จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,322
โลกพลันโกลาหลเมื่อหลายฝ่ายเริ่มเข้าใจความหมายของมหากาพย์กริด
『ช่องว่างระหว่างตำนานรุ่นก่อนและรุ่นปัจจุบันหายไปแล้ว…』
ทุกคนตกใจมาก
ไม่มีใครคาดฝันมาก่อนว่า มนุษย์ในยุคปัจจุบันจะมีฝีมือทัดเทียมตำนานรุ่นก่อน
ย่อมต้องเป็นเช่นกัน เพราะพลังของตำนานในอดีตส่วนใหญ่ล้วนอยู่นอกเหนือสามัญสำนึก
ไม่ต้องมองที่ไหนไกล การผนึกจอมอสูรลำดับ 9 ‘เฮลกาโอ’ ซึ่งมุลเลอร์กระทำโดยลำพัง มิใช่สิ่งที่มนุษย์หรือผู้เล่นคนใดจะเอื้อมถึง
แต่กระนั้น มหากาพย์ของกริดกลับยืนยันกับทุกคนว่า กำแพงที่ขวางกั้นระหว่างอดีตตำนานกับตำนานรุ่นปัจจุบัน ถูกทำลายลงโดยสมบูรณ์แล้ว
『ผมไม่คิดไม่ฝันมาก่อนว่าวันนี้จะมาถึง นี่มันมหัศจรรย์มาก! สุดยอด! ผมภูมิใจมากครับ!! หมายความว่าในปัจจุบัน ผู้ดำเนินเรื่องหลักของซาทิสฟายได้เปลี่ยนมือจาก NPC มาเป็นผู้เล่นอย่างเต็มรูปแบบแล้วครับ! 』
ตำนานรุ่นปัจจุบันมีทั้งสิ้นเจ็ดคน
ห้าจากเจ็ดเป็นผู้เล่น หรือกล่าวได้ว่า ในอนาคต ผู้เล่นห้าคนนี้จะมีอิทธิพลอย่างมากในฐานะบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดของโลก
เมื่อผู้เล่นมีส่วนสำคัญมากขึ้น ผู้คนจึงเริ่มตั้งความหวังกับซาทิสฟายมากขึ้น หวังให้เกมเกมนี้เปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของตน
หลายคนเคยหวาดกลัวเรื่องที่จอมอสูรจะปรากฏกายบนโลกและทำลายเมือง ทำลายทุกสิ่งที่ตนสร้างขึ้นมากับมือจนเหลือเพียงความว่างเปล่า อีกทั้งยังเบื่อหน่ายการถูกกดขี่โดยเกณฑ์ของ NPC
นับแต่นี้ไป ผู้ที่คอยปกป้องโลกจะไม่ใช่ NPC จากยุคกลาง หากแต่เป็นตำนาน
ซาทิสฟายจะถูกปกครองด้วยผู้เล่น ตัวเกมจะมีอิสระมากขึ้น และปลอดภัยมากขึ้น
ไม่ว่าอย่างไร การพัฒนาของตำนานล้วนส่งผลดีต่อตัวพวกเขา
ทว่า ผู้เชี่ยวชาญหลายฝ่ายออกมาปราม ว่าตอนนี้ยังไม่ควรตั้งความหวังมากเกินไปนัก
『กริดลบล้างความแตกต่างระหว่างรุ่นก่อนกับรุ่นปัจจุบันได้ก็จริง แต่นั่นอาจหมายถึงกริดเพียงคนเดียว ไม่ใช่ตำนานทุกคนในยุคปัจจุบัน และอันที่จริง นักลอบสังหารในตำนานกับอริยศรเพิ่งถือกำเนิด ไม่หลักการใดยืนยันได้ว่า ตำนานปัจจุบันทุกคนจะผลิบานในเวลาเดียวกันครับ』
『โลกยังไม่ปลอดภัยจากภัยคุกคามทุกชนิด รวมไปถึงจอมอสูร และยังเร็วเกินไปที่จะตีความว่าโลกกำลังอยู่ภายใต้การปกครองของผู้เล่น การเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นจะไม่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันแน่นอน ผมมองว่าเรายังไม่ควรคาดหวังมากนัก ไม่อย่างนั้นจะมีเพียงความผิดหวังที่รออยู่』
ผู้เล่นส่วนมากต้องการความสนุกสนาน หรือไม่ก็กำไร
ทุกคนย่อมหงุดหงิดเวลาที่จอมอสูรปรากฏกายและทำลายข้าวของ
หลายฝ่ายตื่นเต้นกับข่าวนี้เพราะเชื่อว่า การกำราบจอมอสูรจะง่ายขึ้นกว่าเดิมมาก
แต่เมื่อผู้เชี่ยวชาญนำเสนอมุมมองในกรณีเลวร้ายและทำลายความหวัง ด้วยเกรงว่าผู้ชมจะเกิดความไม่พอใจ บรรดาพิธีกรจึงต้องหาทางปลอบอารมณ์คนดู
『ถึงกริดจะแข็งแกร่งขึ้นแค่คนเดียว แต่นั่นก็เยี่ยมมากแล้วไม่ใช่หรือครับ? นับแต่นี้ไป พวกเราคงได้เห็นวิดีโอของเขา ‘โซโล่’ บุกถล่มจอมอสูรอย่างต่อเนื่อง』
『แน่นอน ถ้าเป็นจอมอสูรลำดับต่ำ ลำพังกริดคนเดียวก็คงเพียงพอ…』
『 มีการบันทึกไว้ว่า อดีตตำนานอย่างมุลเลอร์ สามารถผนึกจอมอสูรลำดับ 9 ‘เฮลกาโอ’ ด้วยตัวคนเดียว ในกรณีนี้อาจหมายความว่า ทางกริดก็อาจมีฝีมือทัดเทียมจอมอสูรหลักเดียวแล้วเช่นกัน พวกเราต้องไม่ลืมว่า กริดเพิ่งส่งบีเลธกลับขุมนรกเมื่อไม่นานมานี้』
『ฮะฮะ! พูดแบบนั้นก็เกินไปหน่อยครับ มุลเลอร์เป็นตำนานเหนือตำนาน เป็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา นอกจากเขาแล้ว ยังมีใครเคยผนึกจอมอสูรตามลำพังด้วยหรือ? กระทั่งนักล่าอสูร อเล็กซ์ ก็ไม่เคยได้ยินว่าจัดการจอมอสูรหลักเดียวสำเร็จ ผมคิดว่าพวกเรากำลังตั้งความคาดหวังกับกริดมากเกินไป』
『แต่กริดมักทำเรื่องเหนือสามัญสำนึกได้เสมอ…』
『ไม่เถียงครับ กริดยอดเยี่ยมมาก และจะยังเป็นเช่นนั้นต่อไป เขาพัฒนาตัวเองขึ้นจากเดิมหลายเท่า จนถึงสุดที่ผมสงสัยว่า บางทีเขาอาจก้าวข้ามแพ็กม่าเรียบร้อยแล้ว นั่นคือเรื่องที่น่าชื่นชมอย่างมาก แต่ทุกสิ่งล้วนมีขีดจำกัด กริดไม่ใช่ซูเปอร์แมนในการ์ตูน พวกคุณคาดหวังในตัวเขาเกินไป… และต้องไม่ลืมว่า จอมอสูรคือวายร้ายที่สำคัญในเกมซาทิสฟาย เป็นบททดสอบที่ผู้เล่นต้องฝ่าฟันเอาชนะ คุณคิดจะสวดวิงวอนขอให้คนอื่นทำหน้าที่นี้แทนตลอดไปเลยหรือ? 』
กริดแข็งแกร่งที่สุด ไม่มีใครปฏิเสธได้
อย่างไรก็ตาม เฉกเช่นที่ทุกสิ่งมีขีดจำกัด คลาสผู้สืบทอดแพ็กม่าก็เช่นกัน
คงโหดร้ายเกินไปสักนิด หากทุกคนตั้งความหวังกับกริดไว้สูงจนเกิดขีดความสามารถ และออกมาโวยวายเมื่อผลลัพธ์ไม่ได้ดังใจ
นักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญต่างศึกษาข้อมูลของกริดอย่างละเอียดนานหลายปี จนตอนนี้เผลอเป็นแฟนคลับไปโดยไม่รู้ตัวแล้ว
***
ต้นหญ้าปลิวไสวไปตามแรงลม ท้องฟ้าสีครามปราศจากก้อนเมฆ
ภาพอันชวนให้นึกถึงชนบทสดใหม่แห่งนี้ ความจริงแล้วคือนรก
ตรงข้ามกับทัศนียภาพของนรกที่ผู้คนจินตนาการ นรกของจริงมิได้แตกต่างจากโลกมนุษย์มากนัก
อย่างไรก็ตาม กริดไม่แตกตื่นหรือประหลาดใจ
ชายหนุ่มเคยเยือนนรกมาแล้วหนหนึ่ง เคยเห็นภูมิประเทศของนรกด้วยตาตัวเอง
‘…จากนั้นก็ถูกถีบออกทันทีเมื่อร่างมืดหมดเวลา’
มนุษย์ธรรมดาจะถูกขับไล่ออกจากนรก เพราะพวกมันไม่มีสิทธิ์ลงนรก
แต่ครั้งนี้ของกริดแตกต่างออกไป
[นรกมิอาจขับไล่ท่าน เพราะท่านถูกยอมรับโดยจอมอสูรลำดับ 9]
[เงื่อนไขห้ามมนุษย์เข้า ไม่มีผลต่อท่านอีกต่อไป ]
[ชื่อเสียงในนรกของท่านคือ 7,000 แต้ม ผลข้างเคียงด้านลบจะลดลง 15%]
[ที่นี่คือนรก ดินแดนที่มนุษย์ไม่ควรเข้ามาเหยียบ ไม่มีอุปกรณ์หรือความเมตตาใดคอยปกป้องคุ้มครองมนุษย์]
[อัตราการฟื้นฟูทรัพยากรทุกชนิดลดลง 85% เอฟเฟคการรักษาลดลง 70% ค่าเรี่ยวแรงจะลดลงเร็วกว่าปรกติสามเท่า พลังศักดิ์สิทธิ์และพลังเวทลดลง 90% ทักษะประเภทป้องกันตัวและเคลื่อนที่จะมีเวลาร่ายเพิ่มขึ้น 50%]
[ค่าสถานะทุกชนิดลดลง 20%]
“…”
ร่างกายชายหนุ่มกำลังหนักอึ้ง
กริดสัมผัสได้ว่า มีผลข้างเคียงเกิดขึ้นกับร่างกายตน มากกว่าที่ข้อความระบบเขียนไว้
‘สมกับเป็นจุดเก็บเลเวลระดับเอนด์เกม’
ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะลงมาเหยียบ
ทีมงานคงไม่ต้องการให้ผู้เล่นเข้าถึงระบบเอนด์เกมได้ง่ายนัก
กริดส่ายหน้าเมื่อตระหนักว่า ทาง SA กรุปคิดจะกอบโกยกับซาทิสฟายไปอีกแสนนาน
จากนั้นก็หันไปถามยูร่าที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“นรกขุมที่เท่าไร?”
“ที่นี่คือเขตเป็นกลาง เผ่าอสูรธรรมดาจะอาศัยตามเมืองและหมู่บ้าน”
“เผ่าอสูรธรรมดา?”
เผ่าอสูรก็คือเผ่าอสูร แล้วเผ่าอสูรธรรมดาคืออะไร?
กริดเอียงคอสงสัย พลางสบตากับเด็กชายตาเดียวซึ่งยืนอยู่นอกทางเข้าหมู่บ้านที่ห่างออกไป
เมื่อเห็นเด็กชายรีบหนีกลับเข้าหมู่บ้านด้วยความกลัว ความทรงจำเก่าเริ่มย้อนกลับมาฉาย
‘เผ่าอสูรในตอนนั้นก็กลัวเราเหมือนกัน…’
สมัยที่กริดมาเยือนนรกหนแรก ชาวนรกต่างมองประหนึ่งตัวประหลาด
อึ๋ย! มนุษย์!
เสียงตะโกนยังคงดังก้องในหัวชายหนุ่ม
“เฉกเช่นมนุษย์ที่มีหลายเผ่า อสูรก็เช่นกัน เผ่าอสูรที่อาศัยอยู่ในเขตเป็นกลางจะไม่ต่างจากมนุษย์มากนัก พวกเขาใช้ชีวิตด้วยหลักเหตุและผล มิใช่สัญชาตญาณ ทั้งหมดจะอยู่ร่วมกับภายใต้กฎหมายและศีลธรรม”
“เผ่าอสูรทุกตนมิได้ป่าเถื่อน?”
“ถูกต้อง พวกเขามีวัฒนธรรม มีสกุลเงินและมีตลาดแลกเปลี่ยน เรียกได้ว่าเหมือนกับมนุษย์แทบทุกอย่างยกเว้นการอาศัยอยู่ในนรก”
“ถูกจำแนกให้เป็น NPC ไม่ใช่มอนสเตอร์?”
“ใช่… แถมยังมีค่าความสัมพันธ์เหมือน NPC ปรกติ แบ่งออกเป็นสามระดับ : หวาดระแวง เป็นกลาง และเป็นมิตร เมื่อสร้างความสัมพันธ์จนถึงระดับเป็นมิตร นายสามารถใช้งานร้านค้าและที่พักอาศัยได้อย่างอิสระ แต่ต้องเป็นสกุลเงินของที่นี่เท่านั้น ความร่ำรวยบนโลกกึ่งกลางไม่มีผล”
“อะไรกัน… ฉันต้องเริ่มต้นจากยาจกอีกแล้วหรือ”
“ถูกต้อง แม้แต่ทองคำก็ไม่มีค่าที่นี่”
ประเมินจากอากัปกิริยาที่กำลังสั่นสะท้านของยูร่า กริดเดาได้ทันทีว่า เธอคงทุกข์ทรมานพอสมควรก่อนจะลืมตาอ้าปากได้ในนรก
นั่นทำให้กริดสั่นตาม
‘ไอ้พวก SA กรุป…’
พวกมันทำให้ความมั่งคั่งทั้งหมดที่สั่งสมมาอย่างยากลำบาก กลายเป็นสิ่งไร้ค่าที่นี่
เชี่ยวชาญการหักหลังผู้เล่นเหลือเกิน…
ดูเหมือนว่า นอกจากผลข้างเคียงที่ร้ายแรงในเชิงค่าสถานะ กริดยังต้องล้มลุกคลุกคลานด้วยกรอบสามัญสำนึกเดียวกับผู้เล่นใหม่
‘เป็นบริษัทเกาหลี… ก็เลยเก่งทำซุปกระดูกวัว’
(ชาวเกาหลีเชื่อกันว่า ซุปกระดูกวัวช่วยเพิ่มกำลังวังชาและอายุขัย)
พวกมันคิดจะเปิดเกมไปอีกร้อยปีเลยรึไง?
หากคำนึงถึงความสำเร็จอันล้นหลาม กริดพอจะเข้าใจได้ว่า ทำไม SA กรุปถึงอยากเปิดซาทิสฟายไปตราบนานเท่านาน เพราะปรากฏการณ์เช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกแล้วในวงการเกม
‘แต่ก็ไม่เลว’
ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า กริดคือผู้ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในซาทิสฟาย ชายหนุ่มผูกขาดหลายสิ่งไว้กับตัว ดังนั้น ยิ่งซาทิสฟายมีอายุยืนเท่าไร ก็ยิ่งเป็นผลดีกับตัวเขามากเท่านั้น
“แล้วทำไมจอมอสูรถึงปล่อยให้เขตนี้เป็นกลาง?”
นรกแบ่งออกเป็น 33 ส่วน และจอมอสูรจะแบ่งดินแดนกันปกครอง
กริดเคยได้ยินมาว่า จอมอสูรมักกระทบกระทั่งกันบ่อยครั้งเพราะบางตนต้องการขยายอาณาเขต
หลังจากได้ยินคำถาม ยูร่าตอบอย่างไม่มั่นใจนัก
“ไม่แน่ใจเหมือนกัน คล้ายกับมีกฎที่จอมอสูรทุกตนเห็นพ้องและไม่ฝ่าฝืน แต่ฉันไม่ทราบแน่ชัดว่ากฎดังกล่าวระบุไว้อย่างไร”
“อา…”
ช่างมันปะไร เรื่องนั้นไม่สำคัญ
กริดพยักหน้ารับก่อนจะเดินตรงไปทางหมู่บ้าน แต่ยูร่ารีบคว้าแขนห้าม
“หากนายเข้าไปทั้งแบบนี้ ชาวนรกจะเกิดความหวาดระแวง”
“ต้องทำยังไง? ปล่อยผ่านหมู่บ้านนี้?”
“เปล่า… ถ้านายฆ่าสัตว์อสูรในละแวกใกล้เคียงและเก็บหลักฐานมาแสดง ชาวนรกจะลดความหวาดระแวงลง หรือกล่าวได้ว่า เราควรล่าสัตว์อสูรก่อนเข้าหมู่บ้านเพื่อทำภารกิจ… หากนายต้องการใช้ชีวิตในนรก อย่างน้อยก็ต้องมีค่าความสัมพันธ์เพียงพอที่จะอาศัยในหมู่บ้าน”
ถือเป็นคำแนะนำที่ดีและมีค่ามากจากผู้เคยอาบน้ำร้อนมาก่อน
กริดยังคงถามต่อ
“ไม่ใช่ว่าเผ่าอสูรกับสัตว์อสูรเป็นพวกเดียวกันหรือ?”
“แม้จะอยู่ใกล้กัน แต่มนุษย์และสัตว์ป่าก็ไม่เคยเป็นมิตรต่อกัน”
“อาฮะ… เข้าใจแล้ว”
สัตว์อสูรเป็นภัยคุกคามกระทั่งกับเผ่าอสูรเอง ถึงจะมีเผ่าอสูรบางชนิดที่คล้ายดูสัตว์อสูรมากก็ตาม
“ซัคคิวบิเป็นมอนสเตอร์ที่อยู่ในนรกขุมที่ 32… การจะไปเยือนนรกขุมที่ 32 ต้องมีน้ำหอมที่ช่วยผนึกพลังหยินและหยาง ดังนั้นก่อนเดินทาง นายต้องทำภารกิจเพื่อรับน้ำหอมให้เรียบร้อย”
“ตกลง”
คล้ายกับผู้เล่น 400 กำลังแนะนำมือใหม่เลเวล 1
ยูร่าซึ่งเปี่ยมด้วยประสบการณ์ในนรกนานหลายปี ช่วยอำนวยความสะดวกให้กริดทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาสัตว์อสูรหรือทำภารกิจในหมู่บ้าน
ชายหนุ่มไม่ต้องเผชิญความทุกข์ยากที่ยูร่าเคยพบเจอ เธอทำหน้าที่คนขับรถบัสได้อย่างไร้ข้อบกพร่อง
แต่ไหนแต่ไร หน้าที่คนขับรถบัสมักตกเป็นของกริด แต่คราวนี้ได้เป็นผู้โดยสารก็รู้สึกดีไปอีกแบบ
มีใครบ้างไม่ชอบความสะดวกสบาย
‘นี่คือเหตุผลที่เพื่อนฝูงเป็นสิ่งสำคัญ’
ต้องขอบคุณยูร่า ชายหนุ่มย่างกรายสู่นรกขุมที่ 32 โดยไม่หลงทางหรือเสียเวลา
แต่ทันใดนั้น กริดเริ่มกลืนน้ำลาย
ทัศนียภาพตรงหน้าพลันมืดลงกะทันหัน กริดมองเห็นแม่น้ำโลกันตร์ที่ไหลคล้ายลาวาเดือด
ลมหายใจเริ่มติดขัดราวกับมีของเหลวเหนียวข้นกีดขวาง เหงื่อเย็นเม็ดใหญ่ผุดตามร่างกายพร้อมกับอาการวิงเวียนศีรษะ
“ฉีกน้ำหอม”
“ตกลง”
น้ำหอมที่ได้มาจากภารกิจชาวนรก กริดฉีดลงบนร่างกาย
เป็นความรู้สึกที่คล้ายกับการทาขี้วัวของบ้านคุณปู่ลงบนตัว
กลิ่นของมันชวนให้อึดอัดและขยะแขยง
แต่จากนั้นไม่นาน ลดหายใจเริ่มไม่ติดขัด มาพร้อมกับความรู้สึกสดชื่น
“ทำไมกลิ่นที่เหมือนขี้วัวถึงรู้สึกสดชื่น?”
“พลังหยินของนายถูกผนึก”
“อา… เริ่มกันเถอะ”
กริดทำการอัญเชิญโครงกระดูกโอเวอร์เกียร์และบรรดาสัตว์เลี้ยง
ในสภาพที่พลังเกือบทั้งหมดถูกลดทอน การมีผู้ช่วยเพิ่มแม้เพียงหนึ่งย่อมถือเป็นเรื่องดี
เหนือสิ่งอื่นใด ที่นี่คือขุมนรก เป็นบ้านเกิดซึ่งโนเอะจะได้เฉิดฉาย
“เมี๊ยว~ มิ้ว!”
โนเอะปรากฏกายพร้อมกับเสียงร้องน่าเอ็นดูอันเป็นเอกลักษณ์ แต่หางเสียงกลับหนาขึ้นจากปรกติเล็กน้อย
ไม่เพียงเท่านั้น รูปร่างหน้าตายังแตกต่างไปจากเดิม
โนเอะจากแมวน้อยน่ารัก จะกลายเป็นตัวอไรในนรกกันนะ 5555
ReplyDelete