จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,478
เหตุผลที่ผู้เล่นมากมายชื่นชอบแรงเกอร์แบบกริด เป็นเพราะพวกมันได้รับประโยชน์จากแรงเกอร์ไม่น้อย
ต่อให้เป็นอัจฉริยะระดับหนึ่งร้อยปีจะมีสักคน พรสวรรค์ของพวกมันก็คงไร้ค่าหากปราศจากความรู้พื้นฐาน
แม้แต่อัจฉริยะในอดีต ทุกคนล้วนแล้วแต่ใช้ความรู้ของคนอื่นมาเป็นรากฐานให้กับตัวเอง นำข้อมูลเหล่านั้นมาพัฒนาต่อยอดความรู้ของตัวเอง และพรสวรรค์ที่ติดตัวตั้งแต่เกิดก็จะยิ่งเฉิดฉายถ้ายิ่งสืบทอดความรู้จากคนรุ่นก่อนมามาก
เช่นเดียวกันกับผู้เล่นในซาทิสฟาย พวกมันมีแบบอย่างในอุดมคติจาก ‘หัวแถว’ อย่างกริดและครอเกล ทั้งสองเป็นราวกับตำราเรียนมีชีวิต สามารถใช้เพื่อศึกษาวิธีการเล่น เทคนิคการต่อสู้ และแนวคิดในการพัฒนาตัวละคร
เลซี่คือหนึ่งในนั้น
‘โชคดีที่เราจำจดรูปแบบการโจมตีได้’
การระดมยิงของดาร์คเอลฟ์แฝงไปด้วยอันตรายใหญ่หลวง ลูกศรที่หุ้มด้วยเวทล่องหนและล็อกเป้าจะถูกยิงออกจากตำแหน่งที่ศัตรูมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า กล่าวกันว่ามีอัตราการเข้าเป้าเกือบหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่เลซี่กลับปัดป้องไว้ได้อย่างแม่นยำ เป็นเพราะมันได้รับแรงบันดาลใจมาจากรูปแบบ PVP ของจิสึกะในงานแข่งนานาชาติ
มันกำลังหมายถึงกลยุทธ์ที่เหล่าไฮแรงเกอร์ใช้เพื่อรับมือกับเธอและเข้าประชิดตัว นับเป็น
การต่อสู้กันระหว่างสองสุดยอดผู้เล่นพรสวรรค์ถือเป็นกำไรมหาศาลสำหรับผู้ชม
“อ๊ากกก!”
“แค่ก!”
แต่ตรงกันข้ามกับเลซี่ ทหารรอบๆ กำลังเผชิญหายนะ พวกมันถูกยิงเข้าจุดท้ายโดยที่ไม่ทันสังเกตเห็นลูกศร ชะตากรรมคือการแปรเปลี่ยนเป็นแสงสีเทา
ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือการที่จำนวนของลูกศรมีมากเกินไป พวกมันกรูลงมาราวกับห่าฝน และทหารจำนวนมากก็ไม่ได้อยู่ในระดับที่จะจัดการได้
‘ชิ!'
ณ ทางเข้าป่าต้นไม้โลก
หลังจากเดินทางมาถึงป่าโดนแทบไม่ได้หยุดพัก เลซี่และกลุ่มอัศวินพลันสัมผัสถึงพลังงานประหลาดที่แผ่ซ่านอยู่ทั่วป่า จึงสั่งให้กองทัพหยุดเคลื่อนพล
หลังจากตรวจสอบเบื้องต้น พวกมันพบกองกำลังที่ดักซุ่มและเตรียมจัดระเบียบทัพใหม่ ทว่า ศัตรูไม่ให้เวลานานขนาดนั้น พวกมันส่งห่าฝนออกมารับน้องด้วยระยะทางที่ไกลจนน่าเหลือเชื่อ
“ถอย! ถอยโดยไม่ให้เสียรูปกระบวน!”
เลซี่ ครั้งหนึ่งมันเคยเป็นอัศวินของเจ้าชายดูรันดัล
แต่ในภายหลัง ดูรันดัลยอมปรองดองกับบาซาร่า ส่งผลให้เลซี่ถูกย้ายไปสังกัดกองอัศวินสีชาด แม้ว่าความน่าเกรงขามจะไม่เท่าสมัยก่อน แต่เลซี่ก็ยังถูกยกย่องในฐานะผู้เล่นคนแรกที่สามารถเข้าร่วมกองอัศวินอันดับหนึ่งของทวีป
เหตุการณ์ดังกล่าวกลายเป็นข่าวคราวโด่งดังอยู่พักหนึ่ง และเมื่อสปอตไลท์สาดส่อง ผู้คนก็เริ่มเห็นฝีมือและความเก่งกาจของเลซี่ มันก็เริ่มกลายเป็นคนดังระดับโลก
เลซี่ไม่ทำให้ชื่อเสียงและความโด่งดังของตนต้องมัวหมอง มันรีบสลับอาวุธจากหอกเป็นดาบเพื่อปัดป้องฝนลูกศรให้ได้มากที่สุด ขณะเดียวกันก็คอยออกคำสั่งกับทหารให้ถอยจากระยะยิง
และไม่ผิดจากที่คาดดาร์คเอลฟ์เปลี่ยนวิธีตอบโต้ พวกมันหยุดยิงธนูและหันมากระหน่ำเวทมนตร์เพื่อทำลายแนวโล่ของทหาร
ถึงกระนั้นเลซี่ก็มิได้แตกตื่น กลศึกเช่นนี้ไม่ใช้ของใหม่ในซาทิสฟาย การผสมผสานระหว่างพลธนูและเวทมนตร์คือสูตรสำเร็จที่ได้ผลในสงครามหลายครั้ง แม้แต่กิลด์โอเวอร์เกียร์ที่ขึ้นชื่อด้านพลธนูและจอมเวทก็ยังใช้ยุทธวิธีนี้
เลซี่ที่คาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว ย่อมมีวิธีรับมือในใจ
“เปิดเกราะ”
เกราะสีชาด สุดยอดยุทธภัณฑ์ที่สร้างจากปราณสีชาดของมหาจักรพรรดินีบาซาร่า กำลังกู่ร้องกึกก้องผืนป่าต้นไม้โลก
ปราณสีชาดที่แดงฉานราวกับเปลวเพลิงเริ่มก่อตัวเป็นแนวกำแพงทรงกลมเพื่อต้านรับการโหมกระหน่ำของเวทมนตร์ คุณสมบัติหลักของปราณสีชาดคือการแทรกแซงและควบคุมวัตถุ คุณสมบัติย่อยจะแตกต่างกันไปตามแต่ละผู้ใช้
เกราะสีชาดของเลซี่มีความสามารถในการ ‘สลาย’ และมาพร้อมพลังป้องกันมหาศาล ราวกับเป็นกระจกสะท้อนช่วงชีวิตที่ผ่านมาในฐานะอัศวินของมัน
“บุกเข้าไป!”
เลซี่พุ่งตัวไปด้านหน้าสุดเพื่อนำทหารบุกตะลุยด้วยกระบวนทัพรูปลิ่ม ขวัญกำลังใจของทุกคนกำลังฮึกเหิม หลายคนกัดฟันตีฝ่าการโจมตีที่ถาโถมเข้าใส่อย่างไม่หยุดพัก ส่วนอัศวินสีชาดที่มีตำแหน่งอาวุโสกว่าเลซี่บางคนได้ลอบเข้าไปในป่าอย่างเงียบเชียบก่อนหน้านี้แล้ว
เสียงระเบิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องท่ามกลางผืนป่าอันกว้างใหญ่
‘สำเร็จ! …บ้าน่า?!’
เลซี่ที่เข้าไปในป่าพร้อมกับทหารพลันยืนแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้น นั่นเพราะศึกต่อสู้ที่มันคาดว่าจะกินเวลายาวนาน กลับจบลงอย่างรวดเร็วเหนือความคาดหมาย
อัศวินลำดับหก ลำดับสิบเอ็ด และอัศวินทมิฬอีกหลายสิบต่างกำลังนอนแผ่ไปบนพื้นในสภาพชุ่มเลือด ภูตธาตุมืดกำลังกัดกินร่างกาย
ดาร์คเอลฟ์ พวกมันคือเผ่าพันธุ์ที่มีกล้ามเนื้อและมีทักษะยิงธนูยอดเยี่ยมเหมือนเอลฟ์ แต่ถูกเสริมด้วยปราณอสูรและภูตธาตุที่ถูกกัดกร่อน
ดาร์คเอลฟ์มิได้ถูกผืนป่าปกป้องเหมือนกับสมัยที่ยังเป็นเอลฟ์ แต่ก็แลกมาด้วยพลังเวททำลายล้างและภูตธาตุที่เกรี้ยวกราด พวกมันแข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย ราวกับเป็นเอลฟ์ที่เกิดมาเพื่อทำสงคราม
“เซอร์… เลซี่… พากองทัพ… หนีไป”
อัศวินลำดับหกออกคำสั่งพลางพยุงตัวยืนและสลัดภูตธาตุมือออกอย่างยากลำบาก เลซี่มีลางสังหรณ์ว่านี่อาจเป็นคำสั่งเสียสุดท้าย
อัศวินสีชาดหลักเดียวผู้เป็นสัญลักษณ์ของจักรวรรดิ ปัจจุบันอาจถูกปรามาสในฝีมือ แต่เกียรติแห่งอัศวินของพวกมันยังคงเปี่ยมล้น
อัศวินสีชาดภายใต้การปรับปรุงของบาซาร่าแตกต่างจากสมัยที่ถูกปกครองโดยดยุคลิมิต พวกมันยึดถือความสง่างามและปณิธานอัศวินเป็นสำคัญ สำคัญยิ่งกว่าคำสั่งจากจักรพรรดินีด้วยซ้ำ
นั่นคือสิ่งที่บาซาร่าต้องการให้เป็น อัศวินที่บาซาร่าปรารถนามิใช่หอกดาบสำหรับทิ่มแทงศัตรูตามคำสั่ง หากเป็นแบบอย่างและผู้คุมกฎแห่งจักรวรรดิ เป็นผู้คอยดูแลไม่ให้ตัวเธอและขุนนางเดินไปในทิศทางที่ผิดพลาด ดังนั้น อัศวินสีชาดยุคปัจจุบันจึงถูกประเมินให้อ่อนแอที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากปัจจัยในการคัดเลือกมิได้มาจากฝีมือเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความสูงส่งและยึดมั่นในเกียรติ ไม่ใช่สิ่งที่ใครจะมาดูแคลนกันง่ายๆ
“อัศวินสีชาดอ่อนหัดชะมัด… ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ข่าวลือสินะ… เป็นความจริงที่จักรวรรดิมิได้แข็งแกร่งเหมือนในอดีต”
“ไอ้พวกผู้หญิงเย่อหยิ่งเหล่านั้นกลับเลือกมนุษย์เพศชายที่อ่อนแอ… โง่เขลาสิ้นดี”
ดาร์คเอลฟ์บนต้นไม้ใหญ่หัวเราะเยาะพลางเย้ยหยัน
เลซี่กล้ำกลืนความโกรธและถามกลับไป
“พวกแกยึดครองต้นไม้โลกได้แล้วหรือ?”
เป็นคำถามจากคนที่อีกไม่นานก็จะตาย ดาร์คเอลฟ์จึงทำเพียงยักไหล่และตอบราวกับเป็นของขวัญ
“การแก้แค้นของพวกเรายังไม่เริ่มต้นขึ้น”
‘แบบนี้นี่เอง…’
จักรพรรดินีบาซาร่าเป็นคนฉลาด เธอจะไม่ส่งกองทัพเข้าร่วมในศึกที่เสียเปรียบ แต่นั่นไม่ได้แปลว่าเธอจะเลี่ยงทุกสงครามที่ตกเป็นรอง ในบางสถานการณ์ เป้าหมายของการเคลื่อนทัพคือการยื้อปะทะเพื่อสร้างปัจจัยที่ได้เปรียบในระยะยาวแก่จักรวรรดิ
ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้ว่ากำลังรบจะเหลือน้อยเนื่องจากภายในเมืองเต็มไปด้วยครึ่งอสูร แต่จักรวรรดิก็ยังส่งกองทัพเข้าร่วมศึกที่เสียเปรียบเพื่อช่วยเผ่าเอลฟ์
แต่ปัญหาก็คือ กองทัพจักรวรรดิควรจะได้เข้าไปสมทบกับเอลฟ์ในป่า
เมื่อได้ทราบข่าวดาร์คเอลฟ์บุกรุกป่าต้นไม้โลกอย่างกะทันหัน หลายฝ่ายต่างคิดว่าพวกมันจะตรงดิ่งเข้าไปจู่โจมต้นไม้โลกทันทีเพื่อฉวยโอกาสในจังหวะที่เอลฟ์ไม่ทันตั้งตัว ยากจะให้เชื่อว่าพวกมันจะยอมทิ้งความได้เปรียบเพื่อดักรออยู่ด้านนอกแทน
‘คาดไม่ถึงว่าพวกมันจะรอโจมตีกำลังเสริมก่อนบุกเข้าไปหาเป้าหมายหลัก… ถ้าเอลฟ์ด้านในออกมาช่วยก็คงดี แต่นั่นคงไม่เกิดขึ้น’
เอลฟ์อาจสัมผัสถึงความผิดปรกติด้านนอก แต่ก็คงไม่รีบร้อนทิ้งต้นไม้โลกออกมาอย่างไร้เหตุผล เพราะเหนือสิ่งอื่นใด ภารกิจที่สำคัญที่สุดของเอลฟ์คือการปกป้องต้นไม้โลก
“…ผมคงทำตามคำสั่งของคุณไม่ได้”
เลซี่เดินไปยืนข้างอัศวินลำดับหก จากนั้นก็เก็บหอกและชักดาบโล่ออกมาถือ สายตาแหงนมองขึ้นไปทางดาร์คเอลฟ์บนต้นไม้
“เซอร์โฟอิล ได้โปรดนำกองทหารถอยทัพระหว่างที่ผมคอยยื้อเวลาให้”
มีเหตุผลดีๆ สี่ข้อที่ช่วยสนับสนุนว่า เลซี่เหมาะจะเป็นผู้เสียสละมากกว่า
ข้อแรก เกราะสีชาดของเลซี่โดดเด่นในการด้านสลายการโจมตีของศัตรู หากเป็นภารกิจยื้อเวลา เลซี่จะทำได้ไม่แย่ไปกว่าอัศวินลำดับหก ข้อสอง เลซี่เป็นผู้เล่นซึ่งสามารถคืนชีพหลังความตาย แต่ทหารและอัศวิน NPC นั้นต่างออกไป ความตายคือจุดจบสำหรับพวกมัน
ข้อสาม สำหรับตัวเลซี่เอง หากการเสียสละของตนช่วยชีวิตอัศวินหลักเดียวและกองทัพจำนวนมากไว้ได้ จะเกิดผลดีกว่าในระยะยาว ยกตัวอย่างเช่น ตนอาจกลายเป็นที่โปรดปรานของจักรพรรดินีบาซาร่าและได้รับของขวัญตอบแทนจำนวนมาก
ข้อสี่ เลซี่ไม่ต้องการสูญเสียพวกพ้อง
“เร็วเข้า”
เลซี่พยายามเร่งเร้าและผลักหลังอัศวินลำดับหก ทว่า โฟอิลกลับไม่เคลื่อนไหว
“ผมทราบว่าความตายของคุณแตกต่างจากพวกเรา แต่นั่นคือเหตุผลที่เราต้องให้คุณเสียสละแทน? กำลังจะบอกว่าถ้าเกิดเรื่องเช่นนี้อีกในอนาคต พวกเราก็ต้องพึ่งพาการสังเวยของคุณอีก?”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามัวกล่าวในสิ่งที่น่าหดหู่เช่นนั้น—”
“พวกแกมัวพล่ามอะไรกันอยู่!”
บทสนทนาระหว่างเลซี่และโฟอิลถูกขัดจังหวะ
เหล่าดาร์คเอลฟ์ที่เฝ้ามองจากด้านบนอย่างเงียบงันต่างพากันหัวเราะ โดยเฉพาะดาร์คเอลฟ์ที่มีชื่อสีทองอร่ามเหนือศีรษะ มันหัวเราะร่วนกว่าคนอื่น
“พวกแกคิดว่าจะมีใครบางคนรอดกลับไปได้จริงหรือ? พวกแกทุกคนมีชะตากรรมต้องตายที่นี่อยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่รู้ตัวก็เท่านั้น”
บรรยากาศเย็นเยียบแผ่ซ่านออกจากร่างกายราชาดาร์คเอลฟ์ ส่งผลให้ผืนป่าเริ่มถูกแช่แข็ง
เงาดำต่างปกคลุมหน้าโฟอิลและเลซี่ พวกมันต่างตระหนักได้อย่างชัดแจ้ง ดาร์คเอลฟ์ชื่อสีทองตนนี้แข็งแกร่งราวกับอาศัยอยู่ในคนละมิติ
จะไม่มีใครรอดกลับไปแม้แต่คนเดียว
ทันใดนั้น ทหารที่ตามเลซี่มาด้านหลังต่างกรูเข้ามาล้อมกรอบในกระบวนทัพตั้งรับ ถือเป็นการแสดงความขอบคุณครั้งสุดท้ายที่สองอัศวินสีชาดเกี่ยงกันเสนอตัวสละชีวิตเพื่อปกป้องทุกคน
เลซี่และโฟอิลที่อ่านเจตนาออกต่างพาเผยสีหน้าขื่นขม
โฟอิลตะโกนกึกก้อง: หากที่นี่เป็นหลุมศพของพวกเรา ก็ต้องลากศัตรูลงไปด้วยให้มากที่สุด
แต่ทันใดนั้น ราชาดาร์คเอลฟ์สร้างผลึกน้ำแข็งขนาดมหึมาปกคลุมจนทั่วบริเวณ เหล่าทหารต่างพากันสั่นระริกจากความเย็นและหวาดกลัว ผลึกน้ำแข็งสูงจากพื้นจรดยอดต้นไม้เก่าแก่ ปกคลุมทัศนวิสัยข้างเคียงโดยสิ้นเชิง เป็นความเย็นที่สามารถดับไฟและจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้พร้อมกันในคราวเดียว
‘NPC สุดพิเศษ…’
ขณะเลซี่สัมผัสถึงจุดจบที่น่าอดสู
“มาทันเวลาพอดี”
ก่อนที่เลซี่จะสิ้นหวังไปมากกว่าเดิม มันได้ยินเสียงของชายแปลกหน้า
เส้นผมสีทองปลิวไสวพร้อมกับกลีบดอกไม้สีแดงที่บานสะพรั่ง
เลซี่ เหล่าอัศวินสีชาด และเหล่าทหารต่างพากันได้กลิ่นพฤกษานานาชนิดที่หอมหวน
ท่ามกลางโลกที่ราวกับกระแสเวลากำลังหยุดนิ่ง ชายผมทองที่ยืนเผชิญหน้ากับกำแพงน้ำแข็งสูงเสียดฟ้าชักดาบออกมา ไม่มีใครมองเห็นวิถีการฟัน ฉากตรงหน้าทุกคนมีเพียงแผ่นหลังที่มั่นคงประหนึ่งปราการ
จนกระทั่งมีแสงหนึ่งสว่างและฟันกำแพงน้ำแข็งจนขาดสะบั้น ทุกคนจึงตื่นจากภวังค์เวลาหยุดนิ่ง
“นายจะต้องเป็นอัศวินที่ดีแน่”
ชายปริศนากล่าวอย่างอบอุ่นพร้อมกับหันหลังกลับมา
เลซี่และเหล่าอัศวินต่างจดจำใบหน้าดังกล่าวได้ทันที ทุกคนเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มจางๆ
“เซอร์… อัสโมเฟล!”
ซากกำแพงน้ำแข็งที่ถูกฟันขาดเริ่มถล่มลงมาด้านล่างจนผืนดินสั่นสะเทือนหนักหน่วง ดาร์คเอลฟ์ซึ่งกำลังยืนบนต้นไม้ที่โยกคลอนเริ่มเปิดปากตะโกนเพื่อปลดปล่อยการโจมตีนานาชนิดเข้าใส่อัสโมเฟล ทว่า ไม่มีแม้แต่หนึ่งการโจมตีที่สัมผัสร่าง เพราะชายคนนี้คืออัศวินสีชาดที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ ชายผู้เป็นเจ้าของสุดยอดพรสวรรค์แต่เบ่งบานช้า
อัสโมเฟลสามารถรับการโจมตีทุกชนิดได้ด้วยเทคนิคสลับดาบโล่และหอก
หากได้รบเคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกพ้อง อัสโมเฟลคือสุดยอดอัศวินที่จะนำพาชัยชนะมาให้กองทัพเสมอไม่ว่าจะที่ไหนเวลาใด นั่นเกียรติยศที่ไม่มีใครพรากไปจากมันได้
“รองกัปตันว่องไวกว่าใครเสมอ”
ใจจริง อัสโมเฟลไม่ต้องการกลับไปอยู่ในจุดเดิม มันไม่ต้องการแข็งแกร่งและสูงส่งเพื่อตัวเอง แต่ทั้งหมดเป็นความปรารถนาของเพื่อนสนิทและพวกพ้องในอดีต ทุกคนให้โอกาสอัสโมเฟลมีชีวิตต่อไป และนั่นทำให้มันยอมต่อลมหายใจตัวเองเพื่อชดใช้บาปที่เคยก่อ
“นายคงรู้อยู่แล้วว่าฉันไม่มีวันให้อภัย! ไม่มีวันเด็ดขาด!”
ซินกูเล็ดคำรามพร้อมกับพุ่งผ่านไปข้างหน้าอัสโมเฟล การโจมตีที่เปี่ยมล้นไปด้วยพลังงานของมันปะทะเข้ากับต้นไม้ใหญ่ใจกลางกองทัพศัตรู ตามต่อด้วยชุดการโจมตีอีกหลายระลอกที่สร้างลมเฉือนพวยพุ่งออกไปทุกทิศทาง ฉีกทำลายผิวหนังกับกล้ามเนื้อของดาร์คเอลฟ์
อเมลด้าและเคนดริกพุ่งผ่านอัสโมเฟลไปโดยไม่กล่าวคำใด ส่วนดันเต้ใช้มือจับไหล่ที่สั่นเทาเล็กๆ ของอัสโมเฟลขณะเดินผ่าน
ปิอาโร่เดินมาหยุดยืนข้างอัสโมเฟลพร้อมกับปรับแต่งสนามรบผืนป่า ส่งผลให้ต้นไม้ทั้งหมดถูกโค่นในพริบตา เหล่าดาร์คเอลฟ์จึงเสียกำบังและที่ซ่อนตัว
นั่นคือเวลาที่อเมลด้า เคนดริก และดันเต้เริ่มกวาดล้าง
ฉากตรงหน้าสร้างอารมณ์อันหลากหลายให้อัศวินและทหารจักรวรรดิ พวกมันเข้าใจได้ทันทีว่าเหตุใดจักรวรรดิในอดีตถึงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรนัก
‘ถ้ากริดไม่ช่วยปรับความเข้าใจให้พวกเขา… ประวัติศาสตร์แบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น’
หากไม่มีกริด เหล่ากลุ่มคนหลบหนีจากจักรวรรดิเมื่อตอนนั้นคงกลายเป็นวิญญาณเร่ร่อน
กริดใช้วิธีใดคลี่คลายปัญหาทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว? ลำพังพลังและอำนาจไม่มีทางทำสำเร็จแน่
เลซี่ซึ่งตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของกริดได้อีกครั้ง กำดาบโล่ในมือแน่นพร้อมกับแหกปากตะโกนอย่างฮึกเหิม
โดยไม่เกรงกลัว มันเอาตัวเข้าไปป้องกันเวทน้ำแข็งของราชาดาร์คเอลฟ์ที่พุ่งเข้าหาอัสโมเฟล ประสบการณ์การรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับบุคคลในตำนานเช่นนี้ สำหรับมันคือโอกาสที่หาได้ยาก
***
กริดเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง อาจดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบไปทุกด้าน แต่ความจริงแล้วก็มีขีดจำกัดทางด้านร่างกายและจิตใจ กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันต้องการช่วงเวลาสำหรับพักผ่อน
หลังจากทำลายมิคาเอลและกลับมายังโรงตีเหล็ก ชายหนุ่มพักสมองด้วยการผลิตไอเท็มแบบอัตโนมัติ
‘มาดูกันอีกครั้ง’
ไอเท็มที่ผลิตจากระบบอัตโนมัตินั้นมีขีดจำกัด โดยเฉพาะด้านคุณสมบัติเสริมที่จะด้อยกว่าการผลิตด้วยมือซึ่งกินเวลานาน ทว่า หากเปรียบเทียบในเชิงสถิติ แทบไม่มีความแตกต่างกันในด้าน ‘เกรด’ ของไอเท็ม
กริดต้องการจะผลิตไอเท็มให้กับเหล่าอัศวิน
อัศวินของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์นั้นมีฝีมือไม่ธรรมดา ยกตัวอย่างเช่นอัศวินอาวุโสอย่างรอยแมน เธอแข็งแกร่งพอที่จะเป็น ‘ดาบแห่งราชา’ ในอาณาจักรใดก็ได้
หลังจากถูกฝึกอย่างหนักภายใต้ปิอาโร่และอัสโมเฟลมานาน เธอเพิ่งได้รับสมญานามมหาจอมดาบเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา พรสวรรค์ของรอยแมนโดดเด่นมากจากบรรดาอัศวินทั้งหมด แต่นอกจากเธอ อัศวินคนอื่นก็มิได้ยิ่งหย่อนไปกว่ากันนัก สามสิบอันดับแรกล้วนมีฝีมือทัดเทียมอัศวินสีชาดแห่งจักรวรรดิ
แต่แน่นอน พวกมันมิได้แข็งแกร่งเท่ากับอัศวินสีชาดยุครุ่งเรือง ในยุคทองของจักรวรรดิ อัศวินสีชาดประกอบด้วยเหล่าอัจฉริยะอย่างปิอาโร่ อัสโมเฟล วินฟรีด ซินกูเล็ด และดันเต้ โดยในรุ่นต่อมาที่ถูกขนานนามให้เป็นยุคทองรุ่นสุดท้าย อัศวินสีชาดอันดับหนึ่งคือสัตว์ประหลาดอย่างเมอร์เซเดส
ไม่ว่าจะอย่างไร กริดยืนกรานจะผลิตอุปกรณ์ให้อัศวินด้วยตัวเอง แต่เนื่องจากช่วงนี้กำลังอ่อนเพลีย จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพึ่งพาระบบผลิตอัตโนมัติเพื่อพักผ่อนและใช้เวลาตรวจสอบพลังของอักขระ
[★พลังที่สลักในอักขระสามารถใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับเสริมแกร่งโลกจินตภาพ]
บรรทัดที่น่าสนใจถูกเพิ่มเข้ามา
อักขระของกริดเกิดการเปลี่ยนแปลงหลังจากดูดซับพลังของมิคาเอลเข้าไป
สิ่งนี้หมายความว่า โลกจินตภาพของกริดที่แฝงมาทางอ้อมกับเขตแดนพายุเพลิงเทพ โลกจินตภาพที่ยังด้อยกว่าบราฮัมและฮายาเตะหลายขุม ยังมีลู่ทางให้พัฒนาขึ้นจากเดิม
Comments
Post a Comment