จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,235



เส้นผมสีส้มสว่างราวกับดวงอาทิตย์


ประหนึ่งดวงตะวันบนฟากฟ้าที่เคยถูกพายุหิมะบดบังตลอดเวลา ได้ร่อนลงมาเฉิดฉายยังผืนดินสีขาวโพลนเบื้องล่าง


“57 นาที...”


เฮเลน่าจัดแต่งทรงผมที่กระเซอะกระเซิงให้กลับเป็นระเบียบอีกครั้ง จากนั้นก็กวาดตามองไปรอบตัว


สันเขาสุดท้ายบนเทือกเขาเคอัส


แต่เดิม สถานที่แห่งนี้เคยเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดดุร้ายจำนวนนับไม่ถ้วน แต่ยามนี้กลับเหลือเพียงดราโกเนี่ยนสาวตามลำพัง


อย่างไรก็ตาม เธอทราบดี ความเงียบสงบจะคงอยู่เพียงไม่นาน


ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า สัตว์ประหลาดชุดใหม่จะปรากฏตัวขึ้นทุกสารทิศ ตัวเธอที่ไม่เหลือ เรี่ยวแรงย่อมมิอาจจัดการพวกมันไหว


“หึหึ...”


เฮเลน่าผู้มีใบหน้าเย็นชาและไร้อารมณ์ เริ่มฉีกยิ้มกว้าง


เป็นรอยยิ้มอันงดงาม เพียงแต่ว่า เจตนาแท้จริงใต้ยิ้มคือการเหยียดหยัน


เหยียดหยันความคิดของพี่น้องร่วมสายเลือดดราโกเนี่ยน ที่เอาแต่ปักใจเชื่อว่า ไม่มีของเล่นใดสนุกเท่ากับกองทัพจักรวรรดิอีกแล้ว


‘แล้วสักวัน พวกมันจะได้ตาสว่างและตระหนักว่า จักรวรรดิมิใช่ของเล่นทรงคุณค่าเหมือนในอดีต...’


“ท่านเฮเลน่าขอรับ!”


หากเราหมกตัวอยู่แต่ในสันเขาที่เจ็ดทุกวัน อีกนานแค่ไหนกว่าฝีมือพัฒนาขึ้น...


เฮเล่นซึ่งกำลังเดินกลับสันเขาที่หกพลางวางแผนอนาคต ถูกดึงสติให้ตื่นจากภวังค์


เมื่อเห็นเธอกลับมา ดราโกเนี่ยน ซาร์ด รีบวิ่งมาแจ้งข่าวด่วน


“มีอะไร”


เฮเลน่าซักถามเย็นชา


มีดราโกเนี่ยนจำนวน 20 ตนติดตามเฮเลน่ามายังเทือกเขาเคส แต่น่าเสียดาย หล่อนกลับไม่ชอบหน้าใครเลย


ทุกตนมีเจตนาชัดเจนเกินไป


เพศชายเหล่านี้ล้วนปรารถนาจะถูกเฮเลน่าเลือกเป็นคู่ครอง


แต่เธอมิได้เกลียดชังอย่างไรเหตุผล


เฮเลน่าเพียงต้องการคู่ชีวิตที่แข็งแกร่ง อย่างน้อยก็ต้องทรงพลังกว่าเธอ


“สัญญาณชีพของเฮลทาวอนหายไปขอรับ!”


“ฉันรู้แล้ว”


“…!”


“หากมีคำว่า ‘เฮล’ อยู่ในชื่อ ฉันสามารถสัมผัสสัญญาณชีพได้ตลอดเวลา”


‘บัน’ และ ‘เฮล’


ตระกูลเชื้อสายโดยตรงของต้นตระกูล ‘ราโอ’ ที่ยังคงสืบทอดมานานนับพันปี


ดราโกเนี่ยน ‘จ่าฝูง’ ทุกรุ่นจะต้องมีคำว่า บัน หรือไม่ก็ เฮล อยู่ในชื่อเสมอ


โดยในคราวนี้ ถึงคิวของเฮเลน่าที่จะได้เป็นจ่าฝูงตนใหม่ของเผ่า


เผ่าดราโกเนี่ยนมีธรรมเนียมอยู่ว่า ทายาทตระกูลบันและเฮลจะต้องสลับกันปกครองเผ่าตระกูลเว้นตระกูลเสมอมา


แต่ผลการเลือกจ่าฝูงครั้งล่าสุดกลับผิดความคาดหมาย เฮเลน่าพ่ายแพ้ต่อตระกูลบัน


เป็นผลพวงมาจากแนวคิดที่เธอต้องการอพยพเผ่าดราโกเนี่ยนทั้งหมดมายังภูเขาเคอัส


ดราโกเนี่ยนอาวุโสบางกลุ่มต่อต้านแนวคิดในการเล่นสนุกกับมอนสเตอร์ที่พึ่งพาเพียงสัญชาตญาณดิบ ส่งผลให้ชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของเฮเลน่าถูกลิดรอนอย่างหนัก


จึงเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์ดราโกเนี่ยน ที่จ่าฝูงถูกเลือกจากตระกูลเดิมสองสมัยติดต่อกัน


เฮเลน่ารู้สึกอับอายในตอนต้น แต่หลังจากนั้นก็เริ่มเล็งเห็นโอกาสกอบกู้ชื่อเสียง


โดยโอกาสที่ว่าก็คือ การมาเยือนของหนึ่งในเจ็ดดยุคแห่งจักรวรรดิซาฮารัน


คงชื่อเรเชลกระมัง...


นักรบหญิงสุดแกร่งที่มาเยือนหมู่บ้านดราโกเนี่ยนโดยไม่หวาดหวั่นต่อความตาย แต่ในสายตาเฮเลน่า ฝีมือของอีกฝ่ายค่อนไปทางธรรมดา


เมื่อเทียบกับอดีตดยุคที่แข็งแกร่งราวกับสัตว์ประหลาด ดยุครุ่นใหม่ของจักรวรรดิมีมาตรฐานตกต่ำลงมาก


แต่ถึงอย่างนั้น บรรดานักสู้อาวุโสของเผ่าก็ยังเอาชนะเจ็ดดยุคไม่ได้


จริงอยู่ เจ็ดดยุคแห่งจักรวรรดิอาจอ่อนแอลงตามกาลเวลา แต่ฝั่งดราโกเนี่ยนก็มีมาตรฐานตกต่ำลงเช่นกัน เพราะเอาแต่เล่นกับศัตรูอ่อนแอจนฝีมือไม่พัฒนาขึ้น


แน่นอน ‘บันส์เดล’ ผู้ได้รับคะแนนเสียงเหนือเฮเลน่าและกลายเป็นจ่าฝูงคนล่าสุด ย่อมทราบความจริงข้อนี้เป็นอย่างดี มันเองก็เล็งเห็นว่า เผ่าดราโกเนี่ยนจะยิ่งอ่อนแอลงถ้าเอาแต่สู้กับจักรวรรดิอ่อนแอ


อย่างไรก็ตาม บันส์เดลปรารถนาตำแหน่งจ่าฝูงเป็นอย่างมาก ตำแหน่งซึ่งเคยถูกกำหนดว่าจะ


ตกเป็นของเฮเลน่าตามธรรมเนียมสลับตระกูล


เป็นเหตุใดบันส์เดลหน้ามืดตามัว เชิดชูนโยบายเน้นทำสงครามกับจักรวรรดิของเหล่าดราโกเนี่ยนอาวุโส และเลือกเพิกเฉยต่อความจริงที่จะทำให้เผ่าพันธุ์เสื่อมถอย


และนี่คือโอกาสสำหรับเฮเลน่า


ขณะที่บันส์เดลลุ่มหลงไปกับตำแหน่งและอำนาจของจ่าฝูง เฮเลน่าตัดสินใจเดินทางออกจากหมู่บ้าน ตรงมายังเทือกเขาเคอัสที่คนในเผ่ามองว่าไร้คุณค่า


ก่อนออกเดินทาง เธอพยายามชักชวนญาติสนิทให้มาด้วยกัน แต่ท้ายที่สุดกลับมีผู้ติดตามเพียง 20 ตน และทั้งหมดคือเพศชายที่หวังจะเป็นคู่ครอง


เฮลทาวอนคือหนึ่งในนั้น


ในสายตาเฮเลน่า เฮลทาวอนเป็นเพียงนักรบปลายแถว แทบมิได้อยู่ในสายตา


“คนอ่อนแอพรรค์นั้น ถูกมอนสเตอร์ในสันเขาที่หกฆ่าตายไปก็ดีแล้ว จะได้ไม่ออกไปทำให้ชื่อเสียงตระกูลเฮลต้องเสื่อมเสีย”


“ท่านกล่าวได้ถูกต้องแล้วขอรับ ฮะฮะ...”


มอนสเตอร์ภายในสันเขาที่หกนั้นแข็งแกร่งอย่างมาก ทรงพลังยิ่งกว่าทหารระดับหัวกะทิของจักรวรรดิกว่าร้อยนายรวมกัน แถมยังมีอัตราการเกิดไม่จบสิ้น เรียกได้ว่าเป็นสถานที่สุดอันตรายสำหรับดำรงชีวิต


สำหรับซาร์ด ความตายของเฮลทาวอนซึ่งเป็นหนึ่งในนักรบที่แข็งแกร่ง ได้สร้างความหวาดกลัวและตื่นตระหนกแก่มันไม่น้อย แต่คำตอบแสนเย็นชาของเฮเลน่าทำให้มันหมดคำพูด


หลังจากเดินผ่านซาร์ดเข้าไปในกระท่อมขนาดเล็ก เฮเลน่าจุ่มตัวลงในอ่างอาบน้ำ


“ในวันพรุ่งนี้ เจ้าจะตามผู้ส่งสารของเราลงไปยังเมืองฟรอนเทียร์ด้วยใช่ไหม”


“ขอรับ ท่านมิต้องกังวล กระหม่อมจะนำเสื้อผ้ามนุษย์สวย ๆ มาถวายแด่ท่านเฮเลน่าเป็นจำนวนมาก”


ซาร์ด ผู้มีหน้าที่ดูแลเสื้อผ้าเฮเลน่า มอบคำตอบด้วยท่าทีนอบน้อม ก่อนจะก้มมองเสื้อผ้าฉีกขาดที่อีกฝ่ายเพิ่งถอดออก


มันจินตนาการไม่ออกเลยว่า เหตุใดเสื้อผ้าที่เฮเลน่าสวม จะต้องชำรุดทรุดโทรมทุกครั้งหลังเธอกลับจากสันเขาที่เจ็ด


เฮเลน่าเก่งกาจถึงขนาดที่ว่า สามารถล้มอัศวินสีชาดหลักเดียวหนึ่งตน และทหารอีกนับหมื่นนายได้ตามลำพัง โดยปราศจากบาดแผล


มอนสเตอร์ในสันเขาที่เจ็ดต้องทรงพลังสักเพียงใดกัน...


ตึกตัก! ตึกตัก!


เฮเลน่าพลันหัวเราะเมื่อเห็นซาร์ดมองไปทางสันเขาที่เจ็ดด้วยสีหน้าเหม่อลอย


“ถ้าเจ้าอยากตายเยี่ยงสุนัขด้วยสภาพที่น่าสมเพชกว่าเฮลทาวอน ก็ลองแวะไปสักครั้งสิ”


“ม...ไม่ขอรับ ฮะฮะ... กระหม่อมต้องเตรียมตัวลงไปยังฟรอนเทียร์วันพรุ่งนี้”


“แล้วเมื่อไรไวน์จะมาเสิร์ฟ”


“จ...จะรีบไปนำมาให้เดี๋ยวนี้ขอรับ!”


ซาร์ดรีบวิ่งออกจากกระท่อม โดยมีเฮเลน่านอนแช่น้ำพลางมองตามหลัง


สำหรับพวกมันทั้งคู่ ฟรอนเทียร์ไม่ต่างอะไรกับเมืองชายแดนที่เป็นแหล่งกอบโกยผลประโยชน์ขั้นดี


เป็นเพียงดินแดนของมนุษย์แสนอ่อนแอ ที่สามารถยึดครองเมื่อไรก็ได้ ด้วยการพ่นลมหายใจแค่หนึ่งครั้ง


***


ณ จัตุรัสกลางเมืองฟรอนเทียร์


ตามปรกติแล้ว ตรงนี้ควรมีผู้คนเดินเบียดเสียดจนแทบไม่มีที่ว่าง แต่ปัจจุบันกลับถูกขึงรั้วขวางมิให้ใครผ่านเข้าออกโดยสมบูรณ์


ปีก! ปีก! ปีก!


ครีด! ครืด!


เสียงตอกตะปูและเลื่อยไม้ดังไม่หยุดพัก


ช่างไม้หลายร้อยชีวิตกำลังสร้างเวทีใกล้กับน้ำพุอันงดงามใจกลางเมือง


ที่นี่คือหลุมศพของลาเด็น


แน่นอน บรรดาช่างไม้ไม่ทราบเรื่องนี้


นอกจากตัวลาเด็น ไม่มีใครทราบเรื่องนี้


“…”


ลาเด็นหวนนึกถึงเหตุการณ์เมื่อรุ่งอรุณอันเงียบสงบในช่วงเข้า


ผู้ส่งสารจากดราโกเนี่ยนบุกเข้าไปในปราสาทฟรอนเทียร์อย่างง่ายดายเพื่อสำแดงความน่าเกรงขามของเผ่าพันธุ์ จากนั้น มันยืนบนระเบียงสูงที่อนุญาตให้ใช้ได้เพียงเจ้าเมือง และเผชิญหน้ากับผู้นำกองทัพชายแดนของโอเวอร์เกียร์อย่างอหังการ


ผู้ส่งสารชี้ไปยังใจกลางจัตุรัสขนาดใหญ่ :


“สร้างเวทีขึ้นที่นั่น โดยพรุ่งนี้ช่วงเช้าตรู่ ผู้ที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของเมืองจะต้องต่อสู้กับข้าต่อหน้าทุกคน อย่าคิดหัวหมอใช้แพะรับบาปอ่อนหัดเด็ดขาด เพราะหากข้าไม่สนุก ชาวเมืองจะถูกสังหารครึ่งหนึ่งทันที”


เป็นคำประกาศเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว โดยไม่มีการถามความเห็นชอบ


นั่นไม่ต่างอะไรกับโทษประหารสำหรับลาเด็น


แม้จะได้พบหน้ากันไม่นาน แต่ลาเด็นก็ตระหนักถึงช่องว่างมหาศาลระหว่างตนกับผู้ส่งสารเป็นอย่างดี จึงไม่แปลกหากจะเกิดความหดหู่


แต่ถึงอย่างนั้น ลาเด็นก็ไม่คิดหนี


เป้าหมายของชีวิตมีเพียงสิ่งเดียว คือการได้เป็นอัศวินคอยปกป้องคุ้มครองดยุคสไตม์จนกว่าจะสิ้นลมหายใจ


เป็นเช่นนี้เสมอมา และตลอดไป


มันไม่มีทางละทิ้งเจ้านายเพื่อรักษาชีวิต


ตึกตัก!


ยิ่งเวทีที่ช่างไม้สร้างคืบหน้ามากเท่าไร หัวใจลาเด็นก็ยิ่งถูกบีบคั้น


ตึกตัก!


เมื่อบันไดสูงของสังเวียนถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์ ห้วงอารมณ์ลาเด็นพลันอัดแน่นด้วยความรู้สึกหลากหลาย


ขั้นบันไดดูคล้ายกับปากปีศาจ ที่ปลายทางนำพาไปสู่ขุมนรก


ความหวาดกลัวและสั่นเทาจากก้นบึ้ง เริ่มกัดกินจิตใจลาเด็นทีละนิด


แต่มันไม่แสดงออก


“ลาเด็น”


“...ท่านดยุค!”


ขณะยีนจ้องเวทีด้วยสายตาเหม่อลอย มันรีบหันไปยังต้นเสียงด้วยท่าทีประหลาดใจ


ดยุคสไตม์กำลังเดินเข้ามาใกล้


หากเป็นในยามปรกติ หน้าที่ของลาเด็นคือการประเมินอารมณ์ของอีกฝ่าย จากนั้นก็คอยตอบสนองให้ถูกต้อง


เมื่อตระหนักว่าตัวเองไม่ได้อยู่ในสภาพที่เหมาะสม ลาเด็นรีบปรับปรุงทัศนคติ


ดยุคสไตม์คว้าฝ่ามือที่กำลังสั่นเทาของลาเด็น


“หนีไป...”


นั่นคือสิ่งมันต้องการพูดมาตลอด


สำหรับดยุคสไตม์ที่ดูแลอัศวินหนุ่มมาตั้งแต่ยังเล็ก ลาเด็นเป็นเหมือนกับลูกหลานร่วมสายเลือด เด็กหนุ่มคอยช่วยเหลือในทุกเรื่อง โดยเฉพาะหลังจากไอรีนแต่งงานจนดยุคสไตม์เกิดอาการซึมเศร้าอยู่พักใหญ่


ดยุคสไตม์ภาคภูมิในใจความซื่อสัตย์และซื่อตรงของลาเด็น รวมถึงพรสวรรค์อันหาตัวจับได้ยากยิ่งในแดนเหนือ หวังปลุกปั้นให้เด็กหนุ่มไฟแรงกลายเป็นกำลังสำคัญของกริดในอนาคต


ดยุคสไตม์ย่อมไม่ต้องการให้หลานชายของตนจากโลกนี้ไปอย่างไร้ค่า เขามีศักยภาพดีพอจะเป็นมือเป็นเท้าให้กริดและอาณาจักรโอเวอร์เกียร์


แต่เหตุผลที่ไม่กล้าบอกให้หนีในตอนแรก เพราะอัศวินทุกนายล้วนทระนงในเกียรติ


ดวงตาอันเด็ดเดี่ยวของอัศวินที่สื่อออกมาอย่างแน่วแน่ว่า 'ผมจะสู้จนตัวตาย' ใครได้เห็นก็คงไม่กล้าขัดขวางเจตจำนง


ดยุคสไตม์จึงทำได้เพียงภาวนาอย่างเงียบงัน ขอให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นในฟรอนเทียร์


จนกระทั่งหนึ่งชั่วโมงก่อน


ถ้อยคำของราชาโอเวอร์เกียร์ กริด ทำให้ลาเด็นแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมาผ่านแววตา


แม้จะเป็นเพียงเสี้ยววินาที แต่ยุคสไตม์ที่อยู่กับลาเด็นมานาน ย่อมสังเกตเห็นในทันที


มันตระหนักว่า ลาเด็นยังต้องการมีชีวิตอยู่


“ฉันจะรับมือกับพวกดราโกเนี่ยนเอง นายรีบอพยพไปยังไรน์ฮาร์ท คอยทำงานรับใช้องค์ชายลอร์ด และปรึกษากับฝ่าบาท ถึงเวลาอันเหมาะสมที่จะกลับมาประจำการแดนเหนือ”


แม้จะมีพรสวรรค์ไม่มากเท่าเหล่าอัจฉริยะ แต่ดยุคสไตม์ก็ไม่เคยตัดพ้อว่าตนไร้ฝีมือ มันเชื่อว่าตัวเองค่อนข้างแข็งแกร่ง หลักฐานคือการยืนหยัดปกป้องแดนเหนือมาตลอดหลายสิบปี


ปัญหาเดียวคืออายุที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำลังวังชาถดถอยมาก แต่ประสบการณ์ในสงครามนับไม่ถ้วน ได้ซึมลึกเข้าไปในผิวหนังจนหลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกาย


ถ้าแค่ทำให้ดราโกเนี่ยนพึงพอใจ ดยุคสไตม์เชื่อว่าตนทำสำเร็จได้


‘ไม่มีใครเหมาะไปกว่าเราแล้ว...’


ชีวิตที่กำลังจะดับมอดในอนาคตอันใกล้


แทนที่จะรอให้ความตายวิ่งเข้ามาหา ในเมื่อมีโอกาส ก็ควรเสียสละแทนคนหนุ่มอนาคตไกลที่สามารถทำให้แดนเหนือสงบสุขไปอีกร้อยปี


“นายไม่ต้องกังวล เผ่าดราโกเนี่ยนไม่ทำลายฟรอนเทียร์แน่นอน พวกมันเพียงเล็งกอบโกยทรัพยากรจากเรา ฉะนั้น ความปลอดภัยของประชาชนต้องมาก่อน รอจนกระทั่งผ่าบาทพร้อมเคลื่อนทัพหลวง เผ่าดราโกเนี่ยนก็จะถูกกวาดล้างออกจากเทือกเขาเคอัสจนสิ้นซาก และแดนเหนือจะกลับมาร่มเย็นอีกครั้ง... ด้วยฝีมือของเจ้าเมืองคนใหม่”


มีเหตุผลง่าย ๆ ที่ดยุคสไตม์ไม่ติดต่อไปยังส่วนกลาง


มันไม่มีเวลา


เป็นเพราะผู้ส่งสารของเผ่าดราโกเนี่ยนบุกรุกมาอย่างฉุกละหุก แถมยังขีดเส้นตายด้วยเวลาไม่ถึงหนึ่งวัน ดยุคสไตม์จึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องแก้ไขสถานการณ์ด้วยตัวเอง


แน่นอน หากเป็นขีดจำกัดด้านเวลา คงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่สามารถฝ่าฝืนได้


ดยุคสไตม์ไม่เคลือบแคลงเลยว่า ทัพหลวงของอาณาจักรจะกวาดล้างเผ่าดราโกเนี่ยนบนเทือกเขาเคอัสได้อย่างสิ้นซาก


“ไม่ขอรับ”


ลาเด็นส่ายหน้าหนักแน่น


เด็กหนุ่มผู้เคยเชื่อฟังคำสั่งดยุคสไตม์เสมอมา ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดหรือสถานการณ์แบบไหนยามนี้ตอบปฏิเสธอย่างแข็งขืนเป็นครั้งแรก


“ผมจะสู้”


ลาเด็นเชื่อว่า ตนไม่ต้องอธิบายให้ยืดยาว


ทั้งน้ำเสียง สีหน้า และแววตา ทั้งหมดถูกสื่อออกมาอย่างชัดเจน


ขณะทั้งสองยืนสนทนาด้วยบรรยากาศอึมครึม ใครบางคนเดินมาจากด้านหลัง


“ตอบได้ดี... นายไม่ต้องสนใจคำพูดของพ่อตา เพราะผู้บุกรุกที่ไม่รู้จักเจียมตัว จะต้องถูกสั่งสอนให้หลาบจำเท่านั้น!”


“...ฝ่าบาท!”


ดยุคสไตม์และลาเด็นพลันประหลาดใจ


แน่นอน พวกมันต่างอึ้งเมื่อเห็นกริดหายตัวไปอย่างกะทันหันในห้องประชุม


แม้จิสึกะจะกับชับอย่างหนักแน่นว่า 'พวกคุณต้องเชื่อใจกริด' แต่เธอเองก็หาคำอธิบายให้ไม่ได้ เพราะไม่มีใครทราบว่ากริดกำลังวางแผนใดอยู่


เป็นเหตุให้ ลาเด็นและดยุคสไตม์เกิดความลังเลเมื่อไม่ทราบสถานการณ์ที่แน่ชัด พวกมันไม่กล้าฝากความหวังไว้กับกริด ที่ไม่มีใครรู้ว่าจะกลับมาตอนไหน


เมื่อได้เห็นท่าทีตอบสนองของคนทั้งสอง กริดค่อนข้างรู้สึกผิด จึงตัดสินใจอธิบาย


“ฉันเพิ่งกลับจากการล่าดราโกเนี่ยน ต้องขอโทษด้วยที่มิได้อธิบายให้ฟังตั้งแต่แรก เพราะคิดว่าใช้เวลาไม่นานก็คงกลับ... ขอโทษอีกครั้ง”


“ฝ่าบาท... ล่าดราโกเนี่ยน?


กษัตริย์ของตนเดินทางขึ้นเขาเพื่อไปล่าดราโกเนี่ยน แถมยังต่อสู้กันและเอาชนะมาได้ จากนั้นก็กลับมาถึงฟรอนเทียร์อย่างปลอดภัย โดยทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง?


จริงอยู่ ดยุคสไตม์คือชายที่มักตะโกนว่า ‘ลูกเขยของฉันเจ๋งที่สุด!’ มาตั้งแต่สมัยยังเป็นอาณาจักรอีเทอนัล แต่คำพูดเมื่อครู่ ไม่ว่าใครก็ยากจะเชื่อลง


“ไปลานฝึกกันดีกว่า”


ชายหนุ่มใช้มือยกดยุคสไตม์ที่กำลังยืนอึ้งพลางบินขึ้นฟ้า เป้าหมายคือปราสาทฟรอนเทียร์ ลาเด็นเห็นเช่นนั้นจึงรีบไล่ตามอย่างสุดกำลัง แต่ไม่ว่าจะพยายามสักเพียงใด ก็มิอาจไล่ตามความเร็วกริดได้ทัน


มันเริ่มตระหนักถึงกำแพงสูงตระหง่านระหว่างตัวเองและกริด


ตึกตัก!


หัวใจลาเด็นเริ่มเต้นถี่


แต่หนนี้มิได้เกิดขึ้นเพราะความสิ้นหวัง


ตรงกันข้าม มันเริ่มเห็นความหวังที่จะเอาชนะดราโกเนี่ยน เผ่าพันธุ์ซึ่งตนไม่เคยวาดฝันว่าจะเอาชนะได้ไปชั่วชีวิต


ไม่ว่าใครก็คงตื่นเต้นทั้งนั้น


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬

ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน

ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,631

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/


Comments

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00