จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,319
ศึกนี้แข่งกันที่ความอดทน
กริดคำนวณว่า อาจต้องใช้เวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมงเพื่อล่าเฮลกาโอ
เหตุผลข้อแรก เฮลกาโอมีรูปแบบการโจมตีซับซ้อนเกินไป ชายหนุ่มไม่เคยพบเจอบอสดันเจี้ยนตนใดที่สามารถโจมตีได้หลากหลายและเป็นวงกว้างเท่านี้มาก่อน
จริงอยู่ หากอยู่ในร่าง ‘มายา’ และหมั่นใช้ชุนโปหลบก็คงไม่ใช่เรื่องยาก แต่นั่นจะเป็นการสิ้นเปลืองค่าเรี่ยวแรงอย่างมาก ปลายทางมีเพียงการทำลายตัวเอง
‘มีค่าเรี่ยวแรงเท่าไรก็ไม่พอ…’
พลังโจมตีและความถึกทนสามารถชดเชยได้ด้วยไอเท็ม แต่กับค่าเรี่ยวแรงแล้วไม่ใช่ สิ่งนี้เป็นอุปสรรคคอยฉุดรั้งกริดไว้เสมอจนน่าหงุดหงิด
ลงเอยด้วย ชายหนุ่มตัดสินใจยืมพลังเนตรมองทะลุของเมอร์เซเดส แต่ถึงอย่างนั้น การที่ตนต้องคอยรอฟังการแจ้งเตือนจากหญิงสาว ส่งผลให้ตอบสนองได้ช้ากว่าเธอหนึ่งก้าวเสมอ จึงหาโอกาสโจมตีเข้าไปได้ไม่บ่อยครั้งนัก เมื่อเทียบกับการต่อสู้ตามลำพัง
เหนือสิ่งอื่นใด ทักษะที่เป็นไพ่ตายสำหรับจัดการอีกฝ่ายอย่าง ‘นภา’ หรือวิชาดาบผสานห้าชนิด ก็สร้างความเสียหายได้ต่ำกว่าที่คาดหวัง
ทั้งที่สูญเสียร่างเนื้อ ต้องยืมร่างอสูรดาษดื่นมาใช้ และยังฟื้นฟูพลังเวทได้ไม่เท่าเก่า แต่เฮลกาโอกลับแข็งแกร่งเหนือจินตนาการกริดไปมาก
นี่คือความยอดเยี่ยมของจอมอสูรหลักเดียว
‘…นึกว่าจะแย่แล้ว’
ชายหนุ่มคาดไม่ถึงว่า เฮลกาโอจะช่วยพลิกสถานการณ์ด้วยตัวเอง
มหาเวทของมันซึ่งเกิดจากวงแหวนเวทกลับหัวสามสิบสามวง ได้สะท้อนกลับไปทำร้ายตัวเองจนระดับพลังชีวิตจมก้นหลอด
การผสมผสานระหว่างสัมผัสเหนือมนุษย์ที่สามารถจำแนกทุกสิ่งและ ‘วังวนสะพรั่ง’ ซึ่งสะท้อนการโจมตีทั้งหมดในการมองเห็น ช่างงดงามกลมเกลียวราวกับเป็นงานศิลป์จากพระเจ้า
“คึคึคึ…! คึคึคึก!!”
มันเสียสติไปแล้วหรือ?
เฮลกาโอที่แปรสภาพกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว ระเบิดเสียงหัวเราะ
พลังชีวิตของจอมอสูรลำดับเก้าเหลือไม่ถึงหนึ่งส่วนสาม ไม่แปลกเลยหากจะเข้าสู่ร่างสุดท้าย
ถูกต้อง การล่ายังไม่จบลง
ระบุให้ชัดก็คือ ของจริงกำลังจะเริ่มขึ้นหลังจากนี้
กริดและเมอร์เซเดสพลันตึงเครียด ทั้งสองกำอาวุธในมือแน่น
ขณะเดียวกัน เฮลกาโอนอนแผ่ไปบนพื้นพลางแหงนมองกลีบดอกไม้สีฟ้า
“กระจอกชะมัด”
คำพูดดังกล่าวมิได้หมายถึงมนุษย์สองคน หากแต่เป็นเจ้าของร่างอสูรที่มันยืมมา
“…!”
“…!”
กริดและเมอร์เซเดสต่างผงะ เพราะเฮลกาโอที่คุยกับตัวเอง จ้วงฝ่ามือเข้าไปในเบ้าตาพร้อมกับนำลูกตาแดงก่ำออกมากลิ้งบนฝ่ามือ
“ในเมื่อมองไม่เห็นแม้แต่เวทมนตร์ของตัวเอง… มีดวงตาไปก็เปล่าประโยชน์”
ขณะพยุงตัวยืน ร่างของเฮลกาโอพลันถูกปกคลุมด้วยกองเพลิงลุกท่วม ดูคล้ายกับลูกไฟขนาดมหึมามากกว่าสิ่งมีชีวิต
จอมอสูรลำดับเก้าออกแรงบีบดวงตาที่ตนควักออก จนแหลกละเอียดคามือ
ก่อนจะยืนนิ่งพลางสูดลมหายใจยาวเต็มปอด
“เฮ่อ…”
ซู้ด~
“เฮ่อ…”
ซู้ด~
ทุกครั้งที่เฮลกาโอหายใจเข้าออก เปลวไฟที่ลุกไหม้รอบตัวเริ่มมอดลงทีละนิด
เปลวเพลิงอันร้อนแรงซึ่งราวกับจะแผดเผาโลกทั้งใบ ค่อย ๆ มีขนาดเล็กลงและแผดเผาอย่างไร้สุ้มเสียง จนกระทั่งอันตรธานหายไปอย่างสมบูรณ์
“ฮ่าห์…”
ท้ายที่สุด ลมหายใจของมันเต็มไปด้วยควันดำลอยออกจากปากและจมูก
เปลือกแข็งซึ่งปกคลุมใบหน้า แผ่นอก ลำคอ แผ่นหลัง หัวไหล่ ท่อนแขน และกระดูกเชิงกรานพลันร่วงกราวลงพื้น
เนื้อหนังที่เผยให้เห็น ถูกแผดเผาจนกลายเป็นสีแดงดุจดังลาวาเลือด
เส้นเลือดที่กำลังยุบพอง ถูกเผาจนไหม้เกรียมและดำสนิท
ทั้งหมดคือผลจากเวทมนตร์ของเฮลกาโอ
เผาตัวเอง
เฮลกาโอดูดซึมเพลิงโลกันตร์เข้าไปในร่าง แต่เพราะความเปราะบางของกายาอสูร ร่างกายจึงได้รับความเสียหายสถานหนัก
เป็นจุดเริ่มต้นของร่างสุดท้าย
““มนุษย์เอ๋ย””
เส้นเสียงของเฮลกาโอละลายจนเสียงที่เปล่งมีลักษณะผิดเพี้ยน คล้ายกับเนื้อเสียงฉีกขาดและดำดิ่งจนยากจะจับใจความ
““อา… เจ้ามีนามว่าอะไร?””
กริดที่เกือบจะฟังไม่เข้าใจ ตอบกลับ
“กริด ราชาโอเวอร์เกียร์”
““ข้าจะจำเอาไว้””
นับตั้งแต่มุลเลอร์ นี่คือมนุษย์คนแรกที่ทำให้มันจนตรอกได้ถึงขนาดนี้
เฮลกาโอมิอาจเอ่ยประโยคดังกล่าว เพราะเส้นเสียงของมันถูกเผาจนละลายโดยสมบูรณ์ ทำได้เพียงหายใจหอบคล้ายสัตว์ป่า
“เจ้านั่นใช้พลังเวทเพื่อเสริมสมรรถภาพร่างกายและประสาทสัมผัสชั่วคราว”
เมอร์เซเดสจดจ้องการกลายร่างของเฮลกาโออย่างไม่ละสายตา ก่อนจะก้าวไปข้างหน้า
“ดิฉันจะช่วยยื้อเวลาขณะที่ฝ่าบาทฟื้นตัว”
เมอร์เซเดสทราบดีว่า กริดกำลังอ่อนเพลียอย่างมาก
นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะนอกจากจะฝืนใช้ชุนโปซ้ำหลายหน ชายหนุ่มยังเปิดโลกทัศน์ของเหนือมนุษย์ที่แท้จริงซึ่งสิ้นเปลืองค่าเรี่ยวแรงและพลังงานสมอง
ต้องไม่ลืมว่า เมื่อครั้งที่ลองดวลกับแกรนมาสเตอร์ กริดเหนื่อยหอบจนแทบขาดใจหลังจากแลกหมัดกับอีกฝ่ายได้เพียงสองสามครั้ง
“ไม่… พวกเราจะสู้ไปด้วยกัน”
กริดขยับขาที่หนักอึ้ง เดินมายืนข้างเมอร์เซเดส
“เพราะเจ้านั่นกำลังจะตายอยู่แล้ว”
ในวินาทีที่เฮลกาโอเข้าสู่ร่างสุดท้าย พลังชีวิตของมันก็ลดลงอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องให้ใครทำร้าย
ร่างเนื้อที่จอมอสูรลำดับเก้ายืมมาใช้ มิอาจทนต่อพลังเวทมหาศาลและเริ่มกัดกร่อนตัวเอง
แสงสุดท้าย
เฮลกาโอในสภาพปัจจุบัน เปรียบดังแสงสุดท้ายของเทียนไขที่ใกล้มอด
แต่ยิ่งจนตรอก สิ่งมีชีวิตก็ยิ่งดุร้าย เฮลกาโอซึ่งเตรียมระเบิดพลังมหาศาลเพื่อลากมนุษย์สองคนลงนรกไปพร้อมกัน ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เมอร์เซเดสจะรับมือไหวตามลำพัง
“ค่ะ…”
หญิงสาวไม่ดึงดัน
เธอย่อมทราบว่า การต่อสู้ร่วมกันจะช่วยให้มีโอกาสรอดมากกว่า
“เฮลกาโอพยายามจบศึกนี้แข่งกับเวลา”
ดังนั้น เป้าหมายของพวกตนคือการยื้อเวลา
แต่จะทำได้จริงหรือ? ในเมื่ออีกฝ่ายคือเฮลกาโอซึ่งมีร่างกายเกือบสมบูรณ์
“…!”
ว่องไวดุจดังอสนีบาต
แม้เมอร์เซเดสจะมองเห็นล่วงหน้าเล็กน้อย แต่ก็ยังยากจะตอบสนอง
เฮลกาโอที่ย่นระยะในพริบตา ประเคนลูกเตะใส่หญิงสาวจนร่างของเธอลอยไปในอากาศ
ชุดเกราะบุบไปหนึ่งฝั่ง ปากอาเจียนก้อนเลือดคำใหญ่
กรร—
เสียหายใจกึ่งครางที่ฟังดูคล้ายสัตว์ร้าย ดังแว่วข้างหูเมอร์เซเดส
เฮลกาโอพุ่งโจมตีซ้ำ แต่เคราะห์ดีที่หญิงสาวใช้โล่บังหัวใจได้ทัน
นี่คือเครื่องยืนยันว่าเนตรมองทะลุยังทำงานได้ตามปรกติ เพราะถ้าเมอร์เซเดสใช้โล่รับลูกเตะในครั้งแรก โล่จะกระเด็นและไม่มีสิ่งใดคอยปกป้องหัวใจ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจะมากกว่าหลายเท่า
เมื่อกำปั้นเฮลกาโอปะทะกับโล่ใหญ่ คลื่นกระแทกแผ่พุ่งออกไปทุกทิศจนถ้ำสั่นสะเทือน
“คิดว่าแกเป็นคนเดียวที่รีบรึไง…”
อาวุธผสานระหว่างดาบอัสนีฯ และดาบมังกรเพลิง
กริดรวมสองยอดศาสตราเข้าด้วยกัน ก่อนจะเล็งฟันใส่แผ่นหลังเฮลกาโอด้วย ‘ทำลายล้าง’
ทันใดนั้น จอมอสูรลำดับเก้าหันมาเตะใส่ท้องกริดกะทันหัน
ในปัจจุบัน เฮลกาโอตระหนักถึงความอันตรายของกริดในร่างเหนือมนุษย์ จึงยกระดับประสาทสัมผัสให้อยู่ในระดับเดียวกัน ส่งผลให้ตอบสนองกริดได้ทันท่วงที
มันเลือกที่จะไม่หลบ แต่โจมตีตอบโต้แทนการป้องกัน
และนั่นคือข้อผิดพลาด
สิ่งที่กริดบกพร่องคือค่าเรี่ยวแรง มิใช่พลังชีวิต ชายหนุ่มจึงนึกขอบใจเฮลกาโอที่ช่วยทำให้การต่อสู้จบเร็วขึ้น
“เขตแดนพายุเพลิงเทพ”
พายุเพลิงศักดิ์สิทธิ์เริ่มหมุนวนโดยมีกริดเป็นจุดศูนย์กลาง
เฮลกาโอคือเจ้าแห่งเพลิงโลกันตร์ กริดจึงไม่มั่นใจว่า พายุเพลิงเทพจะใช้ได้ผลกับเฮลกาโอหรือไม่ แต่ถึงอย่างนั้น ประโยชน์ของเขตแดนศักดิ์สิทธิ์มิใช่การเล่นงานศัตรูเพียงอย่างเดียว แต่ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการฟื้นฟูให้ผู้ใช้ 20%
จอมยุทธสองคนที่เลือกดวลบนสะพานไม้ สภาพก็คงไม่ต่างจากนี้กระมัง
หนแล้วหนเล่า ดาบและเกราะของกริด ปะทะกับร่างกายเฮลกาโอที่ถูกเสริมพลัง
ทั้งสองไม่คิดหลบหลีกการโจมตีของกันและกัน เพียงเดินหน้าเฉือนเนื้อหั่นกระดูกของอีกฝ่ายเพื่อแข่งกันว่าใครจะเป็นฝ่ายล้มลงก่อน
ในความเป็นจริง เฮลกาโอควรจะได้เปรียบเต็มประตู เพราะมอนสเตอร์บอสจะมีระดับค่าความถึกทนและพลังชีวิตในระดับเอาเปรียบสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น
หากดวลแลกหมัดอย่างบ้าบิ่น คงเป็นการยากที่ผู้เล่นจะเอาชนะได้
ไม่น่าจะมีมนุษย์คนใดเสียสติถึงขั้นกล้าแลกหมัดกับบอสดันเจี้ยน
แต่กับกริดนั้นต่างออกไป ผลลัพธ์ออกมาตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง
พลังชีวิตเฮลกาโอลดฮวบฮาบอยู่ฝ่ายเดียว
ส่วนกริดนั้น
[บาเรียคุ้มกายของบราฮัมโอบกอดร่างกายท่าน ทำการสร้างโล่ดูดซับความเสียหาย 25,673 หน่วย และเพิ่มค่าพลังป้องกัน 500 หน่วยขณะที่โล่ยังแสดงผล ]
[บาเรียคุ้มกายของบราฮัมโอบกอดร่างกายท่าน ทำการสร้างโล่ดูดซับความเสียหาย 25,673 หน่วย และเพิ่มค่าพลังป้องกัน 500 หน่วยขณะที่โล่ยังแสดงผล ]
[บาเรียคุ้มกาย… ]
……
…
พลังชีวิตของกริดลดลงช้ากว่าปรกติ เพราะทุกครั้งที่ระยะหน่วงมาถึง ชายหนุ่มจะสลับใช้ท่ารำดาบผสานและเดี่ยว ‘คลื่น’ และ ‘วังวน’ ซึ่งมาพร้อมบาเรียของบราฮัม แถมในบางครั้ง บาเรียยังแสดงผลซ้ำจากพลัง ‘บัญชาแห่งเทพ’
ทว่า ถึงจะลดลงช้า แต่ก็ยังลด
บาเรียของบราฮัม มิอาจดูดซับการโจมตีของเฮลกาโอที่สร้างความเสียหายขั้นต่ำหนึ่งหมื่นหน่วยได้หมดจด
อย่างไรก็ตาม
“พลังเครย์”
กริดครอบครองหนึ่งในทักษะแวมไพร์ที่ทรงพลังที่สุด
100% ของความเสียหายที่สร้างได้ จะเปลี่ยนมาเป็นพลังชีวิตให้ชายหนุ่ม
ระยะหน่วงอาจนานถึงห้านาที แต่แค่ครั้งเดียวก็มากพอจะพลิกกลับสถานการณ์
ยังไม่รวมถึงแหวนเอลฟิน·สโตนที่ช่วยดูดเลือดได้ค่อนข้างดี และเขตแดนพายุเพลิงเทพที่ช่วยดึงประสิทธิภาพของเอฟเฟคฟื้นฟูพลังชีวิต
แต่กระนั้น
“แค่ก!”
ไม่ว่าจะท่ารำดาบกริด พลังเครย์ แหวนเอลฟิน·สโตน ทั้งหมดคือสิ่งที่มีระยะหน่วง
เมื่อเทียบกับแค็ทซ์ ประสิทธิภาพการดูดเลือดของกริดยังต่ำกว่ามาก เพราะไม่สามารถกระทำได้ตลอดเวลา
เฮลกาโอที่สังเกตมาสักพัก เล็งจู่โจมใส่ช่องว่างที่ชายหนุ่มเปิดให้
“ชิ!”
ปัจจุบันคือช่วงเวลาวิกฤติที่ทักษะดูดเลือดทั้งหมดไม่สามารถใช้การได้
กริดกัดฟันอย่างเจ็บแค้นเมื่อเห็นระดับพลังชีวิตลดต่ำลงเรื่อย ๆ
ขณะเฮลกาโอเริ่มเผยรอยยิ้มตรงมุมปาก
[มหาราชาจะใส่ใจกับความปลอดภัยเป็นอันดับแรก ]
[สมญานาม ‘กษัตริย์คนแรก’ ทำการสร้างบาเรียคุ้มกายเทียบเท่าพลังชีวิตที่เสียไปในช่วงหนึ่งนาทีหลังสุด ]
ร่างกริดถูกห่อหุ้มด้วยบาเรียอีกครั้ง
““…””
เฮลกาโอเริ่มขมวดคิ้ว
หากดวงตาของมันยังอยู่ คงจ้องมองด้วยความรังเกียจเดียดฉันท์ คล้ายกับสายตาที่มนุษย์มองแมลงสาบ
“ย่าห์!”
เมอร์เซเดสเองก็แสดงฝีมือได้ยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน
ขณะที่กริดกัดฟันทนหนแล้วหนเล่า หญิงสาวเล็งโจมตีใส่จุดสำคัญของเฮลกาโออย่างต่อเนื่อง พลังชีวิตของจอมอสูรลำดับเก้าลดระดับลงจนถึงขีดอันตราย
นอกจากนั้นยังคอยสอดโล่มาบล็อกการโจมตีสำคัญของเฮลกาโออีกหลายหน มุมการวางโล่สมบูรณ์แบบจนความเสียหายถูกดูดซับไปเกือบหมด
กล่าวได้ว่า หากไม่มีเมอร์เซเดส พลังชีวิตของกริดคงลดเร็วกว่านี้ราวสองเท่า
““…””
ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครทราบ พลังชีวิตเฮลกาโอลดเหลือเพียงหนึ่งส่วนสิบ
แต่จอมอสูรลำดับเก้ายังคงเยือกเย็นจนน่าตกใจ เพราะมันเชื่อว่าตนสามารถพากริดลงนรกไปพร้อมกันได้
ในวินาทีที่ละทิ้งดวงตา ประสาทสัมผัสของเฮลกาโอได้แหลมคมจนเทียบเท่าเหนือมนุษย์ และพบว่าลมหายใจของกริดใกล้ถึงขีดจำกัด
ทางด้านเมอร์เซเดสก็เช่นกัน เนตรมองทะลุของเธอบ่งบอกว่า กริดใกล้จะขยับตัวไม่ได้แล้ว
‘ได้โปรด…! ได้โปรด!’
แม้ร่างกายจะชุ่มโชกด้วยเหงื่อเหนียว แต่เมอร์เซเดสกลับยิ่งเร่งความเร็วขึ้น
แรงปรารถนาที่จะปกป้องกริด ช่วยขัดเกลาให้ปลายดาบทวีความแหลมคม
แต่น่าเสียดาย พลังโจมตีของหญิงสาวไม่สูงนัก ข้อดีของคลาสอัศวินอาจเป็นความรอบด้าน แต่ข้อเสียคือการไปไม่สุดสักทาง
หญิงสาวยังขาดพลังโจมตี ทำให้มิอาจปิดฉากเฮลกาโอได้ทันเวลา
เธอจึง
[อัศวินของท่าน ‘เมอร์เซเดส’ ตระหนักว่า ดาบที่มิอาจปกป้องนาย คือดาบที่ไร้ค่า จึงทำการเขียนปณิธานอัศวินข้อใหม่ ]
[พลังโจมตี อัตราคริติคอล และอัตราโจมตีจุดอ่อนของเมอร์เซเดสเพิ่มขึ้นอย่างมาก ]
อัศวินในตำนานวิวัฒนาการตัวเองอีกครั้ง
““คึ่ก…””
เฮลกาโอส่งเสียงครางหลังจากถูกดาบเมอร์เซเดสเสียดแทง
แต่มันมิได้แยแสสักเท่าไร ความสนใจเดียวคือกริดที่กำลังจะตายในไม่ช้า
มันทำตัวผ่อนคลายเพราะเชื่อว่ากริดใกล้จะล้มลงเต็มที
แต่น่าเสียดาย ชายหนุ่มยังมีไพ่ตาย
“พลังบีเลียล”
พลังอัคคี พลังความมืด และพลังแห่งการหลอกลวง
บีเลียล จอมอสูรลำดับ 32 มีพลังอยู่สามชนิด
พลังอัคคีนั้นไม่มีผลต่อเฮลกาโอ เจ้าแห่งเพลิงโลกันตร์ แม้จะโจมตีด้วยเพลิงโลกันตร์แห่งราชินีซึ่งต้องสิ้นเปลืองมานา 90% ก็ตาม ไฟของบีเลียลไม่มีทางเหนือกว่าไฟของเฮลกาโอไปได้
แต่กระนั้น กริดกลับยังเลือกใช้พลังอัคคี
เหตุผลก็คือ
[ทักษะติดตัวของ ‘ราชินีแห่งไฟ’ ถูกเปิดใช้งาน ค่าเรี่ยวแรงจะไม่ลดลงหากท่านยังอยู่ในร่างนี้ ]
เพื่อสิ่งนี้สิ่งเดียว
หากเป็นกริดเมื่อหลายเดือนก่อน คงหมกมุ่นอยู่แต่การหาวิธีเอาชนะศัตรูตรงหน้าด้วยพลังทำลายที่เหนือกว่า ฟาดฟันจนเรี่ยวแรงหมดลงและเผชิญกับความพ่ายแพ้
แต่ปัจจุบันไม่เป็นแบบนั้น มันเคยพานพบมหาเทพ ฮานึล และเอกเทพ ซือโหยว
เฮลกาโออาจแข็งแกร่ง แต่ก็เป็นเพียงจอมอสูร ไม่ใช่ตัวตนที่น่าหวาดหวั่นในสายตากริด ส่งผลให้ชายหนุ่มสามารถรักษาความเยือกเย็น และตัดสินใจได้อย่างชาญฉลาด
‘สองนาที’
การนับถอยหลังครั้งสุดท้ายเริ่มต้นขึ้น มันต้องกัดฟันยืนปักหลักและโค่นศัตรูลงให้ได้
เฮลกาโอแสดงออกชัดเจนว่ากำลังร้อนรน โดยยังคงไม่แยแสเมอร์เซเดสที่โจมตีได้หนักหน่วง เพียงมุ่งเน้นเข่นฆ่ากริดให้ตายคามือ
ชายหนุ่มฉวยโอกาสใช้เวท ‘เป้าลวง’ เพื่อหลอกล่อเฮลกาโอที่พึ่งพาแต่ประสาทสัมผัส
ขณะกริดถอยหลังรักษาระยะห่าง เฮลกาโอตะปบใส่นกมานาเต็มแรง
สีหน้าของราชาโอเวอร์เกียร์กำลังสงบนิ่ง กล่าวเคร่งขรึม
“ถ้อยคำนักคุณธรรม”
ยุทธภัณฑ์หลายร้อยชิ้นพลันปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่าด้านหลังกริด
““???””
เป็นการยากที่จะอธิบายความหมายของเสียงครางสัตว์ป่า
หลังจากเปล่งเสียงที่มิอาจถอดความ เฮลกาโอเร่งความเร็วขึ้นในพริบตา
โดยไม่แยแสร่างกายซึ่งใกล้ทำลายตัวเองเต็มที จอมอสูรลำดับเก้าตัดสินใจรีดเร้นพลังเวทจำนวนมากจนร่างกายเริ่มไหม้เกรียม
มันตระหนักถึงภัยคุกคามจาก ‘ยุทธภัณฑ์’ ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์การสร้าง การใช้งาน และการถูกเล่าขาน
สายฝนยุทธภัณฑ์ซึ่งโปรยปรายลงมา ล้วนมีตำนานในตัวเองทุกชิ้น และไม่ใช่สิ่งที่เฮลกาโอในร่างปัจจุบันจะทนรับไหว
ท่ามกลางเส้นแสงจำนวนมากจากฟากฟ้าที่ถล่มใสจอมอสูรลำดับเก้า กริดพุ่งเข้าประชิดตัวเหยื่อ
ร่วมกันกับเมอร์เซเดส ชายหนุ่มลงมือบั่นเศียรเฮลกาโอที่มิอาจขยับร่างกาย
[อักขระแห่งความตะกละ เขมือบพลังของจอมอสูรเฮลกาโอที่อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ ]
เป็นข้อความสั้น ๆ ซึ่งเต็มไปด้วยความหมาย
เป็นสัญญาณบ่งบอกว่า การล่าบอสจบลงแล้ว
[เฮลกาโอ เจ้าแห่งเพลิงโลกันตร์ ถูกกำจัดสำเร็จ!]
หลังจากศีรษะของเหยื่อขาดออกจากร่าง กริดและเมอร์เซเดสหันมายิ้มให้กันและกัน
กริดได้ เทพผืนดินคาริออน เข้าฮาเร็วตอนไหนนะ
ReplyDelete