จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,513



ความเจ็บปวดคือสิ่งที่ถูกสลักไว้ในความทรงจำ


เมื่อฝังเข้าไปแล้ว การสลัดให้หลุดก็ไม่ใช่เรื่องง่าย


“…ไม่เจ็บสักหน่อย”


จิสึกะที่นั่งแช่อยู่ในแคปซูลสักพัก ลูบไล้ปลายนิ้วด้วยความนุ่มนวล


ความเจ็บปวดอันเกิดจากยิงธนูซึ่งสั่งสมมาเป็นเวลานาน


ผลข้างเคียงสุดเลวร้ายที่อริยศรต้องอดทน


ความเจ็บปวดราวกับเนื้อหนังถูกบดขยี้ กล้ามเนื้อฉีกขาด และกระดูกถูกป่น เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดการต่อสู้


แม้จะเทียบไม่ได้กับของจริง แต่ก็เป็นความเจ็บปวดที่สั่งสม


เหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นภาระทางจิตใจที่หนักอึ้ง


ยิ่งศึกยืดเยื้อ จำนวนการยิงธนูก็ยิ่งเพิ่มพูน


ในบางครั้งเธอก็อยากวิ่งหนี เพราะรู้ว่าความเจ็บปวดจะตามหลอกหลอนมาถึงโลกความจริงตลอดทั้งคืน


แต่แน่นอนว่าเธอไม่เคยวิ่งหนี ไม่แม้แต่จะถอยหลังสักหนึ่งก้าว


จิสึกะไม่เคยตัดพ้อหรือเปิดเผยความเจ็บปวดต่อหน้าพวกพ้องคนใด


แต่กริดกลับรับรู้ได้


หลังจากเสร็จสิ้นการสำรวจนรก กริดมอบปลอกนิ้วใหม่ให้เธอ


เป็นปลอกนิ้วที่แข็งแรงมาก


อันแน่นไปด้วยความอบอุ่นและห่วงใยจากกริดอย่างท่วมท้น


‘…เขาใส่ใจเราเสมอ’


และยังศรัทธา


ศรัทธาอย่างแรงกล้าว่าเธอสามารถสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ด้วยปลอกนิ้วที่ทนทานอันนี้


“เอาล่ะ มาทำให้ดีที่สุดดีกว่า”


จิสึกะดื่มด่ำไปกับความตื้นตันสักพักก่อนจะลุกขึ้นจากที่นั่ง


บนภาพฉายโฮโลแกรมหน้าแคปซูล


กริดกำลังสร้างความยิ่งใหญ่ต่อหน้าคนทั่วโลก


เป็นความรู้สึกแสนวิเศษเมื่อได้เห็นชายคนนี้กำลังไปได้ดี


ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างราบรื่นไม่ผิดจากความคาดหมาย


เฉกเช่นที่กริดเชื่อใจตัวจิสึกะ จิสึกะก็เชื่อในกริด


‘ผ่อนคลายและสู้อย่างเยือกเย็น’


เราจะปกป้องหมู่เกาะเบเฮ็นจนถึงที่สุด…


หญิงสาวลั่นวาจาพลางกินแท่งพลังงานรสนมกล้วย และถั่วรถไก่เผ็ด


เป็นการฝึกตัวเองให้คุ้นชินกับรสชาติของเกาหลี


แม้ว่ามันจะบิดเบี้ยวและขัดแย้งกับธรรมชาติของเธอก็ตาม


หลังจากเติมสารอาหารเสร็จ เธอทิ้งตัวนอนลงบนแคปซูล


***


จอมอสูรลำดับแปด บาร์บาทอส คือสัญลักษณ์แห่งความตาย


ตราบใดที่เหยื่ออยู่ใน ‘ระยะมองเห็น’ มันสามารถซุ่มยิงได้โดยไม่สนใจระยะทางและภูมิประเทศ จึงมักถูกเรียกขานว่าเทพแห่งความตาย


เป็นเรื่องธรรมดาที่จะถูกกราบไหว้บูชา


พลังในการปลิดชีพศัตรูโดยไม่สนใจกฎแห่งมิติ เพียงพอแล้วที่จะทำให้มันตกเป็นเป้าความศรัทธาของสิ่งมีชีวิต


แตกต่างจากสตริโอ้ที่สูญเสียตัวตนเพราะคอยกลืนกินวิญญาณคนตายเพื่อให้มีพลังทัดเทียมเทพ บาร์บาทอสสามารถกลายเป็นเทพอสูรตัวจริงจากความศรัทธาของบรรดาอสูรในนรก


นั่นคือเรื่องราวก่อนที่เลอราเฆ่จะผงาด


ย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีก่อน


เลอราเฆ่ที่กลับมาพร้อมตำนานไร้พ่ายบนหมู่เกาะเบเฮ็น กลายเป็นเป้าศรัทธาคนใหม่


ไม่อย่างนั้นบาร์บาทอสคงสั่งสมบารมีเทพสำเร็จได้ด้วยการผูกขาดความศรัทธาของเหล่าอสูรไว้เพียงผู้เดียว


‘อะไรกัน…’


ภายในราชสำนักจักรวรรดิ ห้องบรรทมของจักรพรรดินีบาซาร่า


บาร์บาทอสซึ่งใช้ที่นี่เป็นจุดซุ่มยิง ภายในใจเต็มไปด้วยความฉงน


เพราะกริดสามารถหลบหลีกและปัดป้องการยิงของมันได้อย่างต่อเนื่อง


ทั้งที่กำลังสู้กับบาเอล


กริดกำลังทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้


‘บาเอลไม่ได้เอาจริง?’


เป็นธรรมดาที่จะคิดเช่นนี้


แม้บาร์บาทอสจะฝักฝ่ายบาเอล แต่ก็มิได้เชื่อใจเต็มร้อย


บาเอลอาจทราบว่ามันกำลังเล็งชิงบารมีเทพไปจากกริด จึงพยายามขัดขวางทุกวิถีทาง


บาร์บาทอสสบถพร้อมกับรำพันว่า คนที่สามารถทำเรื่องชั่วช้าแบบนี้ได้ บนโลกคงไม่มีอีกแล้ว


ทันใดนั้น


‘…หรือไม่ใช่?’


รอยยิ้มบนใบหน้าบาเอลเริ่มบิดเบี้ยว


วาบ!


เป็นครั้งแรกที่บาร์บาทอสต้องสั่นระริกไปทั้งร่าง


***


ฉึบ!


ด้ายเงินส่วนบนสั่นสะเทือนพร้อมกับส่งสัญญาณ


ในระหว่างกำลังพุ่งเข้าหากริด บาเอลกระทบกับด้ายเงินกึ่งล่องหน


ส่งผลให้กริดทราบตำแหน่งบาเอลก่อนที่ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์จะถูกกระตุ้น


ชายหนุ่มทำนายการโจมตีถัดไปจากอุปนิสัยและลักษณะการใช้กำปั้นของบาเอล


นี่คือช่วงเวลาที่สมองของกริดประมวลผลได้ทัดเทียมอัจฉริยะตัวจริง


เปรี้ยง!


“…ฮะฮะ!”


บาเอลที่ถูกสวนกลับการโจมตี ระเบิดเสียงหัวเราะ


ใบหน้าของมันยับย่นราวกับกระดาษถูกขยำ นี่ไม่ใช่การแสดงอารมณ์ แต่เป็นเพราะกล้ามเนื้อใบหน้าได้รับความเสียหาย


ฟ้าว!


ดาบของกริดเร่งความเร็วขึ้น


ไม่สิ แค่ดูเหมือนกำลังเร่งความเร็ว


แต่ความจริงแล้วดาบกำลังขยายขนาด


ดาบอันแหลมคมที่ยืดยาวออกโดยมีมานา เลือด และปราณต่อสู้ห่อหุ้ม ฟันใส่หัวไหล่บาเอลอย่างจังหลังจากปัดป้องการยิงของบาร์บาทอส


‘ง่ายชะมัด’


นั่นคือสิ่งที่กริดสัมผัสได้


เป็นผลจากความช่วยเหลือของประสาทสัมผัสและสัญชาตญาณซึ่งส่วนใหญ่มักพบในอัจฉริยะ


ข้อมูลจากด้ายเงินที่เชื่อมระหว่างหัตถ์เทวะสามสิบข้างซึ่งอยู่ห่างจากกริดออกไปห้าเมตร ได้เปิดโลกใบใหม่ให้ชายหนุ่มโดยสมบูรณ์


เป็นสัมผัสที่ช่วยบ่งบอกว่าการโจมตีกำลังจะมาจากทิศใดและเข้ามาในลักษณะใด


สิ่งนี้แตกต่างจากประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์และเนตรมองทะลุ


ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์จะเตือนเมื่อมีภัยคุกคามกำลังย่างกรายเข้ามา จากนั้นก็จะช่วยเพิ่มอัตราการตอบสนองโดยไม่สามารถอ่าน ‘รูปร่าง’ ของภัยคุกคามได้อย่างละเอียด


ส่วนเนตรมองทะลุมีข้อจำกัดสำคัญก็คือ ‘ต้องใช้ตามอง’


แน่นอนว่าความสามารถข้างต้นยอดเยี่ยมมาก แต่ยังไม่สะดวกสบายเท่า ‘รับรูปทุกสิ่งภายในรัศมีห้าเมตรตลอดเวลา’


เคร้ง! เคร้ง!


ชิ้ง!


ดาบที่ฟันเป็นแนวนอนเริ่มบิดเอียงและตวัดเสยขึ้นด้านบน


เกิดเสียงแหวกอากาศขณะดาบถูกลากไปในแนวเฉียง จากนั้นก็หยุดกลางคันและอันตรธานหายไปอย่างน่าฉงน


สิ่งนี้เกิดจากการใช้ท่ารำดาบในจังหวะที่ยากจะคาดเดา ส่งผลให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้โดยไม่สนใจกฎแห่งฟิสิกส์


นี่มิใช่วิชาดาบที่ลึกซึ้งหรือเป็นระเบียบแบบแผน


แต่เป็นการฟันโดยตอบสนองจากข้อมูลที่ส่งผ่านประสาทสัมผัสใหม่


มันจึงรับมือได้ยาก


ท่ารำดาบกริดที่เคยถูกอ่านทางได้ง่ายเพราะความตายตัว แปรเปลี่ยนเป็นท่วงท่าที่สง่างามและเต็มไปด้วยปริศนา


‘เป็นคนที่น่าสนใจมาก’


บาเอลจับแขนซ้ายที่กำลังสั่นระริกแผ่วเบา


หลังจากปะทะกันไม่กี่กระบวนท่า มันมองเห็นแก่นแท้ของประสาทสัมผัส ‘เทียม’ ของกริด


‘แข็งแกร่งยิ่งกว่าสภาหอคอย’


ใบหน้าบาเอลกำลังฉาบไปด้วยความชื่นชม


มันทึ่งที่เห็นกริดพัฒนาตัวเองภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที


ย้อนกลับไปในตอนที่ได้ครอบครองร่างซิก


บาเอลตรวจสอบและประเมินว่าร่างนี้ทัดเทียมกับ ‘สภาหอคอยระดับสูง’


แต่เนื่องด้วยคุณภาพสมองการปรับแต่งแก่นมานา บาเอลสามารถควบคุมจันทร์ขุมนรกได้ดังใจนึกและเชื่อว่าตนสามารถเล่นสนุกบนโลกมนุษย์ได้อีกสักพักใหญ่


แต่กลับต้องผิดคาด


แทนที่จะได้สนุกไปอีกสักระยะ ชะตากรรมของมันกลับกำลังถูกตัดสินในวินาทีปัจจุบัน


‘ไม่มีใครเทียบได้’


นั่นคือข้อสรุปของบาเอลเมื่อนำกริดไปเทียบกับเหล่าอัจฉริยะในอดีต


บาเอลเคยเห็นโลกถูกทำลายและสร้างใหม่นับครั้งไม่ถ้วน


ในช่วงเวลาดังกล่าว อัจฉริยะที่มันพานพบมีมากกว่าดาวบนฟ้า แต่กระนั้นบาเอลกลับคิดว่ากริดยอดเยี่ยมที่สุด


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น


มาดราต้องใช้เวลาอีกไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีในการกลายเป็นนักล่ามังกรหรือผู้ส่งหารเทพ แต่ชายตรงหน้ามีอายุน้อยกว่ามารดาในตอนที่ตายเสียอีก


‘เรื่องราวดำเนินมาถึงโลกใบสุดท้ายแล้วหรือ… ไม่น่าเชื่อ’


“ถ่วงเวลาไปก็เปล่าประโยชน์ เอาจริงสักที”


กริดกล่าวพลางปัดกระสุนจากการซุ่มยิงของบาร์บาทอส


ชายหนุ่มไม่มีเจตนาจะยั่วยุบาเอล


มันกำลังสนุกกับช่วงเวลาตรงหน้า


เป็นความสนุกสนานและตื่นเต้นอันเกิดจากการควบคุมกระแสสงครามและก้าวข้ามขีดจำกัด


นอกจากนั้น จิตใจยังปราศจากภาระ


ตามปรกติแล้ว การต้องเพ่งจิตเพื่อตรวจสอบประสาทสัมผัสจะสิ้นเปลืองพลังใจอย่างมาก แต่สัมผัสใหม่ของกริดนั้นเป็นของเทียม


เนื่องจากเป็นการพึ่งพาพลังแห่งไอเท็ม ภาระทางใจจึงต่ำมาก


แถมประสิทธิภาพก็ยังสูงกว่าประสาทสัมผัสของเหนือมนุษย์


ค่าเรี่ยวแรงของกริดบั่นทอนช้าลงจากปรกติหลายเท่า


ค่าเรี่ยวแรงในช่วงเจ็ดนาทีหลัง ลดลงน้อยกว่าช่วงหนึ่งนาทีแรกที่สู้กับบาเอลเสียอีก


“ข้าไม่มีพลัง”


ดวงตาทั้งสองข้างของบาเอลที่กำลังยิ้ม ลุกโชนไปด้วยพลังเวทสีแดง


จากนั้นปราณอสูรที่คอยห่อหุ้มร่างซิกไว้ตลอดเวลา ระเหยขึ้นไปด้านบนประหนึ่งควัน


เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ชวนให้นึกถึง ‘ร่างมืด’ ของกริดในอดีต


ร่างซิกแปรเปลี่ยนเป็นเผ่าอสูร ส่งผลให้แขนซ้ายถูกฟื้นฟูในพริบตา


“สำหรับข้า… นี่คือขีดจำกัด”


อีโก้ของบาเอลในปัจจุบันเป็นเพียงเศษชิ้นส่วน


ไม่มีทางสำแดงพลังอำนาจที่แท้จริงของบาเอล รวมถึงการอัญเชิญนรกขุมที่หนึ่ง


เป็นคนละขอบเขตกับการควบคุมจันทร์ขุมนรกโดยสิ้นเชิง


บาเอลทำได้มากที่สุดเพียงเท่านี้


และมันคิดว่าเท่านี้ก็คงเพียงพอ


“ข้าจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวัง”


ลมตะวันออกพัดผ่านมา?


ปราณอสูรที่ปกคลุมร่างกายบาเอลกำลังสั่นไหว


จากนั้นก็เกิดคลื่นกระเพื่อมเป็นวงกว้าง


แรงระเบิดอันหนักหน่วงปะทุขึ้นในทิศทางตรงกันข้ามกับปราณอสูรที่สั่นไหว


ค่ายฝึกทหารทั้งเจ็ดแห่งที่คอยปลุกปั้นกองทัพจักรวรรดิ ถูกลบหายไปในพริบตาอย่างไร้ร่องรอย


เช่นเดียวกับกริดที่เคยลอยอยู่ในทิศทางดังกล่าว


“อะ…!”


นับตั้งแต่กริดปรากฏตัวจวบจนปัจจุบัน


เหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ที่รับคำสั่งจากลอเอลให้ควบคุมการล่าถอยของทหาร ต่างพากันยืนแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้น


พวกมันกำลังจินตนาการผลลัพธ์ของระเบิดจากระยะไกล แต่ทันใดนั้นก็ตระหนักว่าเพลงธีมของกริดเงียบไปแล้ว


กริดไม่โผล่ออกมาแม้แต่เงา


หรือว่า…


ก่อนที่ใครจะคาดเดาสิ่งใด


—!


แสงอันเจิดจ้าสว่างขึ้นในจุดที่บาเอลกำลังยืน เพลงธีมของกริดดังขึ้นอีกครั้ง


ร่างกายบาเอลพร่ามัวทันทีพร้อมกับกลายเป็นเส้นสีดำ


ถักทอเข้ากับเส้นสีส้มด้านบน


ทุกครั้งที่เส้นสีดำและสีส้มปะทะกันจะเกิดเสียงคำรามราวกับฟ้าร้อง


“กริด!!”


จากด้านข้างราชสำนักจักรวรรดิ


พร้อมกันกับเสียงตะโกนอันเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ของบราฮัมซึ่งหาฟังได้ยาก เวทมนตร์กลุ่มหนึ่งถูกยิงขึ้นมา


คลื่นเวทมนตร์ขนาดมหึมาปกคลุมท้องฟ้าด้วยหลากสีสัน


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


เมื่อเส้นสีดำแปรเปลี่ยนเป็นจุดสีดำที่มีขนาดใหญ่ขึ้น คลื่นเวทมนตร์พลันเลือนหายไปจากท้องฟ้า


บาเอลทำพลาดมหันต์


ขณะมันป้องกันตัวเองจากคลื่นเวทมนตร์ที่ปกคลุมท้องฟ้า อุกกาบาตพุ่งลงมาจากอวกาศ


คลื่นเวทมนตร์ปริมาณมหาศาลที่ฉาบปิดผืนนภา แท้จริงแล้วเป็นแค่ตัวล่อความสนใจ


“แย่ล่ะสิ…!”


ใบหน้าแวนเนอร์ซีดเผือดทันที


คงเพราะร่างกายในปัจจุบันของบราฮัมไม่สมบูรณ์พอที่จะฝืนอัญเชิญอุกกาบาตสิบลูก บราฮัมบนระเบียงจึงออกอาการซวนเซ


ขณะเดียวกัน ภายในวังหลวงเกิดระเบิดลูกใหญ่จนบราฮัมกระเด็นตกจากระเบียง ไคล์ที่เห็นฉากดังกล่าวจึงรีบพุ่งไปรับด้วยร่างที่หุ้มด้วยไฟฟ้า


มันกำลังสิ้นหวังเมื่อพบว่าตนถูกไล่ตามโดยอสูรที่แข็งแกร่งแปดตนซึ่งล้วนมีคำนำหน้าชื่อว่า <ครอบครัวของบาร์บาทอส>


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


วังถล่มลงมาบางส่วนพร้อมกับเสียงระเบิดจากด้านใน


พิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ดูเหมือนว่าเมอร์เซเดสและอัสโมเฟลกำลังต่อสู้อย่างดุเดือดกับบาร์บาทอส


“บัดซบ!”


แวนเนอร์รีบสับเท้าวิ่งโดยไม่ใช้สมองคิด


ภารกิจของมันคือการล่าถอยไปพร้อมกับทหารอย่างปลอดภัย แต่นี่เป็นครั้งแรกที่มันกัดฟันละเลยภารกิจ เพราะเชื่อว่าหากตนไม่ได้ทำตามสิ่งที่หัวใจกำลังเรียกร้อง มันจะนึกเสียใจกับวินาทีนี้ไปตลอดชีวิต


“เฮ้! พวกเราไปด้วย!”


“เราทุกคนจะไปด้วย!!”


“พวกนาย… ไอ้พวกบ้า…”


แวนเนอร์รีบหันไปมองเสียงที่ดังตามจากด้านหลัง


มิใช่เพียงเหล่าขุนพลของโอเวอร์เกียร์ แม้แต่กองกำลังพันธมิตรก็กำลังไล่ตามมา


แม้จะกำลังนำพาชีวิตของพวกพ้องคนสำคัญไปเสี่ยงอันตราย แต่แวนเนอร์กลับรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่พูด บรรยากาศอันเร่าร้อนที่อัดแน่นไปด้วยมิตรภาพทำให้มันหลงลืมความเป็นเหตุเป็นผลไปชั่วคราว


ทันใดนั้นเอง


แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก! แกร่ก!


มันได้ยินเสียงอันน่าขนลุกที่ไม่เข้ากับบรรยากาศ


ทุกคนที่เงยหน้าขึ้นไปบนฟ้าต่างได้พานพบความประหลาดใจ เพราะอุกกาบาตที่เคยลุกไหม้กลับกำลังถูกแช่แข็ง


เวทอุกกาบาตที่เกิดจากการรีเซตระยะหน่วงด้วยพลังเฮือกสุดท้ายของบราฮัม ปัจจุบันกลายเป็นเพียงก้อนน้ำแข็ง


“นี่คือพลังของซิก… ยอดเยี่ยมสมกับที่รีเบคก้าเป็นผู้มอบให้”


อักขระจำนวนมากกำลังรายล้อมบาเอล


ตามด้วยฉากอันแสนสิ้นหวัง


เพล้ง—! เพล้ง เพล้ง เพล้ง เพล้ง!


อุกกาบาตน้ำแข็งทยอยถูกป่นจนแหลกละเอียด


เหลือเพียงหนึ่งลูก


“…!”


ดวงตาบาเอลพลันเบิกโพลงขณะถูกอุกกาบาตน้ำแข็งที่ยังหลงเหลือบดขยี้ใบหน้า


จากอุกกาบาตทั้งสิบลูก มีหนึ่งลูกที่เล็กที่สุด


มันทำจากโลหะ


โลหะที่เกิดจากเจตจำนงของกริด


“ย๊ากกกก!”


กริดปรี่เข้าหาบาเอลที่เสียหลักร่วงหล่น


ดาบจันทราดับ สะพรั่งร่ายรำทำลายล้างสยบสังหาร ดาบถล่มทัพห้าแสน และการใช้เสมือนเทพเพื่อล้างระยะหน่วงและปลดปล่อย คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร ออกมาอีกระลอก การโจมตีทั้งหมดปะทะร่างบาเอลอย่างไร้ความปรานี


ระหว่างนั้น แขนขากริดหักบิดผิดรูปอย่างน่าสยดสยอง กระดูกข้อมือข้างที่ถือดาบแตกหัก แต่กระนั้นก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากดาบ


แม้ใบหน้าและแผ่นอกกว่าครึ่งจะถูกบาเอลฉีกทำลายด้วยท่าสวนกลับ แต่กริดยังคงกัดฟันอดทน


สติที่กำลังเลือนรางถูกปลุกให้ตื่นโดย ‘แสงจ้า’ ของภูตแสง


ขณะเดียวกันก็สั่งให้หัตถ์เทวะคอยประคองข้อมือ เอว และหัวไหล่


“ทางซ้าย!!”


“ขยับไหล่มากขึ้นอีกนิด!”


โนเอะและแรนดี้คอยเป็นตา


เปรี้ยง!!


ท่ารำดาบถูกปลดปล่อยอย่างแม่นยำ


“…คึฮะ! คึฮะฮะฮัก!!”


ไม่มีใครทราบว่าเสียงร้องของบาเอลเป็นการหัวเราะหรือครวญคราง


โครมมมม!!


ทันทีที่ร่างกระทบพื้น บาเอลแน่นิ่งไปทันที


“…”


ยังไม่มีใครปักใจเชื่อในสถานการณ์ตรงหน้า


ทุกคนเฝ้าระวังบาเอลที่กำลังนอนนิ่งด้วยความหวาดระแวง


ท่ามกลางความเงียบ กริดย่างกรายไปหาร่างบาเอล


ชิ้ง!


ดาบสองเล่มที่ถูกผสานเป็นหนึ่งเดียว แยกตัวออกจากกันและกลับเข้าช่องสัมภาระ


ลำตัวที่ขาดแหว่งและท่อนขาที่สั่นระริกถูกปกปิดด้วยเสื้อคลุม ใบหน้าที่เสียหายไปกว่าครึ่งถูกปกปิดด้วยหัตถ์เทวะ


มันมิอาจแสดงความอ่อนแอต่อหน้าผู้คน


สิ่งนี้คือภาระหน้าที่อันยิ่งใหญ่


เป็นความรับผิดชอบที่วีรบุรุษต้องแบกไว้บนบ่า


[ชิ้นส่วนอีโก้ของจอมอสูรลำดับหนึ่ง บาเอล ถูกทำลาย]


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

  1. รอตอนต่อไปคงรับ สนุกมาก

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00