จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,560
ซาทิสฟายคือโลกที่แทบจะไร้ขีดจำกัด
หลักฐานพิสูจน์คือการที่ผู้เล่นสามารถเข้าถึงคลาสเทวตำนาน
ผู้เล่นซึ่งสามารถเวียนว่ายตายเกิดได้ไม่จบสิ้น มีศักยภาพใกล้เคียงกับคำว่าไร้ขีดจำกัด
อย่างไรก็ดี ความเห็นส่วนใหญ่มองว่า การสังหารมังกรยังคงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ ‘เป็นไปไม่ได้’ สำหรับผู้เล่น
ประการแรก ปัญหาอยู่ที่ <การป้องกันสัมบูรณ์>
ตามชื่อของมัน คุณสมบัตินี้ใกล้เคียงกับคำว่าคงกระพัน
มังกรจะได้รับความเสียหายเพียงหนึ่งหน่วยจากการโจมตีทุกชนิด
กระทั่งคุณสมบัติ ‘ความเสียหายจริง’ หรือ ‘ความเสียหายคงที่’ ก็จะลดลงครึ่งหนึ่ง
เป็นศัตรูที่สามารถพูดได้เต็มปากว่า ‘ผู้เล่นยังไม่มีทางฆ่าได้’
จริงอยู่ กริดอาจเป็นเจ้าของสมญานาม <ราชาวีรบุรุษ> และ <นักล่ามังกร? >
การโจมตีของชายหนุ่มสามารถมองข้าม ‘การป้องกันสัมบูรณ์’ ของมังกรได้บางส่วน
แต่ถึงอย่างนั้น กริดก็ยังหวาดกลัวมังกรมากกว่าใคร
เป็นเพราะมันตระหนักถึงความแข็งแกร่งของมังกรได้ชัดเจนกว่าคนอื่น ผ่านคำบอกเล่าของหอแห่งปัญญา รวมถึงประสบการณ์เมื่อครั้งเคยเผชิญหน้ากับบันเฮเลียร์โดยตรงในงานแข่งซาทิสฟายนานาชาติ
99,999
ยกเว้นความว่องไวและสติปัญญา ค่าสถานะทุกชนิดล้วนมีค่าสูงถึงหนึ่งแสนแต้ม
กล่าวคือ เพียงค่าสถานะเดียวของบันเฮเลียร์ ก็มากกว่าค่าสถานะเชิงต่อสู้ทั้งหมดของกริดรวมกัน เป็นความแตกต่างราวกับอยู่คนละมิติ
ต่อหน้ามังกร กริดก็ไม่ต่างอะไรกับออร์คตัวหนึ่ง
เฉกเช่นที่ออร์คมิอาจสร้างความเสียหายให้กริดได้มากนัก กริดเองก็แทบจะทำอะไรบันเฮเลียร์ไม่ได้ แม้จะมีคุณสมบัติมองข้ามการป้องกันสัมบูรณ์ก็ตาม
‘…เปรียบกับออร์คก็เกินไปหน่อย เอาเป็นออร์คลอร์ดละกัน’
แต่ไม่ว่าจะเปรียบกับอะไร กริดก็ไม่เคยใกล้เคียงกับบันเฮเลียร์
อย่างไรก็ดี ในสถานการณ์ตรงหน้า มีบางปัจจัยต้องถูกนำมาคำนึง
อันดับแรก บันเฮเลียร์คือหนึ่งในมหามังกรต้นกำเนิด
เป็นตัวตนสุดแสนพิเศษ และยังเป็นมังกรที่ทรงพลังในหมู่มังกร
แต่ในทางกลับกัน อิฟริตไม่ใช่มังกรอาวุโส
ไม่เพียงกริดจะเพิ่งเคยได้ยินชื่อ แม้แต่ขนาดศีรษะของมันก็ยังเล็กกว่าบันเฮเลียร์ราวสองเท่า
เหนือสิ่งอื่นใด อิฟริตกำลังบาดเจ็บสาหัส
ทุกครั้งที่พ่นไฟ เลือดจะไหลออกจากปากและจมูก
จากการคาดคะเนของบีบัน มังกรบนทวีปตะวันออกคือพวกที่พ่ายแพ้ในการต่อสู้แย่งชิงรัง กับมังกรซึ่งมีลักษณะถิ่นที่อยู่ใกล้เคียงกัน จนต้องหลบหนีและหาแหล่งกบดาน จึงอาจตีความได้ว่า อิฟริตซมซานมายังทวีปตะวันออกหลังจากพ่ายแพ้ให้กับมังกรเพลิง ‘ทราวก้า’
อ่อนแอจนนำไปเทียบกับมังกรอาวุโสไม่ได้
‘แต่ก็ไม่ใช่แฮชลิ่ง’
เมื่อเทียบกับเนเฟลิน่า ร่างกายของอิฟริตใหญ่กว่าพอสมควร
เป็นศัตรูที่ไม่สามารถประมาท
แต่ถึงอย่างนั้น กริดมองเห็นความเป็นไปได้
สาเหตุสำคัญที่สุดก็คือ อิฟริตสูญเสียเหตุโดยสิ้นเชิง
ในทางสามัญสำนึก ไม่ว่าชิ้นส่วนพลังของบาเอลจะส่งกลิ่นหอมหวานเย้ายวนมังกรมากเพียงใด แต่ก็ไม่สมเหตุสมผลเลยที่มังกรบาดเจ็บ จะสิ้นสติโดยสมบูรณ์และอาละวาดเยี่ยงสัตว์ร้ายได้มากเพียงนี้
มังกรคือเจ้าแห่งเวทมนตร์ไม่ใช่หรือ
หากไม่นับนิสัยดุร้ายและเห็นแก่ตัว พวกมันฉลาดเป็นกรด
จริงอยู่ อาจมีมังกรบางตัวเจ้าอารมณ์เหมือนทราวก้า ผู้ระเบิดโทสะอย่างเกรี้ยวกราดหลังจากถูกบราฮัมปล้นรัง และเนอวาร์ธานที่ติดกับบาเอลจนต้องกลายเป็นมังกรคลั่ง แต่ก็ยังมีมังกรอีกมากที่เยือกเย็นและฉลาดหลักแหลมเหมือนกับมังกรจอมเขมือบ ไรเดอร์ส แม้สามัญสำนึกของพวกมันจะบิดเบี้ยวไปบ้างก็ตาม
‘ถ้าสิ้นสติขนาดนี้ก็หมายความว่า… อาการบาดเจ็บของมันแย่กว่าที่คิด’
ฆ่าได้แน่
ไม่สิ เราต้องฆ่าให้ได้
นี่คือโอกาสทองที่จะได้ครอบครองสมญานาม <นักล่ามังกร> ของจริง
‘เพื่อจะต่อกรกับบาเอล เราต้องแข็งแกร่งขึ้น’
เป็นการยากที่จะจินตนาการความแข็งแกร่งของบาเอล ตัวตนซึ่งสามารถ ‘ปั่นหัว’ มังกรอาวุโสได้ง่ายดาย
ในฐานะบุตรโดยตรงของยาธาน หนึ่งในเทพต้นกำเนิด บาเอลจะต้องมีอำนาจด้านอื่นอีกมากนอกเหนือจากทักษะและพละกำลัง
ไม่ต้องดูที่ไหนไกล ลำพังการป้ายสีให้ยาธานกลายเป็นเทพมารและบิดเบือนนรกจนปั่นป่วน ก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่า ศักยภาพของบาเอลนั้นใกล้เคียงกับความอนันต์
เหล่ามังกรล้วนทราบข้อเท็จจริงนี้ และอาจเป็นเหตุผลที่พวกมันหมกมุ่นอยู่กับชิ้นส่วนพลังของบาเอล
กริดทำการกางเขนแดนพายุเพลิงเทพ
“ช่วยปกป้องชิ้นส่วนพลังให้ดี”
กริดฝากฟังเฒ่าดาบมารด้านหลัง
เฒ่าดาบมารมิอาจระงับความตกตะลึง
‘บ้าน่า…’
ก่อนหน้านี้ กำแพงไฟลุกลามไปทั่วทั้งเมือง
ชาวเมืองจำนวนมากต้องเผชิญวิกฤติที่มีโอกาสเป็นตายเท่ากัน แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับความช่วยเหลือจากเฒ่าดาบมาร ทั้งที่มันยอมเสียสละตัวเองจนร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล
เป็นความรู้สึกอับจนหนทาง ภายในใจเกิดความสิ้นหวังอย่างรุนแรง
แต่เมื่อกริดสร้างเขตแดนพายุเพลิงสีแดงขึ้น ชาวเมืองทุกคนก็รอดพ้นจากวิกฤติทันที
กำแพงไฟจำนวนมากที่เคยลุกลามจนยากจะควบคุม ดับมอดลงในพริบตา เปลวไฟใหม่ที่ลุกท่วมขึ้นมาแทน ทำการโอบกอดผู้บาดเจ็บด้วยความอบอุ่นพร้อมกับมอบการรักษา
ร่างกายเฒ่าดาบมารสั่นสะท้านอย่างมิอาจหักห้าม
มันหวนนึกถึงโลกจินตภาพของฮวางกิลดงที่ตนเคยเห็น
โลกจินตภาพของฮวางกิลดงคือการสร้างร่างแยกออกมานับร้อย และกลุ่มเมฆอีกหลายพันก้อนเพื่อแยกยังบันออกจากกัน ในสายตาเฒ่าดาบมาร พลังชนิดนี้เรียกได้ว่าแทบจะไร้เทียมทาน
ทว่า โลกจินตภาพของกริดที่มันกำลังประจักษ์ แข็งแกร่งกว่าหลายเท่า
ทรงพลังจนไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นฝีมือของผู้เล่น
‘พลังจิต’ คือแนวคิดซึ่งแตกต่างจากพละกำลัง
สิ่งนี้เกิดจากการสั่งสมและขัดเกลาอย่างต่อเนื่อง
จึงไม่ควรเป็นไปได้ที่ผู้เล่นจะมีค่าพลังจิตสูงกว่า NPC พิเศษซึ่งดำรงชีวิตอยู่มานานนับร้อยปี
แต่ในวินาทีนี้ กริดแสดงให้เห็นแล้วว่ามันเหนือกว่า
นี่มิใช่สิ่งที่ได้รับมาด้วย ‘พรสวรรค์’
หากแต่เป็น ‘ประสบการณ์’
เพียงไม่กี่ปี กริดสามารถสั่งสมประสบการณ์ได้มากกว่าฮวางกิลดงผู้อาศัยบนโลกนี้มานานกว่าร้อยปี
‘เขาต้องเผชิญบททดสอบและผ่านความเป็นความตายมามากแค่ไหน…’
และข้ามผ่านมาได้มากเพียงใด?
เฒ่าดาบมารมิอาจกะเกณฑ์ได้ภายในเวลาอันสั้น
ทำได้เพียงเฝ้ามองแผ่นหลังกริดด้วยความริษยาพลางพยักหน้าหนักแน่น
“เข้าใจแล้ว ฉันจะปกป้องมันไว้”
ใจจริง เฒ่าดาบมารอยากตอบปฏิเสธ
ต้นตอของความวุ่นวายทั้งหมดคือไข่มุกเม็ดนี้
หากต้องการให้สถานการณ์สงบ ทางออกเดียวคือการทำลายไข่มุก
แต่ดูเหมือนว่า กริดกำลังวางแผนล่ามังกรโดยใช้ไข่มุกเป็นเหยื่อล่อ
เป็นแผนที่เสี่ยงมาก
หากพลาดพลั้ง ลูกแก้วจะตกไปอยู่ในมือมังกรและทำให้สถานการณ์เลวร้ายสุดขีด
ไม่ว่าจะมองมุมใด ทางออกที่ดีที่สุดคือการทำลายไข่มุกทิ้ง
ทว่า เฒ่าดาบมารเลือกที่จะเชื่อใจกริด
ราวกับตอบสนองความไว้วางใจดังกล่าว
ฟุ่บ!
กริดใช้ ‘เคลื่อนที่อิสระ’ พุ่งตัวข้ามสนามรบในพริบตา
หลังจากตีฝ่ายังบันซึ่งพยายามเข้าใกล้ไข่มุก ชายหนุ่มเข้าประชิดใต้คางอิฟริต
ฉากดังกล่าวสอนประสานกับเสียงเพลงธีมแสนอลังการจนดูเหมือนกับหลุดมาจากภาพยนตร์
‘บางที…’
ผู้เล่นอาจสร้างปาฏิหาริย์ได้ในวันนี้
<นักล่ามังกร> ที่กล่าวกันว่าไม่มีอยู่จริง กำลังจะถือกำเนิด?
เมื่อเห็นดาบสองเล่มในมือกริดแกว่งไกวเป็นเส้นแสง เฒ่าดาบมารเริ่มจินตนาการชมบทสรุปของเรื่องราว
ครืนนนนนนน!
ฟ้าดินกำลังสั่นสะเทือน
อิฟริตซึ่งถูกดาบสองเล่มที่ส่องสว่างของกริดฟันเข้าท้ายทอย ส่งเสียงร้องครวญครางพลางดิ้นทุรนทุราย
ทันทีที่ผืนดินถูกน้ำหนักหลายร้อยตันกดทับ หน้าดินบางส่วนยุบลง บางส่วนนูนหนึ่งประหนึ่งคลื่นยักษ์
เศษหินจำนวนมากกระจัดกระจายไปทุกทิศ ปลายทางคือศีรษะของชาวเมืองซึ่งเพิ่งเริ่มฟื้นตัว
“ชิ…!”
ใบหน้าของเฒ่าดาบมารซึ่งกำลังชื่นชมกริด พลันยับย่นประหนึ่งกระดาษขยำ
หน้าที่ของมันคือการคุ้มครองไข่มุก
จึงเป็นเรื่องเจ็บปวดอย่างมากที่มิอาจยื่นมือช่วยเหลือผู้คนซึ่งกำลังเดือดร้อน
ชิ้ง!
ความกังวลของมันต้องกลายเป็นหมัน
เคร้ง!
หัตถ์เทวะจำนวนมากพุ่งไปทางชาวเมืองพร้อมกับกลายร่างเป็นจักรกลเวทมนตร์
ไรเดอร์สหลายสิบลำซึ่งติดอาวุธชุดเกราะสีดำสนิท ใช้ร่างกายอันใหญ่โตของพวกมัน เป็นกำบังต่อต้านเศษหินจนแหลกเป็นผุยผง
จากนั้น
ชิ้ง! ชิ้ง!!
พวกมันชักหอกออกมาถือ
ฟ้าว!
ด้วยการพุ่งตัวพริบตาเดียว จักรกลเวทมนตร์ทุกลำลัดผ่านระยะทางหลายร้อยเมตร เข้าประชิดตัวอิฟริตได้ในทันที
โฮกกกกก!
อิฟริตคร่ำครวญอีกครั้ง
ดาบหนักกูเซลซึ่งถือกำเนิดจากการสังหารมังกร และดาบมังกรเพลิง กระหน่ำฟาดลงบนร่างอิฟริตหลายสิบหน ผสมผสานเข้ากับการล้อมโจมตีทุกทิศจากไรเดอร์ส จักรกลเวทมนตร์ซึ่งถูกพัฒนาให้เป็นอาวุธต่อต้านมังกร
ฉูด!
“…!?”
เลือดอิฟริตกระเซ็นลงบนชุดเกราะกริดและเริ่มกัดกร่อน มันทะลุผ่านผิวหนัง ละลายกระดูก ระเหยเลือด
แต่กริดมิได้กำลังตื่นตระหนักกับการตอบโต้ที่คาดไม่ถึงครั้งนี้
หากแต่เป็นหลอดพลังชีวิตของอิฟริตซึ่งกำลังลดฮวบจนผิดธรรมชาติ
แม้ว่าท่ารำดาบผสาน ‘ห้าชนิด’ ทั้งสามแบบจะเปิดหัวด้วยคริติคอลทั้งหมด แต่มังกรตรงหน้าก็ไม่ควรจะตกอยู่ในสภาพเจียนตายเร็วเช่นนี้
ต่อให้อิฟริตบาดเจ็บสาหัส แต่นี่ก็ยังแปลกเกินไป
‘หมายความว่ายังไง…’
จริงอยู่ที่กริดแข็งแกร่งมาก โดยเฉพาะด้านการโจมตี ชายหนุ่มสามารถโค่นจอมอสูรลำดับสี่ คามิคินได้ภายในไม่กี่นาที
แต่ก็ไม่ควรนำคามิคินไปเทียบกับมังกรบาดเจ็บ
‘มีบางอย่างไม่ถูกต้อง’
ขณะกริดเริ่มฉุกคิดได้
ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก! ฉึก!
เมื่อไรเดอร์สหลายสิบลำกระหน่ำแทงหอกจนอิฟริตกลายเป็นเม่น ร่างกายขนาดมหึมาของมันพลันแปรสภาพเป็นก้อนเนื้อและหดตัวกระชับ
กริดเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง
นั่นเพราะร่างกายอิฟริตเริ่มสว่างวาบและค่อยๆ เลือนหาย
คล้ายกับกำลังดูภาพโฮโลแกรม
“หุ้มมันไว้…!”
บรรดาไรเดอร์สตอบสนองคำสั่งด่วนของกริดในทันที พวกมันพุ่งเข้าประชิดก้อนแสงพร้อมกับใช้ร่างกายตัวเองห่อหุ้มรอบอิฟริต
กริดชุนโปไปหาเฒ่าดาบมาร
จากนั้นก็กระแทกดาบใส่ชิ้นส่วนพลังของบาเอลที่เคยขอให้อีกฝ่ายช่วยปกป้อง
แต่ก็ไม่ทันการ
บึ้มมมมมมมม—!
อิฟริตระเบิดตัวเอง
เป็นแรงระเบิดอันหนักหน่วงจนไรเดอร์สหลายสิบซึ่งห่อหุ้มมันไว้ กระเด็นกระดอนไปทุกทิศ
กริดหูอื้อทันที
ราวกับโลกทั้งใบถูกความเงียบสงัดปกคลุม
ขณะเดียวกัน ฉากการกลายเป็นเถ้าถ่านของตึกรามบ้านช่องรอบเมือง ถูกสลักลงในดวงตาอย่างแจ่มชัด
“…!!”
มันเห็นเฒ่าดาบมารตะโกนบางสิ่งด้วยสีหน้าตกตะลึง แต่ร่างของอีกฝ่ายก็ค่อยๆ ลอยออกไปจนพ้นเขตเมือง
สถานการณ์ฝั่งกริดก็ไม่ต่าง ชายหนุ่มถูกแรงระเบิดพัดกระเด็นไปหลายก้าว
สายตาหันไปมองดาบที่เคยเล็งแทงไข่มุกดำ
ไข่มุกค่อยๆ ลอยออกห่าง
ฉากที่ไข่มุกไม่ได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดแม้แต่น้อย สร้างความรำคาญใจให้กริดเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มรู้สึกราวกับตนได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของบาเอลดังกังวานภายในห้วงโสตประสาท
> สิ่งมีชีวิตที่มีอายุขัยเพียงพริบตาเดียว ช่างบังอาจนัก…
สุ้มเสียงหนึ่งทะลวงผ่านภาวะพิการทางการได้ยินของกริด
เป็นเสียงซึ่งอัดแน่นด้วยความสูงส่ง
คล้ายกับดังมาจากจุดห่างไกล ดังจากด้านบน ดังจากทางขวา ดังจากใต้ดิน หรือดังจากด้านหลัง ยากที่จะระบุตำแหน่งได้ชัดเจน
กริดทราบได้โดยสัญชาตญาณ
นี่คือตัวจริง
ตัวจริงของอิฟริต
ฟ้าว!
ท้องฟ้ามืดครึ้มประหนึ่งยามวิกาลมาพร้อมกับแรงกดดันมหาศาล
กริดแหงนหน้าขึ้นไปมองและพบมังกรตัวหนึ่งกำลังร่อนลง
ตัวตนซึ่งขยับเข้าใกล้ผืนดินทีละนิด ปกคลุมทัศนวิสัยของกริดอย่างท่วมท้น
นี่คือเจตนาของอิฟริต มันรู้จักการใช้ร่างกายข่มขวัญ
> ภาพลวงตาของข้าอาจไม่แข็งแกร่งเท่าตัวจริง… แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะทำให้มันระเบิดตัวเองได้…
ซู่วววว—
เศษเสี้ยวของภาพลวงตาซึ่งระเบิดกระจายไปทุกทิศ ทยอยบินกลับมารวมตัวกับร่างต้น
เกล็ดสีแดงของอิฟริตกลายเป็นสีแดงสด เปลวไฟกองใหญ่ลุกลามเป็นวงกว้างใต้ฝ่าเท้าขณะอิฟริตร่อนลงพื้น
นี่คือพลังเขตแดน
ทรงอำนาจตามระดับตัวตนซึ่งสั่งสมมานานหลายปี
พายุเพลิงเทพของกริดบางส่วนที่อยู่ในขอบเขตดังกล่าว มีอันต้องสลายไปในพริบตา
ปึด! เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนใบหน้ากริด
‘เราโอหังเกินไป’
น่าจะฉุกคิดถึงความไม่ชอบมาพากลให้รอบคอบเสียก่อน และควรสลัดความโลภทิ้ง เลือกทางที่ปลอดภัยที่สุดอย่างการทำลายไข่มุกสีดำ
‘แต่ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว… เราต้องอัญเชิญอัครสาวกเพื่อเพิ่มโอกาสชนะ’
แน่นอน กริดกังวลว่าอัครสาวกอาจได้รับอันตราย แต่ลำพังตัวมันเอง ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะฝ่าอิฟริตเข้าไปทำลายชิ้นส่วนพลังของบาเอล
ใบหน้าของอิฟริตขยับเข้าใกล้จมูกกริด ผู้กำลังฝืนเก็บซ่อนความรู้สึกนึกเสียดาย
เกล็ดทุกเกล็ดบนแผงคอคมกริบราวกับใบดาบ
> …เป็นเจ้านี่เอง
“…?”
จิตสังหารอันเข้มข้นของอิฟริตซึ่งมาพร้อมกับอาการผิดปรกติ เลือนหายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก
แน่นอนว่ากริดอ่านสีหน้ามังกรไม่ออก แต่ดวงตาอีกฝ่ายเผยความสนใจอย่างชัดเจน
> พลังที่ก้าวข้ามกาลเวลา… เจ้าคือเทพโอเวอร์เกียร์สินะ…
“รู้จักฉันด้วย…?”
> เรื่องราวของเจ้าแพร่สะพัดไปทั่ว จะไม่รู้จักได้อย่างไร? ได้พบกันเช่นนี้นับว่าประจวบเหมาะ…
ขณะกล่าว ดวงตาอิฟริตพลันสั่นระริก
“ใครมันบังอาจสร้างความวุ่นวายภายในดินแดนของท่านฮานึล”
พุงซา อูซา อึนซา
สามซาผู้รับใช้ฮานึล กำลังร่อนลงมาพร้อมกับเมฆสีทอง
คุ้มกันโดยมีร์ผู้ถือดาบสีครามไว้ในมือข้างหนึ่ง
ใช่แล้ว
ที่นี่คือทวีปตะวันออก
แถมยังเป็นคายา
ดินแดนในการปกครองของเทพตกสวรรค์
ไม่มีทางที่พวกมันจะไม่สังเกตเห็นความโกลาหลครั้งใหญ่
อิฟริตเสนอทางเลือกให้กริดซึ่งกำลังสับสน
> จงเลือกมา เจ้าจะช่วยให้ข้าดูดซับพลังของบาเอล หรือจะสร้างอาวุธใหม่ด้วยกระดูก หนัง และเลือดของข้า
“หมายความว่ายังไง…”
> ข้าไม่มีเวลาอธิบาย เอาแบบนี้ก็แล้วกัน…
“…!”
ดวงตากริดพลันเบิกกว้าง
นั่นเพราะอิฟริตทำการกระชากแขนข้างหนึ่งของตนออกและโยนให้กริด
> เจ้าควรทราบเอาไว้ การฆ่ามังกรจะทำให้เจ้าได้รับคำสาปชั่วชีวิต คำสาปซึ่งเปรียบดังโซ่ตรวนที่คอยเหนี่ยวรั้งพัฒนาการ จงอย่าได้ลืมว่า นักล่ามังกรเพียงคนเดียวบนโลกมีชะตากรรมต้องคอยซ่อนตัวจากพวกเรา จงละทิ้งความหมกมุ่นนั่นและร่วมมือกับข้าเสียเถิด
[ภารกิจลับที่เหนือความคาดหมายถูกสร้างขึ้น!]
[จงสร้างศาสตรามังกรให้เสร็จภายใน 30 นาทีข้างหน้า! หากล้มเหลว ท่านจะเสียชีวิตภายใต้เงื้อมมือของสามซา!]
“ด…เดี๋ยว! นี่มันเรื่องอะไร…”
เรื่องราวดำเนินไปในทิศทางสุดแปลกประหลาด
กริดส่ายหน้าพลางรีบดึงเตาหลอมชนิดพกพาออกจากช่องสัมภาระ
ในวินาทีที่สามซาเริ่มร่ายคาถาบางอย่าง บริเวณโดยรอบก็ตกอยู่ภายใต้กฎ ‘ห้ามเดินทางผ่านมิติ’ ทันที
เนื่องจากเป็นเวทมนตร์ซึ่งถูกใช้งานโดยสามเทพ พลังอำนาจจึงเข้มงวดและรุนแรง
ไม่จำกัดเพียงการใช้งานม้วนคาถาพากลับ แต่ยังรวมถึงชุนโป และพลังอัญเชิญทุกชนิด
กริดมิอาจเรียกใครมาช่วยได้
และบางที ระบบ ‘กลับจุดเซฟฉุกเฉิน’ ของซาทิสฟายก็อาจไม่ได้ผลเช่นกัน
กล่าวคือ มันไม่มีทางเลือกนอกจากทำตามที่อิฟริตบอก
‘อย่างน้อยก็ได้สร้างศาสตรามังกรฟรี’
อนึ่ง คำเตือนเกี่ยวกับคำสาปมังกรก็ฟังขึ้น
เมื่อลองไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน หากกริดในปัจจุบันกลายเป็นนักล่ามังกร โทษจะมีมากกว่าประโยชน์
ต้องไม่ลืมว่า ฮายาเตะเคยเสียสละตัวเองเพื่อเปลี่ยนมหากาพย์ที่กริดประกาศสงครามกับมังกร ให้กลายเป็นความลับที่ไม่มีใครได้ยิน
‘ต้องสงบจิตใจและวางแผนอย่างเยือกเย็น’
ขณะกริดสูดลมหายใจยาว
ซู่ว!
เตาหลอมชนิดพกพา ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟอันร้อนแรงแบบเดียวกับเตาหลอมใหญ่พิเศษในไรน์ฮาร์ท
ต้องขอบคุณลมหายใจของอิฟริต
กริดปราศจากความลังเลทันที
ฉึบ!
ชายหนุ่มลอกหนังออกจากท่อนแขนอิฟริต หลังจากเฉือนเนื้อออก กระดูกและเล็บทั้งหมดถูกโยนเข้าไปในเตาหลอม
Comments
Post a Comment