จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,248



แต่ไหนแต่ไร การปรากฏกายของจอมอสูรจะมีหนึ่งสิ่งร่วมกันเสมอ


ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้า


จอมอสูรมักปรากฏตัวอย่างกะทันหันประหนึ่งฟ้าผ่ากลางวันแสก ส่งผลให้มนุษย์ที่มิได้เตรียมตัวรับมืออย่างดีพอ เกิดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่


และยังเป็นสาเหตุว่าทำไม สถานการณ์ในปัจจุบันจึงกำลังโกลาหลสุดขีด


มิใช่ว่ามนุษย์คงทำได้เพียงเฝ้ามองจอมอสูรบุกทำลายโลกต่อหน้าต่อตาหรอกหรือ?


อีกฝ่ายมีถึงห้าเชียวนะ แถมยังมาพร้อมกัน!


ทางนี้จะเอาอะไรไปรับมือไหว?


หลังจากข้อความโลกปรากฏขึ้น ผู้คนต่างพากันจมอยู่กับความสับสน มองไม่เห็นทางออกหรือวิธีแก้ปัญหา


จนกระทั่งบาซาร่าประกาศตัวเป็นศูนย์กลาง


“เราแตกต่างจากอดีตจักรพรรดิ”


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า รากฐานความแข็งแกร่งและมั่นคงของจักรวรรดิก็คือ อาณาเขตและดินแดนอันกว้างขวาง รวมไปถึงพลเมืองที่มีจำนวนมหาศาลหลักหลายร้อยล้าน


จักรวรรดิมีหูตาอยู่ทั่วทวีป


หมายความว่า จำนวนกำลังคนที่เคยลงทุนไปกับชายแดนทั้ง 50 แห่งตลอดหลายสิบปี มิได้กลายเป็นสิ่งสูญเปล่า


จักรวรรดิสามารถรวบรวมและสังเคราะห์ข้อมูลได้แบบเรียลไทม์ชนิดไม่มีอาณาจักรใดสามารถทัดเทียม


ไม่ผิดนักหากจะกล่าวว่า จอมอสูรทั้งห้าถูกพบตัวทันทีที่ออกจากทาลิม่าและพ้นเขตภูเขาไฟ


หน่วยข่าวกรองทุกรูปแบบของจักรวรรดิได้ติดตามเหล่าจอมอสูรทุกฝีก้าว ไม่เว้นแม้กระทั่งในวินาทีปัจจุบัน


สิ่งเหล่านี้คือพฤติกรรมตรงกันข้ามกับอดีตโดยสิ้นเชิง อดีตที่จักรพรรดิมักละเลยจอมอสูร


ถูกต้อง


บาซาร่าปรารถนาความเป็นหนึ่งเดียว


นโยบายเก่าแก่โบราณอย่าง ‘สร้างชื่อเพื่อจักรวรรดิ ตายเพื่อจักรวรรดิ’ ไม่มีอยู่อีกแล้ว


บาซาร่าปรารถนาเพียงการอยู่ร่วมกับอาณาจักรข้างเคียง อยู่ร่วมกับต่างเผ่าพันธุ์อย่างกลมเกลียวและเป็นมิตร ร่วมพัฒนาไปด้วยกันภายใต้สันติสุขอันยาวนาน


‘หายนะในครั้งนี้… คือโอกาสอันดีที่จะสร้างความกลมเกลียวระหว่างทุกฝ่าย’


ย้อนกลับไปมองประวัติศาสตร์อันยาวนานนับพันปี จักรวรรดิซาฮารันก่อความผิดขึ้นมากมาย


หลายฝ่ายต่างยังคลางแคลงในความปรารถนาดีของบาซาร่า และไม่เชื่อว่าเธอจะพยายามสร้างความกลมเกลียวด้วยจิตใจบริสุทธิ์


สิ่งนี้สามารถเปลี่ยนแปลงได้


บาซาร่าเชื่อเช่นนั้น


เธอหวังใช้โอกาสนี้แนะนำให้ทุกคนรู้จักโลกในอุดมคติของตน และความปรารถนาที่จะปกป้องสันติภาพของโลกใบดังกล่าว


“การที่ฝ่าบาทกริดเสียสละเผชิญหน้ากับราชาคลั่งด้วยตัวเอง สิ่งนี้ส่งผลให้พันธมิตรของเรารอดพ้นจากผลลัพธ์เลวร้ายที่สุด เพราะในตอนแรก หากมันผ่านป้อมเฮนรูทูไปได้ ก็มีโอกาสมากที่เส้นทางการเคลื่อนตัวของราชาคลั่งจะซ้อนทับกับจอมอสูรตนอื่น และนั่นจะทำให้มนุษย์ต้องรับมือกับจอมอสูรสองตนในเวลาเดียวกัน”


หัวใจบาซาร่าพลันพองโตอีกครั้ง ประหนึ่งกำลังย้อนกลับไปในวันที่ได้ประจักษ์ความยิ่งใหญ่ของกริดเป็นหนแรก


เธอชื่นชมในวิสัยทัศน์เฉียบแหลมของกริด ที่เลือกลงมือกับราชาคลั่งทันทีหลังจากได้อ่านเส้นทางการเคลื่อนทัพเบื้องต้นของจอมอสูร


บาซาร่าเชื่อมาตลอดว่ากริดเกิดมาเพื่อสร้างปาฏิหาริย์ เพราะเขาเคยทำสิ่งมหัศจรรย์อย่างการให้กำเนิดจักรวรรดิยุคใหม่มาแล้ว


ในคราวนี้ก็เช่นกัน


‘13 นาที… ขอแค่ 13 นาทีเท่านั้น'


ปัจจุบัน จักรวรรดิได้เคลื่อนย้ายทหารทุกหน่วยที่พร้อมใช้งานมายังแนวหน้าของสงคราม ไม่เว้นแม้กระทั่งองครักษ์หลวง


ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีกลุ่มของจอมเวทที่นำทัพโดยมหาจอมเวท ซึ่งทุกคนกำลังทุ่มแรงใจเพื่อเร่งมือสร้าง ‘วงแหวนเวทอัญเชิญหวนกลับ’ ขึ้นมา


จักรวรรดิเริ่มลงมือตั้งแต่สองวันก่อน


จากการประเมินของบรรดานักปราชญ์ วงแหวนเวทอัญเชิญหวนยังเหลือเวลาอีกราวสองชั่วโมงกว่าจะสร้างเสร็จ


หรือก็คือ วงแหวนเวทอัญเชิญหวนกลับจะสร้างเสร็จหลังจากที่ราชาคลั่งมาถึงจุดนัดพบแล้วประมาณ 13 นาที


“ตรงนี้”


ณ ค่ายทหารแห่งหนึ่งที่รวบรวมแม่ทัพและเสนาธิการของแต่ละอาณาจักรไว้ด้วยกัน


บาซาร่าชี้ไปยังจุดหนึ่งบนแผนที่


เป็นเส้นทางที่ราชาคลั่งกำลังจะเคลื่อนตัวผ่านป้อมปราการขนาดเล็ก


“ที่นี่คือป้อมเฮนรูทูของอาณาจักรอาร์ค กลุ่มจอมเวทหัวกะทิของจักรวรรดิกำลังรวมตัวกันเพื่อสร้างวงแหวนเวทอัญเชิญหวนกลับ”


“วงแหวนเวทอัญเชิญหวนกลับคือ…?”


ผู้เอ่ยปากซักถามคือดยุคแห่งกินเทอร์เรียจากอาณาจักรกลาเชี่ยน


ในฐานะแม่ทัพที่รับคำสั่งจากกษัตริย์ให้นำพากองทัพเข้าร่วมสงครามกับจอมอสูร มันเกิดความคลางแคลงใจมาตั้งแต่ต้น


สืบเนื่องจากในคราวนี้ มหาจักรพรรดินีแห่งซาฮารันได้ส่งทูตมาพร้อมจดหมาย ‘ขอความร่วมมือ’ ในการปราบปรามจอมอสูร มิใช่ ‘ออกคำสั่ง’ เหมือนเช่นทุกที อีกทั้งยังมีการขอบคุณล่วงหน้าต่อราชวงศ์ที่ ‘ให้ความร่วมมือ’ ส่งกองทัพเข้าร่วมภารกิจปกป้องโลก


แม้มันจะเคยได้ยินว่า จักรพรรดินีองค์ใหม่แตกต่างจากอดีตจักรพรรดิซาฮารันทุกคน แต่ก็ไม่คิดว่าจะแปลกประหลาดถึงเพียงนี้


ไม่ว่ามองมุมใจก็ยากจะเข้าถึง ประหนึ่งมันกำลังอยู่ในความฝันก็มิปาน


ด้วยเหตุผลดังกล่าว มันจึงกล้าซักถามผู้ปกครองเหนือใต้หล้าทวีปตะวันตกที่ไม่หวาดกลัวเทพบนฟ้าหรืออสูรจากใต้พิภพ


และคำตอบก็คือ


“เป็นวงแหวนเวทมนตร์ที่มีพลังในการส่งสิ่งมีชีวิตจากต่างมิติกลับไป”


มิใช่คำตอบเย็นชาประหนึ่งคมมีดกรีดแทง แต่เป็นคำตอบที่มาพร้อมรอยยิ้มเป็นกันเอง


“ขอบพระทัยเป็นอย่างยิ่งที่ทรงสละเวลาชี้แนะคนโง่เขลา พระคุณในคราวนี้ของฝ่าบาทมหาจักรพรรดิจะถูกจดจำไปจนชั่วลูกชั่วหลาน”


เป็นความเคารพจากก้นบึ้ง มิใช่หวาดกลัว


โลกกำลังถึงคราวเปลี่ยนแปลง


เมื่อเห็นดยุคแห่งกินเทอร์เรียตอบสนองอย่างเป็นมิตร บาซาร่าวกกลับเข้าสู่ประเด็นหลัก


“แผนของจักรวรรดิก็คือ ส่งจอมอสูรที่น่าหวาดกลัวที่สุดอย่างราชาคลั่งกลับคืนสู่มิติเดิม แต่ต้องขอสารภาพตามตรง ในตอนแรก พวกเราไม่มั่นใจว่าวงแหวนเวทอัญเชิญหวนกลับจะถูกสร้างภายในป้อมเฮนรูทูได้ทันเวลา”


แต่จักรวรรดิไม่มีทางเลือกนอกจากยอมเสี่ยง


เพราะเส้นทางเคลื่อนที่ของราชาคลั่งหลังจากผ่านป้อมเฮนรูทู มีแน้วโน้มอย่างมากที่จะมาบรรจบกับเส้นทางของดันทาเลี่ยน


หากทั้งสองจอมอสูรร่วมมือกัน คงปฏิเสธไม่ได้ว่า อาณาจักรอาร์คคงถึงคราวล่มสลายโดยไม่มีโอกาสดิ้นรนขัดขืน


เพื่อหลีกเลี่ยงกรณีเลวร้าย บาซาร่าจำต้องเสี่ยงกับโอกาสอันน้อยนิดที่ป้อมเฮนรูทู


โดยอัตราความสำเร็จมีไม่ถึง 10%


ยิ่งเวลาผ่านไป ความเร็วในการเคลื่อนที่ของราชาคลั่งก็ยิ่งสูงกว่ากว่าการคาดคะเนของเหล่านักปราชญ์ ดังนั้น โอกาสที่วงแหวนเวทจะถูกติดตั้งได้ทันเวลาจึงริบหรี่เต็มที


จนกระทั่ง กริดยื่นมือเข้ามาช่วย


เมื่อได้ยินว่ากริดกำลังมุ่งหน้าไปทางราชาคลั่ง บาซาร่าราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก


“แต่ปัจจุบัน สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว การเข้าร่วมของฝ่าบาทกริดช่วยเพิ่มโอกาสที่วงแหวนเวทจะติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ ป้อมปราการเฮนรูทูจึงมิใช่จุดยุทธศาสตร์สำหรับเสี่ยงโชคอีกต่อไป แต่เป็นความหวังในการกำจัดราชาคลั่งตั้งแต่ช่วงต้นสงคราม”


จากนั้น บาซาร่าชี้ไปยังสัญลักษณ์รูปดาวขนาดเล็กสองดวงบนแผนที่


“สรุปก็คือ ฝ่าบาทกริดจะรับมือกับราชาคลั่ง ส่วนพวกเราจะทุ่มพลังทั้งหมดเพื่อโค่นโรนอฟและดันทาเลี่ยน”


จักรพรรดินีบาซาร่าจ้องไปยังที่นั่งฝั่งซ้ายมือด้วยแววตาสดใส


แม่ทัพใหญ่ของทั้ง 11 อาณาจักร รวมถึงจักรวรรดิซาฮารันและโอเวอร์เกียร์ ล้วนพยักหน้ารับเป็นเชิงเห็นพ้อง


ถัดมา บาซาร่ามองไปยังที่นั่งฝั่งขวามือด้วยสายตาแฝงความกังวล


ตัวแทนจาก 9 เผ่าพันธุ์ เช่นออร์ค เอลฟ์ พวกเขาเหล่านี้ลักษณะเฉพาะตัวที่หลากหลาย เช่นผิวเขียว ตัวเล็ก ตาแดง หลังค่อม ขาสั้น และอีกหลายจุดที่ไม่เหมือนมนุษย์ สายตาทุกคนต่างกำลังจ้องบาซาร่าอย่างไม่เป็นมิตรสักเท่าไร


แต่สุดท้าย พวกมันพยักหน้ารีบเงียบงัน


บาซาร่าหายใจทั่วท้องทันที


เธอทราบดี พวกเขาเหล่านี้ต้องขัดแย้งกับสมาชิกภายในเผ่าอย่างรุนแรงมากเพียงใด กว่าจะยอมตกลงร่วมมือกับจักรวรรดิที่เคยคุกคามและเห็นพวกตนเป็นของเล่นมานานหลายปี


แม้จะผิดหวังที่คืนดีกับดราโกเนี่ยนไม่สำเร็จ แต่บาซาร่าก็มิได้เก็บมาคิดให้ปวดหัว เธอรีบอธิบายกลยุทธ์สำหรับต่อกรจอมอสูรที่บรรดากุนซือสมองเพชรนับร้อยของจักรวรรดิช่วยกันเค้นสมองกลั่นกรองออกมา


มีทั้งวิธีการรับมือโรนอฟที่สามารถแปลงร่างเป็นกบสีแดงและเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ รวมถึงกลศึกในการส่อง ‘หนังสือ’ แห่งดันทาเลี่ยนเพื่อแบ่งพลังออกเป็นสองส่วน


ทัพที่ต้องโจมตีโรนอฟประกอบด้วยจักรวรรดิ 4 อาณาจักร 5 เผ่าพันธุ์ และทัพที่ต้องโจมตีดันทาเลียนประกอบด้วยโอเวอร์เกียร์ 5 อาณาจักร และ 4 เผ่าพันธุ์


อาเรส กษัตริย์แห่งวัลฮัลล่าที่แสดงสีหน้าพึงพอใจเมื่อได้ทำงานร่วมกับโอเวอร์เกียร์ พลันส่งเสียงซักถามอย่างโผงผาง


“ขอประทานโทษฝ่าบาท แล้วใครจะคอยรับมือกับแขนของสตริโอ้หรืออะไรทำนองนั้น”


แม้จะต้องร่วมมือกันชั่วคราวเนื่องจากมีศัตรูคนเดียวกัน แต่ในทางจุดยืน จักรวรรดินั้นเป็นศัตรูกับวัลฮัลล่าอย่างชัดเจน


ไม่มีใครถือสาคำพูดคำจาอันดุดันของอาเรส


บาซาร่าเองก็มิได้ใส่ใจ ออกจะตรงกันข้าม เธอค่อนข้างชื่นชมที่อาเรสยอมลดทิฐิ ตัดสินใจเข้าร่วมพันธมิตรปราบจอมอสูรชั่วคราว แม้ทั้งสองฝ่ายจะเป็นศัตรูต่อกันอย่างรุนแรง


“ฝ่ามือของสตริโอ้เป็นเพียงอวัยวะหนึ่งของจอมอสูร ปราศจากสติปัญญาและเหตุผล มองผิวเผินอาจเป็นศัตรูที่จัดการได้ง่าย แต่นั่นไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด คนธรรมดาไม่มีสิทธิ์เข้าใกล้มันได้ เนื่องจากรอบกายจะแผ่พลังเวทมนตร์แบบเดียวกับขุมนรกออกมาตลอดเวลา แถมยังเผาไหม้ตัวเองอย่างต่อเนื่อง”


“เผาไหม้ตัวเองอย่างต่อเนื่อง… หรือก็คือ หากปล่อยไว้ก็จะสลายไปเอง จึงไม่มีความจำเป็นต้องสนใจสินะ…”


“ผิดแล้ว หากรอให้ฝ่ามือของสตริโอ้ทำลายตัวเอง ทวีปตะวันตกจะหายไปกว่าครึ่ง”


“ถ้าอย่างนั้น มนุษย์จะต่อกรกับมันยังไงถ้าหมดสิทธิ์เข้าใกล้? ท่านจะใช้วงแหวนเวทอัญเชิญหวนกลับนั่นเหมือนกันหรือ”


บาซาร่ายิ้ม


“อย่าลืมว่ามนุษย์ยังมีกองทัพโบสถ์รีเบคก้า”


ในเวลาเดียวกัน


ณ ป้อมคาลันตันแห่งอาณาจักรอาร์ค


“…”


ความเงียบงันกำลังปกคลุมโดยรอบ


บริเวณลานกว้างด้านล่างป้อม


เมื่อได้เห็นช้างสิบตัวพร้อมกับฝ่ามือสีแดงขนาดมหึมากำลังคืบคลานเข้าใกล้ เหล่าสาวกโบสถ์รีเบคก้าต่างพากันอกสั่นขวัญแขวนตามสัญชาตญาณจากก้นบึ้ง


พวกมันรู้สึกราวกับกำลังเผชิญหน้ากลุ่มก้อนความชั่วร้ายทั้งหมดบนโลกมารวมกัน


อึก.


แม้จะมีสันตะปาปาและบุตรีแห่งรีเบคก้ายืนนำหน้าสุด แต่เหล่าสาวกก็อดไม่ได้ที่จะยืนสั่นเทาอย่างมิอาจยับยั้ง


ขณะเหล่ากองทัพรีเบคก้ากำลังตระหนักว่า สัตว์ประหลาดเบื้องหน้าคือหนึ่งในผู้ปกครองสูงสุดของขุมนรกอันน่าเกรงขาม


“อัปลักษณ์…”


ขนนกสีขาวถูกโปรยลงจากป้อมด้านบน


อัครเทวทูตปรากฏกาย


ขณะตัวตนระดับตำนานของโบสถ์กำลังปลอบขวัญเหล่าสาวกเบื้องล่าง


“ฉันไม่ได้มาสายใช่ไหม?”


สตรีเลอโฉม เส้นผมดำขลับ ปรากฏกายในจังหวะเวลาไล่เลี่ยกัน การมาของเธอช่วยขจัดความกังวลในใจสันตะปาปาดาเมี่ยน ที่กำลังยืนสั่นเทาโดยไม่เผยสีหน้ากดดันให้ใครเห็น


ในเวลาเดียวกัน


ทางฝั่งอาเรส


“…โฮ่? อาศัยส่วนผสมระหว่างโบสถ์รีเบคก้ากับนักล่าอสูรนี่เอง… แม้แต่ฉันก็ไม่คิดว่าจะมีจอมอสูรตนใดที่คู่หูนี้ฆ่าไม่ได้”


บาซาร่าพยักหน้ารับ ตามด้วยการอธิบายกลยุทธ์ที่ป้อมคาลันตันจะใช้งาน


แต่อาเรสยังไม่คลายข้อสงสัย


“แล้วใครจะคอยรับมือกับหัตถ์พิสดาร? เจ้านั่นบ้าสงครามและมีพลังที่ยากจะหาคำอธิบาย”


สีหน้าบาซาร่าเผยความมั่นใจอีกครั้ง


“หากจะหาใครมาหยุดยั้ง เห็นทีคงมีแต่อริยดาบที่ครอบครองพลังพิสดารไม่ต่างกัน…”


“…ครอเกล? แต่เจ้านั่นยัง…”


นู๊บ…


บาซาร่าชิงอธิบายตัดหน้า ก่อนที่อาเรสจะหลุดปากกล่าวคำดูแคลนออกมาตามนิสัย


“ลำพังอริยดาบอาจไม่เพียงพอ แต่ก็มีผู้คนจำนวนมากที่ปรารถนาจะช่วยเหลือเขาด้วยเหตุผลแตกต่างกันไป ซึ่งกลุ่มดังกล่าวนับว่าแข็งแกร่งพอตัว”


ในเวลาเดียวกัน


ณ ป้อมริชาร์ดแห่งอาณาจักรอาร์ค


“หึหึ.. นี่คือชะตากรรมที่ฉันรอคอยมาตลอด”


เมื่อ ‘หอกเอก’ คิรินัสกล่าวขึ้น ครอเกลที่เงียบงันมาสักพัก เหลือบไปมองด้านหลังของตน


แรงเกอร์แบบปกปิดตัวตนจำนวนหลายร้อย ประกอบด้วยกลุ่มบลัดคาร์นิวัลเก่าเช่น แบล็ก ไวท์ ทาร์ม่า และไนท์ รวมไปถึงผู้เล่นอีกนับพันคนที่เคยสร้างชื่อเสียงอย่างลับ ๆ ที่ใดสักแห่งบนโลกซาทิสฟาย


ไม่ว่าจะมาเพราะชื่นชมฝีมือของครอเกล หรือมาเพราะไม่มีที่ให้ไป แต่นั่นก็ทำให้จำนวนของกองทัพครอเกลมีเพียงพอสำหรับทำสงครามใหญ่ โดยทุกคนกำลังยืนเบียดเสียดจนเต็มแน่นป้อมปราการ


บรรยากาศราวกับตลาดสดก็มิปาน


แม้จะไม่มีใครแสดงออกอย่างชัดเจน แต่ทุกคนล้วนเผยความทระนงตนราวกับตัวเองคือ ‘ท้องฟ้า’ กริด


“เฮ้! ครอเกล! อยู่หน้าสุดก็หลบให้ดีแล้วกัน ไม่อย่างนั้น ฉันอาจแทงพลาดจนมีดเสียบหลังนายก็ได้… คิคิก!”


“ระวังปากของแกด้วย เด็กน้อยทามาร่า”


“แกนั่นแหละหุบปาก!”


“ชู่ว! นับแต่นี้ไป ฉันจะฆ่าทุกคนที่สร้างความวุ่นวายให้ครอเกล พวกแกต้องไม่ลืมว่า หากครอเกลเป็นอะไรไป จักรวรรดิและกิลด์โอเวอร์เกียร์เอาพวกเราตายแน่!”


“เฮ่อ…! ทำงานระบบทหารน่าเบื่อจะตายไป นี่เป็นเกมไม่ใช่หรือ ขอหาความสนุกสักนิดไม่ได้เลยหรือ? ถ้าที่นี่เป็นกองทัพน่าเบื่อ ต่อให้มีรางวัลภารกิจมากแค่ไหนก็คงไม่เอาด้วยหรอก”


“นั่นคือเหตุผลที่พวกเรามารวมตัวกันที่นี่ยังไงล่ะ! วู้ว! ครอเกล! สู้เค้า! อย่าลืมออกไปโดนจอมอสูรนั่นซัดหน้าแทนคนอื่นด้วยนะ! พวกฉันจะได้เร่งมือทำดาเมจให้มากที่สุด!”


“…”


“…”


สองวันก่อน ครอเกลได้รับภารกิจลับ


เป็นงานจากจักรพรรดินีบาซาร่าโดยตรง


เธอกล่าวว่า :


หากคุณยอมรับภารกิจปกป้องป้อมปราการแห่งนี้ ดิฉันเชื่อว่า จะมีนักผจญภัยอีกมากตามมาสมทบจนเกิดเป็นกองทัพที่แข็งแกร่ง


ในทางทฤษฎี เธอพูดไม่ผิด


แต่ปัญหาคือ คนที่มาสนับสนุนกลับมีแต่พวกป่าเถื่อนและนิสัยประหลาดเป็นส่วนใหญ่


ครอเกลที่กำลังยืนบนกำแพงตามป้อมลำพัง หันกลับไปถามทุกคนด้วยใบหน้าแสนสง่างาม


“ทำไมถึงเป็นฉัน?”


“เห? มัวพล่ามอะไร! จอมอสูรกำลังจะมาถึงอยู่แล้ว ถ้าไม่มีอะไรทำก็ลับดาบรอสิฟะ!”


กลุ่มคนเถื่อนส่งเสียงเย้ยหยันอย่างเฮฮา โดยมิได้ตระหนักถึงความนัยแฝงภายในคำถาม


ครอเกลขมวดคิ้ว เปลี่ยนไปถามให้ชัดเจนมากกว่าเดิม


“ฉันหมายถึง ในเมื่ออีกสนามรบหนึ่งมีกริด แล้วทำไมพวกนายถึงเข้าร่วมสนามรบนี้”


คำถามครอเกลไม่ซับซ้อน


ทุกคนในโลกย่อมทราบว่ากริดแข็งแกร่งกว่า


ดังนั้น ภารกิจลับ ‘หยุดยั้งการรุกรานของจอมอสูร’ ย่อมมีโอกาสสำเร็จสูงกว่าหากเลือกเข้าร่วมสนามรบเดียวกับกริด ไม่ใช่ของตน


แต่เหล่าอัจฉริยะนับพันคนของโลกซาทิสฟายกลับเลือกกระจุกตัวภายในป้อมแห่งนี้จนแออัด


ปัญหาที่ครอเกลยากจะทำความเข้าใจ ฝ่ายแรงเกอร์ปกปิดตัวกลับมอบคำตอบโดยไม่ลังเล ประหนึ่งว่าเป็นคำถามแสนไร้สาระ


“นายโง่หรือไง? คิดว่าพวกเราต้องบ้าขนาดไหนถึงเข้าร่วมสนามรบที่มีจอมอสูรลำดับ 13?”


“ถึงที่นั่นจะมีกริด แต่ก็คงถูกกวาดเรียบภายในหนึ่งนาที… อีกฝ่ายคือราชาคลั่งเชียวนะ!”


“…งั้นหรือ”


ครอเกลเบือนหน้าไปทางหุบเขาใต้กำแพง


ที่นั่น นักรบสวมมงกุฎและชุดเกราะสีเงินคนหนึ่งกำลังย่างกรายเข้ามาใกล้ตามลำพัง


ครอเกลพึมพำ


“…ที่นี่ต่างหากที่จะถูกกวาดเรียบ”


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,643
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00