จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,238



“ดูกำแพงสูงนั่นสิ เอาแต่ใช้ชีวิตในที่แบบนั้น ไม่รู้สึกอึดอัดบ้างหรือไง”


“ยิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอเท่าไร ก็ยิ่งหวาดกลัวและรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่มากเท่านั้น หากไม่มีอะไรคอยปกป้องคุ้มครอง พวกมันคงข่มตานอนไม่หลับ”


“ฮะฮะ! ของแบบนี้ไม่มีประโยชน์เลยสักนิด”


ทุ่งหิมะกำลังถูกฉาบด้วยแสงแดดยามเช้า


พรึบ!


ดราโกเนี่ยมสามตนสยายปีกกว้าง บินตรงไปทางกำแพงเมืองฟรอนเทียร์ด้วยความเร็วสูง


เมื่อพบความผิดปรกติ พลธนูรักษาการณ์ง้างศรยิงตามสัญชาตญาณที่ถูกฝึก เป็นเวลาเดียวกับที่ผู้บังคับการหอคอยตะโกนออกคำสั่ง


“หยุดก่อน!!”


แต่สายเกินไป


ศรหกนัดที่พุ่งออกไปในอากาศ ย้อนกลับมาทำร้ายคนยิงทั้งหมด


“บัดซบ!”


คิดไม่ถึงว่าพลธนูจะตอนสนองได้เร็วขนาดนี้ ในบางครั้ง การฝึกหนักเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดี…


ผู้บังคับการหอคอยตัดพ้อเมื่อเห็นทหารหนุ่มเสียชีวิตไปอย่างสูญเปล่า มันรีบสั่นระฆังยักษ์ส่งสัญญาณเข้าไปในเมือง


แก๊ง~ แก๊ง~ แก๊ง~!


ระฆังแจ้งเตือนว่ามีผู้บุกรุก


อย่างไรก็ตาม บรรยากาศภายในฟรอนเทียร์กลับยังคงเงียบสงบ มีเพียงชาวเมืองส่วนน้อยที่เริ่มส่งเสียงฮือฮา


สาเหตุเพราะ ดยุคสไตม์ได้แจ้งข่าวล่วงหน้ากับทุกคนแล้วว่า เช้าวันนี้จะมีศัตรูบุก


ชาวเมืองหลายร้อยเลือกจะปิดประตูและเก็บตัวเงียบภายในบ้าน ส่วนที่เหลือ ชาวเมืองราวหลายพันได้ออกมารวมตัวกัน ณ ใจกลางจัตุรัสเพื่อรอการมาเยือนของดราโกเนี่ยน


พวกมันต่างภาวนาให้ลาเด็นได้รับชัยชนะ หวังว่าอัศวินอันดับหนึ่งของพวกตนจะแสดงฝีมืออันยอดเยี่ยมให้ผู้บุกรุกได้ประจักษ์


แต่หลังจากเห็นดราโกเนี่ยนปรากฏกายบนท้องฟ้า เสียงสวดภาวนาทั้งหมดได้หยุดลงทันที


กระต่ายเผชิญหน้ากับราชสีห์อย่างสั่นกลัวฉันใด ชาวเมืองก็ยืนหวาดผวาต่อการมีอยู่ของเผ่าพันธุ์ลูกครึ่งมังกรฉันนั้น


เป็นแรงสะกดข่มที่เกิดจากความแตกต่างทางระดับเผ่าพันธุ์


ดราโกเนี่ยนทั้งสามที่กำลังลอยตัวกลางอากาศ รูปโฉมภายนอกคล้ายมนุษย์ เพียงแต่มีปีกมังกรคู่หนึ่งกางจากแผ่นหลัง เพียงการปรากฏกายก็มากพอจะทำให้ทุกคนหยุดหายใจ


‘นั่นมัน… อะไรกัน…’


‘ท่านลาเด็น… อยู่ในอันตราย!’


แม้แต่คนธรรมดาที่ไม่รู้จักการต่อสู้ ก็ยังมีความคิดเห็นตรงกันโดยมิได้นัดหมาย


เป็นความรู้สึกจากสัญชาตญาณแรกเกิด


เมื่อดราโกเนี่ยนทั้งสามตนเริ่มร่อนลงบนเวทีลานประลอง บรรยากาศรอบเมืองพลันตกอยู่ในความหม่นหมองอึมครึม


“เฮ่อ… น่าเบื่อชะมัด”


“ปอดแหกแบบนี้จะมีพวกเจ๋ง ๆ มาทำให้สนุกได้จริงหรือ”


สามดราโกเนี่ยนขมวดคิ้วเมื่อมองลงไปยังฝูงชนที่เอาแต่ก้มหน้าและยื่นตัวสั่น


ขณะเดียวกัน ผู้เล่นที่แหงนหน้ามองดราโกเนี่ยนยืนสยายปีกบนเวที ต่างก็ขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์


‘ไอ้พวกอวดดี…’


‘ถ้าเป็นได้ไป เราอยากออกไปสู้เอง…’


สำหรับผู้เล่น เมืองเกิดถือเป็นสถานที่พิเศษ


หลายคนที่เลือกฟรอนเทียร์เป็นเมืองเริ่มต้นชีวิตในซาทิสฟาย ยังคงอาศัยในเมืองและพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง คนเหล่านี้ต่างเกิดความโกรธแค้น


แต่ก็ไม่มีใครกล้าโจมตีส่งเดช


พวกมันทราบดีว่า ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะสู้กับ NPC ซึ่งมีระดับสูงกว่าเฮ่า ทั้งที่พวกตนยังเอาชนะเฮ่าในร่างครึ่งดราโกเนี่ยนไม่ได้


ไม่เพียงเท่านั้น ดยุคสไตม์ยังตักเตือนไว้แล้ว


เมื่อคืนที่ผ่านมา ดยุคสไตม์ออกมาประกาศให้ทหารและชาวเมืองฟรอนเทียร์ทราบถึงสถานการณ์ปัจจุบันโดยทั่วกัน


การดวลกับดราโกเนี่ยนจะเป็นหน้าที่ของอัศวินเอก ลาเด็น คนอื่นห้ามสอดมือเข้ามายุ่ง


ผู้เล่นต่างไม่มั่นใจว่า จะมีการลงโทษแบบใดรออยู่ หากตนฝ่าฝืนคำสั่งของเจ้าเมืองที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงดยุคและพ่อตากษัตริย์


“ข้ามีนามว่าซาร์ด ข้ารับใช้แห่งท่านเฮเลน่า ผู้สืบเชื้อสายมาจากบันเฮเลียร์”


“บันเฮเลียร์…?”


“หมายถึงมังกรมารบันเฮเลียร์?”


ฮือฮา. จ้อกแจ้ก.


เมื่อสามดราโกเนี่ยนยืนบนเวทีลานประลองและกล่าวแนะนำตัว ฝูงชนเกิดความแตกตื่นโกลาหลทันที


สำหรับคนที่ถูกแรงกดดันของดราโกเนี่ยนสะกดข่มเป็นทุนเดิม ยิ่งได้ยินว่าอีกฝ่ายคือลูกหลานมังกรแท้ ความสั่นกลัวยิ่งเพิ่มทวีคูณ


ไม่จริงใช่ไหม…? เพราะถ้าเป็นความจริง มนุษย์จะเอาอะไรไปสู้กับทายาทมังกร…


เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่า การกดขี่และยับยั้งมิให้ดราโกเนียนพัฒนาตัวเองของจักรวรรดิซาฮารัน ความจริงแล้วไม่เคยได้ผลเลยสักนิด


คำประกาศอันหลอกลวงของจักรวรรดิที่อ้างกับทุกคนว่า พวกมันสามารถกำราบดราโกเนี่ยนได้อยู่หมัด ถูกเปิดโปงทันทีเมื่อนโยบายคืนอิสรภาพให้กับอมนุษย์ถูกนำมาใช้


“สาเหตุที่ท่านเฮเลน่าส่งพวกเรามาที่นี่ ก็เพื่อมอบโอกาสให้มนุษย์อย่างพวกเจ้าพิสูจน์ตัวเอง จงแสดงให้เห็นว่าสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำก็มอบความสนุกสนานให้พวกเราได้ ถ้าทำสำเร็จ พวกเจ้าทุกคนจะได้ใช้ชีวิตอย่างปลอดภัยในฐานะบริวารของเผ่าดราโกเนี่ยนที่ใคร ๆ ก็อยากเป็น แต่หากนักสู้ของพวกเจ้าเป็นเพียงขยะและมิอาจนำพาความสนุกสนานให้ได้…”


ซาร์ดเว้นวรรค กวาดตามองชาวเมืองรอบจัตุรัสอย่างเย็นชา


ดวงตาสีทอง รูม่านตาทรงรีแนวตั้ง


ดวงตาอำมหิตของสัตว์เลื้อยคลานเลือดเย็น


วาบ.


ดราโกเนี่ยนคือลูกหลานมังกร…


สายตานั่นพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี


“…ข้าจะเชือดพวกเจ้าทิ้งครึ่งหนึ่งตามสัญญาที่ประกาศไว้เมื่อวาน เหลือไว้เฉพาะคนที่ตรงตามรสนิยมเพื่อใช้งานเยี่ยงทาส แบบนั้นคงมีประโยชน์ต่อพวกข้ามากกว่า”


คำประกาศของซาร์ดทำให้ชาวเมืองฟรอนเทียร์ตกอยู่ในความหวาดกลัวสถานหนัก ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใดออกมา บรรยากาศเงียบเชียบราวกับป่าช้า


ทันใดนั้น มนุษย์คนหนึ่งเดินขึ้นเวทีเพื่อเผชิญหน้ากับซาร์ดที่มีนักรบปลายแถวยืนขนาบข้าง


ลาเด็น


บุคคลที่แข็งแกร่งอันดับหนึ่งในฟรอนเทียร์และแดนเหนือ เด็กหนุ่มอนาคตไกลที่ชาวเมืองไว้วางใจและยกย่องชื่นชม


“…อะ”


ทุกคนที่เคยเฝ้ารอการปรากฏตัวของลาเด็นต่างพากันถอนหายใจ เดิมที พวกมันเตรียมส่งเสียงเชียร์ให้กำลังใจ แต่เมื่อเผชิญความจริง ชาวเมืองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืนสั่นกลัวอย่างเงียบงัน


เหตุผลไม่ซับซ้อน ในสายตาทุกคน เมื่อต้องยืนประจัญกับหน้าดราโกเนี่ยนซึ่งมีร่างกายใหญ่โตและสัดส่วนสมบูรณ์แบบสำหรับการต่อสู้ ลาเด็นกลายเป็นเพียงคนแคระร่างเล็ก


หากส่งเสียงเชียร์ออกไป คงไม่ต่างอะไรกับการเร่งให้ลาเด็นออกไปตายอย่างน่าสมเพช


จนกระทั่ง ชาวเมืองคนหนึ่งตัดสินใจตะโกนออกไปอย่างกล้าหาญ


“ลาเด็น! หนีไป!! นายไม่จำเป็นต้องเสียสละตัวเองเพื่อพวกเรา!!”


สิ่งที่ทุกคนต้องการคือชัยชนะของวีรบุรุษ


มิใช่ให้วีรบุรุษถูกย่ำยีเป็นของเล่น


เสียงตะโกนที่คล้ายกัน ดังตามมาเป็นระลอก


ชาวเมืองเริ่มมีสีหน้าหม่นหมอง ทุกคนต้องการให้ลาเด็นลงจากเวทีโดยเร็ว


แต่อัศวินหนุ่มกลับทำเพียงยืนนิ่ง


ลาเด็นกำลังสวมเกราะหนามที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน ยืนเผชิญหน้ากับดราโกเนี่ยนสามตนตามตามลำพังด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว ก่อนจะอ้าปากเปล่งเสียงห้าวหาญ


“หากฉันมิได้มอบความสนุกสนานให้พวกแก แต่เป็นการเชือดนักสู้ดราโกเนี่ยนทิ้ง แบบนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?”


“ฮะฮ่าฮ่า!!”


สำหรับซาร์ด คำถามเช่นนี้ ท่าทีตอบสนองคงเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน


แต่ดราโกเนี่ยนไม่คิดว่าพวกมันหูฝาด


เพราะมนุษย์ที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวมักกลบเกลื่อนด้วยถ้อยคำเพ้อเจ้อเสมอ เคยเห็นจนชาชินแล้ว


“ไม่ต้องห่วง เรื่องแบบนั้นจะไม่เกิดขึ้น”


ลาเด็นส่ายหน้าเมื่อได้ยินซาร์ดมอบคำตอบแทนนักรบปลายแถว


“แต่ฉันอยากได้ยินคำตอบที่ชัดเจน”


“หืม…”


ซาร์ดลังเลเล็กน้อย หันไปมองนักรบปลายแถวที่ยืนด้านข้าง


ชื่อของมันคือฟราวา


เมื่อวานช่วงเช้า ฟราวาคือดราโกเนี่ยนตนแรกที่ได้มาเยือนฟรอนเทียร์ในฐานะผู้ส่งสาร


“ฟราวา เจ้าต้องการให้พวกเราทำอย่างไร หากเจ้าตายในการประลอง”


“จงถ่มน้ำลายใส่ศพข้าขณะที่แสงสีเทากำลังส่องสว่าง ศัตรูหนนี้มิได้เป็นแม้แต่อัศวินสีชาดหลักเดียว หากข้าพ่ายแพ้ก็สมควรได้รับการปฏิบัติเยี่ยงปศุสัตว์”


ในปัจจุบัน จักรวรรดิมิได้เป็นจุดศูนย์กลางของทวีปเหมือนในอดีตอีกแล้ว


เฮเลน่ากล้าแยกตัวออกจากเผ่าเพราะตระหนักถึงความจริงข้อนี้


แต่ดราโกเนี่ยนที่ติดตามหล่อนไม่คิดเช่นนั้น พวกมันยังมองจักรวรรดิด้วยบรรทัดฐานเดิม นั่นก็คือ นอกเหนือจากชาวจักรวรรดิ มนุษย์อื่น ๆ บนทวีปล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตต่ำต้อย


ได้ยินคำตอบฟราวา ซาร์ดพยักหน้าพึงพอใจ


“ได้ยินแล้วใช่ไหม ถึงพวกเจ้าจะบังเอิญฆ่าคนของเราได้ ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกเคียดแค้น พวกข้าสนุกสนานไปกับความตื่นเต้นที่ได้เผชิญคู่ต่อสู้แข็งแกร่งอยู่แล้ว”


“ไม่ใช่แค่นั้น! คำสัญญาของเมื่อวานจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง!”


“…?”


ซาร์ดมองตามต้นเสียงลงจากเวที


มันพบชายชราคนหนึ่ง


แม้รูปลักษณ์จะมิได้สง่างาม แต่ความน่าเกรงขามและองครักษ์ข้างกาย บ่งบอกชัดเจนว่าชายชราคือเจ้าของเมืองนี้


และพวกมันเข้าใจไม่ผิด


“ฉันคือดยุคสไตม์ ผู้ปกครองดินแดนแห่งนี้ตามคำสั่งฝ่าบาทกริดผู้ยิ่งใหญ่”


เจ้าเมืองฟรอนเทียร์ออกโรง


ซาร์ดจ้องหน้า


“ฝาบาทผู้ยิ่งใหญ่? ไม่เจียมตัวเลยนะ”


“…”


“แล้วพวกเจ้าหมายความว่าอย่างไร ที่บอกว่าคำสัญญาเมื่อวานต้องมีการเปลี่ยนแปลง”


“หากตัวแทนของพวกเราเอาชนะนักรบดราโกเนี่ยนได้ นั่นจะหมายความว่าฝ่ายมนุษย์แข็งแกร่งกว่า ฉะนั้น พวกเราจะไม่ใช่ทาสของแก แต่พวกแกต่างหากที่ต้องเป็นทาสเรา กล้าพนันกันไหม?”


“…มีแต่พวกบ้าเต็มไปหมด”


ซาร์ดเริ่มหงุดหงิด


ถึงจะหวาดกลัวจนสติแตก ก็ควรมีขีดจำกัดบ้างไม่ใช่หรือ? ยิ่งทำแบบนี้ยิ่งน่าสมเพช


“พวกชั้นต่ำไปเอาความมั่นใจมาจากไหน…”


หากเป็นในยามปรกติ ซาร์ดคงเชือดมนุษย์ทุกคนที่นี่ทิ้งอย่างไร้ความเมตตา แต่เผ่าดราโกเนียนบนเทือกเขาเคอัสต้องการปัจจัยสี่และแรงงานจากฟรอนเทียร์ ถ้าทำลายเมืองทิ้งเสีย เกรงว่าเฮเลน่าคงโมโหมาก


ซาร์ดระงับโทสะ จ้องไปทางฟราวา


“จะปล่อยให้พวกมันพล่ามอีกนานแค่ไหน? เริ่มการประลองไร้สาระสักที!”


“ตกลง”


ฟราวาตระหนักถึงความหงุดหงิดของซาร์ด จึงรีบก้าวออกไปข้างหน้าและแปลงร่างมังกรทันทีโดยไม่ต้องรอสัญญาณเริ่มประลอง


หน้าที่ของมันคือการสลักความหวาดกลัวจากก้นบึ้งลงในจิตใจชาวฟรอนเทียร์


ต้องเปิดฉากด้วยท่าที่อันตรายที่สุด


แกร่ก! แกร่ก!


หัวไหล่ฟราวาเริ่มขยายขนาด กล้ามอกบวมพองจากปรกติ มือเท้ายืดยาวและขยายใหญ่กว่าเดิมราวสองเท่า ทุกปลายนิ้วมีกรงเล็บที่คมและแข็งยิ่งกว่าใบดาบยื่นออกมา


“กรี๊ดดดด!”


“น…นั่น!”


ชาวเมืองฟรอนเทียร์พลันกรีดร้องเมื่อร่างกายของฟราวามีเกล็ดปกคลุมทั้งตัว ปีกสยายกว้าง


ฟราวาฉีกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อได้เห็นความแตกตื่นของผู้คน มันอ้าปาก


ตามด้วย


ซู่วววววว!!


ลมหายใจสีดำสนิทถูกพ่นใส่ลาเด็น


พื้นไม้บางส่วนหายไปทันทีเนื่องจากมิอาจทนรับพลังทำลายของลมหายใจ


นี่คือหลักฐานพิสูจน์ว่า เผ่าดราโกเนี่ยนมีเลือดของมังกรไหลเวียนอยู่จริง


ทว่า


บึ้มมมมม!


ลาเด็นป้องกันไว้ได้ด้วย <โล่แสงศักดิ์สิทธิ์>


หนึ่งในโล่สองชนิดที่กริดสร้างเตรียมไว้สำหรับการต่อสู้ในวันนี้


‘คิดไว้ไม่มีผิด… มันเปิดฉากด้วยลมหายใจ’


ลาเด็นมีประสบการณ์ต่อสู้กับดราโกเนี่ยนมาแล้วหลายร้อยยก


จากนั้น ฟราวาพุ่งเข้ามาตามซ้ำตามที่คาดหมาย อัศวินหนุ่มเก็บโล่แสงศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับควัก <โล่สามชั้น> ออกมาถือแทน


ท่าเตะของฟราวากระแทกโล่ดังกล่าวอย่างจัง


เคร้ง!!


“…!?”


ดวงตาฟราวาพลันเบิกโพลง


ในตอนแรก มันทึ่งกับความยอดเยี่ยมของโล่สีทองที่สามารถป้องกันลมหายใจอย่างง่ายดาย


‘แล้วนี่โล่อะไรอีก…?’


ฟ้าว!


อาศัยแรงถีบจากโล่ ฟราวาหมุนตัวพร้อมกับฟาดหางอย่างว่องไวประหนึ่งฟ้าผ่า


‘ลองเอาโล่ของเล่นนั่นรับไอ้นี่ดู!’


หางของดราโกเนี่ยนสามารถหักเหวิถีกลางอากาศได้อย่างอิสระ


ในวินาทีที่ลาเด็นตั้งโล่กัน ฟราวาจะเบี่ยงทิศทางหลบโล่ และแฉลบแทงใส่หัวใจ


แต่เรื่องแบบนั้นกลับไม่เกิดขึ้น


ฟุ่บ!


ลาเด็นมิได้ยกโล่ แต่กระโดดเหยียบหางพร้อมกับกระแทกแท่งเหล็กในมือไปทางศีรษะฟราวา


นี่มันเหมือนกับ… การต่อสู้ของนักรบที่เคยดวลกับดราโกเนี่ยนจนช่ำชองไม่ใช่หรือ?


ฟราวาประหลาดใจกับการตอบสนองอันสมบูรณ์แบบราวกับตนถูกอ่านการเคลื่อนไหวล่วงหน้า แต่ความรู้สึกดังกล่าวก็คงอยู่ไม่นาน และมองเป็นเพียงความบังเอิญ


หากลาเด็นเคยต่อสู้กับดราโกเนี่ยนจริง มันก็ต้องทราบว่า แท่งเหล็กโง่ ๆ ไม่มีทางทะลวงผ่านเกล็ดดราโกเนี่ยนได้


‘หากต้องการสู้กับฉันให้สูสี พวกแกต้องใช้อาวุธประเภททุบต่างหาก!’


สำหรับมนุษย์ วิธีเดียวที่จะทำลายเกล็ดดราโกเนี่ยนคือการทุบให้แตก ไม่ใช่วิชาดาบ ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงแท่งเหล็กสุดแสนธรรมดา


แสยะ.


ในวินาทีที่ฟราวายิ้มเยาะพร้อมกับใช้ท่อนแขนรับแท่งเหล็กที่กำลังพุ่งเข้ามา


แกร่ก!


“…!”


หัวใจฟราวาพลันหล่นไปอยู่ตาตุ่ม


เกล็ดบริเวณข้อมือเริ่มร่วงกราวหลังจากถูกโจมตีด้วยแท่งเหล็กปริศนา


“อะไร….”


ฟราวาที่ตื่นตระหนก รีบชักข้อมือกลับตามสัญชาตญาณ แต่ลาเด็นเร็วกว่านั้น มันอ่านออกอย่างทะลุปรุโปร่ง และฉวยโอกาสสำคัญไว้ได้


หลังจากแท่งเหล็กกระแทกใส่เกล็ดข้อมือเพียงเสี้ยววินาที ใบมีดหนามได้พุ่งควงสว่านออกจากปลายแท่งเหล็ก เสียบลึกเข้าไปในข้อมือฟราวา จนเผยให้เห็นบาดแผลฉกรรจ์ที่ถูกทะลวงจนเหวอะหวะ


“อ๊ากกก…!!”


เสียงแหกปากอย่างเจ็บปวดที่ไม่มีใครคิดว่าจะได้ยินจากฟราวา กำลังดังกังวานไปทั่วจัตุรัสกลางเมืองฟรอนเทียร์


ขณะฟราวารีบกระโดดถอยหลังและอ้าปากพ่นลมหายใจสวนกลับ ลาเด็นพุ่งตามประชิดตัวพร้อมกับตั้งโล่สีทองรับ


“บัดซบ… ข้าจะฆ่าเจ้า!”


บึ้ม!


ลมหายใจถูกโล่ป้องกันไว้ได้อีกครั้ง


หลังจากแรงระเบิดก่อให้เกิดกลุ่มควันลอยฟุ้ง ปลายหางแหลมคมของฟราวาพุ่งออกจากควัน แทงใส่จุดอับสายตาด้านหลังลาเด็น แต่ถูกชุดเกราะที่มีเกล็ดนับร้อยซึมซับความเสียหายส่วนใหญ่เอาไว้


“แค่ก…!”


ลาเด็นคายเลือดก้อนใหญ่ แต่นั่นมิได้ทำให้อัศวินหนุ่มชะลอการโจมตี แทงเหล็กปริศนาถูกเล็งแทงใส่ลำคอที่เต็มไปด้วยเกล็ดของฟราวา


แกร่ก!


มุมสายตาฟราวาปรากฏภาพของเศษเกล็ดที่หล่นกระจัดกระจาย


นักรบดราโกเนี่ยนพลันเย็นไปถึงสันหลัง กำปั้นซ้ายเหวี่ยงใส่หน้าอกลาเด็นเต็มแรง


แต่นั่นก็ยังหยุดลาเด็นไม่ได้


ลาเด็นถูกหมัดตรงใส่ชายโครงขวา ถึงจะมี <สามชั้น> ช่วยซึมซับความเสียหาย แต่ก็ยังไม่ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น กระดูกซี่โครงแตกในพริบตา เลือดไหลซึมออกทางหูตาจมูก


อย่างไรก็ตาม ลาเด็นยังไม่หยุด


ฉึก!!


ใบมีดหนามแหลมแทงใส่ต้นคอฟราวา


ชาวฟรอนเทียร์พลันส่งเสียงเชียร์กึกก้องไปทั่วเมือง ส่วนซาร์ดทำได้เพียงยืนตัวแข็งทื่อ


▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,633
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

Comments

  1. ลงไปนอนกับรากมะม่วงซ่ะ!!!

    ReplyDelete

Post a Comment

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00