จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,241



“วันนี้พอแค่นี้ก่อน”


“เจ้าก็ด้วยหรือ? ข้าก็เหมือนกัน”


“กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นนักรบชั้นสูง แต่กลับทนได้ไม่ถึงสิบนาที… กระจอกชะมัด”


“หุบปาก! เจ้าเหนือกว่าข้าแค่สิบวินาทีเท่านั้น แถมยังเป็นเพราะโชคช่วย!”


อายุขัยของชาวดราโกเนี่ยนคือ 150 ปี นับเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง อีกทั้ง สภาพร่างกายพวกมันยังแข็งแรงจนแทบไม่เคยเสียชีวิตจากอาการป่วยหรืออุบัติเหตุ


แต่กระนั้น จำนวนประชากรดราโกเนี่ยนกลับมีเพียงหยิบมือ


กว่าพันปีที่ผ่านมา พลเมืองดราโกเนี่ยนสูงสุดไม่เคยเกิน 300 ตน


เป็นเพราะรักการต่อสู้ จึงเข่นฆ่าพวกเดียวกันเองจนตายหมด?


ไม่ใช่


ดังที่เคยเห็นไปแล้วในเอฟเฟคของพันธสัญญาระหว่างกริดและเฮ่า หากเผ่าพันธุ์ดราโกเนี่ยนเผชิญหน้ากัน พวกมันจะ ‘เป็นมิตร’ ได้ง่ายกว่าปรกติ จึงตัดประเด็นการฆ่ากันเองไปได้


เหตุผลที่เผ่าดราโกเนี่ยนมีจำนวนประชากรน้อยนั้นไม่ซับซ้อน


พวกมันมีอัตราการคลอดสำเร็จต่ำมาก


บ่อยครั้งที่ทารกในครรภ์แท้งก่อนกำหนด เนื่องจากมิอาจทนรับเลือดชั่วของมังกรมารบันเฮเลียร์ไหว


ใช่แล้ว


สามสิบจากสามร้อย


ประชากรเพศชายถึง 10% ของเผ่า เลือกติดตามเฮเลน่ามายังเทือกเขาเคอัส เพียงเพราะพวกมันต้องการสืบพันธุ์ตามสัญชาตญาณสัตว์


หากเป็นทารกที่แข็งแกร่งของเฮเลน่า การทนรับเลือดชั่วของบันเฮเลียร์ก็ไม่ใช่เรื่องยาก


“วันนี้ท่านเฮเลน่าจะทำสถิติใหม่ได้ไหม”


“คงไม่ง่ายนัก… การจะได้รับสถิติใหม่ ฝีมือและความแข็งแกร่งต้องเพิ่มขึ้นจากเดิม นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันสองวัน”


“หวังว่าท่านจะไม่เบื่อจนถอดใจไปเสียก่อน”


จูลล์ เซฟิโร่ คาสป้า นาบาลต์ เฮลก้า


พวกมันคือ 5 จาก 20 นักรบชั้นสูงของเผ่าดราโกเนี่ยน


อย่างไรก็ตาม แม้แต่พวกมันก็ยังมิอาจบุกตะลุยฝ่าขึ้นไปยังสันเขาที่เจ็ดไหว


จริงอยู่ หากร่วมมือกันก็คงทำสำเร็จได้ไม่ยาก แต่นักรบดราโกเนี่ยนล้วนหยิ่งทระนงในศักดิ์ศรี จะไม่ต่อสู้กับมอนสเตอร์ร่วมกันเด็ดขาด


สายตาทุกตนชำเลืองไปทางยอดเขาด้านบน


บรึม…!


ประหนึ่งดวงอาทิตย์กำลังระเบิด


ทุกครั้งที่เสาลำแสงแดงส้มแหวกผ่านพายุหิมะสีขาวโพลน พุ่งขึ้นไปจนถึงท้องฟ้าสีเทาหม่นด้านบน เสียงคำรามแผ่วเบาจะดังแว่วเสมอ


ทุกตนเดาได้ไม่ยาก บรรยากาศในบริเวณดังกล่าวคงกำลังไม่ต่างจากขุมนรก


พื้นที่กว่าครึ่งของสันเขาคงถูกถล่มราบเป็นหน้ากลอง และเฮเลน่าคือสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่ยังมีลมหายใจเหลืออยู่


ตึกตัก. ตึกตัก. ตึกตัก!


หัวใจของเหล่านักรบชั้นสูงพลันสูบฉีด


เมื่อพวกมันจินตนาการภาพเฮเลน่าไล่เข่นฆ่ามอนสเตอร์ดุร้ายอย่างสง่างาม ความศรัทธาและความรักยิ่งเพิ่มพูนเป็นเท่าตัว


ไม่ว่าจะเป็นใคร เป้าหมายสูงสุดของทุกตนคือการถูกเฮเลน่าเลือกเป็นคู่ครอง มีทายาทกับหล่อน และให้กำเนิดสุดยอดดราโกเนี่ยนทรงพลังขึ้นมาบนโลก จารึกชื่อตัวเองไว้ในตำนาน


‘…จะทำแบบนั้นได้ เราต้องแข็งแกร่งขึ้น’


ไม่ใช่เวลามัวหย่อนยาน


ณ สันเขาที่หก พวกมันต้องหมั่นต่อสู้ สั่งสมประสบการณ์ และเสริมสร้างเทคนิคให้งอกเงย


‘ว่าแต่… ไม่ได้ดื่มมานานแค่ไหนแล้วนะ’


ซาร์ดคงใกล้กลับมาแล้วกระมัง


มันบอกว่าจะกลับมาพร้อมเกวียนสินค้านับร้อยเล่มที่อัดแน่นด้วยเหล้าเต็มคันรถ เพียงจินตนาการ เหล่านักรบต่างพากันน้ำลายสอ


เมื่อพวกมันคิดถึงรสน้ำเมาของชาวมนุษย์ บรรดานักรบชั้นสูงเริ่มปาดน้ำลายราวกับใกล้ลงแดงเต็มที


ณ สันเขาที่หก ทุกตนมารวมตัวกันเพื่อรอขบวนสินค้าของซาร์ดที่หน้าทางเข้า


แต่ยิ่งเวลาผ่านไปอย่างว่างเปล่า พวกมันเริ่มหงุดหงิดที่ยังไม่เห็นเงาของซาร์ดเสียที


“ถูกมอนสเตอร์ถ่วงเวลาไว้รึไง?”


“ไม่มีทาง ข้าส่งนักรบระดับต่ำ 15 ตนและนักรบระดับกลาง 5 ตน ไปรอรับขบวนขนส่งของซาร์ดหน้าสันเขาที่สามแล้ว”


“หรือจะถูกเจ้าเขาพบตัวเข้า?”


“เจ้าพวกนั้นรู้เส้นทางหลบหลีก ไม่มีทางถูกเจ้าเขาพบตัวแน่”


“หืม… ข้าไปดูเองดีกว่า”


หนึ่งในห้านักรบชั้นสูง คาสป้า ผู้มีความรอบคอบและระมัดระวังตัวกว่าใคร ก้าวเท้าออกไปด้านหน้า


มันยังไม่ลืมภาพความอ่อนแอของมนุษย์


มีมนุษย์เพียงหยิบมือเท่านั้นที่จะแข็งแกร่งเทียบเท่าแกรนมาสเตอร์ เจ็ดดยุค และอัศวินหลักเดียว มนุษย์ส่วนใหญ่จะอ่อนแอ ปวกเปียก และขี้ขลาด แทบไม่มีโอกาสถ่วงเวลาขบวนสินค้าได้เลย


‘แต่ในสองสันเขาแรก หากทาสของมนุษย์ที่ขนเกวียนก่อความวุ่นวาย ซาร์ดซึ่งต้องรับมือกับมนุษย์และมอนสเตอร์พร้อมกับตามลำพัง คงยากที่จะรักษาเกวียนสินค้าไว้ได้ครบ’


คาสป้าไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเช่นนั้น


เหล้าคือสมบัติสำคัญ


พรึบ!


มันสยายปีกกว้าง


คาสป้าร่อนจากทางเข้าสันเขาที่หก ลงไปยังกึ่งกลางสันเขาที่ห้าในพริบตา สายตากวาดมองรอบตัวเป็นอันดับแรก พบว่าทุ่งหิมะสีขาวโพลนยังคงใหม่เอี่ยมปราศจากร่องรอย ไม่มีแม้แต่รอยเท้ามนุษย์ นับประสาอะไรกับรอยเกือกม้า


‘ยังอยู่บนสันเขาที่สี่…?’


หลังจากยืนยันจนมั่นใจ คาสป้าเดินไปยังปากทางเข้าของสันเขาที่ห้า กางปีกออกอีกครั้ง รอให้ถึงจังหวะลมส่งจึงค่อยร่อยลงไปยังกึ่งกลางสันเขาที่สี่


“…”


ยังคงไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตเช่นเดิม


เต็มไปด้วยมอนสเตอร์ชุกชุมเหมือนทุกที


ผิดวิสัยอย่างมาก


ตามกำหนดการปรกติ หลังจากโค่นนักสู้อ่อนแอของมนุษย์เสร็จ ซาร์ดต้องสั่งให้เจ้าเมืองฟรอนเทียร์ขนเหล้า อาหาร เครื่องนุ่งห่ม และเตรียมเกวียนสินค้าทันที…


ถึงจะคำนวณการเสียเวลาจากขั้นตอนจิปาถะรวมเข้าไปด้วย แต่ปัจจุบันก็ควรเดินทางมาถึงสันเขาที่ห้าได้แล้ว


นี่กลับยังไม่ถึงสันเขาที่สี่…


‘ช้าเกินไปไหม?’


คาสป้าเริ่มไตร่ตรองหาความเป็นไปได้


หรือว่าบางที นักสู้ฝ่ายมนุษย์อาจแข็งแกร่งเหนือความคาดหมาย


เฮเลน่าก็เคยพูดไว้ไม่ใช่หรือ


การปักใจเชื่อว่าไม่มีมนุษย์คนใดแข็งแกร่งกว่าคนของจักรวรรดิ ถือเป็นความประมาทและโอหังที่จะนำมาสู่หายนะ


‘…แต่ถึงจะมบุคคลพิเศษระดับราชาไร้พ่ายปรากฏตัว ก็ไม่น่าจะใช้เวลานานขนาดนี้’


คาสป้าหวนนึกถึงบันทึกประวัติศาสตร์เกี่ยวกับมาดรา ราชาไร้พ่ายที่กองทัพจักรวรรดิแสดงความหวาดกลัวจนเสียอาการทุกครั้งเมื่อต้องเผชิญหน้า


มันไม่เคลือบแคลงเลยว่า บันทึกเกี่ยวกับพลังของมาดราทั้งหมดถูกแต่งเติมเสริมจนเกินจริง


จะไปมีมนุษย์แบบนั้นได้อย่างไร?


มนุษย์ที่สามารถสังหารกองทัพจักรวรรดินับแสนนายได้ในการโจมตีเพียงหนเดียว


ใครเชื่อก็โง่แล้ว


มาดราอาจเก่ง แต่ไม่ถึงระดับนั้น อย่างมากก็แค่อัศวินหลักเดียวครึ่งบน


และถึงจะมีคนนอกจักรวรรดิที่แข็งแกร่งเท่ามาดราอยู่ในยุคปัจจุบัน ก็คงไม่มาโผล่ในชายแดนของอาณาจักรเล็กแห่งนี้แน่


ซู่วว!


คาสป้าพ่นลมหายใจสังหารมอนสเตอร์ที่กรูเข้ามาโจมตี จัดการเสร็จ มันกางปีกบินลงไปยังสันเขาที่สาม


ทันใดนั้น


“…!”


เกิดเหตุดินถล่มกะทันหัน ภาพของบอลหิมะขนาดมหึมานับร้อยลูกที่กลิ้งลงจากยอดเขาพร้อมกัน เป็นเหมือนกับคลื่นทะเลสีขาวโพลนอันน่าสะพรึง หากจะระบุให้ละเอียดกว่านั้น บอลหิมะแต่ละลูกจะยิ่งขยายขนาดขึ้นเมื่อผสมกับพื้นหิมะตามทาง


วาบ.


คาสป้าเย็นวาบไปทั้งตัว มันทราบดี แผ่นเกล็ดแข็งที่ดราโกเนี่ยนภาคภูมิใจหนักหนา ไม่มีประโยชน์อันใดเมื่อต้องเผชิญกับก้อนบอลหิมะขนาดมโหฬาร หากถูกกระแทกใส่ จุดจบเดียวคือการช้ำในตายอย่างน่าสมเพช


“ชิ!”


แม้แต่เผ่าดราโกเนี่ยนสุดแกร่งก็ยังต้องยอมจำนนต่อภัยธรรมชาติ


คาสป้าพ่นลมหายใจหงุดหงิด ข่มอาการสั่นกลัวและตกใจ สยายปีกกว้างบินขึ้นฟ้า หวังหลบให้พ้นแนวคลื่นบอลหิมะสุดลูกหูลูกตา


ครืนนนนนนนน!


ฉากการสั่นของภูมิประเทศทำให้มันวิงเวียนศีรษะจนอยากอาเจียน


เมื่อบอลหิมะขนาดกว่าสิบเมตรพุ่งเฉียดใต้ฝ่าเท้าเพียงไม่กี่คืบ ผิวหนังคาสป้าพลันร้อนผ่าวไปทุกส่วน


“แฮ่ก… แฮ่ก…”


ถ้ารู้ตัวช้ากว่านี้อีกนิดเดียว…


ปรากฏการณ์ดินถล่มหยุดลงขณะคาสป้ากำลังลอยบนฟ้าพลางกัดฟันกรอด


กลุ่มก้อนหิมะนับร้อยไปกองรวมกันที่ด้านล่างสันเขา เกือบจะก่อตัวกลายเป็นสันเขาลูกใหม่


‘คงไม่ได้เล็งโจมตีเราหรอกใช่ไหม…’


จังหวะที่เกิดหินถล่ม บังเอิญจนน่าตกใจ


คาสป้าเริ่มตื่นตัว ภายในใจผุดความหวาดระแวงหลายส่วน สายตาหันไปมองทางเข้าสันเขาที่ยังคงมีบรรยากาศเงียบงัน


ซาร์ดยังไม่มา…


เจ้านั่นเสียท่าให้กับมนุษย์ฟรอนเทีย?


จากนั้น มนุษย์ที่เอาชนะซาร์ดมาได้ คาดเดาว่าจะมีดราโกเนี่ยนโผล่มาสมทบ จึงดักซุ่มวางกับดักดินถล่มไว้บนสันเขาที่สาม?


เกิดอะไรขึ้นกับหน่วยนักรบ 20 คนที่เราส่งมารับซาร์ดในสันเขาที่สาม?


ไม่น่าจะใช่…


คาสป้าไม่ปักใจเชื่อว่าสถานการณ์ปัจจุบันเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์


เจ้าเขา


สิ่งมีชีวิตทรงพลังที่มีอยู่ในทุกสันเขา


เฮเลน่าคอยเตือนให้ทุกคนระวังเจ้าเขาให้ดี เพราะมันคือมอนสเตอร์สุดแกร่งที่แม้แต่เธอยังลำบากใจ


‘การขนเสบียงเป็นเวลานาน คงเกิดความเอะอะวุ่นวายจนปลุกให้เจ้าเขาตื่น…’


เจ้าเขาไม่ชอบให้ใครเข้าไปในอาณาเขต


เผ่าดราโกเนี่ยนตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวได้ตั้งแต่สันเขาลูกแรก จึงพยายามเลี่ยงไปใช้เส้นทางที่ไม่รบกวนเจ้าเขา


แต่พวกมันทำเช่นนั้นได้เพราะเป็นกลุ่มหัวกะทิและมีจำนวนน้อย


ไม่ใช่กับมนุษย์ทาสที่ซาร์ดเลือกมาขนเสบียง


แม้ว่าซาร์ดจะเดินนำทาสไปยังเส้นทางปลอดภัย แต่ด้วยความเชื่องช้าและเสียงดังของมนุษย์ เจ้าเขาอาจตื่นมาอาละวาด


และถ้าเป็นแบบนั้น…


‘ขบวนเสบียงจะถูกกวาดล้าง!’


เราเองก็ไม่ปลอดภัยเช่นกัน


จากประสบการณ์ของคาสป้า เจ้าเขาบนเทือกเขาเคอัสมีระดับความแข็งแกร่งทัดเทียมกับสัตว์โบราณในตำนานเลยทีเดียว


อาจยังอ่อนแอเมื่อเทียบกับไฮดร้า แต่ทรงพลังมากเมื่อเทียบกับมนุษย์และดราโกเนี่ยน


ขณะคาสป้าเตรียมหันหลังกลับเพื่อหนี


โฮกกกกกก!!


มองไปตามเสียงคำราม คาสป้าเห็นศีรษะของเจ้าเขากำลังพุ่งลงมาจากยอดสันเขา


ด้วยเร็วอันน่าทึ่ง


‘อะไรกัน!’


นักรบดราโกเนี่ยนชั้นสูงถึงกับผงะเมื่อได้เห็นดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างของเจ้าเขาอย่างชัดเจน


คาสป้าคาดไม่ถึงว่า เจ้าเขาจะยอมออกจากรังเพื่อปรี่เข้ามาโจมตีใส่ตนโดยเฉพาะ


“บัดซบ!”


มันรีบแปลงร่าง ขยายขนาดกระดูกและโครงสร้างร่างกาย สร้างเกล็ดแข็งปกคลุมทุกส่วนอย่างมิดชิด


ทว่า


ฟ้าววว!


เจ้าเขาเพียงพุ่งผ่านหน้าไป


โครมมมมมม!!


และกระแทกกับพื้นสันเขา


เจ้าเขาจมอยู่ในกองภูเขาหิมะขนาดย่อมที่เกิดจากการกองสุมของบอลหิมะนับร้อย ศีรษะสั่นของมันกระตุกราวกับควบคุมตัวเองไม่ได้


“…!”


คาสป้าเพิ่งตระหนักได้เมื่อสายว่า เส้นผมของเจ้าเขาที่ควรจะมีสีเทา กลับถูกย้อมด้วยสีแดงฉานของเลือดสด เป็นภาพอันแสนสะอิดสะเอียนชวนอาเจียน


ปากเจ้าเขาพะงาบส่งเสียงครวญครางราวกับกำลังจะตายในอีกไม่กี่อึดใจ


‘หมายความว่ายังไง…’


ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากต่อสู้ภายในอาณาเขตตัวเอง เจ้าเขาจะทรงพลังอย่างมาก


เป็นเหตุผลที่เฮเลน่าและนักรบดราโกเนี่ยนอีกสามสิบตน ไม่อยากเสี่ยงกับเจ้าเขา และเลือกหลบเลี่ยงอย่างสันติ


แต่ภาพตรงหน้า


เจ้าเขากำลังกลายเป็นละอองแสงสีเทา


สัตว์โบราณในตำนานสิ้นลมอย่างน่าสมเพช


คาสป้าเริ่มสงสัยว่าตนอาจเห็นภาพหลอน


เราถูกคำสาปของเจ้าเขาเล่นงาน…?


ขณะความสับสนพุ่งสูงถึงขีดสุด


“น่าเบื่อชะมัด”


เสาลำแสงสว่างขึ้น ชายคนหนึ่งปรากฏกาย


ทุกอย่างเหมือนมนุษย์ ยกเว้นกลิ่นอาย


เป็นออร่าที่คล้ายกับ…


“…แวมไพร์?”


ทำไมแวมไพร์ถึงมาอยู่ที่นี่ได้?


พวกมันคือสิ่งมีชีวิตต้องสาป ที่ถูกตีกรอบให้อยู่ในแต่เมืองของตัวเองไม่ใช่หรือ…


มนุษย์ผมเงินหันมาจ้องคาสป้าที่กำลังหวาดระแวงและสับสน


ตามด้วยการชูมือหนึ่งข้างขึ้นฟ้า


“ทางนี้”


ซู่ว!


วงแหวนเวทมนตร์นับสิบวงก่อตัวขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะถูกย้อมจนกลายเป็นสีแดงฉาน


ซู่ว!


ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว! ซู่ว!


มนุษย์สิบกว่าคนร่อนลงจากวงแหวนดังกล่าว


คาสป้าพลันตื่นตระหนัก เมื่อตระหนักว่าตนกำลังถูกล้อมทุกทิศทาง


“เชี่ย!!”


“แกต้องเสียสติไปแล้วแน่! ฉันบินไม่ได้โว้ย!”


แต่เกินกว่าครึ่งของมนุษย์ที่ดูเหมือนจะล้อมคาสป้าไว้ทุกทิศ ล้มหกคะเมนตีลังกาไปบนพื้นอย่างหมดสภาพ มีไม่กี่คนที่สามารถลอยค้างกลางอากาศ บ้างปลูกต้นไม้ขึ้นมาพยุงร่างกาย และบ้างกางปีกที่เกิดจากปราณดาบสีเงิน ร่อนลงสัมผัสพื้นอย่างเชื่องช้า


มีเพียงสองคนที่ลอยได้อย่างสมบูรณ์


หนึ่งคือแวมไพร์ลึกลับ อีกหนึ่งคือชายผมดำ


คาสป้าแหงนหน้ามองทั้งสองพลางซักถาม


“พวกแกเป็นใคร…”


“ไม่เหวี่ยงกำปั้นอย่างโง่เขลาก่อนเจรจาตามสันดานเดิมแล้วหรือ? ข้าจำไม่ได้สักนิดว่า ดราโกเนี่ยนเป็นเผ่าพันธุ์ช่างพูดตั้งแต่เมื่อไรกัน”


“…!”


โทสะคาสป้าพลันปะทุตามสัญชาตญาณและความอับอายขณะโดนดูถูก ความระมัดระวังในตอนต้นหยุดทำงานชั่วขณะ


มันแกว่งกรงเล็บแฝงจิตสังหารท่วมท้นใส่แวมไพร์ปากเสีย


ทว่า กรงเล็บที่แสนภาคภูมิใจกลับถูกป่นเป็นผงก่อนจะได้สัมผัสร่างกายอีกฝ่าย


คาสป้าถูกคุมขังในคุกพายุลมเฉือน


เสียงแวมไพร์ดังเล็ดลอดจากม่านพายุ


“ตอนนี้รู้หรือยังว่าข้าเป็นใคร”


“จะไปรู้ได้ยังไงว—…!


“เห็นเวทมนตร์ระดับนี้แล้วยังไม่รู้จักอีกหรือ สมกับเป็นจิ้งเหลนบ้านนอก พวกไร้การศึกษา”


“…!”


หัวใจคาสป้าพลันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม


มนุษย์ที่โอหังที่สุดในโลก


แวมไพร์เพียงตนเดียวที่ศึกษาและใช้งานเวทมนตร์ของมนุษย์ได้อย่างถ่องแท้…


ในหัวคาสป้ามีเพียงหนึ่งชื่อ


“บ…บราฮัม?”


ฟ้าวววว!


ลมพายุรอบตัวคาสป้าพลันทวีความเกรี้ยวกราด แถมยังค่อย ๆ บีบวงให้แคบลงทีละนิด


เมื่อเหยื่อกลายเป็นแสงสีเทา บราฮัมได้รับค่าประสบการณ์เต็มเม็ดเต็มหน่วย ไอเท็มดรอปถูกส่งเข้าช่องสัมภาระหัวหน้าปาร์ตี้ กริด ในทันที


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,636
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. บราฮัมปากแซ่บเสมอต้นเสมอปลาย

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00