จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,474



“ถ้าฉันแสดงพลัง… คิดจริงหรือว่าโบสถ์รีเบคก้าจะยังอยู่?”


เป็นคำพูดที่ชวนให้ตกตะลึง


เพราะนั่นหมายความว่า โบสถ์รีเบคก้าจะถูกทำลายตอนไหนก็ได้


สัมผัสได้ถึงความบ้าคลั่งในระดับที่เกิน ‘เย่อหยิ่ง’


ราวกับไม่ได้ออกจากปากคนที่ยังสติดี


“…แกกล้าพ่นถ้อยคำเหลวไหลเช่นนี้ออกมาได้ยังไง?”


เกิดความปั่นป่วนในหมู่สาวกของโบสถ์ที่กำลังถูกแรงกดดันของกริดกดทับ


คล้ายกับพวกมันหลงลืมความกลัวไปชั่วขณะเนื่องจากความสับสน


สาวกของโบสถ์หลายคนมิอาจเก็บซ่อนความโกรธ


รีเบคก้า เทพธิดาแห่งแสง คือตัวตนที่แสนพิเศษ


เป็นผู้สร้างโลกและสร้างมนุษย์


แม้แต่เทพผู้สูงศักดิ์แห่งแอสการ์ดยังถือเป็นมารดา


นั่นคือเหตุผลว่าทำไม โบสถ์รีเบคก้าจึงสามารถครองทวีปในฐานะศาสนาที่ใหญ่ที่สุดและดีที่สุด


เช่นนั้นแล้ว ยังมีใครกล้าทำอันตรายโบสถ์รีเบคก้าที่คุ้มครองโดยพระผู้สร้างด้วยหรือ?


เป็นไปไม่ได้เลยในทางทฤษฎี


วิหารยาธานได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้วหลายครั้ง


พวกมันพยายามผงาดหนแล้วหนแล้วเพื่อสร้างอันตรายแก่โบสถ์รีเบคก้า แต่ในท้ายที่สุด โบสถ์รีเบคก้าก็รอดจากวิกฤติมาได้เสมอ


และหนึ่งในคนที่พวกมันควรขอบคุณคือกริด


ชายหนุ่มเคยเสี่ยงชีวิตต่อสู้เพื่อโบสถ์รีเบคก้าหลายครั้ง แถมยังเคยช่วยเหลือทางอ้อมโดยการสังหารข้ารับใช้ยาธานที่แข็งแกร่ง


เหล่าสาวกรีเบคก้าส่วนใหญ่คิดเช่นนี้


ทว่า พวกมันกล่าวถูกเพียงครึ่งเดียว


กริดในสมัยก่อนมิได้มีหัวใจที่ยิ่งใหญ่ แต่ส่วนหนึ่งทำไปเพราะได้ยิน ‘วิวรณ์’ จากรีเบคก้า


“อึ๋ย…!”


ขณะสาวกรีเบคก้าต่างจ้องมองกริดด้วยสายตารังเกียจ พวกมันส่งเสียงร้องเมื่อพื้นดินเริ่มสั่น


เป็นผลสืบเนื่องมาจากอาคารที่เริ่มเอียง


“แล้วนี่ไม่เรียกว่ากำลังเบ่งพลังอยู่หรือ? ไม่รู้จักควบคุมตัวเองรึไง? ถ้าโลกนี้ยังมีเทพแบบท่าน หายนะคงแผ่ขยายไปทุกซอกมุม… ผู้คนจะหวาดกลัวที่จะทำตัวขวางหูขวางตาท่าน”


สันตะปาปาคาดไม่ถึงว่ากริดจะขว้างดาบลงมาต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้


แถมยังดูแคลนโบสถ์รีเบคก้า


แน่นอน สันตะปาปาชื่นชอบพฤติกรรมป่าเถื่อนของกริด


ยิ่งผู้คนผิดหวังในตัวกริดมากเท่าไร ก็ยิ่งทำให้ความศรัทธาที่มีต่อกริดถดถอยมากเท่านั้น


‘นี่ก็หนึ่งในดาบศักดิ์สิทธิ์ตามข่าวลือ?’


สันตะปาปากลอกดวงตาสีฟ้าของมันและมองไปทางดาบที่พุ่งเฉี่ยวใบหน้าไป


ด้วยพลังการขว้างที่มหาศาล ปลายดาบที่ปักเข้าไปในกำแพงได้สร้างรอยร้าวขนาดใหญ่


ทว่า ตัวดาบกลับยังคงสภาพไว้ได้


จากมุมมองของมัน ดาบเล่มนี้จะต้องยอดเยี่ยมมากแน่


‘แต่ภายนอกดูไม่เหมือนดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มใดในข่าวลือ… เพิ่งสร้างใหม่?’


สันตะปาปาอาจไม่ยอมรับบารมีเทพของกริด แต่มันก็ไม่ปฏิเสธว่า ดาบของกริดซึ่งในภายหลังถูกเรียกขานว่าดาบศักดิ์สิทธิ์ ทุกเล่มล้วนมีประสิทธิภาพสูง


นั่นเพราะแม้แต่แอสการ์ดก็ยังปรารถนา


สันตะปาปาเชื่อว่า ‘สวรรค์’ ต้องการกริดไปแทนที่เฮ็กเซเทีย


หลักฐานชัดเจนที่สุดก็คือ เทพธิดามิได้ ‘ถอน’ พรที่พระองค์เคยมอบให้กริด


‘และพิจารณาจากการที่พวกเขาไม่คิดจะปล่อยเฮ็กเซเทีย… ชายคนนี้คงเป็นเทพตีเหล็กคนต่อไป… อา… เราจำเป็นต้องแก้ไขหมอนี่ให้ถูกต้องก่อนจะส่งขึ้นไปบนสวรรค์’


ในระหว่างการเดินทางที่ผ่านมาของกริด ชายหนุ่มได้รับพรและความกรุณาจากเทพมากมาย หนึ่งในนั้นคือพรจากรีเบคก้า


สันตะปาปาตั้งใจจะ ‘แก้ไข’ กริดให้เป็นไปตามมาตรฐานของแอสการ์ด


ตอนนี้จึงไม่ควรมองอีกฝ่ายว่าทัดเทียมกับเทพองค์อื่น


สันตะปาปาดึงดาบออกจากกำแพง


ขณะสายตาของมันยังคงจับจ้องกริดโดยไม่ละไปไหน ดาบอีกเล่มได้พุ่งเฉี่ยวติ่งหูอีกข้าง


เลือดสีแดงไหลออกจากใบหูส่วนล่าง


ปัจจุบัน มันไม่ได้กางบาเรียคุ้มกาย จึงถูกคมดาบคุกคามอย่างง่ายดาย


ถึงตรงนี้ ค่อนข้างแน่ชัดแล้วว่า ตัวตนที่แท้จริงของสันตะปาปาคือเทวทูต


แต่นั่นไม่ใช่ข่าวใหม่สำหรับกริด


นับตั้งแต่มีข่าวแต่งตั้งสันตะปาปาองค์ใหม่ นับตั้งแต่ได้เห็นรูปลักษณ์อีกฝ่าย อาณาจักรโอเวอร์เกียร์สามารถอนุมานถึงตัวตนที่แท้จริงของสันตะปาปาได้คร่าวๆ


เฉกเช่นที่อาโมแรคอยู่เบื้องหลังวิหารยาธาน เทวทูตก็อยู่เบื้องหลังโบสถ์รีเบคก้า


‘ตอนแรกคิดว่าจะเป็นซาลิเอล…’


ซาลิเอลเล่าว่า หลังจากถูกขับออกจากสวรรค์ เทวทูตไม่สามารถคืนชีพได้เนื่องจากเทพธิดาไม่ยอมย้ายวิญญาณไปยังร่างโคลนบนแอสการ์ด


และอันที่จริง หนึ่งในร่างโคลนของซาลิเอลก็กำลังแฝงตัวอยู่ในโบสถ์รีเบคก้า


ตัวตนดังกล่าวคือผู้นำหน่วยเท็มพล่า


จึงไม่ใช่เรื่องแปลกห่างจะมีร่างโคลนใหม่ของซาลิเอลเกิดขึ้นอีก


ทว่า สันตะปาปาคนปัจจุบันแตกต่างจากซาลิเอล


กลิ่นอายอาจคล้ายคลึงกันด้วยเส้นผมสีทอง รวมถึงรูปลักษณ์ที่ยากจะจำแนกเพศ แต่ถ้าพิจารณาอย่างใกล้ชิด ใบหน้าของทั้งคู่มีส่วนที่แตกต่างกันพอสมควร


สูงกว่าซาลิเอลสิบเซนติเมตร และใบหน้าคมชัดกว่าเล็กน้อย


ซาลิเอลให้ความรู้สึกของความงาม แต่สันตะปาปาจะค่อนไปทางเพศชายมากกว่า


“เห็นแผลของฉันแล้วใช่ไหม?”


สันตะปาปาที่ใบหูส่วนล่างชุ่มเลือด ยกมือข้างหนึ่งขึ้น


“ราชาโอเวอร์เกียร์ได้แสดงให้เห็นถึงความป่าเถื่อนจากการกวาดล้างทำลายสัญลักษณ์ของเทพที่เขาควรจะรับใช้… ในที่สุดเขาก็เผยนิสัยที่แท้จริงออกมา… เขาใช้ความรุนแรงโดยไม่แสดงหลักฐานว่าตนไม่ได้เกี่ยวข้องกับการปรากฏตัวของครึ่งอสูร แถมยังเอาแต่ข่มขู่ผ่านบทสนทนา… ฉันรู้สึกเสียใจและโมโหที่ราชาโอเวอร์เกียร์มีความตั้งใจที่จะทำลายศาสนาของเรา”


“โห่! โห่—!”


ผู้คนเริ่มส่งเสียงขับไล่กริด


พวกมันคือ NPC


สำหรับผู้เล่นสาวก หลายคนเริ่มแอบย่องออกจากจัตุรัส


เมื่อเทียบกับ NPC ผู้เล่นจะมองโลกอย่างเป็นกลางมากกว่า


ส่วนหนึ่งเกิดจากการเสพสื่อรอบด้านอย่างมีวิจารณญาณ


หากไม่โง่เขลาจนเกินไป ผู้เล่นจะไม่หลงเชื่อลมปากของสันตะปาปาอย่างหน้ามืดตามัว


“จงสลักเอาไว้ในความทรงจำของทุกคน… ชายคนนี้ไม่ใช่เทพ… เขาอาจมีบารมีที่ทัดเทียมกับเทพ แต่กลับขาดคุณธรรมในการใช้งานมันอย่างถูกต้อง… เขาเป็นแค่ราชา ไม่มากไปกว่านั้น… ลำดับความสำคัญอันดับหนึ่งในใจเขาคือดินแดนของตัวเอง มิใช่ดินแดนของมนุษย์ หรือความปลอดภัยของมนุษย์…”


สันตะปาปาเริ่มโหมโรง


น้ำเสียงที่กังวานและอบอุ่นของมันจารึกเข้าไปใจหัวใจของสาวก ไม่ใช่สมอง


เนื้อหาของสุนทรพจน์ไม่ซับซ้อน


เพียงต้องการเน้นย้ำว่ากริดไม่ใช่เทพ


ห้ามเชื่อมั่นหรือมอบความศรัทธา


ต้องปฏิเสธและต่อต้านบุคคลที่ริอ่านตีตนเสมอเทพ


และถ้ากริดแสดงความรุนแรงต่อศาสนา ทางเราจะเป็นฝ่ายปกป้องทุกคนเอง


ดังนั้น อย่าได้เกรงกลัวที่จะตำหนิและดูหมิ่นกริด


นั่นคือบทสรุปที่ชัดเจนของถ้อยคำล้างสมอง


สันตะปาปาเป็นนักแสดงที่ยอดเยี่ยม สามารถสร้างความประทับใจแก่ผู้คน ด้วยการมอบความจริงใจและอ่อนโยนเหล่าสาวก


กริดบรรจงร่อนลงอย่างเชื่องช้า


ดวงตาของมันอยู่ระนาบเดียวกับสันตะปาปา


“โห่—!”


เสียงโห่จากสาวกเริ่มทวีความรุนแรง


สันตะปาปาเผยรอยยิ้มจางๆ ตรงมุมปาก


มันเผยท่าทีราวกับผู้เหนือกว่า และมั่นใจว่ากริดไม่กล้าใช้ความรุนแรงที่นี่อีก


ทว่า มีความจริงบางข้อที่มันมองข้าง


“พูดมากจังนะ”


ไม่มีเหตุผลที่เหมาะสมสำหรับใช้ปฏิเสธความเป็นเทพของกริด


ชายหนุ่มได้พิสูจน์คุณสมบัติของตัวเองไปมากมายจนกระทั่งกลายเป็นเทพ


ต่อให้มีใครมาหักล้างหรือคัดค้าน ก็ใช่ว่าบารมีเทพจะสั่นคลอนสักหน่อย


นอกจากนั้น


“แกต้องตายที่นี่”


สันตะปาปาย่อมไม่มีวันจินตนาการความแข็งแกร่งของกริดออก


นับตั้งแต่ตอนแรกที่มันปฏิเสธกริด มันก็เต็มไปด้วยอคติและความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน


หลังจากกริดยกมือซ้ายขึ้น ดาบมังกรเพลิงพลันหมุนวนรอบแขน


จากนั้น มันเล็งส่วนปลายไปยังสันตะปาปาและพ่นไฟ


ขณะเดียวกัน กริดถือดาบไร้รูปด้วยมือขวา


“คึ่ก…!”


เทวทูตย่อมไม่แยแสการโจมตีระยะไกล


สันตะปาปาปล่อยให้เปลวเพลิงจากดาบปะทะร่าง และผลลัพธ์คืออาการบาดเจ็บ


นั่นเพราะในเปลวไฟมีดาบจริงซ่อนอยู่


สันตะปาปาพยายามรับไว้ด้วย ‘ดาบศักดิ์สิทธิ์’ ที่ดึงออกจากกำแพง แต่ใบดาบกลับหักอย่างง่ายดาย


มันพยายามดึงดาบศักดิ์สิทธิ์ของตนออกมา แต่ก็ช้าเกินไป


คมดาบอีกเล่มหนึ่งยืดยาวและพันรอบคอมันเป็นเกลียว ก่อนจะบีบตัวหดกลับ


ศีรษะของสันตะปาปาถูกบั่นออกจากบ่า


ท่ามกลางแสงแดดสีส้ม เลือดสีแดงฉานกำลังแต่งแต้มผืนผ้าใบได้อย่างสมบูรณ์แบบ


“…?”


“…?”


สาวกของโบสถ์ในจัตุรัสต่างพากันไม่เชื่อสายตา


ผู้ชมทางบ้านทำได้เพียงอ้าปากค้าง


ทุกสิ่งเกิดขึ้นในพริบตา


ลำคอของสันตะปาปาถูกตัดขาดในพริบตาจนมิอาจระบุระยะเวลาในต่อสู้ - แม้แต่หลักวินาที


เมื่อพิจารณาถึงตำแหน่งและความสำคัญภายในซาทิสฟาย สันตะปาปาคนปัจจุบันถูกคาดการณ์ว่าจะเป็น NPC สุดพิเศษ


แต่มันกลับตายในการโจมตีเดียว


แม้เพิ่งจะเห็นมากับตา แต่พวกมันก็ยังไม่อยากทำใจเชื่อ


“อึ๋ย…!”


“กรี๊ดดดดด!”


“องค์สันตะปาปา!”


เมื่อผู้คนได้สติอีกครั้ง เสียงกรีดร้องดังก้องไปทั่วจัตุรัสวาติกัน


คล้ายกับต้นไม้บนภูเขารอบๆ วาติกันโยกคลอนเล็กน้อย


เวท ‘ฮีล’ จากสาวกนับหมื่นคนพลันพรั่งพรูเข้ามายังร่างกายสันตะปาปา


เกิดเป็นฝนแห่งแสง


กริดก้มมองลงไปที่จัตุรัส


ถอดรหัสเวทมนตร์ของเทพโอเวอร์เกียร์เริ่มทำงาน ยกเลิกเวทรักษาเกือบทั้งหมดในขอบเขต


อย่างไรก็ตาม กระแสการรักษามาจากหลายหมื่นเป้าหมาย ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะปิดกั้นได้ทั้งหมด


เมื่อพิจารณาว่าส่วนที่เล็ดลอดออกไปมิได้สลักสำคัญอะไร ชายหนุ่มมองกลับมายังตัวอาคาร


ทุกคนยังคงสงบนิ่ง แตกต่างจากสาวกในจัตุรัสด้านล่าง


ไม่มีใครใช้เวทรักษาหรือบัฟกับสันตะปาปา


ไม่มีใครโจมตีใส่กริด และไม่มีใครตำหนิกริด


บางคนก้มมองพื้นด้วยความรู้สึกผิด และบางคนถอนหายใจโล่งอก


กริดขจัดความคิดที่จะกำราบพวกมัน


‘ถึงจะฟังดูเหมือนโอ้อวด… แต่เราก็คิดจะจำกัดศาสนาของเทพทั้งสามจริงๆ’


ด้วยเหตุผลบางประการ กริดไม่เคยต่อต้านโบสถ์รีเบคก้า โดมิเนี่ยน และยูดาห์


ข้อแรก ทุกโบสถ์ล้วนมีความดีเป็นพื้นฐาน


อาจไม่ใช่กับตัวเทพ แต่ทั้งคำสอนและสาวกส่วนใหญ่ก็ช่วยเหลือผู้คน


และหากไม่มีสามโบสถ์หลัก ป่านนี้วิหารยาธานที่ชั่วร้ายคงครองทวีปไปนานแล้ว


นอกจากนั้น ศาสนาของเทพทั้งสามยังเป็นองค์กรที่บ่มเบาะ ‘ฮีลเลอร์’ ซึ่งหาได้ยากในซาทิสฟาย


ยิ่งพลังของทั้งสามศาสนาอ่อนแอลง ฮีลเลอร์ก็ยิ่งมีค่ามากขึ้น


บางที คลาสนี้อาจสูญพันธุ์ในอนาคตอันใกล้


และท้ายที่สุด กริดเคยมีความสัมพันธ์อันดีกับโบสถ์รีเบคก้า


อาจเต็มไปด้วยความทรงจำแย่ๆ แต่ก็เต็มไปด้วยความทรงจำดีๆ เช่นกัน


นั่นคือเหตุผลที่กริดไม่อยากเป็นศัตรู ถ้าไม่ถึงที่สุดแล้วจริงๆ


แต่ในวันนี้ ชายหนุ่มได้ตระหนัก


โบสถ์ของทั้งสามเทพ ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเทพบนแอสการ์ดเท่านั้น


หลักฐานยืนยันก็คือ การที่สันตะปาปามีเจตนาจะทำลายความน่าเชื่อถือของกริดและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ โดยไม่สนใจว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ใกล้จะเผชิญหน้ากับมหาสงครามเต็มที


เจตจำนงของแอสการ์ด คือเจตจำนงของสามศาสนาหลัก


ไม่ต่างอะไรกับทุ่นระเบิดที่ไม่มีใครทราบว่าจะเผลอไปเหยียบเข้าตอนไหน


การกำจัดพวกมันคือตัวเลือกที่ถูกต้อง


แน่นอน สิ่งนี้จะไม่ราบรื่น


ศาสนาเหล่านี้ปกครองทวีปมาอย่างยาวนาน สั่งสมบ่มเพาะกองกำลังไว้มากมาย แม้แต่วิหารยาธานยังโค่นล้มไม่ได้ นับประสาอะไรกับอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


นอกจากนั้น ยังมีความเป็นไปได้มากที่มนุษยชาติจะเกิดความสับสน


กระแสตอบรับคงไม่ได้มีแค่การเห็นด้วย


‘แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ต้องกำจัดพวกมัน… สลายพวกมัน’


กริดไม่ได้ตั้งใจจะก่อเหตุสังหารหมู่


แค่ทำให้องค์กรเกิดความเสียหายอย่างหนักก็เพียงพอแล้ว


แต่ในระหว่างลงมือ หากต้องฆ่าคนไปบ้าง มันก็ไม่ลังเล


ถึงจะน่าเสียดายที่จำนวนฮีลเลอร์ในมหาสงครามระหว่างมนุษย์กับจอมอสูรจะลดลง แต่ว่า…


ถ้ายังไม่เกิดความเปลี่ยนแปลง ฮีลเลอร์เหล่านี้ก็ไม่ได้อยู่ฝั่งมนุษย์อยู่แล้ว


วาบ!


แสงสว่างพลันท่วมท้นทัศนวิสัย


[ไม่มีการโจมตีใดที่ท่านมิอาจจำแนก]


โลกของเหนือมนุษย์ถูกกระตุ้น


หมายความว่า มีการโจมตีที่รวดเร็วกำลังพุ่งมาทางกริด


ภายในโลกที่ทุกสิ่งช้าลง กริดเตรียมใช้ดาบในมือขวาโจมตีใส่เส้นลำแสง


ดาบมังกรเพลิงในมือซ้ายของมันลอยขึ้นไปในอากาศ


ทันทีที่ดาบมือรองถูกปลด ดาบไร้รูปในมือขวามีความเร็วเพิ่มขึ้นและเคลื่อนไหวในวิถีที่ซับซ้อน


คมดาบไร้รูปเลื้อยผ่านดาบศักดิ์สิทธิ์ในมือสันตะปาปาที่ศีรษะกลับมาอยู่บนบ่าอีกครั้ง


จากนั้นมัน ปลายดาบวกกลับมาแทงใส่ลำคอสันตะปาปา


แต่คราวนี้ สันตะปาปาไม่ได้รับบาดเจ็บ


อำนาจทำลายล้างของดาบไร้รูปถูกลดทอนลงมากเมื่อปะทะกับม่านแสงรอบตัวศัตรู


เป็นทักษะป้องกันตัวที่แข็งแกร่งด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์


ดาบมังกรเพลิงที่ขยับด้วยตัวเอง อ้อมไปแทงสันตะปาปาจากด้านหลัง


แต่ผลลัพธ์ก็มิได้มากมายอะไร


“อ…เอ๋?”


เหล่าสาวกรีเบคก้าต่างพากันงุนงงเมื่อเห็นสันตะปาปาฟื้นตัวได้ไวราวกับเป็นเรื่องโกหก


พวกมันทราบว่าสันตะปาปาจะไม่ตายโดยง่าย จึงหวังใช้เวทรักษาเพื่อยื้อชีวิต


แต่ก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจะสมานแผลหัวขาดได้เร็วราวกับเกิดใหม่เช่นนี้


เป็นความประหลาดใจมากกว่าความยินดี


“สมแล้วที่มีประสบการณ์สังหารเทวทูต… ฝีมือน่าชื่นชม”


เทวทูต - กองทัพนักรบที่รับใช้แอสการ์ดเพียงสิ่งเดียว


พวกมันถูกขนานนามให้เป็นนักรบไร้พ่ายเนื่องจากทักษะติดตัวที่สามารถป้องกันการโจมตีระยะไกลทั้งหมดได้อย่างสมบูรณ์ ไม่เว้นแม้แต่เวทมนตร์


เทวทูตไม่มีวันถูกฆ่าตายด้วยลูกธนูที่ยิงมาจากมุมอับสายตา


หากต้องการจะฆ่าเทวทูต การต่อสู้ระยะประชิดคือสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้


ความเป็นความตายของเทวทูต มิได้ถูกตัดสินด้วยกลศึกของศัตรู


กริดเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้ จึงยอมสละสถานะ ‘บิน’ ที่ได้เปรียบและเป็นฝ่ายร่อนลงมาหา


ทว่า ฝ่ายที่ชื่นชอบการบินไม่ได้มีแค่กริด


สันตะปาปาสยายปีกสีขาวออกจากแผ่นหลัง


ขนนกขาวโพลนปลิวกระจัดกระจายออกจากปีกสามคู่


มงกุฎสันตะปาปาร่วงหล่นลงพื้นและแทนที่ด้วย ‘วงแหวน’ แห่งแสง


ชื่อตัวละครที่ถูกเผยให้เห็นคือ <มิคาเอล>


ซาลิเอลเคยเล่าว่า มิคาเอลคือเทวทูตที่มีตำแหน่งสูงในหมู่เทวทูต


ได้ยินว่าเทวทูตตนแรกของเทพหรืออะไรทำนองนั้น


อีกฉายาหนึ่งของมิคาเอลคือ ‘อัศวิน’ และ ‘ผู้ลงทัณฑ์’


มีพลังที่โดดเด่นที่สุด เป็นรองเพียงอัครเทวทูตราฟาเอลและกาบริเอล


และอาจแข็งแกร่งที่สุดหากเป็นความสามารถด้าน ‘การฆ่า’


นั่นเพราะตำแหน่งของมันคือทัพหน้าของกองทัพเทวทูต


มิคาเอลเข้าร่วมสงครามมากที่สุด และมีผลงานการ ‘ลงทัณฑ์’ มากที่สุด


“ใครกันที่โอ้อวดว่าตนคือเทพ”


เมื่อมิคาเอลพึมพำ ดาบศักดิ์สิทธิ์พลันขยายขนาดพร้อมกับเสียงอึกทึกที่แสบแก้วหู


เสียงดังกล่าวคือผลจากการดูดซับแสงสว่างจนใบดาบแยกออกเป็นหลายสิบกิ่ง


เมื่อดาบศักดิ์สิทธิ์มีความยาวถึงห้าเมตร ไม่มีใครในบริเวณใกล้เคียงสามารถลืมตาได้อีก


แสงจากดาบสว่างเจิดจ้าถึงเพียงนั้น


แต่ต้องขอบคุณมัน กริดจึงได้ทราบคุณสมบัติลับของคลาสเกรดมิธ


ชายหนุ่มไม่ได้ตาบอดแม้จะเผชิญหน้ากับแสงจ้าที่สาดส่องไปทั่ววาติกัน


ไม่มีแม้แต่ความระคายเคือง


เทพคือตัวตนที่สามารถสัมผัสกับดวงอาทิตย์ เป็นธรรมดาจะไม่ได้รับผลกระทบจากแสงจ้า


“ขั้นตอนในการเป็นเทพของเจ้ามันผิดเพี้ยน… เทพจักต้องถือกำเนิดจากเทพธิดา หรือไม่ก็ถูกยอมรับโดยชาวแอสการ์ด มิใช่เกิดจากความประสงค์ของตน… ไม่ต้องห่วง ข้าจะแก้ไขให้เอง… อันดับแรกคงต้องทำให้เจ้าเปลี่ยนความเชื่อ”


มิคาเอลประกาศกร้าวพร้อมกับกดดาบศักดิ์สิทธิ์เล่มใหญ่ลง


พลังทำลายของดาบเล่มนี้ไม่ธรรมดา กริดจึงเลือกที่จะหลบ


แต่ในเสี้ยววินาทีถัดมา ชายหนุ่มตระหนักว่าตนตัดสินใจผิดพลาด


เกล็ดแสงกระจายไปทุกทิศ บ้างยืดยาวประหนึ่งหอกและพุ่งแทงกริด บ้างควบแน่นเป็นวงกลมที่ดูเหมือนจะมีคุณสมบัติระเบิด


สำหรับกริด ความผิดพลาดของมันยังไม่ร้ายแรงเกินไปนัก


มีหลายวิธีที่จะแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น และกริดยังเป็นประเภทที่เรียนรู้จากความผิดพลาด


มันตัดสินใจยังไม่ใช้ชุนโป


หลักการของชุนโปคือการเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปยังจุดที่มอง และนั่นหมายความว่า ถ้าศัตรูสามารถอ่านวิถีของสายตาและคาดเดาอย่างแม่นยำ การเคลื่อนที่ก็จะถูกโจมตีดักหน้า


บางที การใช้ชุนโปกับมิคาเอลอาจทำให้กริดตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


ชายหนุ่มพุ่งฝ่าเข้าไปโดยใช้หัตถ์เทวะสี่ข้างเป็นแนวป้องกัน


จากนั้นก็ใช้เทพอสนีห่อหุ้มร่างกายเพื่อหลบหอกแสง ตามด้วยการลดแรงระเบิดของก้อนแสงด้วย ‘จิตวิญญาณเสือขาว’


ขณะกริดกำลังพุ่งแหวกอากาศ


เป็นอีกครั้งที่มิคาเอลกดดาบแห่งแสง


ห้วงมิติถูกฟันขาด เกล็ดแสงจำนวนมากกระจัดกระจายและพุ่งเข้ามาโจมตีอีกครั้ง


บริเวณใกล้เคียงทั้งหมดล้วนตกอยู่ภายใต้อำนาจของมิคาเอลโดยสมบูรณ์


หลักพัน ไม่สิ หลักหมื่น หรืออาจจะมากกว่านั้น


เกล็ดแสงจำนวนนับไม่ถ้วนที่มีพลังทำลายมหาศาลได้ตรึงความเคลื่อนไหวของกริดไว้โดยสมบูรณ์ ส่วนร่างหลักก็ใช้ดาบยักษ์ฟาดฟันทำลายกริด


ดวงตาสีฟ้าของมิคาเอลหันไปทางซ้าย


ในวินาทีที่ดาบศักดิ์สิทธิ์ฟันใส่ ‘ภาพตกค้าง’ กริดได้หายตัวไปโผล่ในจุดที่มิคาเอลกำลังจ้อง


ไม่เพียงแค่นั้น ดาบแห่งแสงขนาดมหึมาเล่มนี้เติบโตขึ้นในทุกวินาที


ขณะกำลังฟันใส่กริด มันมีความยาวถึงมากเจ็ดเมตรแล้ว


แสงสว่างที่ราวกับจะลบทุกสิ่งให้หายไปจากโลก


แม้แต่แสงสีส้มรายล้อมร่างกริดก็ถูกกลืนกิน


ไม่สิ ไม่ได้ถูกกลืนกิน


“นภา”


มันยังไม่ได้หายไป


มันทำหน้าที่เป็นจุดแสงเล็กๆ ท่ามกลางโลกแห่งแสงอันเงียบสงบ


และในไม่ช้า จุดแปรเปลี่ยนเป็นเส้น


เส้นที่กระเพื่อมเหมือนคลื่น


กริดซึ่งถูกดาบแสงฟันเข้าที่หัวไหล่ กัดฟันพุ่งต่อไปโดยหวังพึ่งพาเกราะไหล่เสือขาวที่ถูกฟินิกซ์แดงโอบกอด


แม้คมดาบที่ใหญ่และแหลมจะค่อยๆ ฝังลึกเข้าไปในสะบักไหล่ แต่กริดก็ยังไม่หยุด


ตรงกันข้าม มันเร่งความเร็ว


มิคาเอลที่เห็นกริดพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วสูง เพิ่งตระหนักว่าเสียงที่ดังมาจากเกราะไหล่ของกริดมิใช่เสียงกรีดร้อง แต่เป็นเสียงคำราม


<คำราม!> Lv.1


อัญเชิญภาพมายาของเสือขาวคำราม


ศัตรูทั้งหมดในระยะของเสียงคำรามของเสือขาว จะชะงักอย่างน้อยหนึ่งวินาที และสูงสุดเจ็ดวินาที สำหรับพันธมิตรจะได้รับพลังป้องกันเพิ่มขึ้น 10%


มานา: 2,000


ระยะหน่วง: 12 ชั่วโมง


“…!”


มิคาเอลซึ่งเตรียมลงมือในจังหวะที่กริดเข้าใกล้ พลันมีสีหน้าแข็งทื่อ


เป็นเพราะร่างกายของมันมิอาจขยับเขยื้อน


มิคาเอลต้องการลดดาบให้ต่ำลงกว่านี้ แต่ก็ไม่สามารถส่งกำลังแขนไปทำให้สำเร็จ


‘การก่อกวนจากพวกสัตว์ป่าฝั่งตะวันออก’


มิคาเอลพลันฉุนเฉียว แต่สีหน้าภายนอกกลับยังผ่อนคลาย


ถ้าร่างกายขยับไม่ได้ ใช้เวทมนตร์ก็สิ้นเรื่อง


มันเสริมเวทมนตร์ให้กับพลังศักดิ์สิทธิ์ที่เอ่อล้นรอบๆ ดาบ


ฉากตรงหน้าเป็นราวกับปาฏิหาริย์


มิใช่เพียงแสงสว่างรอบๆ ดาบยักษ์


แต่แสงทั้งหมดโดยรอบที่มีพลังศักดิ์สิทธิ์ ล้วนถูกแทนที่ด้วยพลังเวท


ทุกสิ่งเชื่อมโยงกันโดยมีดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นสื่อกลาง


<ทำลายล้าง>


เป็นเวทมนตร์ที่พัฒนาจากมหาเวท


มิคาเอลมักใช้ในการ ‘ลงทัณฑ์’ ซึ่งบ่อยครั้งจะสร้างความพินาศในระดับภัยธรรมชาติ


มันหวังจะเห็นสีหน้าตื่นตะลึงของกริด


มันหวังให้กริดกระอักเลือดและล้มลงไปนอนกอง


หวังจะเห็นกริดพินาศด้วยพลังของตน


มิคาเอลไม่เคยวาดภาพความพ่ายแพ้ของตนในหัว จนกระทั่งการลงทัณฑ์ที่มันภาคภูมิใจได้ถูกทำลายในวินาทีแรกที่ปลดปล่อยออกมา


ได้เห็นฉากตรงหน้า โทสะมิคาเอลพลันท่วมท้นจนก่อเกิดจิตสังหาร


ขณะเดียวกัน กริดกำลังเข้าประชิดตัวพร้อมกับปลดปล่อยเวทมนตร์และด้ายเงิน


นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น


การรำดาบเมื่อครู่ก็เป็นแค่จุดเริ่มต้น


นับตั้งแต่ได้รับคลาสเทวตำนาน มันก็ไม่เกรงกลัวเทพตนใด


ท่ามกลางโลกที่แสงสว่างเริ่มเลือนราง ภาพตกค้างสีส้มค่อยๆ ขยายขนาด


และทุกครั้งจะมาพร้อมเสียงคำรามที่น่าเกรงขาม


เป็นเสียงของวิชาดาบ ‘นภา’ ซึ่งเป็นการรวมกันของท่ารำดาบเดี่ยวทั้งหมด


ปราณดาบเส้นแล้วเส้นเล่าตัดผ่านสายลมเข้าไปปะทะร่างมิคาเอล


เกิดเป็นเสียงปะทะดังกึกก้องราวกับฟ้าร้อง


นี่สิ ทัณฑ์สวรรค์ที่แท้จริง

______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,003
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ



Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00