จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,473
โบสถ์รีเบคก้าย่อมตระหนักว่า พวกมันยังคงติดค้างหนี้ของกริด
ในนามแห่งเทพธิดา กริดลงโทษสันตะปาปาชั่ว และยังเป็นนักรบที่ช่วยปลดผนึกดาบศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนั้น กริดยังช่วยบุตรีแห่งรีเบคก้า และช่วยปกป้องวาติกันในยามวิกฤติ
เบื้องบนของโบสถ์ส่วนมากทราบดี หากไม่มีกริด ศาสนาของพวกมันคงไม่ยิ่งใหญ่เหมือนทุกวันนี้
ทว่า พวกมันมิได้เชิดชูกริดในฐานะผู้มีพระคุณอย่างเปิดเผย
นั่นเพราะชายหนุ่มได้ก่อบาปที่ขัดกับหลักคำสอนของศาสนา
มนุษย์ผู้กลายเป็นเทพ
แถมยังตั้งศาสนาใหม่มาแข่ง
และยังพรากตัวสันตะปาปาดาเมี่ยน อาวุโสจำนวนหนึ่ง และบุตรีของรีเบคก้าไปพร้อมกัน
โบสถ์รีเบคก้าเผชิญความสับสนอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
หลายฝ่ายโต้เถียงกันอย่างดุเดือด
สาวกฝ่ายเคร่งคำสอนโต้แย้งว่า กริดควรถูกลงโทษสถานหนักในทันที
แต่ขณะเดียวกัน บางส่วนที่ให้ความสำคัญกับหลักเหตุผลและหลักจริยธรรม มากพอๆ กับหลักคำสอนของศาสนา ได้โต้เถียงกลับมาว่า
“จะให้ลืมบุญคุณของกริดและทำร้ายเขาได้อย่างไร?”
ทว่า สาวกส่วนใหญ่มองโลกตามความเป็นจริงและตั้งคำถาม
‘ใครเป็นคนตัดสินว่ากริดควรถูกลงโทษหรือไม่? พวกเรามีสิทธิ์ด้วยหรือ?’
เป็นคำถามที่ทำให้ทุกฝ่ายปิดปากเงียบ ไม่ว่าจะฝั่งลงโทษกริด และฝั่งให้อภัย
แก่นแท้ของคำถามก็คือ
โบสถ์รีเบคก้ามีพลังอำนาจมากพอจะลงโทษกริด?
ผลลัพธ์จะไม่เปลี่ยนไปต่อให้ร่วมมือกับโบสถ์โดมิเนี่ยนและโบสถ์ยูดาห์
แต่โชคเข้าข้าง การขาดแคลนพลังกลับกลายเป็นสิ่งที่ดี
โบสถ์รีเบคก้าทำเพียงจับตามองสถานการณ์จากบนรั้ว
พวกมันตัดสินใจยังไม่ตอบสนองกริดในทันที
โดยใช้ข้ออ้างบังหน้าว่าโบสถ์มีพลังไม่มากพอ พวกมันจึงไม่ต้องเปลืองตัวและรอดูท่าทีไปก่อน
สาวกหลายคนต่างแสดงความยินดีกับกริดในใจ
คนเหล่านี้ส่วนมากได้เข้าร่วมเหตุการณ์ที่อัครเทวทูตซาลิเอลลืมตาตื่น ส่งผลให้ศรัทธาในตัวเทพธิดารีเบคก้าเกิดความสั่นคลอนเล็กๆ
เป็นไปได้ด้วยหรือที่สาวกระดับสูงของโบสถ์ จะคิดทรยศต่อเทพธิดาโดยไม่มีเหตุผลเพียงพอ?
แต่นักบวชอาวุโสบางคนกลับประณามดาเมี่ยนด้วยข้อหาที่ว่า อดีตสันตะปาปาถูกเทวทูตลงทัณฑ์เนื่องจากมีจิตใจที่ชั่วร้าย และเป็นเหตุให้ถูกขับไล่ออกจากศาสนจักร
ส่วนอาวุโสและบุตรีแห่งรีเบคก้าที่หนีตามกริดไป พวกมันถูกตราหน้าว่าเป็นพวกเห็นแก่เงินและมีจิตใจบิดเบี้ยว
ก็แค่คำป้ายสีราคาถูก สาวกส่วนใหญ่ไม่เชื่อคำพูดของพวกมัน
สาวกที่เป็นแกนหลักของโบสถ์ยังคงไม่ลืมว่า ดาเมี่ยนเคยแสดงศรัทธา ความจริงใจ และคุณธรรมให้เห็นมากมายเพียงใดเมื่อครั้งดำรงตำแหน่งสันตะปาปา
จนกระทั่งวันหนึ่ง ความคลางแคลงและสับสนเริ่มปะทุขึ้นภายในหมู่สาวก
เป็นวันที่เหล่าสาวกต้องมารวมตัวกันเพื่อเลือกว่าใครจะมาเป็นรักษาการแทนสันตะปาปา
> เขาจะคอยนำทางให้พวกเจ้าทุกคน
เสียงของใครบางคนดังมาจากฟากฟ้า
เป็นเสียงที่เปี่ยมล้นด้วยความศักดิ์สิทธิ์
เป็นเสียงที่ขจัดความคลางแคลงในใจจนหมดสิ้น
ทุกคนก้มศีรษะลงโดยพร้อมเพรียง
ไม่ว่าใครจะเป็นเจ้าของเสียง แต่พวกมันก็พร้อมที่จะศรัทธาจากก้นบึ้งหัวใจ
ทำไมกัน… ทำไมพวกตนถึงบังอาจสงสัยและตั้งคำถามพระองค์?
เหล่าสาวกต่างสำนึกบาปภายในใจ
ขณะทุกคนกำลังประสานมือและสวดมนต์ แสงสว่างสาดส่องลงมาจากเบื้องบน
ร่างหนึ่งกำลังส่องสว่างท่ามกลางลำแสง
เป็นการยากที่จะให้ระบุว่า อีกฝ่ายเป็นบุรุษหล่อเหล่าหรือสตรีเลอโฉม
หลังจากแนะนำตัวเองว่าเป็น ‘อัครทูตแห่งเทพธิดา’ มันก็ประกาศทันทีว่าตนคือสันตะปาปาคนใหม่
ภาพลักษณ์ของชายคนนี้อบอุ่นประหนึ่งเนื้อเสียงที่ใสกังวานของเทพธิดา
ด้านความสามารถก็ยังไม่ธรรมดา เพราะถึงกับถูกขนานนามว่าเป็นร่างกลับชาติมาเกิดของ ‘เครย์เชอร์’ อดีตสันตะปาปาองค์ที่สอง
เหล่าสาวกเริ่มเบาใจและไว้วางใจ
ความศรัทธาที่เคยสูญเสีย ฟื้นฟูกลับมาทีละนิดตามธรรมชาติ
แต่แล้ววันหนึ่ง พวกมันก็อดเคลือบแคลงในการตัดสินใจของสันตะปาปาไม่ได้
“หมายความว่ายังไงที่บอกว่า อาณาจักรโอเวอร์เกียร์และศาสนจักรเทพโอเวอร์เกียร์เป็นสาเหตุที่ทำให้ครึ่งอสูรออกอาละวาด?”
ไม่ได้เกี่ยวกับสัญลักษณ์ทางศาสนาที่ถูกทำลาย เพราะครึ่งอสูรยังคงปรากฏตัวในเมืองหรือหมู่บ้านที่สัญลักษณ์ของศาสนายังคงใช้การได้ตามปรกติ
นอกจากนั้น สัญลักษณ์ที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์และโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์ทำลายไป ส่วนใหญ่มีความเกี่ยวข้องกับเทพสงครามเซราทุล
แน่นอน อาจมีสัญลักษณ์ของเทพตนอื่นเสียหาย แต่อย่างน้อยที่สุด พวกมันก็ไม่ได้แตะต้องสัญลักษณ์ของเทพธิดารีเบคก้า
ยังไม่มีการข้ามเส้นนั้น
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง สัญลักษณ์ของเทพธิดารีเบคก้า ยังคงใหม่เอี่ยมในเมืองที่มีครึ่งอสูรปรากฏ
สรุปโดยสั้น คำกล่าวอ้างของสันตะปาปาที่ระบุว่า ครึ่งอสูรจะปรากฏตัวเฉพาะหมู่บ้านและเมืองที่สัญลักษณ์ของเทพธิดารีเบคก้าถูกทำลาย ไม่เป็นความจริงเลยสักนิดเดียว
“ศาสนจักรเทพโอเวอร์เกียร์ คงไม่นิ่งดูดายกับคำป้ายสีเท็จของสันตะปาปาแน่”
“พวกเราต้องรีบแก้ไข…”
สถานการณ์ที่กำลังถาโถม น้ำหนักของเรื่องราวทั้งรุนแรงและหนักหน่วง
กลุ่มสาวกที่ถูกปลุกระดมโดยป้ายสีเท็จของสันตะปาปากำลังเที่ยวหลอกลวงประชาชน
ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก สาวกบางรายที่หันหลังให้ศาสนาไปนานแล้ว เริ่มกลับมาเข้าวิหารของสามโบสถ์หลักอีกครั้ง
นับตั้งแต่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์เปลี่ยนไปนับถือเทพโอเวอร์เกียร์และก่อตั้งศาสนา ฝั่งสามโบสถ์หลักก็พยายามวางตัวเป็นกลางอย่างยากลำบากมาตลอด
ทว่า เชือกเส้นบางๆ ที่คอยเหนี่ยวรั้งสถานการณ์เอาไว้ ยามนี้ขาดสะบั้นลงโดยสมบูรณ์
ผลที่ตามมาย่อมไม่ใช่เรื่องเล็ก
ว่ากันตามตรง สาวกของโบสถ์กำลังหวาดกลัว
หลังจากเฝ้ามองเหล่าผู้อาวุโสระบายความกังวล สันตะปาปาคนปัจจุบันตัดสินใจเปิดปาก
“พวกคุณเป็นคนของโบสถ์เทพโอเวอร์เกียร์หรือ? เหตุใดเหล่าอาวุโสรีเบคก้าถึงพยายามปกป้องพวกมัน?”
“ปัญหานี้ไม่ควรนำอารมณ์ส่วนตัวเข้ามาเกี่ยว… ทันทีที่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์กลายเป็นศัตรูกับศาสนจักรของเรา หลายสิ่งหลายอย่างในอนาคตจะดำเนินไปได้ยากลำบาก”
ไม่ต้องมองที่ไหนไกล ในปัจจุบัน สถานที่ตั้งวาติกันยังอยู่ในดินแดนอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
จริงอยู่ วาติกันอาจดำรงตนมาก่อนการถือกำเนิดของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ และเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า ดินแดนวาติกันคืออาณาเขตพิเศษที่เป็นอิสระทางกฎหมาย
ทว่า นั่นคือกฎที่บัญญัติโดยอาณาจักรอีเทอนัล
อาณาจักรโอเวอร์เกียร์สามารถยกเลิกกฎหมายเดิม และเปลี่ยนใจขับไล่วาติกันออกจากดินแดนของตนได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ
แน่นอน การย้ายวาติกันไปอยู่ในดินแดนของอาณาจักรอื่นทำได้ไม่ยาก
แต่นั่นจะทำให้พวกมันเสียหน้า
และบางที อาจไม่ใช่ทุกอาณาจักรที่ต้อนรับวาติกัน
ปัจจุบัน อิทธิพลของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์กำลังแผ่ขยายไปทั่วทวีป
“ยิ่งไปกว่านั้น… นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกอสูรกำลังเคลื่อนไหวหรอกหรือ? แล้วเหตุใดจึงต้องเพิ่มจำนวนศัตรูทั้งที่เรามีศัตรูตัวฉกาจอยู่แล้ว?”
สันตะปาปาคือต้นแบบสำหรับทุกคน
แม้จะมีพลังศักดิ์สิทธิ์ท่วมท้นจนถูกขนานนามให้เป็นเครย์เชอร์กลับชาติมาเกิด แต่มันก็มิได้หยิ่งผยอง
และแม้จะได้รับพรแห่งแสงจากเทพธิดา แต่มันก็มิได้แสดงท่าทีโอหังของผู้ถูกเลือก
สันตะปาปาคนนี้มิได้ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ม มันพร้อมเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
ดังนั้น เหล่าอาวุโสจึงคอยช่วยกันสอดส่องความผิดพลาดสันตะปาปา
พวกมันเชื่อว่า ชายคนนี้จะแก้ไขในสิ่งผิดเป็นถูก และแก้ปัญหาตรงหน้าอย่างชาญฉลาด
ทว่า ท่าทีของสันตะปาปากลับยังไม่แปรเปลี่ยน
“อสูร… ศัตรูตัวฉกาจ”
สันตะปาปาทวนคำซ้ำพลางเดินไปทางหน้าต่าง
มันเปิดหน้าต่างสูงและเดินออกไปยืนบนระเบียงใหญ่
“เฮ—!”
“เฮ! องค์สันตะปาปา! เฮ! เทพธิดารีเบคก้า!”
ผู้คนกว่าหมื่นชีวิตกำลังรวมตัวกันจนเต็มจัตุรัส
พวกมันมาจากหลากหลายเผ่าพันธุ์ มาจากทั่วทั้งทวีป
นานแค่ไหนแล้วที่ผู้คนไม่ได้มารวมตัวกันในวาติกันมากขนาดนี้?
สันตะปาปาโบกมือให้กับทุกคนด้วยรอยยิ้มอบอุ่นอ่อนโยน จากนั้นก็กระซิบกับเหล่าอาวุโส
“คนเหล่านี้ไม่ใช่เหตุผลหลักที่ศาสนาของเราดำรงอยู่… ไม่ได้ใกล้เคียงเลยสักนิด”
“หมายความว่ายังไง…”
“ศาสนาของเรามีไว้สำหรับเทพธิดารีเบคก้าเท่านั้น… เหตุผลหลักที่ศาสนาของเราต่อสู้กับสิ่งชั่วร้ายและคอยปกป้องมนุษย์ที่อ่อนแอ เพียงเพราะต้องการการสร้างความชอบธรรมให้กับเทพธิดารีเบคก้า และทำให้ชื่อของพระองค์แพร่กระจายไปทั่วโลก… โยนความผิดให้เทพโอเวอร์เกียร์และบิดเบือนความจริง? อา… ใช่แล้ว… ผมจะใช้โอกาสนี้เพิ่มพลังให้ศาสนาของเรา และทวงคืนชื่อเสียงที่หายไปของเทพธิดารีเบคก้า… นี่คือหน้าที่ของสันตะปาปา และเหล่าอาวุโสมีหน้าที่คอยสนับสนุนผม… แล้วทำไมถึงมาตำหนิผมแทน?”
“คำสั่งของคุณขัดต่อหลักคำสอน… เทพธิดารีเบคก้าดำรงอยู่เพื่อมนุษยชาติ และพวกเรารับใช้พระองค์ด้วยความกตัญญู…”
อาวุโสที่กำลังเป็นปากเสียงแทนทุกคน มันรีบชะงักคำพูดเมื่อสัมผัสถึงความบ้าคลั่งจากสันตะปาปา
ชายคนนี้คือนักบวชที่สังกัดเขตมุขมณฑลไททัน เมืองหลวงของจักรวรรดิ
มันถวายการรับใช้เทพธิดาอย่างซื่อสัตย์และซื่อตรงมากกว่าใคร
ชายคนนี้โด่งดังมากเสียจน ครั้งหนึ่งเคยเสนอชื่อให้ท้าชิงตำแหน่งสันตะปาปา
ทว่า ตัวมันแค่อยากเป็นนักบวชที่คอยสวดวิงวอนต่อเทพธิดาจากก้นบึ้ง
มันเลือกจะอยู่ให้ห่างจากอำนาจ
ด้วยความตั้งใจของตัวเอง มันไม่สมัครชิงตำแหน่งสันตะปาปา และปฏิเสธที่จะก้าวไปเป็นอาวุโสใหญ่
แต่ในภายหลัง มันเพิ่งจะตอบรับตำแหน่งอาวุโสใหญ่ โดยหวังจะนำโบสถ์รีเบคก้าไปในทางที่ถูกต้อง
มันไม่อยากให้สาวกเต็มไปด้วยคำถามต่อเทพธิดาเฉกเช่นทุกวันนี้
มันจึงตัดสินใจก้าวมาเป็นคนนำทาง เพื่อไม่ให้มีใครต้องหลงทาง
“ผมเชื่อว่า องค์สันตะปาปาคงตัดสินใจผิดพลาดเพราะถูกกดทับด้วยภาระที่หนักเกินไป… ผมเชื่อว่า องค์สันตะปาปา พูดจาแปลกๆ เนื่องจากตื่นเต้นกับเสียงโห่ร้องและแรงสนับสนุนจากผู้คน… ผมขอแนะนำให้องค์สันตะปาปาหยุดพักสักสองสามวันเพื่อดูแลตัวเอง”
ชายคนนี้น่ากลัวเกินไป
เปี่ยมล้นด้วยอารมณ์คลั่งไคล้จนเกินพอดี
นั่นคือสิ่งที่อาวุโสเห็นจากตัวสันตะปาปา
อาวุโสพอจะรู้หลักมารยาทและการวางตัวทางการเมือง จึงตัดสินใจโน้มน้าวให้สันตะปาปาพักงานเป็นการชั่วคราว
แต่ต้องไม่ลืมว่า สันตะปาปาคนนี้ถูกขนานนามให้เป็นเครย์เชอร์กลับชาติมาเกิด
และนั่นคือในแง่ของความแข็งแกร่ง
“ตาแก่อย่างคุณคงเลอะเลือนไปแล้ว… ผมจะแก้ไขให้เอง”
ทันใดนั้น ลำแสงหนึ่งสว่างขึ้น
วิถีของแสงทอดยาวเป็นเส้นทาง
และนั่นคือเป็นภาพสุดท้ายที่อาวุโสจากไททันได้เห็น
“ป…เป็นไปไม่ได้…”
“ท…ทำอะไรลงไป?!”
ใบหน้าของเหล่าอาวุโสแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด
ผู้คนในจัตุรัสยังคงตะโกนโห่ร้องโดยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านบน
สันตะปาปาโบกมือให้เหล่าสาวกเบื้องล่างด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม โดยที่ชายชราซึ่งกลายเป็นศพทรุดตัวลงกับพื้นและกลิ้งอยู่ข้างๆ เท้าสันตะปาปา
ฉากดังกล่าวน่าเหลือเชื่อเสียจนอาวุโสคนอื่นไม่อยากยอมรับว่าเป็นความจริง
แน่นอน ความหวาดกลัวกำลังท่วมท้นหัวใจพวกมัน
แต่ละคนรู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ากับ
ปีศาจ
ปีศาจที่เปี่ยมไปด้วยความคลั่งไคล้อันผิดเพี้ยน ปีศาจใกล้ชิดความชั่วร้ายมากกว่ามนุษย์
ในเวลาเดียวกัน
“เมื่อกี้แสงอะไร?”
จากอาคารฝั่งตรงข้าม คนของสถานีโทรทัศน์ซึ่งกำลังแพร่ภาพสันตะปาปาและเหล่าสาวกในจัตุรัส พวกมันเกิดความรู้สึกประหลาด
มีแสงสีขาวสว่างขึ้นรอบๆ ตัวสันตะปาปาครู่หนึ่ง
เมื่อพวกมันลืมตาอีกครั้ง วิวทิวทัศน์มิได้ต่างไปจากเดิมมากนัก แต่ใบหน้าของอาวุโสด้านหลังสันตะปาปากลับแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนก
“หันกล้องกลับไป”
“เป็นแสงที่สว่างมาก… สว่างจนทำให้กล้องขาวโพลนและไม่เห็นอะไรเลย”
“บ้าจริง…”
ต้องมีบางสิ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ผู้ชมที่กำลังดู ‘ไลฟ์สด’ จากทางบ้าน และทีมงานถ่ายทำของสถานีโทรทัศน์ ต่างรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกประหลาด
มีเพียงคนในจัตุรัสเท่านั้นที่ไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลง
จากมุมมองเบื้องล่าง ย่อมไม่แปลกที่จะไม่เห็นอะไร
“เขากำลังมองไปไหน?”
เหตุการณ์เกิดขึ้นขณะทีมงานโทรทัศน์และผู้ชมเริ่มหงุดหงิดและสงสัย
สันตะปาปาที่กำลังก้มมองฝูงชนในจัตุรัสด้วยรอยยิ้มพึงพอใจ แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า
กล้องหลายสิบตัวไล่ตามสายตาของมัน
ทุกคนได้พบกับแสงสีส้มที่กำลังแผ่ขยายไปทั่วท้องฟ้าสีครามอันปราศจากเมฆ
ราวกับเป็นฉากพระอาทิตย์ตกดิน มั้งลึกลับและงดงามเหนือพรรณนา
“กริด…?”
ทีมงานถ่ายทำพลันลนลาน
กล้องที่พวกมันใช้จับภาพกำลังสั่น
กริดจ้องหน้าสันตะปาปาด้วยสายตาเย็นชา
ทุกคนสัมผัสได้ถึงความโกรธ
ดวงที่เคยมีสีดำ กำลังส่องส่องแสงสีแดงราวกับพระอาทิตย์พลบค่ำ
“……”
เหล่าสาวกในจัตุรัสที่เพิ่งรู้ตัวว่ากริดมาเยือน ต่างพากันปิดปากเงียบ
ความน่าเกรงขามและบารมีที่ท่วมท้น ได้สะกดทุกคนจนอยู่หมัด
“…อยากจะถามถึงสันตะปาปาสักข้อ”
กริดทำลายความเงียบที่มันสร้างขึ้น
“พวกแกอ้างว่า… อาณาจักรของฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดครึ่งอสูร”
“…”
“และการใส่ร้ายนั่นทำให้ทหารของฉันต้องเสียขวัญก่อนสงคราม…”
“…”
“พวกแกมีความผิด… จงกล่าวคำขอโทษ”
แม้จะแฝงไว้ด้วยความโกรธ แต่บารมีที่แผ่ออกมาพร้อมน้ำเสียงได้ทำให้ทุกคนแทบหยุดหายใจ
บรรยากาศที่เคยเปี่ยมล้นไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ แปรเปลี่ยนเป็นพลังกดดันที่ทำให้ทุกคนอยากก้มหัว
เหล่าสาวกภายในจัตุรัสต่างพากันสั่นกลัวและหายใจได้ลำบาก
สิ่งนี้เกิดขึ้นกับทั้งผู้เล่นและ NPC
ไม่มีใครกล้าเงยหน้าสูง
สถานการณ์ทางฝั่งนักข่าวก็ตึงเครียดไม่แพ้กัน
แม่พวกมันจะอยู่ห่างจากกริดค่อนข้างไกล แต่กลับยังไม่พ้นจากแรงสะกดข่ม
เลนส์กล้องถูกกดลงต่ำ ส่งผลให้ผู้ชมทางบ้านต้องทรมานกับการชมไลฟ์
เหล่าอาวุโสต่างทำหน้าตรึกตรอง
สีหน้าของพวกมันราวกับกำลังสื่อว่า ‘ขอบคุณที่มา’
สันตะปาปาเป็นเพียงคนเดียวที่ไม่แยแสบรรยากาศเช่นนี้
มันมองผ่านถ้อยคำไร้สาระ และหันมาตำหนิติเตียนพฤติกรรมของกริด หาใช่คำพูด
“ลงทุนท่อมาถึงวาติกันเพียงเพื่อทวงคำขอโทษ? ช่างน่าขัน… ท่านเป็นถึงเทพ แต่กลับปล่อยให้อารมณ์ครอบงำและทำตามอำเภอใจโดยไม่แยแสศักดิ์ศรี… ที่จริงทางนี้ก็ไม่ได้คาดหวังความสง่างามอยู่แล้ว เพราะพวกเทพนอกรีตมักทำตัวไร้หัวนอนปลายเท้าเป็นธรรมดา… แต่คิดไม่ถึงว่ามาตรฐานจะต่ำขนาดนี้…”
สันตะปาปาพูดด้วยจังหวะที่เร็วกว่าปรกติ
มันพยายามปกปิดเอาไว้ แต่อันที่จริงกำลังตื่นเต้นมาก
ราวกับกำลังรอให้สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น
“อา… ตั้งใจมาเยือนวาติกันในวันที่สาวกของเรารวมตัวกันมากเป็นพิเศษ… เข้าใจแล้ว เทพโอเวอร์เกียร์อยากแสดงความพิโรธต่อหน้าสาวกจำนวนมากเพื่ออวดเบ่งพลังสินะ? ต้องการข่มขวัญสาวกของโบสถ์รีเบคก้าและทำลายศรัทธาของพวกเขาใช่ไหม?”
“…”
“สำหรับท่าน… เทพเป็นสิ่งมีชีวิตที่บกพร่องและป่าเถื่อนเพียงนี้เชียว? หรือท่านแค่ต้องการโอ้อวดพลังอำนาจให้ผู้คนเกรงกลัว? ไม่ว่าจะมองมุมใดก็เป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมทั้งสิ้น”
“…”
“ท่านทำตัวไม่สมกับเทพ เพราะท่านไม่ใช่เทพ… ผมและศาสนจักรขอปฏิเสธการดำรงตนของท่าน”
“…นี่ฉันกำลังแสดงพลัง?”
กริดกล่าวหน้านิ่ง มุมปากยกโค้งเล็กน้อย
ถ้อยคำของอีกฝ่ายช่างน่าขันจนอยากจะหลุดขำ
ชายหนุ่มดึงดาบออกจากช่องสัมภาระ
ไม่ใช่ศาสตราเทพอันโด่งดัง
เป็นเพียงดาบธรรมดาๆ ที่กริดเพิ่งสร้างขึ้นในโรงตีเหล็ก
ชายหนุ่มขว้างมันออกไปตรงๆ โดยไม่ได้ผสานเข้ากับทักษะหรือเทคนิคใด
แต่ดาบกลับพุ่งแหวกอากาศประหนึ่งลำแสง เฉือนติ่งหูของสันตะปาปาและปะทะเข้ากับผนังตึก
เพียงพริบตา ผืนดินพลันสั่นสะเทือน
ผนังที่มิอาจทนทานต่อแรงปะทะ เกิดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่
ตัวอาคารกำลังสั่นสะเทือนอย่างหนัก
“ถ้าฉันแสดงพลัง… คิดจริงหรือว่าโบสถ์รีเบคก้าจะยังอยู่?”
“…!”
“…!”
ในวินาทีนี้ โบสถ์รีเบคก้าซึ่งปกครองทวีปในฐานะศาสนาอันดับหนึ่งมาอย่างยาวนาน พลันแปรเปลี่ยนเป็นศาสนาเล็กๆ ไร้ราคาไปโดยปริยาย
เป็นผลมาจากคำพูดของกริดเพียงหนึ่งประโยค
ผู้คนต่างสัมผัสได้
ณ วันนี้ สมดุลของอำนาจทางศาสนากำลังเปลี่ยนขั้ว
Comments
Post a Comment