งานชั่วคราว ถูกยกระดับขึ้นจากสมัยอดีตอย่างก้าวกระโดด จุดอ่อนทางกายภาพถูกกลบจนมิด แถมยังขัดเกลาให้เข้าใกล้ความสมบูรณ์แบบ นอกจากสิ่งเหล่านี้ก็ไม่มีตำหนิในด้านใดอีก


ซิกเฟรคเตอร์คิดได้เพียงอย่างเดียว


‘บาเอลพยายามจุดชนวนสงครามระหว่างมนุษย์กับสวรรค์’


นั่นคือเหตุผลที่บาเอลช่วยเหลือทางอ้อม


ไม่สิ เรียกว่าช่วยเหลือคงไม่ถูกต้องนัก ควรเรียกว่า ‘การวางกับดัก’ มากกว่า


ในวินาทีที่บาเอลพบร่างซิกและทำการยกระดับ มนุษย์มีชะตากรรมต้องเผชิญหน้ากับสวรรค์อย่างมิอาจเลี่ยง


‘มหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรเป็นแค่บันไดขั้นแรก? มันต้องการอะไรกันแน่? สวรรค์ถล่ม? มนุษยชาติดับสูญ?’


แต่ช่างเถอะ นั่นมิได้สลักสำคัญ


กริดมีแผนจะเผชิญหน้ากับสวรรค์อยู่แล้ว ส่วนซิกก็อยากแก้แค้นสวรรค์มาตั้งแต่ต้น


กับดักของบาเอลไม่มากไปกว่าความช่วยเหลือ


ซิกเฟรคเตอร์ฉีกยิ้มกว้างพลางวางมือลงบนหน้าผากของร่างกายที่กำลังหลับสนิท


ชิ้งชิ้งชิ้งชิ้ง!


อักขระนับสิบถูกวาดขึ้นบนอากาศ


ซิกเฟรคเตอร์ที่ยืนอยู่และซิกที่กำลังนอน ร่างกายทั้งสองหมุนวนเข้าหากันอย่างรุนแรง


ทันใดนั้น


[มารลำดับหก ซิก คืนชีพแล้ว]


เมื่อการโอนถ่ายวิญญาณเสร็จสิ้น ข้อความโลกแสดงขึ้น


เป็นช่วงเวลาที่กริด ซีบาล และชาวโอเวอร์เกียร์รอคอยมาเนิ่นนาน แต่กลับเป็นสถานการณ์อันน่าตื่นตะลึงสำหรับคนทั่วไปที่เพิ่งทราบตัวตนแท้จริงของแกรนมาสเตอร์ ซิกเฟรคเตอร์


เมื่อเหตุการณ์ทั้งหมดจบลง


“สุดยอด…”


เหล่ายอดนักรบแห่งเผ่าดราโกเนี่ยนรวมถึงบันส์เดลกำลังเฝ้ามองจากบนฟ้า


พวกมันผ่านวาร์ปเกตมายังห้วงนรกพร้อมกับกริด


แต่เนื่องจากไม่ได้รับคำสั่ง จึงทำเพียงคอยจับตามองตั้งแต่ต้นจนจบ


ข้อสรุปที่พวกมันสังเกตเห็นก็คือ:


“สมแล้วที่เป็นเทพของพวกเรา โฮ่ง!”


“บรู๋วววว~!”


ไม่แปลกที่พวกมันจะรู้สึกภักดีอย่างแรงกล้า


พลังที่สามารถโค่นบาเอลตามลำพัง พลังที่สามารถสยบจักรวรรดิและอาณาจักรอื่นไว้แทบเท้า พลังที่สามารถชักจูงไม่เพียงตำนานและเทวทูตมาเป็นอัครสาวก แต่ยังรวมถึงมารลำดับหก


จากมุมมองของดราโกเนี่ยน ไม่มีเหตุผลให้พวกมันไม่รับใช้กริด


‘พิจารณาจากการที่เจ้าพวกนั้นเอาแต่เห่า… คงกำลังเข้าใจผิดอยู่สักเรื่อง’


กำลังคิดการเห่าหอนเยี่ยงสุนัขเปรียบดังการวิงวอนต่อเทพ?


บันส์เดลถอนหายใจยาวพลางเลื่อนมือขึ้นมาจับหน้า


หากปล่อยไว้เช่นนี้ เกรงว่าพวกมันจะถูกขนานนามให้เป็นครึ่งสุนัขมากกว่าครึ่งมังกร


แต่ก็ช่วยไม่ได้


ครึ่งมังกรเป็นฝ่ายสาบานเองว่าจะคอยรับใช้เยี่ยงสุนัข ทางเลือกเดียวคือการทนอยู่กับสิ่งนี้ให้ได้


***


“ข้าจะรักษาให้เอง”


คำสาปเกียจคร้านที่ซิกต้องทนทุกข์มาหลายชาติภพ ถูกสลักไว้ในดวงวิญญาณมิใช่ร่างกาย


ลำพังการย้ายร่างกายไม่ช่วยรักษา


แต่บราฮัมที่เพิ่งฟื้นคืนพลังแท้จริง สามารถรักษาได้ง่ายดาย


ผลการค้นคว้าวิจัยซึ่งเกิดจากการเสียสละพี่น้องร่วมเผ่าพันธุ์ไปจำนวนมาก ถูกนำมาใช้กับซิกทันทีที่บราฮัมกลับคืนสถานะเดิม


มันกำลังถูกมวลอารมณ์ถาโถม?


ซิกหลับตาลงและหลั่งน้ำตาอย่างเงียบงัน


ซีบาลที่เคยเฝ้ามองความทุกข์ยากของซิกมานานกำลังฉีกยิ้มกว้าง ส่วนกริดก็หลั่งน้ำตาอย่างเหนือความคาดหมาย แถมยังร้องไห้มากกว่าใคร เป็นผลข้างเคียงจากความสามารถในการ ‘เข้าใจหัวอกผู้อื่น’ อย่างลึกซึ้ง


กริดที่ตัดสินใจหยุดร้องเมื่อถูกซีบาลจ้องด้วยสายตาประหลาด ผุดความสงสัยใหม่ทันที


ร่างที่ยังหลงเหลือหลังจากวิญญาณของซิกถูกโอนถ่ายไปยังร่างหลัก


คำถามก็คือ จะเกิดอะไรขึ้นกับร่างของแกรนมาสเตอร์ ซิกเฟรคเตอร์?


“ตอนนี้มันเป็นแค่ศพ เผาทิ้งได้เลย”


ซิกตอบอย่างสุภาพพลางหันไปขอบคุณบราฮัมอีกหลายครั้ง


“…ฉันขอได้ไหม?”


กริดไตร่ตรองถึงโอกาสบางอย่างก่อนซักถาม และซิกก็อนุญาตโดยไม่ลังเล


แกร่ก! แกร่ก!


โครงกระดูกโอเวอร์เกียร์หนึ่งพลันเต้นรำด้วยความยินดี


ยารุกต์ที่กำลังห้อยอยู่ในฝึกดาบตรงเอวพีคซอร์ดเริ่มแหกปาก


***


มนุษย์กำลังชิงความได้เปรียบเหนือสมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็น


ต้องขอบคุณอำนาจทำลายล้างของปืนใหญ่หลายร้อยกระบอกจากกองเรือรบโอเวอร์เกียร์ รวมถึงอริยศรจิสึกะและ ‘เสือดาวแอฟริกัน’ คุจารักที่ฝีมือยอดเยี่ยมเกินกว่าข่าวลือ


แนวรบของกองกำลังพันธมิตรคอยตรึงศัตรูไว้ด้านหน้า ส่วนด้านหลังก็มีปืนใหญ่หลายร้อยกระบอกระดมยิงจากทะเล


กองทัพนรกที่ถูกโจมตีขนาบในจุดกึ่งกลางไม่สามารถตีฝ่าออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบาก


‘คงถึงขีดจำกัดแล้ว’


จอมอสูรลำดับสิบสาม บีเลธ


มันต่อสู้ได้ไม่เต็มฝีมือเพราะมีโครงกระดูกปริศนาคอยพันแข้งพันขาตลอดสามวันสามคืน แถมยังต้องคอยปัดป้องกระสุนปืนใหญ่ที่ยิงมาจากทะเลตามลำพัง


มันไม่พบคำตอบอื่นใดนอกจากการล่าถอย


แต่กระนั้นก็ไม่รีบร้อนตัดสินใจ


คามิคินและบาร์บาทอส


มันกำลังรอให้กองทัพหลักในห้วงนรกซึ่งนำโดยจอมอสูรหลักเดียวสองตนคว้าชัยชนะ


ใช่แล้ว แต่ไหนแต่ไร กองทัพหลักของนรกคือฝั่งสมรภูมิห้วงนรก


เมื่อยึดปากทางเข้าห้วงนรกสำเร็จ กองทัพหลักจะถูกส่งมาสนับสนุนหมู่เกาะเบเฮ็นจากด้านหลังทัพศัตรู


นั่นคือช่วงเวลาที่จะได้ตบกะโหลกโครงกระดูกจอมเวทที่เอาแต่บิดเบือนมิติเหมือนกับแมลงวัน รวมถึงเผ่าวารีที่คอยปกป้องปืนใหญ่อย่างขยันขันแข็งภายในน้ำ…


พวกความสุขดังกล่าว บีเลธยอมกัดฟันทนต่อความอัปยศอดสู


เมื่อคาดหวังมาก ความผิดหวังก็ยิ่งรุนแรง


“อะไรกัน…?”


กำลังเสริมที่มันรอคอยยังมาไม่ถึง เป็นกองหนุนของฝ่ายศัตรูที่มาถึงก่อน


จำนวนไม่ต่ำกว่าหนึ่งแสน


แถมคนที่นำทัพก็ยังน่าสะพรึงเป็นพิเศษ


ผมสีทองห้อยระดับเอว รอบตัวเต็มไปด้วยอักขระลึกลับที่ยิงพลังงานสีแดง ทุกการเคลื่อนไหวนำชัยชนะมาสู่มวลมนุษย์ ทุกย่างก้าวสามารถย่นระยะทางได้หลายกิโลเมตร


‘ขืนอยู่ต่อคงไม่รอดแน่…’


บีเลธที่ไหวตัวได้เร็วรีบบินหนีขึ้นฟ้า มันแทรกตัวเข้าไปในประตูมิติซึ่งเล็งเตรียมไว้นานแล้ว


เปรี้ยง!


ลำแสงสีแดงป่นร่างกายท่อนล่างของบีเลธจนแหลกละเอียด แต่ร่างกายท่อนบนยังสามารถผ่านประตูมิติเข้าไปได้ทัน มวลพลังงานสีแดงที่ยังหลงเหลือพุ่งแหวกอากาศผ่านไปราวกับจะทะลวงไปถึงสวรรค์


บึ้ม!


พลังงานสีแดงระเบิดออกที่เส้นขอบฟ้า


ราวกับกำลังส่งคำเตือนไปถึงสวรรค์ที่อยู่เหนือท้องฟ้าขึ้นไป


“…”


“…”


บรรดาอสูรต่างพากันยืนแข็งทื่อ แม้กระทั่งสัตว์อสูรที่ปราศจากเหตุผลก็ยังร่างกายสั่นเทา


ทหารฝ่ายพันธมิตรก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน


คาดเดาผลลัพธ์ที่ตามมาได้ไม่ยาก


กลองศึกที่ประกาศชัยชนะของมวลมนุษย์ในสมรภูมิหมู่เกาะเบเฮ็นดังขึ้น


[อัครสาวกของท่าน ‘ซิก’ สะสางความคาใจข้อแรกสำเร็จแล้ว ค่าสถานะทั้งหมดของซิกเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ความเร็วในการใช้อักขระเพิ่มขึ้น]


อดีตมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดผู้ได้เห็นจุดจบของมวลมนุษย์ในภพก่อน


ในวินาทีนี้ มันช่วยให้มนุษย์จำนวนมากรอดพ้นจากวิกฤติ เป็นการบรรเทาภาระทางใจที่แบกรับมานานได้บางส่วน


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00