จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,557



“การปล่อยพวกนั้นกลับไปโดยไม่ตรวจสอบ เป็นเรื่องที่ดีแน่แล้วหรือ?”


พังหลังมานี้ กษัตริย์โชมีโอกาสได้สื่อสารกับเทพผู้พิทักษ์แห่งดินแดน ฟีนิกซ์แดง


ฟีนิกซ์แดงซึ่งเกิดจากความปรารถนาอันแรงกล้าของชาวอาณาจักรโช ย่อมตอบสนองต่อสายเลือดราชวงศ์โชโดยธรรมชาติ


แต่ถึงอย่างนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่ายก็ยังต้องใช้สะพาน และสะพานนั้นคือกริด


กษัตริย์โชซึ่งคอยสนับสนุนกริดทำสงคราม ได้รับความชื่นชอบจากฟีนิกซ์แดง


ด้วยเหตุนี้ มันจึงได้ทราบว่าทหารบางส่วนที่กลับจากสงครามคืออสูร มิใช่มนุษย์


แต่มันก็ยังส่งกลับไป


กษัตริย์โชแสร้งหลับตาหนึ่งข้าง ให้กับทหารที่ทุกข์ทรมานจากพลังเทพของฟีนิกซ์แดงจนรีบหนีออกไป


นั่นเพราะมันได้รับคำแนะนำจากกลุ่มฮวัลบินดัง


“ฝ่าบาทอย่าได้กังวล ในเวลานี้ ท่านผู้นำจะต้องซุ่มจัดการพวกมันจนราบคาบแล้วแน่นอน พวกเราวางกับดักมานานกว่าสองสัปดาห์แล้ว”


ฮวัลบินดังเป็นกลุ่มผดุงคุณธรรม


พวกมันคอยปล้นกลุ่มคนซึ่งร่ำรวยจากอำนาจของยังบัน และกระจายต่อไปยังชุมนุม ขณะเดียวกันก็คอยเผยแผ่ตำนานที่แท้จริงของทวีปตะวันออก สอนให้คนรู้ว่าเทพที่แท้จริงหรือผู้พิทักษ์สี่ทิศ


แม้จะไม่เคยสำเร็จงานใหญ่ แต่จำนวนชาวเมืองที่เคยช่วยไว้ก็ไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสอง กระทั่งจักรราศีก็ยังได้รับการปลอบประโลมจากพวกมัน


ความสำเร็จของผู้นำกลุ่ม ฮวางกิลดง นั้นน่าทึ่งมาก มันฆ่ายังบันไปหลายราย ทำให้แผนการของอาณาจักรฮวานกลายเป็นหมันไปไม่น้อย อย่างเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งมีส่วนสำคัญกับการคืนชีพให้เทพเต่าดำ


กษัตริย์โชเชื่อใจฮวัลบินดัง


“อา… ในเมื่อฮวางกิลดงลงมือเองเช่นนี้ เราก็วางใจ”


ความเสี่ยงจะมีมากเกินไปหากกษัตริย์โชคิดรับมืออสูรด้วยตัวเอง


อสูรแต่ละตนมีพลังแตกต่างกัน จึงเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาความสามารถได้ครอบคลุมและวางแผนรับมือ มีโอกาสสูงที่จะเกิดตัวแปรไม่คาดฝัน ส่งผลให้ลำพังกองทัพอาณาจักรยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะรับมือกับกลุ่มอสูรโดยไม่เกิดความเสียหาย


ในทางกลับกัน ฮวางกิลดงแข็งแกร่งมาก ผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน


แผนการซึ่งจะแบ่งอสูรออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ คือฝั่งคายาและปา และแยกกำจัด ฟังดูมีโอกาสสำเร็จสูงมากทีเดียว


บางที ตอนนี้พวกอสูรอาจถูกกำจัดไปหมดแล้ว


ขณะกษัตริย์โชกำลังรอคอย


“…?”


สีหน้าของสมาชิกกลุ่มฮวัลบินดังซึ่งได้รับข่าวด่วนจากพิราบสื่อสารที่เพิ่งบินมาถึง พลันแข็งทื่อ


“เกิดอะไรขึ้น”


กษัตริย์โชไม่กล้าถามว่า ‘ผิดแผนงั้นหรือ?’


ด้วยเกรงว่านั่นจะกลายเป็นความจริง


แล้วสิ่งที่กลัวก็เกิดขึ้น


“…พวกเขาแจ้งว่า มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น”


คนของกลุ่มฮวัลบินดังมอบคำตอบที่เลวร้ายที่สุด


“มีโอกาสสูงที่อสูรจะตกอยู่ในมือยังบัน…”


***


แอ็กนัสยังคงมั่นใจในฝีมือ


แม้เลเวลจะลดลงอย่างมาก แต่ลันเทียร์ก็แข็งแกร่งขึ้นมากเช่นกัน จนถึงระดับที่สามารถจัดการไฮแรงเกอร์หลายคนได้ตามลำพัง


นอกจากนั้น แอ็กนัสยังสืบทอดพลังบางส่วนจากมาร์บาส


ส่งผลให้จำนวนสัตว์อัญเชิญเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากเมื่อก่อน


สาเหตุที่มันล้มเหลวครั้งแล้วครั้งเล่าในระยะหลัง เป็นเพราะคู่ต่อสู้เลวร้ายเกินไป


โดยเฉพาะด้านฝีมือ


เฟคเกอร์แข็งแกร่งจนเข้าขั้นน่าสะพรึง


ทักษะเคลื่อนเงาทำให้เฟคเกอร์ไปได้ทุกหนแห่งประหนึ่งโบยบินบนท้องฟ้า คมดาบของกองทัพอันเดดนับพันก็มิอาจกีดขวางการเข้าประชิดตัวของเฟคเกอร์ได้


ง่ายดายประหนึ่งเฟคเกอร์เดินออกจากบ้านตัวเอง


นอกจากนั้น เฟคเกอร์ยังมีเครือข่ายข้อมูลอันยอดเยี่ยมจากหน่วยโอเวอร์เกียร์เงา ซึ่งมิอาจกะเกณฑ์จำนวนคนได้แน่ชัด


เรียกว่าแพ้ทางเต็มประตู


อาจจะฟังดูเกินจริงไปสักนิด แต่แอ็กนัสกลัวเฟคเกอร์พอๆ กับกริด


นี่มิได้หมายความว่าขุนพลของอื่นของโอเวอร์เกียร์อ่อนแอ


แอ็กนัสมองไม่เห็นลู่ทางที่จะอาละวาดในเขตอิทธิพลของโอเวอร์เกียร์แม้แต่น้อย


มันคอยเตือนตัวเองในเรื่องนี้เสมอ


และวางแผนไว้ว่า เวทีสำหรับกิจกรรมถัดไปของตนจะเป็นทวีปตะวันออก


แอ็กนัสต้องการเวลาเพื่อเติบโต


มันตั้งใจอย่างแน่วแน่ ที่จะกัดฟันทนไปจนกว่าบาเอลจะล่ามาร์บาสสำเร็จ และระเบิดศักยภาพในตัวมันอย่างก้าวกระโดด


หากวันใดที่เติบโตมากพอ เป้าหมายแรกที่แอ็กนัสจะทำให้สำเร็จก็คือ


‘ถอนลิ้นของเซพาเดียออกมา’


เพื่อล้างแค้น


แอ็กนัสไม่คิดนิ่งดูดายกับความอับอายและการดูแคลนจากเซพาเดียตลอดไม่กี่เดือนหลัง


ความเคียดแค้นที่มีต่อเซพาเดีย ยิ่งกว่าที่มันมีให้เฟคเกอร์


เป็นเรื่องธรรมดา


เฟคเกอร์และกิลด์โอเวอร์เกียร์เป็นศัตรูกับแอ็กนัส


แถมฝ่ายที่หาเรื่องก่อนก็ยังเป็นแอ็กนัส


กล่าวอีกนัยหนึ่ง ความอัปยศที่แอ็กนัสได้รับจากกิลด์โอเวอร์เกียร์ เกิดขึ้นเพราะมันรนหาที่เอง


แต่ในทางกลับกัน เซพาเดียเป็นใคร?


เป็นพวกพ้อง


แม้จะน้อยครั้ง แต่ก็พอจะมีอยู่บ้างที่เซพาเดียแสดงความชอบในตัวแอ็กนัส


แอ็กนัสจึงพยายามให้มากขึ้น


แต่เมื่อยิ่งล้มเหลว ถ้อยคำทับถมจากเซพาเดียก็ยิ่งรุนแรง แอ็กนัสจึงพยายามให้มากขึ้นเพื่อลบข้อครหา


กลายเป็นการโหยหาการถูกยอมรับโดยไม่รู้ตัว


แต่ในท้ายที่สุด แอ็กนัสทำงานพลาด


ท่าทีตอบสนองของเซพาเดียนั้นเลวร้ายมาก


มันดูแคลนแอ็กนัสที่ยิ่งดิ้นรนก็ยิ่งล้มเหลว ถ้อยคำเกลียดชังและเสียดสีดังขึ้นไม่หยุด


จนไปกระตุ้นความบอบช้ำสมัยอดีตของแอ็กนัส


คล้ายกับกลุ่มอันธพาลที่เคยทำให้มันต้องทุกข์ทรมานและโกรธจนตัวสั่น


ใช่แล้ว


แอ็กนัสหมกมุ่นอยู่แต่กับเซพาเดีย


เฉกเช่นเมื่อหลายปีก่อนที่เคยหมกมุ่นอยู่กับการคืนชีพให้อดีตคนรัก ปัจจุบันมันกำลังหมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้น


มันสามารถวางทุกสิ่งไว้ก่อนจนกว่าจะได้สะสางกับเซพาเดีย


นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินทางไปยังทวีปตะวันออกด้วยความระมัดระวัง


ทว่า ช่างน่าเสียดาย มีสัตว์ประหลาดคอยถ่วงแข้งขาแอ็กนัสอีกครั้ง


เปรี้ยง!


“…!”


ร่างลันเทียร์ลอยขึ้นฟ้า มันมิอาจต้านทานความทรงพลังของดาบจากเฒ่าดาบมาร โดยวินาทีถัดมา ลันเทียร์รีบใช้เคลื่อนเงาเพื่อเปลี่ยนตำแหน่งไปโผล่ด้านหลังเฒ่าดาบมาร แต่นั่นก็ยังถูกอ่านออก


ดาบของเฒ่าดาบมารฟันใส่ชายโครงลันเทียร์อย่างจัง


“คิดว่าฉันไม่รู้จักสันดานนักลอบสังหารรึไง”


เฒ่าดาบมาร เจ้าของดวงตาสีฟ้าที่กำลังเปล่งจิตสังหาร


ฉากตรงหน้าทำให้ผู้คนทราบทันที แก่นแท้ของชายคนนี้คือนักลอบสังหาร


ดาบหนักซึ่งถูกสับลงมาอย่างมั่นคง เกิดปกปิดตัวตนของมันกลางคัน หรือในบางครั้ง รูปแบบการฟันที่สวิงสวาย กลับแปรเปลี่ยนเป็นการฟันอย่างซื่อตรงจนยากจะคาดเดาทิศทาง


‘เลือกสายคลาสแปลกมาก’


ในวินาทีนี้ แอ็กนัสได้ตระหนักถึงจุดแข็งที่สุดของคลาสทั่วไป


การ ‘เลือกสายคลาส’ ซึ่งจะเกิดขึ้นในทุกหนึ่งร้อยเลเวล


หากปรับแต่งคลาสของตัวเองอย่างมีจินตนาการ ก็สามารถกลายเป็นเหมือนกับสัตว์ประหลาดตรงหน้าได้


‘เลือกสายวางกับดักเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้วิชาดาบ มากกว่าจะเลือกสายลอบสังหารหรือการใช้อุปกรณ์?’


แอ็กนัสหันมาสนใจความเฉพาะตัวของสายคลาสที่เฒ่าดาบมารเลือก


มันพิจารณาว่า ในอนาคตตนควรทดลองเปลี่ยนสายคลาสให้ทหารโครงกระดูกดูบ้าง


ถือเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้แอ็กนัส


นี่คือเบาะแสสำคัญสำหรับพัฒนาการในอนาคตของมัน


แต่มิใช่สิ่งที่น่ายินดีในปัจจุบัน


ฉัวะ!


เสื้อคลุมของแอ็กนัสถูกมือของเฒ่าดาบมารฉีกขาด


ถือเป็นโชคดี เพราะถ้าเสื้อคลุมไม่ขาด ร่างของมันจะถูกทุ่มลงไปกับพื้นแทน


‘การใส่ของถูกๆ ก็มีประโยชน์ในบางครั้ง’


หนึ่งในจุดอ่อนของผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลคือการถูกตัดขาดจากอารยธรรม


เนื่องจากมีค่า ‘กรรมชั่ว’ สูง กิจกรรมทางสังคมตามปรกติแทบเป็นไปไม่ได้


ยิ่งเวลาผ่านไป สิทธิ์ทางสังคมก็ถูกลิดรอน จนไม่สามารถใช้ได้แม้กระทั่งร้านค้า


กล่าวคือ หากต้องการไอเท็ม แอ็กนัสจะต้องปล้น ดรอป หรือซื้อขายกับผู้เล่นโดยตรงเท่านั้น


แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่เกลียดแอ็กนัส


การทำธุรกิจกับคนที่เกลียดไม่ใช่เรื่องง่าย หรือต่อให้มีก็จะถูกโขกราคาเป็นเท่าตัว


สิ่งนี้เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับแอ็กนัส ผู้มีรายได้ไม่สูงนักเนื่องจากถูกตัดสิทธิ์ในกิจกรรมเชิงพาณิชย์


ในอดีต มันเคยพึ่งพาบริการเว็บไซต์เพื่อขายไอเท็มดรอปเป็นเงินสด แต่ยิ่งเวลาผ่านไปก็ยิ่งทำได้ยาก


เมื่อไม่สามารถออกรายการทีวีหรือถ่ายโฆษณาได้เหมือนแรงเกอร์ทั่วไป แหล่งการเงินเดียวของแอ็กนัสจึงมาจากการเก็บเลเวล แต่ในระยะหลัง มันแทบไม่มีโอกาสได้เก็บเลเวลอย่างจริงจัง


ดังนั้น แอ็กนัสจึงกำลังแต่งกายด้วยอุปกรณ์คุณภาพต่ำ


อาวุธชุดเกราะล้วนเป็นเกรดทั่วไปและแรร์ เนื่องจากไม่มีเงินซื้ออุปกรณ์สำรองในกรณีที่เลเวลลดจนสวมใส่ไอเท็มหลักไม่ได้


เฒ่าดาบมารไม่ชอบใจในสภาพที่แอ็กนัสเป็นอยู่


“ทั้งที่ฆ่าคนไปมากมาย แต่กลับยังมีสภาพเยี่ยงหมาจนตรอกเช่นนี้… กำลังเล่นตลกอะไรอยู่? คิดจะทำให้ชีวิตมากมายที่ตายไป สูญเปล่าจนถึงที่สุดเลยหรือไง!!”


“…”


เหตุผลของความโกรธ ฟังดูค่อนข้างไร้สาระ


ถึงจุดที่แอ็กนัสรู้สึกว่าตนไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม


แต่มันก็มิได้โต้แย้ง


ต้นตอความโกรธของอีกฝ่ายมาจากการสูญเสียคนสำคัญ


เมื่อคำนึงถึงประเด็นดังกล่าว มันหมดอารมณ์จะตอบโต้


‘เราผิดเอง’


แม้จะจะอาจย้อนเวลากลับไปแก้ไข แต่แอ็กนัสยังคงนึกทบทวนความผิดในอดีต


แอ็กนัสซึ่งรังเกียจตัวเองสมัยก่อน ทำได้เพียงยิ้มอย่างขื่นขม


เป็นการหัวเราะเยาะตัวเอง แต่เฒ่าดาบมารย่อมไม่ทราบ


ความชั่วทั้งหมดของแอ็กนัสในอดีต เกิดจากความแค้นและความเกลียดชังที่มันมีต่อโลกใบนี้


แต่น่าเสียหาย ไม่มีใครบนโลกได้รับรู้ว่า นิสัยดังกล่าวของแอ็กนัสเลือนหายไปพร้อมกับความบ้าคลั่ง


“แกมันสวะ!!”


“เข้าใจถูกแล้ว”


แอ็กนัสซึ่งน้อมรับคำวิจารณ์ เปิดใช้งาน ‘เสียงเย้ยหยันของเบนทาโอ’


ยังมีความพยายามที่จะพลิกสถานการณ์


แต่ก็เปล่าประโยชน์


ทักษะเก่าๆ ของแอ็กนัสถูกเปิดเผยสู่สาธารณะนานแล้ว


กล่าวคือ ยิ่งพ่ายแพ้ มันก็ยิ่งอ่อนแอ


ชิ้ง!


เฒ่าดาบมารซึ่งคาดการณ์ล่วงหน้า เปิดใช้งานของวิเศษที่ช่วยลบล้างของผลทักษะหนึ่งครั้ง


หลังจากประเคนเข่าใส่ดั้งแอ็กนัส เฒ่าดาบมารหมุนตัวและใช้ขาเกี่ยวแอ็กนัสทุ่มลงพื้น


แอ็กนัสไม่แม้แต่จะส่งเสียงร้อง


วินาทีถัดมา ด้วยทัศนวิสัยพร่ามัว มันเห็นดาบของเฒ่าดาบมารสอดเข้ามาในหัวใจ


‘…คงเป็นกรรมสินะ’


แม้แต่ในตอนที่บ้าคลั่งเต็มตัว แอ็กนัสก็ยังพอจะมีสติอยู่บ้าง เช่นการปฏิเสธภารกิจสังหารผู้คนจำนวนมหาศาลของบาเอล เป็นศีลธรรมแบบครึ่งๆ กลางๆ ที่ไม่มีความหมายอะไรนัก


ถึงจะทำให้ผู้สูญเสียลดจากหลักล้านเหลือหลักแสน แต่ฆาตกรก็ยังเป็นฆาตกร


ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันฆ่าคนอื่นโดยไม่จำเป็น


ในทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเดินทางไปยังแห่งหนใด แต่ก็ต้องได้พบกับคนหรือสองคนที่กำลังเคียดแค้นแอ็กนัส


หากไม่อยากเผชิญเหตุการณ์ทำนองนี้ตั้งแต่ต้น ศีลธรรมในอดีตก็ไม่ควรจะเกิดขึ้นแบบครึ่งๆ กลางๆ


‘…เดี๋ยวสิ เรากำลังทำบ้าอะไรอยู่’


ชายที่ชื่อแอ็กนัสเป็นคนแบบไหน?


แอ็กนัสถามตัวเอง แต่ก็ไม่พบคำตอบ


มันกำลังใช้อดีตอันเลวร้ายในความทรงจำมาสร้างเป็นมโนภาพว่า ตนคือชายผู้มีจิตใจงดงามแต่ถูกโลกนี้ทำให้แตกสลาย


แอ็กนัสเพียงมั่นใจว่า ตนเกลียดชังตัวเองในอดีต แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเนื้อแท้ของตนเป็นคนเช่นไร


ผ่านไปครบห้าวินาที


เฒ่าดาบมารยังคงไม่ปล่อยวาง


มันยังคงกำดาบที่เสียบหัวใจแอ็กนัสไว้แน่น ดวงตาจดจ้องใบหน้าอีกฝ่ายไม่กะพริบ โดยระหว่างนั้นก็ปล่อยให้ลันเทียร์โจมตีใส่


ทันใดนั้นเอง


“หยุด”


ร่างจำนวนมากโผล่ขึ้นรอบตัวเฒ่าดาบมาร


ยังบันเข้าแทรกแซงเหตุการณ์


ขณะเฒ่าดาบมารต่อสู้กับแอ็กนัส เหล่าอสูรที่หลบหนีมา ต่างถูกจับมัดไว้ด้วยกันเป็นพวงยาว


“เราจะดูแลเจ้านี่เอง”


ใบหน้าของเฒ่าดาบมารพลันยับย่นประหนึ่งกระดาษถูกขยำ มันพยายามใช้พละกำลังทั้งหมดเพื่อกำดาบให้แน่นที่สุด โดยหวังว่าประกันชีวิตของแอ็กนัสซึ่งเหลือไม่ถึงหนึ่งวินาที จะหมดลงโดยเร็ว


แต่ท้ายที่สุดก็มิอาจต้านทาน


มันถูกยังบันรุมโจมตีจนกระเด็นออกจากแอ็กนัส


ยังบันเหยียดแขนออกไปหาแอ็กนัสซึ่งบัฟประกันชีวิตอมตะหมดลงพอดี


“พลังของเจ้าช่างน่าสนใจ มาร่วมมือกับเรา จนกว่าเราจะหาวิธีใช้งานเจ้า…”


ดวงตาของยังบันที่กำลังพูดพลันเบิกกว้าง


ฉูด—!


เลือดสดของแอ็กนัสพวยพุ่งประหนึ่งดอกไม้ไฟจนบนใบหน้าพวกมันเปียกโชก


เฒ่าดาบมารถูกดวงตาที่สั่นเทาจับจ้องโดยพร้อมเพรียง


“ชอบดูถูกมนุษย์ดีนัก”


เหตุไม่คาดฝันจากความประมาท


ขณะโทสะของยังบันกำลังระเบิดปะทุ


“อ๊ากกกก!!”


แอ็กนัสซึ่งพยายามใช้พลัง ‘กลายเป็นอันเดด’ เพื่อชะลอความตาย เกิดทำไม่สำเร็จ และยังมีบางสิ่งลอยขึ้นจากร่างกาย


เป็นไข่มุกสีดำแวววาว


ข้อความระบบจำนวนหนึ่งผุดขึ้นตรงมุมสายตาแอ็กนัสที่กำลังตื่นตระหนก


[บาเอลสัมผัสถึงความตายของท่าน บาเอลได้ทำลาย ‘ความสนใจ’ อันน้อยนิดที่หลงเหลือในตัวท่าน]


[พันธสัญญากับบาเอลถูกฝืนยกเลิก]


[คลาส <ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล> หายไป]


[สมญานาม ทักษะ และค่าสถานะทุกชนิดที่สืบทอดจากบาเอลจะหายไป]


“…!”


“…!”


เหล่ายังบันต่างพากันเหยียดแขนในลักษณะรุมแก่งแย่งบางสิ่ง


ความสนใจในตัวเฒ่าดาบมารอันตรธานหายโดยสิ้นเชิง เฉกเช่นเหล่าอสูรจำนวนมากที่เพิ่งจับมาได้


ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น


เพราะตัวตนที่แท้จริงของไข่มุกสีดำ ซึ่งกำลังปรากฏในสายตาเฒ่าดาบมาร ชื่อของมันคือ <ชิ้นส่วนพลังของบาเอล>


‘มีเรื่องบ้าๆ แบบนี้เกิดขึ้นได้ยังไง…’


เฒ่าดาบมารยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น


แต่มันสัมผัสได้โดยสัญชาตญาณ


ถึงความจริงที่ว่า ไข่มุกเม็ดดังกล่าวไม่ควรตกอยู่ในมือยังบันด้วยประการทั้งปวง


แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้


[ท่านเสียชีวิต]


เพราะตนได้ตายไปแล้ว


ขณะแอ็กนัสและเฒ่าดาบมารเสียชีวิตด้วยใบหน้าเหม่อลอย และยังบันกำลังแก่งแย่งประหนึ่งเปรตรุมขอส่วนบุญ


เงาดำปกคลุมท้องฟ้าจนมืดมิดประหนึ่งฉากในละครตลก


สิ่งมีชีวิตซึ่งร่างกายใหญ่โตพอจะปกปิดผืนนภา


มังกร สายพันธุ์ผู้อยู่เหนือสรรพสัตว์ทั้งปวง


______________

ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★

ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/

#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ


Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00