จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,321



“…”


ผลการดวลระหว่างครอเกลกับเยอึม จบลงด้วยชัยชนะของเยอึมอย่างขาดลอย


แต่สีหน้าของหญิงสาวกลับกำลังมืดมน


ด้วยร่างที่โชกเลือด เธอเดินกลับวังและหยุดยืนหน้าต้นสนซึ่งมีหิมะปกคลุม


หิมะกลายเป็นสีแดงเนื่องจากถูกเลือดหยดใส่


‘เรามิได้เหนือกว่าแม้แต่เพลงดาบเดียว’


ใบหน้าเยอึมพลันบิดเบี้ยวเมื่อหวนนึกถึงรายละเอียดการต่อสู้


วิชาทั้งหมดของเธอถูกอ่านออกและฟันทิ้งด้วยดาบ เป็นความจริงที่ยากจะทำใจยอมรับ


หญิงสาวหมั่นศึกษาและฝึกฝนฝีมือตลอดหลายร้อยปีเพื่อต้องการเป็นแบบมีร์ แล้วเหตุใดถึงได้ตกเป็นรองมนุษย์ซึ่งมีอายุขัยเพียงไม่ถึงร้อยปี?


‘แพ้ให้กับเหนือมนุษย์ยังรู้สึกดีกว่านี้’


สำหรับเหนือมนุษย์ที่มีชีวิตยืนยาว ไม่ใช่เรื่องแปลกหากเยอึมจะมีเทคนิคด้อยกว่าในบางเรื่อง


ข้อแตกต่างระหว่างยังบันกับมนุษย์คืออะไร?


อายุขัย


คงไม่ใช่เรื่องแปลกนัก หากวิชาของเธอตกเป็นรองศัตรูที่ฝึกฝนวิชามานานเท่า ๆ กัน


แต่ปัญหาคือ คู่ต่อสู้ที่ได้พบในวันนี้เป็นแค่มนุษย์


‘ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้… ทำไมกัน…’


เยอึมพยายามวิเคราะห์วิชาดาบที่มนุษย์ใช้ ก่อนจะส่ายหน้าอย่างสิ้นหวัง


ไม่ว่าจะขบคิดมากเพียงใด แต่ก็มิอาจทำความเข้าใจแก่นของวิชาดาบดังกล่าว ได้ด้วยความรู้ในปัจจุบันของเธอ


หญิงสาวมองไม่เห็นแก่นแท้เพราะมิอาจทำความเข้าใจ


และเมื่อมองไม่เห็น การรับมือจึงเป็นเรื่องยาก


เยอึมรู้สึกราวกับความพยายามของตน รวมถึงสามัญสำนึกและมุมมองที่เคยมีต่อโลกใบนี้ ถูกอีกฝ่ายปฏิเสธทิ้งโดยสิ้นเชิง


ใครบางคนเดินเข้ามาใกล้และหยุดฝีเท้า


“การต้องทำร้ายมนุษย์ มักรู้สึกเจ็บปวดเสมอ”


“มีร์…”


จากบรรดาผู้ที่เกิดมาพร้อมคุณสมบัติเทพ มีร์คือหนึ่งในยังบันที่มีพรสวรรค์สูงสุด


หลังจากลืมตาดูโลกไม่ถึงยี่สิบปี มีร์ผ่านการสอบซือโหยวด้วยสถิติที่จะไม่มีวันถูกทำลาย


มีร์กลายเป็นคนดังในหมู่ยังบัน มันพิเศษและโดดเด่นเสียจน แม้แต่การัมแสนโอหังก็ยังต้องทำตัวนอบน้อมเมื่ออยู่ต่อหน้า


“เจ้าทำได้ดีแล้ว”


มีร์ลูบศีรษะเยอึมอย่างอ่อนโยน


ทันใดนั้น พลังเสือขาวและฟินิกซ์แดงเริ่มแผ่ออกจากฝ่ามือ ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจที่กำลังอ่อนเพลียของเยอึม


แตกต่างจากยังบันทั่วไปที่พลังของเทพผู้พิทักษ์จะมีผลเฉพาะร่างกายตัวเอง มีร์สามารถแผ่พลังของตนเพื่อสร้างอิทธิพลกับคนอื่นได้


“มีร์… ข้ามิได้เสียใจเพราะทำร้ายมนุษย์”


“แล้วเป็นเรื่องใด”


“ข้าพ่ายแพ้ในอย่างหมดท่าในเชิงฝีมือ… ทั้งที่อีกฝ่ายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา มิใช่เหนือมนุษย์ เหตุใดโลกนี้ถึงใจร้ายและไม่ยุติธรรมกับข้าเลยสักนิด”


แน่นอน เยอึมได้รับชัยชนะขาดลอย


แต่เป็นชัยชนะซึ่งเกิดจากสมรรถภาพร่างกายที่เหนือกว่าเป็นล้นพ้น รวมไปถึงพลังชุนโป


“ข้าเห็นแล้ว”


มีร์ทราบถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเยอึม


มันกล่าวพลางนำหิมะออกจากต้นสน


“ไม่ต้องเสียใจไป ฝีมือและข้อบกพร่องคือสองสิ่งที่มิอาจแยกจาก เป็นช่องว่างที่ต้องขัดเกลาฝึกฝน แม้นอีกฝ่ายจะเป็นมนุษย์ แต่ก็อาจมีบางคนที่แข็งแกร่งกว่ายังบัน… มิใช่ว่าความตายของการัมและพี่น้องคนอื่นช่วยสอนเรื่องนั้นหรอกหรือ”


“นั่นก็ใช่ ข้าทราบดี… เพียงแต่…”


เยอึมเลื่อนมือจับคัดบนศีรษะ


สำหรับเธอ คัดเป็นเพียงเครื่องประดับที่จะถอดออกเมื่อไรก็ได้


หญิงสาวมีฝีมือและคุณสมบัติเพียงพอในการครอบครองค่าบารมีเทพ สาเหตุที่ยังต้องสวมคัดก็เพราะไม่เคยเข้าร่วมการสืบซือโหยว เวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการศึกษาวิชาเคียงข้างมีร์


เยอึมมั่นใจมากว่าเธอคือหนึ่งในยังบันระดับหัวแถว ผลลัพธ์การต่อสู้เมื่อครู่จึงน่าเหลือเชื่อเกินไป


มีร์ส่ายหน้าขณะชำเลืองมองรอยดาบบนโดโปและร่างกายหญิงสาว


“คู่ต่อสู้ของเจ้าไม่ธรรมดา… ยังเร็วเกินไปที่เจ้าจะมีเชิงดาบเหนือกว่าอริยดาบ”


“…อริยดาบ? ข้าสู้กับอริยดาบหรอกหรือ?”


“ถูกต้อง อริยดาบคนใหม่มาเยือนเพราะต้องการตามหาเทคนิคลับของคนก่อน”


มันทราบตัวจริงและจุดประสงค์ของชายแปลกหน้ามาตั้งแต่ต้น


มีร์ที่เข้าใจสถานการณ์อย่างถ่องแท้ เลื่อนมือขึ้นมาจับรอยแผลเป็นซึ่งไม่มีวันเลือนหายตรงลำคอ


ได้เห็นอากัปกิริยาดังกล่าว เยอึมพลันหวนนึกถึงความทรงจำเก่าพลางตระหนักว่า เธอโชคดีมากเพียงใดที่อริยดาบตัดสินใจมาเยือนในวันนี้


ถ้าเขามาช้ากว่านี้สักสองสามปี และเราเข้าไปขวางทาง…


‘…คงไม่รอดแน่’


เยอึมยังไม่ลืม


สัตว์ประหลาดที่สู้กับมีร์ได้อย่างสูสี


ชายผู้สามารถฟาดฟันพลังทั้งหมดของมีร์ทิ้งด้วยดาบเดียว


และชายแปลกหน้าที่เธอสู้ด้วยในวันนี้ คือผู้ที่สืบทอดวิชาดาบและเจตจำนงมาจากสัตว์ประหลาดตนดังกล่าว


อย่างไรก็ตาม ครอเกลยังอ่อนแอเกินไปจนเยอึมมองไม่ออกว่าเป็นอริยดาบ


หญิงสาวพลันร้อนรน


“เราควรทำยังไงดี? รีบหาเทคนิคลับของมุลเลอร์ให้พบแล้วเผาทิ้งดีไหม?”


ตำนานจะไม่ล้มลงโดยง่าย นอกจากนั้น ศักยภาพของอริยดาบยังไร้ขีดจำกัด หากถึงวันที่เบ่งบานสุดขีดเมื่อไร ไม่ว่าใครก็หยุดไม่อยู่


เยอึมไม่อยากนิ่งดูดายรอให้ชายแปลกหน้าในวันนี้ ค้นพบเทคนิคลับมุลเลอร์และพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดจนกลายเป็นภัยคุกคาม


ขณะหญิงสาวยืนสั่นกลัว มีร์กล่าวปลอบใจ


“ปล่อยเขาไป เราไม่มีวันหาพบอยู่แล้ว… และฉันอยากสู้กับอริยดาบมาตลอด”


การดวลกับอริยดาบคนก่อนทำให้มีร์พัฒนาฝีมือขึ้นหลายเท่า


สายตาของมีร์เฉียบคมจนสามารถวิเคราะห์แก่นแท้ของวิชาที่อริยดาบใช้ และทุกครั้งที่มันพยายามทำความเข้าใจ มีร์จะรู้สึกเติบโตขึ้นมาก


ถูกต้อง มีร์อยากสัมผัสประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันอีกครั้ง


ประสบการณ์ดังกล่าวจะเป็นขั้นบันไดสำคัญที่นำพาตนไปสู่จุดสูงสุดของศิลปะการต่อสู้


และนั่นคือช่วงเวลาที่มันจะมอบการพักผ่อนอันเป็นนิรันดร์ให้ซือโหยว


‘เราจะเป็นเทพสงครามคนใหม่’


อริยดาบคือปัจจัยสำคัญเพื่อการนั้น


‘จงค้นหาเทคนิคลับของมุลเลอร์ให้พบ’

[บุคคลนิรนามมอบกำลังใจให้ท่าน]


[เสื้อคลุมมังกรที่ได้รับเป็นของขวัญจากบีบัน กำลังร้อนระอุอย่างไม่เคยเป็น]


[เลือดในกายท่านกำลังเดือดพล่าน]


[ความแม่นยำและพลังทำลายของวิชาดาบทุกชนิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย]


‘นี่มัน… หรือว่า…?’


ครอเกลพลันฉุกคิดถึงบางสิ่ง


ความจริงที่ว่า ‘บุคคลนิรนาม’ จากข้อความระบบ อาจเป็นคนเดียวกันกับที่มุลเลอร์นิยามให้เป็น ‘บททดสอบ’


ขณะตระหนักถึงความตายที่คืบคลานเข้าใกล้ในทุกลมหายใจ มุลเลอร์หวนนึกถึงความทรงจำสมัยอดีตที่เคยเดินทางไปยังทวีปตะวันออก และต่อสู้กับใครบางคนอย่างดุเดือดโดยบังเอิญ


เป็นการต่อสู้ที่สนุกและเข้มข้นมาก


มุลเลอร์ถึงกับปักใจเชื่อว่า ตนฝึกฝนวิชาดาบทั้งชีวิตมาเพื่อวินาทีนั้น


มุลเลอร์ในบั้นปลายเอาแต่นึกถึงความทรงจำสมัยเก่า และอยากดวลดาบกับบุคคลนิรนามอีกครั้งก่อนตายเพื่อให้หายค้างคาใจ


วันถัดมา มันออกเดินทางไปยังอาณาจักรคายาทันที แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง


มุลเลอร์ค้างคาใจมาก ถึงขั้นตระหนักว่า ตนไม่สามารถจากโลกนี้ไปทั้งที่ยังค้างคาใจได้


ท้ายที่สุด มันเลือกจะกลับไปยังคายาอีกครั้งและเขียนบันทึกหนึ่งเล่ม


เป็นการจดบันทึกเทคนิคลับครั้งแรกและครั้งสุดท้ายลงบนม้วนคัมภีร์ โดยปรารถนาว่าสิ่งนี้จะตกทอดไปถึงมือของนักดาบสักคน ที่เดินทางมายังอาณาจักรคายาและเข้ารับ ‘การทดสอบ’ แบบเดียวกับตน


บุคคลที่ทำให้ยอดฝีมืออย่างมุลเลอร์ รู้สึกค้างคาใจอย่างมากก่อนตาย…


“คุณเป็นใคร?”


ครอเกลซักถามพลางจ้องไปยังจุดห่างไกล


“…”


แน่นอน ไม่มีเสียงใดตอบกลับมา


***


ในอนาคต กริดจะเข้าร่วมการล่าเฮลกาโอด้วยทุกครั้ง


และเมื่อเฮลกาโอเริ่มอัญเชิญศิลาอัคคีก้อนที่แปด ชายหนุ่มจะใช้พลังของรูบี้ทำลายดวงวิญญาณ


หลังจากฟังคำอธิบายของกริดจบ ป็อนมองเห็นภาพรวมความแข็งแกร่งของเฮลกาโอทันที


คำถามหนึ่งผุดขึ้น


“จำเป็นต้องเข้าไปเป็นกลุ่มด้วยหรือ? ในเมื่อแค่นายกับเมอร์เซเดสก็ฆ่ามันได้”


ป็อนมิได้ขี้เกียจหรือเกรงกลัวการล่าเฮลกาโอ


“…ไม่เห็นต้องเอาพวกเราเข้าไปหารส่วนแบ่งเลย”


บอสพิเศษทุกตัวล้วนมีมูลค่าสูงลิบ


ไอเท็มดรอปเป็นเพียงของแถม สิ่งสำคัญที่สุดและคาดหวังได้คือค่าประสบการณ์มหาศาล


สำหรับกริดที่ต้องการรักษาเก้าอี้อันดับหนึ่งของโลก เขาควรผูกขาด EXP ไว้เพียงผู้เดียว


ชายหนุ่มส่ายหน้าเมื่อเห็นป็อนเป็นห่วงตน


“ไม่เอา… ทุกคนต้องเข้าไปพร้อมกัน”


ก็แค่เลเวล


หากกริดปรารถนาเลเวล ยังมีวิธีอีกมากมายในการได้รับ


อย่าได้ดูถูกระบบ ‘บรรลุ’ เด็ดขาด ขอเพียงหมกตัวเก็บเลเวลในเทือกเขาเคอัส หรือแอ่งสวรรค์ซึ่งมีวิญญาณเซียนเร่ร่อนอยู่มาก กริดเชื่อว่าตนสามารถอัปเลเวลได้สัปดาห์ละครั้งเป็นอย่างน้อย


อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน ชายหนุ่มต้องการมุ่งเน้นพัฒนาสมาชิกกิลด์เป็นอันดับแรก


“ฉันต้องเคี่ยวเข็ญพวกนายให้หนักกว่าเดิม”


“อา…”


กริดคิดจะปั้นพวกตนให้แข็งแกร่งด้วยการพาลงดันเจี้ยนโหดหินอย่างต่อเนื่อง?


เหล่าสมาชิกทั่วไปต่างพากันหวาดผวาเมื่อทราบเจตนา แต่ในทางกลับกัน ดวงตาของเหล่าสิบวีรชนกำลังส่องประกายอย่างตื่นเต้น


มียอดคนแบบกริดมาช่วยฝึกฝนให้ทั้งที ใครบ้างจะไม่อยากคว้าโอกาสไว้?


‘มีแต่คนโง่เท่านั้นที่จะปฏิเสธ… อดใจรอไม่ไหวแล้ว!’


สีหน้าทุกคนพลันขึงขังจริงจัง


หลายวันหลังจากนี้ พวกมันจะหลับไม่เต็มตื่นไปอีกสักพัก เพราะมัวแต่จินตนาการถึงประสบการณ์อันน่าทึ่งขณะล่าเฮลกาโอ รวมไปถึงเทคนิคที่จะได้เรียนรู้เพิ่มเติมจากกริด


หัวใจของเหล่าสิบวีรชนกำลังเต้นโครมครามอย่างมิอาจหักห้าม


***


สองสามวันที่ผ่านมา กริดแวะไปพบยูร่าบ่อยครั้ง


ชายหนุ่มมีหลายประเด็นเกี่ยวกับนรกที่อยากถามยูร่า – ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญขุมนรกมากกว่าสติกส์


จุดใดเก็บเลเวลได้ดีที่สุด จำเป็นต้องพกอะไรติดตัวบ้าง และมีเทคนิคหรือข้อควรระวังเป็นพิเศษบ้างไหม?


เหนือสิ่งอื่นใด เรื่องที่กริดให้ความสนใจมากที่สุดคือประเภทของสัตว์อสูร


ชายหนุ่มซักถามยูร่าอย่างละเอียดเกี่ยวกับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งในช่วงเลเวลก่อนและหลังสี่ร้อยสามสิบ มันต้องรู้ให้ได้ว่า สัตว์อสูรตนใดแข็งแกร่งในเชิงการต่อสู้ที่สุด และตนใดมีความสามารถพิเศษเป็นประโยชน์ทางอ้อม


ยูร่าตอบทุกคำถามได้อย่างหมดจด


ไม่ใช่เรื่องเกินจริงไปนัก หากจะบอกว่าเธอรู้จักขุมนรกดีที่สุดในโลก


อาศัยจุดเด่นของนักล่าอสูร ยูร่าสามารถสังหารมอนสเตอร์ที่มีเลเวลสูงกว่าตัวเองได้หลายระดับ และข้อมูลเหล่านั้นเป็นประโยชน์ต่อกริดมาก


“ซัคคิวบิแข็งแกร่งที่สุด และเป็นที่ต้องการมากที่สุดเช่นกัน”


พวกหล่อนมีเวทยั่วยวนที่ทรงพลังและใช้ ‘บลิ้ง’ ได้เก่งกาจ แถมยังมีทักษะติดตัวสำหรับลดค่าต้านทานเวทมนตร์เป้าหมายในระดับสูง


แม้แต่ยูร่าก็ยังต้องหลีกเลี่ยง หากซัคคิวบิปรากฏตัวเป็นกลุ่มใหญ่


‘ทักษะติดตัวที่กระทั่งตำนานก็มิอาจต้านทาน…’


แน่นอน กริดปรารถนาทักษะติดตัวจำพวกลดค่าต้านทานเวทมนตร์เป็นทุนเดิม


‘ตกลง… เราจะจับซัคคิวบิ’


หลังจากกำหนดเป้าหมายชัดเจน กริดใช้เวลาสองสามวันในไรนฮาร์ทกับครอบครัว


อย่างไรก็ตาม มันยังไม่ทราบด้วยซ้ำว่า ซัคคิวบิเป็นเผ่าพันธุ์แบบใด การพาเดินไปไหนมาไหนจะเป็นเรื่องน่าอายหรือทำให้คนแตกตื่นหรือไม่


ในเวลาเดียวกัน บนนรกขุมแรกสุด


“สร้างคนตาย”


แอ็กนัสที่ตาสว่างจากอดีต ลงมือสร้างตัวตนที่ทรงพลังมาเป็นบริวาร


ดวงตาสีทองของมันปราศจากความบ้าคลั่ง อดีตอันขื่นขมถูกลบเลือนไปจากจิตใจ


“กำลังจะเริ่มแล้วสินะ…”


เสียงหัวเราะแสนชั่วร้ายและมืดมนของบาเอล ดังกังวานไปทั่วทุกซอกมุมของนรกขุมที่หนึ่ง


______________
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 2 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,771
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00