จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,247



แต่ไหนแต่ไร วิหารยาธานคือหนึ่งในขั้วอำนาจใหญ่ของซาทิสฟายมาโดยตลอด


ก่อนที่ผู้เล่น (ดาเมี่ยน) จะกลายเป็นสันตะปาปาแห่งรีเบคก้า วิหารยาธานถูกจัดให้เป็นหนึ่งในสองขุมพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของโลก


หมายความว่า พวกมันเคยทรงพลังทัดเทียมเคียงบ่าเคียงไหล่กับจักรวรรดิซาฮารัน


แต่วิหารยาธานมีข้อจำกัดด้านชาติกำเนิด


เป็นข้อจำกัดของวายร้าย


พลังอำนาจของพวกมันแลกมากับการต้องอยู่ฝั่งตรงข้ามมวลมนุษย์ ความโกรธแค้นจากทุกอาณาจักรจึงถาโถมเข้าใส่อย่างพร้อมเพรียงโดยมิอาจหลีกเลี่ยง และเนื่องจากอาณาจักรต่าง ๆ คือบ้านเกิดของผู้เล่น ยิ่งเมื่อผู้เล่นเติบโตขึ้นตามกาลเวลา วิหารยาธานก็ยิ่งตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ


ผ่านไปนานวัน ชื่อเสียงด้านลบที่เคยดังกระฉ่อนก็เริ่มเลือนหาย


วีรกรรมความชั่วช้าครั้งล่าสุดซึ่งเคยเกือบจะทำโลกถึงคราวล่มสลายหลังจากอัญเชิญจอมอสูรสำเร็จ แต่ในท้ายที่สุด มนุษย์กลับเลือกจดจำเพียงวีรกรรมความกล้าหาญของฝ่ายนักรบแทน


ในสายตามนุษย์ทุกคน ยุคสมัยแห่งการล่มสลายของวิหารยาธานถือเป็นข่าวดีสำหรับโลก


“พวกเราเจ็บปวดมานานเกินไปแล้ว”


ในสายตาวิหารยาธาน พวกมันต้องการชำระแค้นเพื่อขจัดความอับอายในอดีตให้สิ้นซาก


ตามปรกติแล้ว วิหารยาธานจะสร้างความก้าวหน้าให้ตัวเองด้วยการลักพาตัวสาวพรหมจรรย์เพื่อใช้เป็นเครื่องสังเวยในพิธีกรรมคืนชีพให้ปีศาจ รวมถึงการลักพาตัวเด็กเล็กเพื่อล้างสมองและชุบเลี้ยงให้โตมาเป็นสาวก


แต่พัฒนาการของวิหารยาธานกลับต้องหยุดลงเนื่องจากถูก ‘เท็มพล่า’ ไล่ล่าอย่างหนักหน่วงในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ยิ่งเวลาผ่านไปโดยไม่มีโอกาสได้กระทำความชั่ว ความเสียหายต่อวิหารยาธานยิ่งสั่งสมจนปัญหาเริ่มปะทุ


หากปล่อยเอาไว้แบบนี้ วิหารยาธานจะถูกทำลายในไม่ช้า


พวกมันล้มเหลวในหน้าที่ของ ‘ผู้เผยแพร่’ ความยิ่งใหญ่และความชั่วร้ายของเทพมารยาธานให้คนทั่วโลกรับทราบ


เหล่าข้ารับใช้ยาธานที่เป็นกังวล ต่างพากันสวดวิงวอนจากก้นบึ้งนาน 33 วันเต็ม หนึ่งในนั้นรวมถึง ‘โรส’


การต้องสละเวลาเก็บเลเวลหรือทำภารกิจนานถึง 33 วันเต็มไปอย่างเปล่าประโยชน์ เธอตั้งคำถามกับตัวเองถึงความคุ้มค่า


แรกเริ่มเดิมที โรสเข้าร่วมวิหารยาธานเพราะเธอทำนายว่าพวกมันจะครองโลกในอนาคต


โรสเอาแต่มุ่งมั่นสร้างผลงานตลอดหลายปี โดยเชื่อว่าตัวเองสามารถก้าวข้ามความยิ่งใหญ่ของ ‘แม่มดโลหิต’ ยูร่า ไปได้แล้ว


แต่สภาพอันน่าสมเพชในปัจจุบันกลับทำให้หญิงสาวเริ่มไม่มั่นใจ ถึงขั้นคิดเผื่อไว้ว่า ตนอาจต้องออกจากวิหารยาธานและเริ่มต้นชีวิตใหม่ในฐานะผู้เล่นปรกติ


จนกระทั่ง ‘วิวรณ์’ ของอาโมแรคมาเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งจากหน้าเป็นหลังมือ


“โอราลู ลิต้าแรนส์!”


“ลูเฟริส ลิลัตน่า!”


“ฮาลาลัล อาชาร่า!”


ข้ารับใช้ยาธานกำลังรวมตัวกันหน้ารอยแยกมิติขนาดใหญ่


ความรู้สึกเย็นวาบกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายโรสที่กำลังท่องคาถาอัญเชิญจอมอสูร


เธอได้ยิน


ได้ยินเสียงอันโหยหวนของเหล่าจอมอสูรที่กำลังขานรับบทคาถา


เธอได้เห็น


ได้เห็นรอยแยกมิติกำลังขยายขนาดทีละนิด


เธอได้สัมผัส


โฮกกกกกกกก…


สัมผัสถึงการมีอยู่ของจอมอสูรที่กำลังคืบคลานเข้าใกล้อย่างเชื่องช้า


[<รอยแยกมิติ> ณ ที่ใดสักแห่งบนโลก กำลังขยายขนาดขึ้นจากเดิมหลายเท่า!]


[จอมอสูรลำดับ 27 โรนอฟ ถูกอัญเชิญขึ้นมายังโลกมนุษย์!]


[จอมอสูรลำดับ 25 ดันทาเลี่ยน ถูกอัญเชิญขึ้นมายังโลกมนุษย์!]


[จอมอสูรลำดับ 19 <หัตถ์พิสดาร·ซาลอส> ถูกอัญเชิญขึ้นมายังโลกมนุษย์!]


“อะ…อะ!”


โรสที่กำลังก้มศีรษะเพื่อต้อนรับการมาเยือนของจอมอสูร พลันเกิดความรู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนนับตั้งแต่เกิด


ต้นตอของความสั่นกลัวมาจากพลังข่มขวัญปริมาณมหาศาลของจอมอสูรลำดับ 19 ซาลอส


เธอไม่เคยพบเจอใครหน้าไหนที่มีระดับตัวตนสูงส่งเท่าซาลอสมาก่อน!


ด้วยมาดอันสง่างามที่มาในท่าขี่หลังจระเข้ยักษ์ตัวใหญ่ยิ่งกว่าม้า บรรยากาศรอบตัวซาลอสแตกต่างจากจอมอสูรลำดับ 20 หรือ 30 ที่เคยปรากฏกายบนโลกโดยสิ้นเชิง


“ “ข้าพาเจ้ามายังโลกกึ่งกลางแล้ว ตอนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง พาลอส?” ”


แฮ่ก… แฮ่ก…!


เพียงดวงตาอันเปล่งประกายของจระเข้ยักษ์เหลียวมองเหล่าสาวกและบรรดาข้ารับใช้ยาธาน ร่างกายพวกมันพลันแข็งทื่อ


นี่คือ ‘คำสาปแข็งเป็นหิน’ ที่จะแสดงผลทันทีหลังจากสบตากับเหยื่อ


เมื่อเห็นจระเข้ของตนกำลังทำให้เหล่าสาวกเกิดความหวาดกลัวจนขยับตัวไม่ได้ ซาลอสพยายามปลอบให้มันใจเย็นลง


“ “โลกกึ่งกลางมีอาหารมากมาย เจ้าไม่จำเป็นต้องกินทาสของอาโมแรค” ”


โฮกกกกก!


แม้จะถูกซาลอสทำให้สงบลงเล็กน้อย แต่ดวงตาของจระเข้ที่กำลังน้ำลายสอและเปี่ยมด้วยความกระหาย ทำให้เหล่าสาวกยาธานต่างพากับขวัญหนีดีฝ่อ


เปรี้ยงงง!!


‘ฝ่ามือ’ ขนาดมหึมาเหยียดออกจากรอยแยกมิติพร้อมกับกระแทกใส่ศีรษะจระเข้ยักษ์อย่างจัง


ซาลอสที่กระโจนลงจากจระเข้อย่างรีบร้อน รีบจ้องไปยังฝ่ามือปริศนาดังกล่าว


โครม! โครม!


เสียงกังวานกำลังสั่นสะเทือนไปทั่วเหมืองแร่


พลังทำลายอันมหาศาลของฝ่ามือ ส่งผลให้เหมืองเอลีตที่คงอยู่มานานนับพันปี เกิดเป็นแผ่นดินไหวขนาดย่อม


ครืนนนนน!!


“อ…อึ๋ย!”


เมื่อจระเข้ยักษ์เสียชีวิต สาวกยาธานที่เป็นอิสระจากคำสาปแข็งเป็นหิน ต่างพากันผงะถอยไปด้านหลังตามสัญชาตญาณ


ผู้ที่ขยับตัวได้ว่องไวกว่าใครคือโรส


ด้วยความกังวลว่าจะถูกบดขยี้โดยเศษซากหินถล่ม หญิงสาวรีบปลีกตัวออกจากฝูงชนโดยไม่ลังเล


แต่ทันใดนั้นก็ต้องชะงัก


[จอมอสูรลำดับ 13 <ราชาคลั่ง·บีเลธ> ถูกอัญเชิญขึ้นมายังโลกมนุษย์!]


[ฝ่ามือของจอมอสูรลำดับ 12 สตริโอ้ ถูกอัญเชิญขึ้นมายังโลกมนุษย์!]


จอมอสูรลำดับ 13 และอวัยวะส่วนหนึ่งของจอมอสูรลำดับ 12 ปรากฏกาย


โรสประเมินว่า โอกาสที่จะได้เห็น ‘ตัวเป็น ๆ’ ของสิ่งมีชีวิตอันสูงส่งอย่างใกล้ชิด มีมูลค่าสูงกว่าชีวิตของตัวเธอมาก


หญิงสาวรีบเปิดโหมดบันทึกวิดีโอ ตามด้วยการมองไปยังทิศทางที่ตนเพิ่งหนีออกมา


ณ ที่นั่น


“ “กล้าอัญเชิญข้าคนนี้ออกมาเชียวหรือ!” ”


‘ราชาคลั่ง’ ที่มีใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยโทสะ ทำการซัดหอกเต็มแรง


แต่หอกสีแดงฉานถูกหยุดไว้ได้ทัน ก่อนที่ร่างของบรรดาข้ารับใช้จะถูกเสียบเรียงรายต่อกันประหนึ่งลูกชิ้นปิ้งบนร้านค้าแผงลอย


“ “เจ้าโง่! คิดจะทำให้สตริโอ้อาละวาดอีกรอบด้วยเหตุผลเล็กน้อยแค่นี้รึไง!” ”


ต้องขอบคุณการแทรกแซงจากซาลอส


แม้จะสูญเสียจระเข้ด้วยฝ่ามือของ ‘สตริโอ้’ แต่ซาลอสก็ฝืนกลั้นน้ำตาอดทน และนำโทสะไปลงกับ ‘บีเลธ’ แทน


ด้วยชื่อเล่น ‘หัตถ์พิสดาร’ ซาลอสสามารถหยุดหอกแดงของบีเลธได้อย่าง ‘ไม่มีเงื่อนไข’ ทั้งสองฝ่ายยืนจ้องตากันเป็นเวลานาน ก่อนที่ต่างฝ่ายต่างตัดสินใจถอยคนละก้าว


“ข้าไม่ได้ตั้งใจ ขอโทษก็แล้วกัน”


“ฮึ…!”


แน่นอน จอมอสูรทั้ง 33 ตนต่างแก่งแย่งชิงดีโดยไม่มีใครยอมใคร


เป้าหมายสูงสุดของทุกตนคือการได้เป็นเทพ และระหว่างทางก็มีการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาณาเขตและดินแดนภายในขุมนรก


แต่ทั้ง ‘ซาลอส’ และ ‘บีเลธ ‘ต่างก็เป็นจอมอสูรบริวารภายใต้ ‘บาเอล’ ทั้งคู่ จึงมิอาจทะเลาะเบาะแว้งกันเองด้วยประการทั้งปวง


ส่งผลให้แต่ละฝ่ายต้องถอนตัวกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์นัก


ซาลอสและบีเลธหันไปทางบรรดาข้ารับใช้ยาธานที่ดูแก่ลงไปสิบปี ตามด้วยการซักถามพร้อมกันจนแยกไม่ออกว่าใครก่อนหลัง


“ “ฝ่ามือของสตริโอ้คงเป็นฝีมืออาโมแรค…” ”


“ “ข้าต้องการเห็นเลือด พวกเจ้าจงนำทางข้าไปยังจุดที่มนุษย์ชุกชุมที่สุด!” ”


***


[จอมอสูรลำดับ 27 ‘โรนอฟ’ ถูกอัญเชิญขึ้นมายังโลกมนุษย์]


[จอมอสูรลำดับ 25 ‘ดันทาเลี่ยน’ ถูกอัญเชิญขึ้นมายังโลกมนุษย์]


[จอมอสูรลำดับ 19 ‘หัตถ์พิสดาร·ซาลอส’ ถูกอัญเชิญขึ้นมายังโลกมนุษย์]


[จอมอสูรลำดับ 13 ‘ราชาคลั่ง·บีเลธ’ ถูกอัญเชิญขึ้นมายังโลกมนุษย์]


[ฝ่ามือของจอมอสูรลำดับ 12 ‘สตริโอ้’ ถูกอัญเชิญขึ้นมายังโลกมนุษย์]


ข้อความอันน่าตื่นตะลึงได้ทำให้โลกตกอยู่ในความโกลาหลทันที


มวลมนุษย์ที่เคยเกือบสูญสิ้นเพราะการรุกรานของจอมอสูรลำดับ 22 เฟย์ริส ต่างคิดเห็นตรงกันว่าจุดจบของโลกกำลังมาเยือน


『จากโบราณสถานเก่าแก่ที่จักรวรรดิซาฮารันขุดค้นขึ้นมา มีการระบุไว้อย่างชัดเจนว่า จอมอสูรในหลัก 10 จะมีความแข็งแกร่งแตกต่างจากลำดับ 20 หรือ 30 โดยสิ้นเชิง! 』


『มีการกล่าวกันว่า หนังสือของดันทาเลี่ยนได้บันทึกความลับของโลกเอาไว้ มีทั้งเรื่องราวในอดีตและอนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น กระทั่งอริยดาบมุลเลอร์ก็มิอาจโค่นดันทาเลี่ยนได้เพราะอีกฝ่ายครอบครองปัญญาพิสดาร 』


『ไม่เกินจริงนักถ้าจะกล่าวว่า ถึงทุกอาณาจักรบนทวีปตะวันตกจะร่วมมือกัน ก็ยังไม่เพียงพอจะหยุดยั้งจอมอสูรบีเลธแค่ตนเดียว 』


สำนักข่าวทั่วโลกต่างรีบทำรายการวิเคราะห์ซาทิสฟายเพื่อเกาะกระแส


ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากกล้าใช้คำว่า ‘จุดจบ’ เพื่ออธิบายสถานการณ์ปัจจุบัน


เมื่อทวีปตะวันออกจบสิ้น ผู้เล่นที่เหลือรอดจะต้องย้ายไปอยู่บนทวีปตะวันออก และนับแต่นั้นเป็นต้นไป ซาทิสฟายก็จะย่างเข้าสู่เนื้อหาบทใหม่เต็มตัว


พวกมันยังเสริมด้วยว่า นี่คือเหตุผลว่าทำไมระดับของทวีปตะวันออกจึงสูงกว่าตะวันตกในตอนแรก


แต่บรรดาแรงเกอร์กลับคิดต่าง


เป็นเพราะกริด พวกมันจึงได้เห็นธาตุแท้ของยังบันเต็มสองตา และทราบดีว่า ทวีปตะวันออกมีสภาพแวดล้อมเลวร้ายยิ่งกว่าตะวันตกหลายเท่านัก


หากตะวันตกถูกทำลาย สิ่งเดียวผู้เล่นจะได้เผชิญคือขุมนรกบนดิน


ดังนั้น ทุกคนต้องรักษาทวีปตะวันตกเอาไว้


ต้องหยุดยั้งการรุกรานจากจอมอสูรให้ได้…


ขณะบรรดาแรงเกอร์หัวแถวของโลกที่เป็นผู้นำกองทัพย่อย ตัดสินใจอย่างหนักแน่น


[จักรพรรดินีแห่งจักรวรรดิซาฮารัน บาซาร่า ทำการส่งคำประกาศออกไปทั่วทั้งทวีป]


[“จักรวรรดิจะเป็นหัวหอกและโล่ให้กับทุกคน ขอวิงวอนให้มวลมนุษย์รวมใจเป็นหนึ่งเพื่อยับยั้งการรุกรานจากจอมอสูร”]


[มหาจักรพรรดินีบาซาร่าทำการเปิดเผยเส้นทางการเคลื่อนตัวของเหล่าจอมอสูร]


ชิ้ง~


เมื่อสิ้นสุดข้อความโลก สัญลักษณ์ดาวขนาดใหญ่จำนวน 5 ดวงปรากฏขึ้นบนแผนที่ส่วนตัวของทุกคน


เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกตำแหน่งปัจจุบันของจอมอสูรทั้งห้า


แถมยังมีเส้นทำนายการเคลื่อนทัพล่วงหน้า


“หน่วยข่าวกรองแบบเรียลไทม์ของจักรวรรดินับว่าไม่เป็นสองรองใครในโลก”


สกังก์ นักสำรวจอันดับหนึ่งก้มมองแผนที่พลางกล่าวคำชมเชย


เมื่อยืนยันจนมั่นใจว่าแผนที่ของจักรวรรดิซาฮารันมีรายละเอียดมากกว่าของตน สกังก์หันไปกล่าวกับลอเอล


“ข้อมูลนี้ไว้ใจได้”


“ตกลง”


พยักหน้ารับหนึ่งหน ลอเอลสั่งระดมพลกองทัพโอเวอร์เกียร์เป็นการใหญ่ทันที


***


เมื่อเดินทางมาถึงจุดซุ่มโจมตีที่แนะนำโดยจักรพรรดินีบาซาร่า ลอเอลพบว่ามีกองทัพหลายฝ่ายได้มารออยู่ก่อนแล้ว โดยเฉพาะบรรดาผู้เล่นระดับท็อปมากหน้าหลายตา


“กิลด์โอเวอร์เกียร์…!”


เพียงการปรากฏตัวของลอเอล ก็มากพอจะสร้างความฮือฮาระลอกใหญ่


หัวหน้ากิลด์ของแต่ละคนที่กำลังเกทับผลงานใส่กันโดยไม่มีใครยอมใคร พลันทำตัวสงบเสงี่ยมเมื่ออยู่ต่อหน้าขุมพลังผู้เล่นอันดับหนึ่งของโลก


“ยินดีต้อนรับ ท่านเสนาบดีแห่งกองทัพกริด”


“ขอคารวะท่านมหาจักรพรรดินีบาซาร่า ผู้ปกครองสูงสุดเหนือใต้หล้าทวีปตะวันตก”


ผู้เล่นหลายคนต่างนั่งเกร็งจนเกือบลืมหายใจ


ไม่ว่าอาณาจักรโอเวอร์เกียร์จะทรงพลังและยิ่งใหญ่สักเพียงใด แต่การถูกต้อนรับอย่างเป็นกันเองจากจักรพรรดินีนั้นค่อนข้างเหนือความคาดหมาย


บาซาร่ากวาดตามองเหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์อย่างคร่าวหนึ่งหน หันมาซักถามลอเอล


“แล้วฝ่าบาทกริด…?”


“เรื่องนั้น…”


ลอเอลพลันออกอาการกระอักกระอ่วน รีบเปิดแผนที่และชี้ไปยังสัญลักษณ์ดวงดาวจุดหนึ่ง


สีหน้าบาซาร่าพลันดำมืด


“ฝ่าบาทกริดมุ่งหน้าไปหาราชาคลั่ง?”


ลอเอลไม่ปฏิเสธ


มันพยักหน้ารับ ตามด้วยการก็อธิบายพลางชำเลืองไปทางผู้เล่นหลายพันคนที่กำลังจัดทัพเตรียมตัวทำศึกเต็มพิกัด


“ขอรับ… ฝ่าบาทกล่าวว่า ขณะที่พวกเราจัดการกับโรนอฟและดันทาเลี่ยน พระองค์จะช่วยยื้อเวลาบีเลธไว้ตามลำพัง”


“…”


ไม่มีใครกล่าวสิ่งใด


คำประกาศของลอเอลฟังดูเพ้อเจ้อเกินไป


ไม่ว่ากริดจะถูกยกย่องให้เป็นท้องฟ้าที่แข็งแกร่งสักแค่ไหน แต่การรับมือกับจอมอสูรหลักสิบตามลำพังนั้นเป็นเรื่องโม้เหม็นเกินเหตุ


ขณะความเงียบงันเริ่มครอบงำบรรยากาศ


“บอกกับกริดว่า พวกเราขอเวลาแค่ห้านาที!”


จอมอาคมน้ำแข็งอันดับหนึ่งของโลก บองเดร ก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกับประกาศอย่างมั่นใจ


ตามหลังบองเดรคือกองทัพ ‘เทพสงคราม’ อาเรส ที่เพิ่งเคลื่อนพลมาถึง พร้อมด้วยแรงเกอร์แถวหน้าอีกหลายพันคน


ผ่านมาหนึ่งเดือนเต็มหลังจากกริดและเหล่าสิบวีรชนซุ่มเก็บเลเวลบนสันเขาที่เจ็ดของเทือกเขาเคอัส


ณ วันนี้ การบุกถล่มจากจอมอสูรได้เริ่มขึ้น


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,642
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ตื่นเต้นสั๊สสสส

    ReplyDelete
  2. ช่วงบาซาร่าประข้อความโลกคือขนลุกก

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00