จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,317



กระบี่ที่พุ่งใส่หว่างคิ้วของชายหนุ่ม พลันโค้งงอราวกับเคียวและแทงลงไปยังไหปลาร้า


แม้จะประหม่าเล็กน้อย แต่ครอเกลก็ยังใช้ปลอกดาบรับไว้อย่างเยือกเย็น


กระบี่อ่อนที่ถูกฝักปัดป้อง ดีดกลับไปตำแหน่งเดิมด้วยความยืดหยุ่น


ครอเกลชักดาบออกพลางหมุนฝักดาบกลับ


ในสภาพกลับด้าน ชายหนุ่มผลักฝักดาบของตนไปข้างหน้า


“…โฮ่?”


ดวงตาของยังบัน ‘เยอึม’ พลันเบิกกว้าง เนื่องจากกระบี่อ่อนของเธอถูกมนุษย์ใช้ฝักดาบครอบไว้


ขณะหญิงสาวรีบดึงกระบี่กลับ ดาบของครอเกลได้ฟันเฉือนใส่สะโพกอย่างแม่นยำ


แม้จะฟันเข้าไปได้ลึก แต่สีหน้าครอเกลกลับไม่ค่อยสู้ดีนัก


‘การโจมตีธรรมดาแทบไม่เป็นผล…’


ความเสียหายจากการโจมตีธรรมต่ำมากจนน่าตกใจ


หลังจากประเมินค่าพลังป้องกันของเยอึม ครอเกลตัดสินใจใช้จาจินโมริ


เป็นท่าพุ่งเตะจากระยะไกล ช่วยย่นระยะห่างในพริบตาและสร้างเอฟเฟคกระเด็น


เยอึมถูกผลักไปด้านหลังสองสามเมตร ก่อนจะรีบทรงตัวและไล่ตามชายหนุ่ม


ท่ามกลางฝุ่นควัน หญิงสาวเห็นหลังครอเกลวิ่งไปไกลลิบ


หากเป็นคนทั่วไป การได้เห็นภาพดังกล่าวคงเกิดอาการถอดใจ แต่ไม่ใช่กับเยอึม


เธอคือยังบัน สิ่งมีชีวิตระดับครึ่งเทพที่ระยะทางแทบไม่มีความสำคัญ


“ชุนโป”


ร่างของเยอึมเคลื่อนย้ายมิติไปไกลหลายสิบเมตร ต่อด้วยการใช้เทคนิคจับคว้า กระชากเสื้อคลุมตัวใหญ่ของมนุษย์ชายเอาไว้ได้


ทันใดนั้น ใบมีดอันแหลมคมกลุ่มหนึ่งพุ่งกระหน่ำใส่ท่อนแขนเรียวขาวของเยอึมราวกับพายุ


เป็นพลัง ‘จิตไร้รูปร่าง’


‘หืม… ปลุก ‘จิต’ สำเร็จแล้วสินะ’


ยังบันส่วนใหญ่ยังไม่เข้าใจหลักการของจิตไร้รูปร่าง


สำหรับพวกมัน จิตไร้รูปร่างคล้ายกับพรสวรรค์ติดตัว แม้แต่การัมก็ยังมองว่าสิ่งนี้คือพลังพิเศษที่สงวนไว้ให้ยังบันเท่านั้น


แต่เยอึมแตกต่างออกไป เธอเข้าใจหลักของจิตและจิตไร้รูปร่างอย่างถ่องแท้ เนื่องจากเคยตั้งใจศึกษาวิชาต่อสู้ร่วมกับมีร์ โดยมิได้ทระนงตนว่าเก่งกาจมากพอแล้ว


ชิ้ง! ชิ้งชิ้งชิ้งชิ้งชิ้ง!


เยอึมรับมือได้อย่างหมดจด เธอตอบสนองจิตไร้รูปร่างของครอเกลด้วยจิตไร้รูปร่างของตัวเอง


คลื่นพลังที่มองไม่เห็นปะทะเข้ากับปราณดาบที่มองไม่เห็นจนเกิดเป็นพายุเกรี้ยวกราด


ระหว่างนั้น การดวลระหว่างครอเกลและเยอึมยังไม่จบลง


เทคนิคของหญิงสาวเต็มไปด้วยความแพรวพราวและดุดัน มีทั้งเชิงหมัดมวย ฝ่ามือ และกระบี่ ทั้งหมดซับซ้อนและยากจะคาดเดา


เยอึมเคลื่อนไหวร่างกายได้ว่องไวจนเกิดเป็นภาพตกค้าง ฉากตรงหน้าช่างสง่างามและน่าสะพรึงสำหรับครอเกลที่ต้องเผชิญกับมัน


อริยดาบคนปัจจุบันปัดป้องพายุการโจมตีได้ไม่หมด แต่อย่างน้อยก็ยังทำสำเร็จอยู่บ้าง


นั่นทำให้เยอึมนึกชื่นชมภายในใจ


อีกฝ่ายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มิใช่เหนือมนุษย์ด้วยซ้ำ แต่พลังจิตและเทคนิคดาบกลับน่าทึ่งเกินสามัญสำนึกไปมาก เธอไม่เคยพบเจอมนุษย์ธรรมดาคนใดที่มีเชิงดาบสูงถึงเพียงนี้มาก่อน


‘วิชาดาบระดับเดียวกับมีร์… ไม่สิ อาจเหนือกว่า’


มีร์ ยังบันที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ยังบัน


แต่มนุษย์ธรรมดาตรงหน้าเธอกลับมีเชิงดาบที่สูงกว่า?


หากชายคนนี้สั่งสมระดับเหนือมนุษย์จนได้รับร่างกายที่สมบูรณ์แบบ จะไม่กลายเป็นสุดยอดเหนือมนุษย์เท่าที่เคยมีมาเลยหรือ?


“ยอดเยี่ยมมาก”


เยอึมถูกกีดขวางด้วยม่านดาบจนต้องถอยหลัง


ในใจเกิดความอยากรู้อยากเห็นจากก้นบึ้ง จึงเอ่ยปากถามมนุษย์ที่กำลังพยายามฟื้นฟูร่างกาย


“ทั้งที่เจ้าไม่ใช่เหนือมนุษย์ เหตุใดถึงสามารถจำแนกความแตกต่างในแต่ละการโจมตีจากข้าได้? แค่ตาดีอย่างเดียวไม่พอแน่”


“…”


ครอเกลไม่ตอบ


ไม่มีเหตุผลให้มันต้องอธิบายว่า ตน ‘คาดเดา’ การโจมตีที่แท้จริง จากการอ่านลักษณะกล้ามเนื้อ ทิศทางของสายตา และนิสัยประจำที่อีกฝ่ายชอบทำโดยไม่รู้ตัว


‘ท่าไม่ดีแล้ว…’


ครอเกลที่เพิ่งเข้ามาในคายาได้เพียงสองวัน กลับต้องเผชิญหน้ากับยังบันที่แข็งแกร่ง


บังเอิญเกินเกินไป… ไม่น่าจะเป็นโชคร้าย…


‘เป็นเพราะเราพยายามคุยกับชาวเมืองเพื่อรวบรวมข้อมูล?’


น้ำตกที่เป็นจุดซ่อนเทคนิคลับถัดไปของมุลเลอร์ เบาะแสเพียงอย่างเดียวก็คือ : สถานที่อับแสงแดด ครอเกลจึงพยายามสนทนากับชาวเมืองเพื่อสืบข้อมูลเพิ่มเติม


แต่เมื่อก้าวถอยหลังจากชาวเมืองคนหนึ่ง มันกลับพบยังบันยืนรออยู่


เรื่องแบบนี้ไม่น่าจะเกิดจากความบังเอิญ…


‘เราคิดง่ายเกินไป…’


ยังบันสูญเสียฟินิกซ์แดงและเต่าดำจากฝีมือของบุคคลภายนอก (กริด) ระหว่างนั้นก็สังเวยชีวิตพวกพ้องไปมากมาย


พวกมันอาจโอหัง แต่มิได้โง่และติดประมาท


ยังบันยกระดับการป้องกันในอาณาจักรคายาและปาขึ้นมากอย่าง แสดงออกชัดเจนว่าไม่ต้องการสูญเสียมังกรครามและเสือขาว


‘เราควรหยุดสนทนากับ NPC ที่นี่’


แนวทางการสืบข้อมูลต้องเปลี่ยนการลุยเดี่ยวอย่างเงียบเชียบ


นั่นอาจทำให้งานยากขึ้น แต่ครอเกลก็มิได้ลังเล


มันเคยผ่านประสบการณ์แก้ปริศนาซับซ้อนของวงกตด้วยตัวคนเดียวมาแล้ว


แต่ปัญหาสำคัญในตอนนี้ก็คือ ตนจะสลัดหลุดจากยังบันตรงหน้าด้วยวิธีใด?


แล้วจะสลัดหลุดได้จริงหรือ? ในเมื่ออีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าหลายเท่า


เยอึม


ใบหน้ายิ้มแย้ม กิริยาท่าทางนุ่มนวล แต่สองมือปราศจากความปรานี


หญิงสาววิเคราะห์ศัตรูอย่างละเอียดโดยไม่ประมาท ไม่โอหังเหมือนยังบันคนอื่น แถมยังมีฝีมือสูงส่งจนน่าทึ่ง


‘ไม่คิดว่ายังบันจะเก่งขนาดนี้’


ในอดีต ครอเกลเคยออกปากเตือนกริดเกี่ยวกับความน่ากลัวของยังบัน


ณ ตอนนั้น ครอเกลยังไม่ทราบว่ายังบันแต่ละตนแข็งแกร่งไม่เท่ากัน อาศัยเพียงยังบันสามตนในแพงเจีย หนึ่งในนั้นคือการัม มาเป็นบรรทัดฐานของยังบันทั้งหมด


อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านมาหลายปี ครอเกลได้รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจากภารกิจ จนทำให้ทราบรายละเอียดเชิงลึกของยังบันมากขึ้น


ยังบันที่สอบซือโหยวผ่านด้วยคะแนนสูงสุดเจ็ดลำดับแรก จะได้รับอนุญาตให้ถอดหมวก ‘คัด’


หรือกล่าวได้ว่า ยังบันถอดคัดทุกตนล้วนแข็งแกร่ง


แต่เยอึมกลับเก่งกาจทั้งที่สวมคัด


‘ยังบันสวมคัดแข็งแกร่งขนาดนี้เชียว…’


ครอเกลหวนนึกถึงข่าวคราวที่กริดสังหารยังบันไปแล้วหลายตน


‘ช่องว่างของพวกเรากว้างขึ้นอีกแล้วสินะ’


หัวใจครอเกลพลันตื่นตัวเมื่อตระหนักว่าตนยังห่างชั้นกับกริดอยู่มาก


เลือดลมสูบฉีดเดือดพล่านขณะจินตนาการถึงวินาทีที่จะได้ดวลกับกริดอีกครั้ง


แต่ครอกเกลก็รีบยับยั้งชั่งใจ มันทราบดีว่า ตอนนี้ยังไม่ควรคิดถึงเรื่องท้าดวลกริด ไม่อย่างนั้นคงตบะแตกรีบเรียนเทคนิคลับของมุลเลอร์ก่อนถึงเวลาอันควร


‘ถ้าทำแบบนั้น คงมีเพียงความพ่ายแพ้รออยู่’


มันจะไม่พ่ายแพ้อย่างน่าสมเพชด้วยพลังของคนอื่นเด็ดขาด นั่นมีแต่จะทำให้กริดผิดหวัง


หลังจากกริดประกาศไม่ลงแข่งในปีที่แล้ว ครอเกลตระหนักถึงความห่างชั้นได้ชัดเจนยิ่งขึ้น


นับแต่นั้น มันมองว่าเป้าหมายในการเอาชนะกริดไม่ควรเป็นแผนระยะสั้น


เราในปัจจุบันยังเป็นรองกริดมากเกินไป…


‘…เกมนี้ทั้งสนุก ตื่นเต้น และยังอีกยาวไกล’


ขณะครอเกลพยายามสงบสติด้วยการคิดในเชิงบวก เยอึมพูดแทรก


“คงกำลังคิดอะไรอยู่สินะ… อย่าพยายามทำความเข้าใจนักเลย หากมัวแต่สงสัยว่าทำไมข้าถึงโจมตีใส่โดยไม่อธิบายเหตุผล หรือสงสัยว่าเหตุใดถึงเอาชนะข้าไม่ได้ เจ้าคงไม่มีวันพบคำตอบ”


“ไม่ได้คิดเรื่องไร้สาระแบบนั้นสักหน่อย”


ครอเกลเผยสีหน้าเหยียดหยันเมื่อถูกเยอึมพูดขัดจังหวะ


ใบหน้าของเยอึมชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หัวเราะ


“…คงกลัวจนสติแตกไปแล้วสินะ”


เยอึมถ่ายปราณเข้าไปในกระบี่อ่อน


เมื่อความพิสดารและพลิกแพลงของกระบี่อ่อนไม่ได้ผล ก็มีแต่ต้องเล่นงานด้วยดาบแข็ง


“ช่วงนี้เบื้องบนค่อนข้างเข้มงวด… พวกท่านห้ามมิให้บุคคลภายนอกเข้ามาเพ่นพ่านในเมืองโดยเด็ดขาด ดังนั้น คงต้องรบกวนให้เจ้าตายอย่างสงบ”


‘ถอยไม่ได้แล้ว…’


ครอเกลเริ่มเข้าใจว่า เหตุใดเยอึมถึงเลือกแถวนี้เป็นลานเชือดทั้งที่ค่อนข้างแคบ


เธอสามารถใช้ชุนโปไล่ตามได้ง่าย


มันแทบไม่มีโอกาสสลัดหลุด


เมื่อมองไปรอบตัวและประเมินว่าตนหมดทางหนี ครอเกลตั้งท่าเตรียมสู้แลกชีวิต


‘จะลดพลังชีวิตได้ถึงครึ่งไหมนะ… ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ คงไม่มีทางเลือกอื่นอีก’


“…?!”


“ดาบผ่ามิติ”


เมื่ออริยดาบผ่าภูเขาออกเป็นสองซีก กระทั่งครึ่งเทพก็ยังต้องยกย่องชื่นชมในอานุภาพ


ทุกครั้งที่ดาบคนทั้งสองปะทะกัน เหล่าวิหคต่างพากันบินแตกตื่นจนท้องฟ้าถูกปกคลุมด้วยสีดำ


***


[เฮลกาโอ เจ้าแห่งเพลิงโลกันตร์ปรากฏตัว!]


[เสียงคำรามของเฮลกาโอจะสร้างอาการผิดปรกติหวาดกลัว สับสน และอ่อนเพลีย ]


[ท่านต้านทาน ]


[ไฟของเฮลกาโอจะลดค่าต้านทานธาตุไฟลง 50%]


[ท่านต้านทาน ]


[เฮลกาโอที่ฟื้นคืนพลังเวทกลับมาหลายส่วน ทำการอัญเชิญแม่น้ำเพลิงโลกันตร์ขึ้นมาในอาณาเขต ]


[ความร้อนจากแม่น้ำเพลิงโลกันตร์จะทำให้เอฟเฟคฟื้นฟูพลังชีวิตลดลงครึ่งหนึ่ง ขณะเดียวกันก็จะได้รับความเสียหายประเภท ‘เผาไหม้’ อย่างต่อเนื่อง ]


[ท่านต้านทาน ]


[ค่าสถานะของเฮลกาโอเพิ่มขึ้นอย่างมากในยามที่แม่น้ำโลกันตร์ไหลผ่าน ]


[เสาอัคคีลุกโชนขึ้นและโจมตีใส่ท่าน ]


ในวินาทีที่เฮลกาโอปรากฏตัว แม่น้ำเพลิงโลกันตร์ถือกำเนิดขึ้นภายในดันเจี้ยน


“…!”


เสาเพลิงที่ลุกโชนขึ้นจากศิลาอัคคี พุ่งตรงมาทางกริดและเมอร์เซเดสอย่างเกรี้ยวกราด


เนื่องจากศิลาอัคคีถูกวางอยู่ทุกมุมของถ้ำ เสาอัคคีจึงพุ่งมาจากทุกทิศทางรอบตัวจนยากรับมือ


เมอร์เซเดสตะโกนเรียกกริดที่ยังหาจุดหลบหลีกไม่พบ


“ทางนี้ค่ะ!”


“…?!”


เมอร์เซเดสทำเพียงยืนนิ่งในจุดหนึ่ง กริดจึงไม่ทราบว่าเธอไปรู้อะไรเข้า แต่ถึงอย่างนั้นก็เชื่อมั่นและพุ่งไปหาโดยปราศจากความลังเล


เสาอัคคีเจ็ดต้นแผดเผาดันเจี้ยนจนมอดไหม้เกือบทั้งหมด ยกเว้นไม่กี่จุดที่ยังปลอดภัย ซึ่งพื้นที่รอบตัวกริดและเมอร์เซเดสคือหนึ่งในนั้น


“สุดยอด”


ขณะกริดกำลังชื่นชม เส้นผมสีฟ้าพลันสะบัดพลิ้วผ่านหน้า เป็นเมอร์เซเดสที่ขยับตัวมาบังกริดพลางยกโล่ขึ้นฟ้าอย่างคล่องแคล่ว


เวทอุกกาบาต


หนึ่งในเวทมนตร์ที่กริดเคยคิดว่าแข็งแกร่งที่สุด จนกระทั่งได้เห็นฝนอุกกาบาตของบราฮัม


อุกกาบาตพุ่งถล่มใส่พื้นที่ว่างซึ่งเสาอัคคีแผดเผาไม่ถึง แต่ก็ถูกเมอร์เซเดสใช้โล่รับเอาไว้ได้ทัน


กริดส่ายหน้า


‘นี่คือพลังของเนตรมองทะลุ?’


หญิงสาวสามารถอ่านรูปแบบการโจมตีของบอสได้ในทันที


ไม่แปลกใจที่แม้แต่เทพยังหวาดระแวงในพลังนี้…


ขณะกริดจ้องหญิงสาวด้วยแววตาหลงใหล เมอร์เซเดสกล่าวขึ้น


“ห้ามตกลงไปในแม่น้ำนะคะ”


“อื้อ”


ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ของกริดก็กำลังเตือนอันตรายจากแม่น้ำเช่นกัน


จริงอยู่ ชายหนุ่มสามารถต้านทานอาการเผาไหม้และห้ามฟื้นฟูจาก ‘ไอความร้อน’ ของแม่น้ำเพลิงโลกันตร์ แต่ถ้าร่างกายสัมผัสกับแม่น้ำโดยตรง ผิวหนังและกระดูกจะละลายในพริบตา


‘หากเฮลกาโอฟื้นฟูพลังกลับมาเต็มที่… ไฟของมันจะรุนแรงเทียบเท่าแม่น้ำเพลิงโลกันตร์?’


กริดพลันเย็นสันหลังเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ฉายาของเฮลกาโอคือ ‘เจ้าแห่งเพลิงโลกันตร์’


“พวกเจ้าเป็นใคร”


ท่ามกลางเสียงเปลวเพลิง กริดได้ยินเสียงของเฮลกาโอ


“…มาทำอะไรที่นี่?”


เฮลกาโอปรากฏตัวบนเกาะคอร์กบ่อยครั้งประหนึ่งบ้านหลังที่สอง มันย่อมคุ้นเคยการสนทนากับมนุษย์


เฮลกาโอพูดเก่งขึ้นมากเมื่อเทียบกับสมัยที่กริดเคยเจอ และเมื่อพบความไม่ชอบมาพากล มันตัดสินใจซักถามอย่างตรงไปตรงมา


“หรือว่าพวกเจ้าจะเป็น… ตำนานรุ่นก่อน?”


แม้จะถูกมนุษย์ย่ำยีหนแล้วหนเล่า แต่เฮลกาโอก็ฟื้นพลังคืนกลับมาหลายส่วน


ถึงจะอยู่ในร่างอสูรดาษดื่น แต่พลังเวทก็เทียบเท่าครึ่งหนึ่งจากสมัยรุ่งเรือง


เฮลกาโอเตรียมฉลองใหญ่ให้แก่การปรากฏตัวของศิลาอัคคีก้อนที่เจ็ด มันจะทำให้มนุษย์ได้ลิ้มรสความสิ้นหวังเมื่อตระหนักว่า พวกมันไม่มีสิทธิ์ย่ำยีตนเหมือนในอดีตอีกแล้ว


แล้วนี่คืออะไร?


ทำไมบุคคลที่ปรากฏตัวขึ้น ถึงได้แข็งแกร่งจนไม่น่าจะมาจากยุคสมัยปัจจุบัน?


ทันใดนั้น เฮลกาโอพลันตื่นตัวเมื่อประสานสายตากับกริด


ปากของมันงับลมสองสามหน ก่อนจะตะโกนออกมาเสียงดัง


“นี่เจ้า! มนุษย์เมื่อตอนนั้น!”


[เฮลกาโอ เจ้าแห่งเพลิงโลกันตร์ จดจำท่านได้ ]


[ท่านได้รับสมญานาม ‘ถูกจดจำโดยจอมอสูรลำดับเก้า’ ]


<ถูกจดจำโดยจอมอสูรลำดับเก้า>

ท่านเป็นคนดังในนรก

ระบบชื่อเสียงในนรกถูกเปิดใช้งาน

ยิ่งท่านมีชื่อเสียงในนรกมากเท่าไร ก็ยิ่งได้รับผลข้างเคียงจากสภาพแวดล้อมน้อยลงเท่านั้น


[ท่านเคยเอาชนะจอมอสูรมาแล้วหลายตน ]


[ท่านได้รับชื่อเสียง 5,000 แต้มจากความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ ]


[ผลข้างเคียงในนรกลดลง 10%]


“ขอบคุณสำหรับของขวัญ”


สำหรับกริด สิ่งนี้ถือเป็นกำไรก้อนโต


ในอนาคต ชายหนุ่มจะใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากขึ้นในนรก - สถานที่ซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะเป็นจุดเก็บเลเวลที่ดีที่สุดในซาทิสฟาย


เฮลกาโอจ้องกริดด้วยสีหน้ายินดีปรีดาพลางหัวเราะเสียงดัง


“คึคึคึก! คึฮ่าฮ่าฮ่า! ข้าดีใจมาก!! ข้าฝันว่าจะได้แก้แค้นเจ้ามาตลอด! ในที่สุดท่านเทพยาธานก็ยอมรับฟังความปรารถนา!”


การลิ้มรสความพ่ายแพ้ต่อ ‘นักขุดแร่และนักดาบ’ มิใช่ ‘อริยดาบ’ ถือเป็นประสบการณ์อันเลวร้ายที่สุดในชีวิตเฮลกาโอ


เพื่อแลกมากับความแข็งแกร่ง มันยอมอดทนโดนมนุษย์ย่ำยีนานหลายปี


เฮลกาโอเฝ้ารอที่จะได้แก้แค้นเหตุการณ์ในวันนั้นมาตลอด


ในที่สุด โอกาสที่มันรอคอยก็มาถึง


“เจ้าแข็งแกร่งขึ้นมาก… คู่ควรแก่การให้ข้าเอาชนะ! คึฮ่าฮ่า!”


“…พูดมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไร”


สำหรับกริด จากบรรดาจอมอสูรที่เคยสู้มาทั้งหมด เฮลกาโอมอบบรรยากาศผ่อนคลายมากที่สุด


แต่ถึงอย่างนั้นก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า จิตคุกคามของอีกฝ่ายไม่ธรรมดา


ชายหนุ่มไม่คิดประมาท ต่อให้ไม่มีสัมผัสเหนือมนุษย์คอยเตือนก็ตาม


“ลุยกันเลย เมอร์เซเดส”


“ดิฉันจะคอยสนับสนุนให้เองค่ะ”


“…”


“…?”


“…เธอเป็นแนวหน้าให้หน่อยได้ไหม”


กริดคิดพึ่งพาเนตรมองทะลุของเมอร์เซเดสอย่างไม่เกรงใจ


นี่คือครั้งแรกอย่างแท้จริง ที่ชายหนุ่มมอง NPC ซึ่งมี ‘ชีวิตจำกัด’ ว่าเป็นเป้าหมายที่ต้อง ‘หวังพึ่งพา’ มิใช่เป้าหมายที่ต้อง ‘คอยปกป้อง’


[ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด เขียนมหากาพย์ลำดับที่แปด ]


[เรื่องราวเริ่มต้นจากการเผชิญหน้ากับมหาปีศาจ ผู้ส่งเสียงคำรามดังกึกก้องเหนือเปลวไฟอันร้อนแรงที่กำลังลุกโชน ]


“ดิฉันมีความสุขมาก…”


เมอร์เซเดสกล่าว


[อัศวินคู่กายของเขากระโจนเข้าไปในเตาหลอมอันร้อนระอุซึ่งอบอวลไปด้วยพลังอสูร ]


[ก้าวแรก เธอกัดฟันอดทนต่อความร้อนของเพลิงโลกันตร์ ]


[ก้าวที่สอง ขณะกำลังเผชิญหน้ากับมหาปีศาจด้วยความมุ่งมั่น แผ่นหลังของหญิงสาวกำลังช่วยแบ่งเบาภาระที่เขาต้องแบกรับมาจนถึงตอนนี้ ]


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,763
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ก้าวสาม ไฟเริ่มไหม้สบง

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00