จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,318
[เป้าหมายไม่สามารถรับข้อความเสียงได้]
หากขึ้นข้อความระบบเช่นนี้หลังจากพยายามส่งข้อความเสียง คำอธิบายเดียวก็คือ อีกฝ่ายกำลังลุยดันเจี้ยนบอส
“ชิ… เขาเริ่มไปแล้ว”
แม้ลอเอลจะขอให้เชื่อใจกริด แต่ป็อนยังคงเป็นกังวล
แน่นอน ป็อนเชื่อใจกริดอยู่แล้ว จะมีสมาชิกโอเวอร์เกียร์คนใดเคลือบแคลงในความแข็งแกร่งของกริดด้วยหรือ?
เพียงแต่จังหวะเวลาค่อนข้างโชคร้าย
กริดคงมิอาจล่าเฮลกาโอสำเร็จหากศิลาอัคคีก้อนที่เจ็ดปรากฏขึ้น
‘ถึงเขาจะแข็งแกร่งกว่าเมอร์เซเดส แต่ก็ยังยากอยู่ดี เป็นไปไม่ได้ที่จะล่าบอสซึ่งมีรูปแบบการโจมตีซับซ้อนเพียงสองคน’
ป็อนอยากมอบคำแนะนำบางอย่างให้กริด แต่พลันต้องกระวนกระวายเมื่อพบว่าไม่สามารถติดต่ออีกฝ่ายได้
เมื่อเห็นป็อนรีบร้อนวิ่งออกไป ลอเอลส่งเสียงเรียก
“นายจะไปช่วยเขา?”
“ฉันต้องไป… จะปล่อยให้กริดและเมอร์เซเดสตายไม่ได้”
เสาอัคคีที่จะปรากฏขึ้นในวินาทีเฮลกาโอปรากฏตัว จะยิ่งทรงพลังเมื่อจำนวนศิลาอัคคีเพิ่มขึ้น
เมื่อครั้งมีศิลาอัคคีหกก้อน เสาอัคคีได้ลุกโชนจนปกคลุมเกือบทั่วดันเจี้ยน
ไม่เพียงเท่านั้น ตำแหน่งของศิลาอัคคียังเป็นแบบสุ่ม หนทางเดียวที่จะหาจุดปลอดภัยเพื่อหลบให้พ้นต้องอาศัยโชคพอสมควร
และถึงจะรอดจากเสาอัคคีมาได้ ทั้งสองยังต้องเผชิญกับ ‘ลูกไฟ’ จากฟากฟ้าที่จะตกลงมาในจุดปลอดภัย โอกาสไม่บาดเจ็บจึงแทบเป็นศูนย์
‘ถึงกริดและเมอร์เซเดสจะไม่ถูกลดค่าต้านทานธาตุไฟ แต่พวกเขาคงเลี่ยงการบาดเจ็บไม่ได้’
แม้จะมีค่าต้านทานธาตุไฟ 100% เต็ม แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้สึกเจ็บ เพราะการมีค่าต้านทานธาตุ 100% เต็มไม่ได้หมายความว่า การโจมตีนั้นจะไม่สร้างความเสียหายใดเลย
การโจมตีประเภทธาตุส่วนใหญ่มีค่าพื้นฐานตายตัว
จริงอยู่ ความเสียหายแบบ ‘ตายตัว’ จะบรรเทาลงตามค่าต้านทาน แต่ลูกไฟของเฮลกาโอมิใช่สิ่งที่ค่าต้านทานของผู้เล่นจะหักล้างหมด
อาจลดทอนลงได้บางส่วน แต่ความเจ็บปวดยังคงอยู่ในระดับมหาศาล
และเหนือสิ่งอื่นใด การโจมตีทุกชนิดของเฮลกาโอจะมองข้ามพลังป้องกันจำนวนหนึ่งเสมอ
‘หากถูกเฮลกาโอโจมตีใส่ ถ้าโชคร้ายก็อาจลงนรกได้ในคราวเดียว’
ท่าโจมตีที่น่ากลัวที่สุดของเฮลกาโอคือ ‘หนวดเวทมนตร์’
เงื่อนไขนี้จะเกิดขึ้นเมื่อ สมาชิกเกินกว่าครึ่งของปาร์ตี้สูญเสียพลังชีวิตไปจำนวนหนึ่ง
หนวดเวทมนตร์จะสุ่มโจมตีใส่ห้าเป้าหมาย สร้างความเสียหายจริง 100% เต็มโดยไม่สนใจพลังป้องกัน และรับประกันคริติคอลโดยไม่สนใจเงื่อนไข
‘ทักษะนี้จะแสดงผลทุกครั้งที่พลังชีวิตของพวกเราลดลง 20%… เป็นท่าที่รับมือได้ยากที่สุด’
จุดสำคัญคือการรักษาระดับพลังชีวิต
หากพลังชีวิตไหลเป็นน้ำ วังวนความฉิบหายก็จะเกิดขึ้นอย่างไม่รู้จบ
ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามเสียเลือดจากการโจมตีขณะเฮลกาโอปรากฏตัวเด็ดขาด เพราะการดื่มโพชั่นไม่ช่วยอะไรมากนัก ปาร์ตี้ล่าเฮลกาโอจึงต้องมีคลาสฮีลเลอร์หรือสายบัฟเป็นแกนหลัก
ขณะป็อนกำลังรวบรวมสมาชิกทีมล่าบอสที่หนึ่ง
[ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด เขียนมหากาพย์บทที่แปด]
มหากาพย์ปรากฏขึ้น
เนื้อหาค่อนข้างเข้มข้น อีกทั้งยังไม่เกี่ยวกับกริดโดยตรง แต่เป็นของอัศวินคู่กาย
มหากาพย์บรรยายว่าเมอร์เซเดสกำลังเผชิญเพลิงโลกันตร์ บรรยายว่าหญิงสาวกำลังช่วยแบ่งเบาภาระที่กริดเคยแบกมาจนถึงปัจจุบัน
กริดให้ความสำคัญกับชีวิต NPC เสมอ แต่ยามนี้กลับเลือกพึ่งพาเมอร์เซเดสในสถานการณ์อันตราย?
ทั้งที่เมอร์เซเดสคือบุคคลสำคัญซึ่งมิอาจหาใครมาทดแทนได้…
เพียงเท่านี้ก็แน่ชัดแล้วว่า กริดกำลังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างหนัก
“ชิ!”
ณ กึ่งกลางโถงทางเดิน ป็อนอัญเชิญม้าขาวออกมาขี่
ลอเอลตะโกนเรียกขณะอีกฝ่ายเตรียมขว้างหอกเพื่อพังกระจกหน้าต่าง
“ไปหาสติกส์ ให้เขานำทางไปยังเกตวาร์ป”
***
มหากาพย์เปรียบดังรอยเท้ากริด
ส่วนมากจะเน้นไปที่ตัวเองมากกว่าสภาพแวดล้อม
แต่คราวนี้ เนื้อหากลับบรรยายถึงความเปลี่ยนแปลงที่ชายหนุ่มเริ่มพึ่งพาพวกพ้อง
ย้อนกลับไปในอดีต กริดได้เป็น ‘ดวงประทีปแห่งมวลมนุษย์’ เพราะตระหนักถึงขีดจำกัดตัวเอง ขณะเดียวกันก็มองว่าชีวิตของพวกพ้องรอบตัวเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน
ชายหนุ่มที่ต่อสู้ตามลำพังมาตลอด ในที่สุดก็เริ่มเชื่อใจและพึ่งพาผู้อื่น
เหตุการณ์นี้คือหลักฐานพิสูจน์พัฒนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์ และยังเป็นช่วงเวลาที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของยุคสมัย
เหมาะสมแล้วที่จะนำมาเขียนบรรยายให้เป็นตำนานเล่าขาน
เมอร์เซเดสพุ่งตัวไปด้านหน้า พลางยกโล่เหนือศีรษะเพื่อป้องกันเปลวเพลิงอันร้อนแรงที่สาดเทลงมาราวกับสายฝน
กริดวิ่งตามหลังไปอย่างเงียบงัน
[ทุกก้าวที่ตามหลังอัศวิน เขาสัมผัสได้ว่า ความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ที่ตนเคยแบกรับ เริ่มถูกแบ่งเบาออกไปทีละนิด]
“ทางนี้ค่ะ!”
[เป็นการนำทางที่ปราศจากความหวาดกลัว]
[เป็นการนำทางซึ่งเต็มไปด้วยเจตจำนง หมายขจัดภัยคุกคามและความอยุติธรรมทุกรูปแบบ]
“แม่น้ำทางนี้เป็นของปลอม”
[เธอปรารถนาอย่างแน่วแน่ที่จะปกป้องทุกคน…]
“จังหวะนี้แหละ!”
[จากอุปสรรคอันโง่เขลาและหยิ่งผยอง]
“สามหาวเกินไปแล้ว!”
[ขณะอยู่ใต้ร่มเงาการปกป้องของโล่ใหญ่ ชายหนุ่มเริ่มตระหนักได้]
“นภา”
[โล่ใหญ่ของอัศวินคู่กายที่สามารถปัดเป่าเพลิงนรก ช่วยเร่งความเร็วในการฟาดฟันให้แก่เขา]
“อ๊ากกกกก! แม่น้ำ… ถาโถม!”
[มหากาพย์ใหม่จะเพิ่มพลังโจมตี 10% ขณะอยู่ในปาร์ตี้]
“ปราการศักดิ์สิทธิ์แห่งอัศวิน”
[อัศวินคู่กายจะช่วยเป็นหูเป็นตาในทิศทางที่ราชาโอเวอร์เกียร์มองไม่เห็น คอยปกป้องภัยคุกคามทุกรูปแบบที่พุ่งตรงมายังแผ่นหลังของชายหนุ่ม]
“อะไรกัน… ดวงตานั่น! เป็นไปไม่ได้!”
[มหากาพย์ใหม่จะเพิ่มพลังป้องกัน 10% ขณะอยู่ในปาร์ตี้]
“ชุนโป”
“ปีกเงิน”
[กิ่งไม้ก้านเล็ก ๆ ที่ใฝ่ฝันจะเป็นต้นไม้ใหญ่คอยค้ำจุนโลก]
[เขาทั้งพากเพียรและดิ้นรน เพื่อที่จะกลายเป็นแสงตะเกียงคอยนำทางมวลมนุษย์]
“คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร”
“คลื่นทางช้างเผือก!”
[ข้อแตกต่างระหว่างรุ่นก่อนและรุ่นปัจจุบันถูกลบล้าง]
“พวกเจ้าเป็น… ตำ… นาน! อ๊ากกกก!”
[ราชาโอเวอร์เกียร์ กริด เสร็จสิ้นการเขียนมหากาพย์บทที่แปด]
[มหากาพย์ส่งผลให้ตำนานรุ่นปัจจุบันทุกคน ได้รับค่าสถานะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย]
***
[มหากาพย์หน้าที่แปดเสร็จสมบูรณ์]
[รางวัลตอบแทนมหากาพย์ ระดับตัวตนของท่านเพิ่มขึ้นหนึ่งขั้น]
[ค่าต้านทานทักษะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย]
[ค่าต้านทานความเสียหายจากอาวุธ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย]
[กายาเหนือมนุษย์ทวีความแข็งแกร่ง]
[ได้รับสมญานาม ‘ผู้นำแห่งเหล่าตำนาน’]
[อัศวินของท่าน ‘เมอร์เซเดส’ ศรัทธาท่านดุจดังเทพ]
[ค่าบารมีเทพเพิ่มขึ้น 1 หน่วย]
<กายาเหนือมนุษย์> Lv.2
ประเภท : ติดตัว
* มีโอกาสปานกลางที่จะต้านทานความเสียหายกายภาพซึ่งต่ำกว่าสามพันหน่วย
ผิวกายของเหนือมนุษย์ทั้งแข็งและทนทาน
ท่านเข้าใกล้ภาวะ ‘ฟันแทงไม่เข้า’ ไปทุกที
<ผู้นำแห่งเหล่าตำนาน>
ตัวเอกที่คอยนำทางเหล่าตำนานคนอื่น
หากเก็บเลเวลแบบปาร์ตี้ร่วมกับตำนานคนอื่น ท่านจะได้รับค่า EXP มากกว่าสมาชิกในปาร์ตี้
หากเก็บเลเวลแบบปาร์ตี้ร่วมกับตำนานคนอื่น มีโอกาสที่ท่านจะได้รับไอเท็มคุณภาพสูงกว่าสมาชิกในปาร์ตี้
‘เจ๋ง’
บทกวีมหากาพย์มากพร้อมพัฒนาการก้าวใหญ่เสมอ
ไม่เพียงจะเพิ่มพลังโจมตีและพลังป้องกันขณะร่วมปาร์ตี้ แต่ยังเพิ่มค่าต้านทานต่อทักษะและความเสียหายจากอาวุธ
นอกจากนั้นยังมีสมญานามใหม่และการอัปเลเวลกายาเหนือมนุษย์ กริดดีใจเสียจนนึกอยากกระโดดโลดเต้น
ทว่า เขามิอาจทำมันได้ในเวลาเช่นนี้
“ฝ่าบาท!”
“ชุนโป”
เปลวเพลิงที่เฮลกาโอฉาบปกคลุมร่างกาย ทวีความร้อนแรงและทรงพลังจนยากจะทานทน
ภายใต้การกระหน่ำโจมตีของกริดและเมอร์เซเดส พลังชีวิตของเฮลกาโอลดลงอย่างรวดเร็วจนเข้าสู่ร่างที่สอง
ด้วยดวงตาแดงเพลิง เฮลกาโอจ้องกริดและเมอร์เซเดสที่กำลังวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเหมือนหนู
“เคยคิดว่ามนุษย์ยุคใหม่จะมีแต่พวกขยะ… ผิดคาดไปมากทีเดียว”
ท่าไม่ดีแล้ว
พิจารณาจากสำเนียงการพูด เฮลกาโอที่ช่างสนทนาและเอาแต่โจมตีส่งเดชในตอนแรก กลับมามีสติสุขุมเยือกเย็นอีกครั้ง
หรือกล่าวได้ว่า ทุกการโจมตีหลังจากนี้จะมีแต่อันตราย
“น่าสนใจดีนี่… ถึงจะอยู่ในยุคของมุลเลอร์ แต่พวกเจ้าก็ยังดูโดดเด่นกว่าใคร”
จะมีมนุษย์สักกี่คนที่ได้รับคำชมเชยจากจอมอสูร?
เฮลกาโอยกย่องกริดและเมอร์เซเดส กระทั่งเอ่ยถึงนามของมุลเลอร์ที่ผนึกมันไว้
เป็นเครื่องยืนยันว่าจอมอสูรลำดับเก้ากำลังเยือกเย็น
เฮลกาโอควงไม้เท้าที่เคยเป็นเพียงเครื่องประดับ พลางสร้างวงแหวนเวทห้าแฉกกลับหัวจำนวนหลายสิบขึ้นมารอบตัว
“แต่พวกเจ้ายังเด็กเกินไป… กว่าจะผนึกข้าได้ มุลเลอร์ก็ต้องสั่งสมอะไรมามาก”
จอมอสูรลำดับเก้า เฮลกาโอ
ในความเป็นจริง มันคือตัวตนอันยิ่งใหญ่แห่งขุมนรก
แต่ในอดีต เฮลกาโอกลับพ่ายแพ้ให้มนุษย์คนหนึ่งอย่างหมดท่า ต้องเผชิญหน้ากับดาบที่ไม่มีวันหัก ดาบที่ไม่มีวันหลบพ้น และดาบที่ไม่มีวันรับมือได้
นั่นคือสาเหตุว่าทำไม เฮลกาโอมิได้หวั่นเกรงต่อเนตรมองทะลุของเมอร์เซเดสมากนัก
ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา มันเร่ร่อนอยู่ในนรกด้วยร่างวิญญาณพลางขบคิดเสมอว่า ตนจะต่อกรกับดาบที่เหนือสามัญสำนึกนั่นอย่างไรดี?
จนกระทั่งพบคำตอบที่แสนง่ายดาย
พลังที่ไร้เหตุผล ก็ต้องเจอกับพลังที่ไร้เหตุผลยิ่งกว่า
เปลวเพลิงจะปะทุขึ้นบนวงแหวนเวทห้าแฉกกลับหัวจำนวนหลายสิบ จากนั้นก็ระเบิดลุกโชน
“เวทมนตร์นี้ยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็เพียงพอที่จะจัดการกับพวกเจ้า… ที่ยังไม่สมบูรณ์เช่นกัน”
“…!”
ด้วยเนตรมองทะลุ ทันทีที่เมอร์เซเดสเห็นมหาเวทซึ่งจอมอสูรลำดับเก้าออกแบบเพื่อฆ่ามุลเลอร์ หญิงสาวรีบผลักกริดออกไป
“ฝ่าบาท… หนีเร็ว!”
“อะไรนะ…?”
ตั้งแต่เข้าสู่ร่างที่สอง กริดยังแทบไม่ได้รับความเสียหายใด
อาศัยความว่องไวของเหนือมนุษย์ ผนวกกับเนตรมองทะลุของเมอร์เซเดสที่แจ้งข่าวล่วงหน้า ความเสียหายจึงแทบจะมาไม่ถึงกริด
แน่นอน เมอร์เซเดสได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยเพราะเธอคือตัวแทงค์ แต่พลังชีวิตของคนทั้งคู่ก็ยังสูงเกินกว่าระดับ 90%
ทว่า หญิงสาวกลับบอกให้ตนหนี?
‘เวทมนตร์นั่น… น่ากลัวขนาดนั้นเชียว?’
วงเวทสามสิบสามวงที่มีเพลิงสีดำปะทุและควบแน่นอยู่ ดูคล้ายกับภาพก่อนเกิดภัยพิบัติซึ่งสามารถทะลุทะลวงผ่าน ‘การป้องกันทุกชนิด’
กริดเสนอแนะ
“ถ้าเราสองคนช่วยกันป้องกัน…”
“เป็นไปไม่ได้ค่ะ… เจ้านั่นผสานเวทอำพราง เวทนำวิถี และเวทเร่งความเร็วเข้าด้วยกัน”
“อะไรนะ…”
ขณะกริดกำลังยืนตัวแข็ง
“สำหรับเจ้า เท่านี้คงเพียงพอแล้ว”
อสูรหัวแพะฉีกยิ้มกว้าง
ทันใดนั้น โลกทั้งใบพลันเงียบงันราวกับใครบางคนกดปุ่มปิดเสียง เปลวเพลิงที่เคยปะทุอย่างระบุบนวงแหวนเวทสามสิบสามวง หายไปจากการมองเห็นในพริบตา
“…!”
เมอร์เซเดสรีบพุ่งตัว
หญิงสาวโผกอดกริดและเตรียมเอ่ยคำพูดสั่งลา
เธอใช้โล่ใหญ่ปกคลุมลำตัวกริดเพียงคนเดียว ในส่วนที่ปิดไม่มิดก็ใช้ร่างกายตัวเองเป็นกำบังให้
หญิงสาวเตรียมสละชีวิตเพื่อกริดโดยไม่มีเงื่อนไข
ท่ามกลางโลกที่คล้ายกับหยุดนิ่ง
[ไม่มีการโจมตีใดที่ท่านมิอาจจำแนก]
ประสาทสัมผัสทุกด้านของกริดถูกเค้นประสิทธิภาพจนถึงขีดจำกัด
‘โลกแห่งเหนือมนุษย์ที่แท้จริง’ ถูกฉายในดวงตาโดยไม่สนว่าสมองจะรับภาระหนักเพียงใด
ชายหนุ่มมองเห็นเปลวเพลิงสามสิบสามเส้นที่กำลังล่องหน ทั้งหมดกำลังพุ่งเข้าใส่จากทุกทิศทางอย่างเกรี้ยวกราดและแทบไม่มีโอกาสหลบพ้น
กริดมองเห็นผมทุกเส้นของเมอร์เซเดสที่กำลังปลิวไสวเบื้องหน้า
มองเห็นดวงตาอันโศกเศร้าที่ใกล้จะร่ำไห้เต็มที
‘ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี’
เฉกเช่นที่เคยถูกเธอปกป้องมาตลอด ถึงคราวฉันปกป้องเธอบ้างแล้ว
กริดใช้หลังมือปาดคราบน้ำตาหญิงสาว
“วังวนสะพรั่ง”
ลูกไฟทั้งสามสิบสามเส้นในการมองเห็นของกริดพลันถูก ‘มาร์ค’
กลีบบุปผาจำนวนมหาศาลกระจายตัวออกไปจนเต็มบรรยากาศพร้อมกับสร้างวังวนสะท้อนกลับ
ภาพที่เมอร์เซเดสกำลังเห็น มิใช่แผ่นอกของกริดที่ตนโผเข้ากอด หากแต่เป็นแผ่นหลังอันสง่างามและผ้าคลุมสะบัดพลิ้วของชายหนุ่ม
ไม่กี่อึดใจถัดมา เฮลกาโอถูกเล่นงานด้วยมหาเวทของมันเอง
“…!!”
“…?”
เมอร์เซเดสและจอมอสูรลำดับเก้าต่างมองไม่ทันว่ากริดทำอะไรลงไป สายตาทั้งคู่เต็มไปด้วยความฉงนที่ยากอธิบาย
เฮลกาโอล้มลงพลางแหงนหน้ามองกลีบบุปผาจำนวนมาก ที่กำลังโปรยปรายท่ามกลางเพลิงสีดำ
ทุกกลีบกำลังสะท้อนฉากฝันร้ายจากหลายร้อยปีก่อน
สนุกมากครับ ขอบคุณที่แปล
ReplyDeleteขอบคุณสำกรับงานแปลดีๆครับ
ReplyDelete