จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,559



จงสัมผัสถึงข้า


จงเฝ้ามองข้า ปรารถนาข้า กลืนกินข้า และทำให้ข้าเป็นของเจ้า


เจตจำนงของไข่มุกสีดำแผ่ขยายไปทุกทิศและยิ่งทวีความเข้มข้น


เหล่ายังบันและอสูรโดยรอบต่างสิ้นสติในทันที


พวกมันหลงลืมอดีตและปัจจุบัน สูญเสียตัวตน และเอาแต่หมกมุ่นอยู่กับอนาคตซึ่งไข่มุกสีดำสัญญาว่าจะนำพา


พวกมันเชื่อโดยไม่กังขาว่า ชะตากรรมหลังจากกินไข่มุกลงไปจะมีแต่ความสดใส พลังงานมหาศาลที่อัดแน่นอยู่ภายในคือเครื่องพิสูจน์


‘ถ้าเราได้ครอบครองความแข็งแกร่งนั่น การสอบซือโหยวครั้งถัดไปจะต้องได้ที่หนึ่งแน่นอน’


‘ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาความศรัทธาจากมนุษย์อีก… ทันทีที่กินมันลงไป เราจะกลายเป็นเทพ’


‘เราจะกลับนรกและสวมมงกุฎของราชา’


‘เราจะแก้แค้น… จะต้องแก้แค้นสำเร็จแน่…’


ชิ้นส่วนพลังของบาเอลเปรียบประหนึ่งเตาหลอม


มันดึงความปรารถนาและกิเลสออกจากร่างกายสิ่งมีชีวิตรอบข้าง จากนั้นหลอมละลายให้เดือดพล่าน


ท่ามกลางความร้อนแรงดังกล่าว สติปัญญาและความเป็นเหตุเป็นผลล้วนพังครืน


ยังบันและอสูรส่งเสียงร้องโหยหวนประหนึ่งสัตว์เดรัจฉาน


พวกมันไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่า ฝ่ามือซึ่งกำลังยื่นไปหาไข่มุก กำลังทะลวงผ่านสมองของพวกพ้อง


ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่า ดวงตาที่กำลังจดจ้องไข่มุก ข้างหนึ่งถูกมือของพวกพ้องกระชากออกมา


ต่อหน้าไข่มุก ทุกสรรพสิ่งล้วนไร้ความหมาย


มองไม่เห็นสิ่งใดนอกจากไข่มุก โหยหาเพียงไข่มุก


ฟู่ว! ซ่า! เปรี้ยะ! เปรี้ยะ! เปรี้ยะ! กร็อบ!


กระดูกและเนื้อหนังเริ่มละลายท่ามกลางเปลวไฟจากมังกรบนฟ้า


แต่ก็ไม่มีผู้ใดแยแส


ยังบันและอสูรยังคงดิ้นพล่านท่ามกลางสมรภูมิที่ลุกท่วมด้วยเปลวไฟ ประหนึ่งพวกมันกำลังเต้นรำ


ราวกับได้เห็นนรกจำลองก็มิปาน


“บ้ากันไปหมดแล้ว”


เฒ่าดาบมารถอนหายใจยาว โลกกำลังโกลาหลสุดขีด มันคิดไม่ออกว่าตนควรทำเช่นไรในสถานการณ์แบบนี้


ฟู่ว—!


ทหารโครงกระดูกตัวหนึ่งของแอ็กนัสวิ่งเข้าไปในกองเพลิง


หลังจากเฝ้ามองทหารโครงกระดูกหายไปในพริบตา แอ็กนัสกล่าว


“หลังจากเปลวไฟลุกโชนขึ้น สามวินาทีหลังจากนั้น ค่าความเสียหายจะลดลงอย่างมาก อย่าลืมจดจำลำดับของเปลวไฟให้ดี”


กึก


แอ็กนัสโยนตัวเองเข้าไปในกำแพงเพลิงที่ลุกโชน มองผิวเผินคล้ายกับกำลังจะกลายเป็นตอตะโก แต่ในความเป็นจริง แอ็กนัสสามารถข้ามไปยังอีกฟากฝั่งได้อย่างปลอดภัย


ในเวลาเดียวกัน เฒ่าดาบมารที่ไล่ตามมาไม่ห่างเริ่มส่ายหน้า


‘เรากำลังทำอะไรอยู่… แถมยังเป็นหมอนี่…’


มันไม่ชอบสถานการณ์แบบนี้เลย


ท่ามกลางกำแพงเพลิงที่ลุกลามพัวพันประหนึ่งเขาวงกต ท่ามกลางความร้อนของกลุ่มคนเสียสติที่เดือดพล่านไม่ต่างจากเปลวไฟ


ณ ด้านหลังมังกรสูงตระหง่านที่เข่นฆ่าผู้คนเป็นภูเขาเลากา แอ็กนัสตรวจสอบทุกสิ่งอย่างใจเย็นและตระหนักว่า


ทุกหนแห่งมีเพียงหายนะ มองยังไงก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงความเสียหายพ้น


ทุกหย่อมหญ้ามีเพียงความสิ้นหวัง


เฒ่าดาบมารกำลังหัวเสีย


แต่มันก็พุ่งตรงไปข้างหน้า


มันกะจังหวะทะลวงผ่านกำแพงไฟตามคำแนะนำของแอ็กนัส และทยอยช่วยเหลือผู้คนออกจากวงกตเพลิง


เพียงไม่นาน ร่างกายของมันเต็มไปด้วยแผลพุพอง


นั่นเพราะมันใจร้อนที่จะช่วยเหลือผู้คน จนฝืนฝ่ากำแพงไฟซึ่งยังไม่อ่อนกำลังลง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า


“อยากขำก็เชิญ! ไม่ว่านายจะหัวเราะเยาะฉันแค่ไหน ฉันก็ไม่สะทกสะท้าน!”


เฒ่าดาบมารจ้องตาแอ็กนัสพลางคำรามต่ำ


ผ่านกำแพงไฟ ฝ่ามือและท่อนแขนซึ่งยื่นออกไปหาเด็กเล็กต้องเผชิญความเจ็บปวดแสนสาหัส


ทันใดนั้นเอง ณ ด้านข้างเด็กชายที่กำลังจะจับมือซึ่งดำเป็นตอตะโก


“อยู่นิ่งๆ ไว้นะ”


แอ็กนัสเดินเข้าไปใกล้


แทนที่จะถอนชุดคลุมซึ่งกำลังลุกไหม้ มันโอบกอดเด็กชายและดึงออกจากเปลวไฟอย่างอ่อนโยนโดยไม่ให้อีกฝ่ายตกใจ


“ขอบคุณครับ…!”


เด็กชายหันไปกล่าวกับแอ็กนัสทั้งน้ำตา


เด็กชายย่อมไม่ทราบว่าชายคนนี้คือฆาตกรโฉดผู้ไม่มีวันได้รับการอภัย แม้ในอนาคตจะช่วยไว้อีกสักล้านชีวิต


เพราะมันมองไม่เห็นร่างกายสุดสยองภายใต้ชุดคลุมที่กำลังลุกไหม้


“…ไอ้คนน่ารังเกียจ”


เฒ่าดาบมารขมวดคิ้วพลางแสดงความเห็นต่อพฤติกรรมของแอ็กนัส


หลังจากสูญเสียหลัง ชายคนนี้ก็เสแสร้งเป็นคนดีทันที เป็นภาพที่น่าสะอิดสะเอียนจนเฒ่าดาบมารอยากอาเจียนออกมา


“คิดจะทำตัวเป็นคนดีระหว่างรอให้พลังฟื้นคืนกลับมา? เปล่าประโยชน์! ไม่ว่านายจะใช้กลอุบายแบบใด แต่อดีตก็ไม่มีวันถูกลบล้าง! ผู้คนจะจดจำความชั่วช้าในอดีตของนาย และรุมเกลียดชังนายไปตลอดกาล”


“พ่อแม่หนูอยู่ไหน”


แอ็กนัสไม่แยแสคำกล่าวหาซึ่งเกือบจะเป็นคำด่าทอของเฒ่าดาบมาร เพียงไต่ถามเด็กชายที่กำลังก้มศีรษะ


เด็กชายตอบด้วยความยากลำบาก


“เสียไปแล้วเมื่อไม่กี่ปีก่อนครับ…”


“คนที่ฆ่าพวกเขา… อาจเป็นฉันก็ได้”


“…?”


แอ็กนัสถอนสายตาจากเด็กชายผู้ไม่เข้าใจความหมาย และจ้องไปบนใบหน้าเฒ่าดาบมาร


“ฉันไม่ได้คิดจะลบอดีต ไม่ได้ต้องการให้ใครอภัย และไม่ได้แสร้งเป็นคนดี”


ฟังดูเหมือนการพูดลอยๆ มากกว่าคำมั่นสัญญา


“ฉันแค่จะใช้ชีวิตตามความต้องการของตัวเอง ทำในสิ่งที่อยากทำ”


เป็นการพูดลอยๆ ซึ่งปราศจากความรับผิดชอบ เฒ่ามารดาฟังแล้วรู้สึกขยะแขยง


ขณะเริ่มหัวเสียกับคำพูดแอ็กนัส มันฉุกคิดบางสิ่ง


เมื่อสักครู่ ในตอนที่แอ็กนัสช่วยเด็กชาย ตัวมันมิได้รู้สึกขยะแขยงไม่ใช่หรือ?


ถึงตนจะไม่ชอบคำพูดอีกฝ่าย แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแย่กับการกระทำ


ใช่แล้ว จากสถานการณ์ปัจจุบัน เฒ่าดาบมารมีตัวเลือกไม่มากนัก


การต้องเปลืองอารมณ์ไปกับคำพูดแอ็กนัส นับเป็นเรื่องสิ้นเปลืองพลังใจอย่างมาก


มองผ่านได้ก็ควรทำ


สมาธิทั้งหมดควรจดจ่ออยู่กับการช่วยคนมากกว่า


‘หมอนี่เป็นแค่เศษขยะข้างถนน เป็นแค่ขี้หมา ไม่ต้องใส่ใจมากนักก็ได้…’


จิตของเฒ่าดาบมารเริ่มกลับมาจดจ่อจนน่าทึ่ง


ท่ามกลางวงกตเปลวเพลิง มันทยอยช่วยเหลือผู้คนอย่างชำนาญ ขณะเดียวกันก็พยายามดึงดูดความสนใจจากมังกรซึ่งกำลังเข้าใกล้ไข่มุกดำ


อาศัยประโยชน์จากทักษะของนักลอบสังหารสายวางกับดัก เฒ่าดาบมารถึงอานุภาพของกับดักออกมาอย่างหลากหลายและไร้สิ้นสุดขึ้นอยู่กับรูปร่าง เรียกได้ว่าเป็นนักลอบสังหารที่แทบจะไร้จุดอ่อน


‘แข็งแกร่งมาก… ไม่ใช่ทักษะที่เพิ่งฝึกมาแค่ปีสองปี’


สภาพที่ไม่สมบูรณ์ของมังกรก็มีส่วน


เลือดที่ปะปนมากับการพ่นไฟ ช่วยให้คาดเดาได้ว่า มันกำลังบาดเจ็บภายใน


‘นอกจากนั้น ไฟเหล่านี้ยังไม่ใช่ลมหายใจ’


คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด คิดว่าลมหายใจมังกรคือเวทมนตร์


นั่นเพราะมันมีธาตุ


แต่ในความเป็นจริง ลมหายใจมังกรใกล้เคียงกับกลุ่มก้อนมานาบริสุทธิ์


คุณสมบัติของธาตุที่ถูกเสริมเข้ามามีเพื่อกระตุ้นให้เกิดอาการผิดปรกติ โดยความเสียหายที่เกิดขึ้นจะเป็น ‘ความเสียหายจริง’ ตามสัดส่วนปริมาณมานาที่พ่นออกมา กล่าวคือ ค่าต้านทานเวทมนตร์และธาตุทุกประเภทล้วนเปล่าประโยชน์


หากมังกรนามว่า <อิฟริต> ตัวนี้ปลดปล่อยลมหายใจที่แท้จริงสักครั้ง พวกยังบันในสนามรบก็คงละลายหายไปในพริบตา


แต่ปัจจุบัน มันมิได้ใช้พลังลมหายใจ เพียงแค่พ่นไฟออกมา


และนั่นมาพร้อมเลือด


แอ็กนัสมั่นใจ


‘พฤติกรรมของมันดูงุ่มง่าม… เรายังมีโอกาส’


เป้าหมายของแอ็กนัสมิใช่การฆ่ามังกร


เป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว


สามัญสำนึกพื้นฐานของซาทิสฟายก็คือ ผู้เล่นไม่มีวันฆ่ามังกรได้ เป็นข้อมูลที่แอ็กนัสรวบรวมมาจวบจนปัจจุบัน


มันพุ่งเป้าไปยังการทำลายชิ้นส่วนพลังของบาเอลเป็นอันดับหนึ่ง


เป็นเป้าหมายสูงสุดที่มันสามารถหวังได้ในสถานการณ์ตรงหน้า


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!


ชิ้นส่วนพลังของบาเอลคือกลุ่มก้อนปราณอสูร


เป็นเหตุผลว่าทำไมเหล่ายังบันถึงมิอาจเข้าใกล้ได้ง่ายนัก และกับดักของเฒ่าดาบมารซึ่งแฝงปราณอสูรจากของวิเศษ ก็คอยดึงดูดความสนใจจากมังกรอย่างต่อเนื่อง


ยังบันและมังกรซึ่งถูกล่อลวงโดยไข่มุกจนหน้ามืดตามัว อยู่ในสภาพที่ถูกปั่นหัวได้ง่ายมาก


ลำพังการสร้างปราณอสูรให้คล้ายคลึงกับไข่มุก ก็มากพอที่จะดึงดูดความสนใจได้สักระยะแล้ว


นอกจากนั้น แอ็กนัสเป็นหมอผี


อันเดดที่มันอัญเชิญย่อมมีปราณอสูรและออร่ามารเป็นพื้นฐาน แถมยังทำให้ปริมาณเข้มข้นได้โดยการใช้เวทระเบิดศพ


บึ้ม!


บึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!


ทหารโครงกระดูกที่คอยระเบิดตัวเองในทุกทิศทาง ทำให้ยังบันและมังกรสับสนอลหม่านเป็นเวลานาน หากใครลืมตำแหน่งเดิมของไข่มุก พวกมันก็จะถูกล่อลวงออกห่างไปไกล


แต่กับอสูรแล้วไม่ใช่


พวกมันอ่อนไหวกับปราณอสูร แถมยังอยู่ใกล้กับไข่มุกตั้งแต่ต้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะถูกหลอก


“ชิ…!”


เฒ่าดาบมารแสดงความร้อนใจ ด้วยเกรงว่าชิ้นส่วนพลังจะตกอยู่ในมืออสูรตนใดตนหนึ่ง จึงพยายามฝืนผ่ากำแพงไฟ


แอ็กนัสรีบห้ามปราม


“ปล่อยพวกมันไปเถอะ”


เพียงไม่นานก็ได้ทราบสาเหตุ


อ๊ากกกกกกก!!


ชิ้นส่วนพลังปฏิเสธอสูร


ไข่มุกเสริมพลังให้ตัวเองโดยการกลืนกินอสูรที่เข้าไปใกล้


“ของเล่นของบาเอล… ต้องน่าสนุกถึงจะเป็นได้”


ปราณอสูรเริ่มห่อหุ้มร่างกายแอ็กนัสผู้กำลังกล่าวจิกกัดตัวเอง


เป็นผลมาจากการดึงพลัง ‘อักขระ’ ซึ่งหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่ชนิดออกมา


ตัวมันซึ่งกำลังหายใจเข้าออกเป็นปราณอสูร ตกเป็นเป้าของมังกรและยังบันในทันที


“จังหวะนี้แหละ… ทำลายชิ้นส่วนให้ได้”


“…!”


เฒ่าดาบมารเริ่มสังเกตเห็นในอึดใจถัดมา


เปลวไฟซึ่งเคยท่วมท้นการมองเห็น ปัจจุบันจางลงไปมาก


ระยะทางที่สั้นที่สุดซึ่งนำไปสู่ชิ้นส่วนพลังบาเอล กำลังเปิดกว้างอยู่เบื้องหน้า


การพ่นไฟของมังกรส่วนใหญ่กระทบกับพื้นดินรอบตัวแอ็กนัส เป็นผลพวงมาจากการระเบิดศพล่อ


บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม! บึ้ม!


“มันเป็นของข้า! มันต้องเป็นของข้า!!”


ไฟจากจมูกมังกรพุ่งใส่ร่างแอ็กนัส เฉกเช่นยังบันในบริเวณใกล้เคียง


เมื่อตระหนักว่านี่คือโอกาสสุดท้าย เฒ่าดาบมารเร่งฝีเท้าทันที


ขณะสัมผัสถึงความตายแอ็กนัสจากด้านหลัง มันเสียบดาบใส่ไข่มุกสีดำด้วยกำลังแขนทั้งหมด


เปรี้ยง!!


เกิดคลื่นกระแทกแผ่ออกไปทุกทิศ


เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!!


ปลายดาบของเฒ่าดาบมารบรรจงทะลวงใส่ไข่มุกอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง


ทว่า นั่นยังไม่พอ


เมื่อถึงจุดหนึ่ง ปลายดาบถูกสกัดกั้นโดยกำแพงที่มองไม่เห็น


การแทงดาบด้วยทุกสิ่งทุกอย่างของชายคนหนึ่ง มีอานุภาพไม่เพียงพอที่จะทำให้ไข่มุกแตก


ไข่มุกซึ่งเป็นเพียงชิ้นส่วนพลังอันน้อยนิดของบาเอล


“อึก…!”


ร่างกายเฒ่าดาบมารกำลังสั่นระริก มันเค้นแรงเฮือกสุดท้ายเพื่อแทงดาบเข้าไปให้ลึกกว่าเดิม


แต่ก็เปล่าประโยชน์


“…อา”


เราทำไม่สำเร็จ


ล้มเหลวเพราะยังบกพร่อง


เมืองนี้กำลังจะพินาศ…


เสียงหนึ่งดังแว่วมาจากด้านหลังเฒ่าดาบมาร


“เราพลาดเฉพาะฉันทนได้ไม่นานพอ…”


เป็นเสียงของแอ็กนัส


เสียงที่ขาดห้วง


เพราะนั่นคือคำพูดสุดท้ายของแอ็กนัสก่อนตาย


ราวกับต้องการปลอบประโลมเฒ่าดาบมาร


คล้ายกำลังขอโทษที่ซื้อเวลาได้ไม่นานพอ


เฒ่าดาบมารแทบไม่อยากจะเชื่อหู ทำได้เพียงหัวเราะแห้งอย่างกระอักกระอ่วน


ทัศนวิสัยของแอ็กนัสถูกฉาบด้วยม่านสีเทา


‘เราอยากจะเอาคืนเจ้านั่น…’


เอาคืนผู้ที่บังอาจทอดทิ้งเรา…


อยากทำให้บาเอลได้สัมผัสความผิดหวังสักครั้ง


แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้


เป็นอีกครั้งที่มันตระหนักว่าตัวเองไร้ค่าเพียงใด


‘ไม่มีเลย… เราไม่มีค่าเลยสักนิด…’


เมื่อไม่กี่นาทีก่อน แอ็กนัสเฝ้าฝันถึงการเริ่มต้นใหม่


ดวงตาของมันเผยความอบอุ่นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่สูญเสียคนรัก แต่ไม่นานก็ต้องกลับมาเย็นชาอีกครั้ง


จิตใจอ่อนล้าจนมิอาจฝืนเข้มแข็ง


มันเจ็บปวดเกินกว่าจะพยุงหัวใจที่อ่อนแอให้หนักแน่นและมั่นคง


เปรียบดังปราสาททราย


เมื่อถึงคราวคลื่นทะเลซัดสาด ชะตากรรมเดียวคือการแหลกสลาย


แต่ทันใดนั้นเอง โชคชะตาของมันถูกกำหนดใหม่


“ผิดแล้ว พวกนายไม่ได้ล้มเหลว… อันที่จริงฉันก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ขอบคุณที่ช่วยยื้อไว้จนถึงตอนนี้… ขอบคุณจากใจจริง”


เสียงหนึ่งดังมาจากด้านบน


แอ็กนัสสัมผัสได้ว่า เจ้าของเสียงหายใจหอบผิดไปจากปรกติ


มันมิได้รู้สึกแย่เมื่อเห็นอีกฝ่ายปรากฏตัว ไม่ได้ไม่พอใจ


ปราศจากความริษยา ต่ำต้อย หรือโกรธแค้น


เปรียบดังดวงอาทิตย์ที่แผดเผาทรวงอกให้ร้อนรุ่ม


หัวใจซึ่งเคยเย็นชาของแอ็กนัส กลับมาอบอุ่นและมีไฟอีกครั้ง


อารมณ์มากมายกำลังถาโถม


“…รู้สึกแบบนี้เองสินะ”


[ท่านเสียชีวิต]


หลังจากทัศนวิสัยถูกฉาบด้วยม่านสีเทาสักพัก ทุกสิ่งก็ดำมืดโดยสมบูรณ์


รอยยิ้มกระจายไปทั่วใบหน้าแอ็กนัสซึ่งเปื้อนเปรอะเลือดมังกร


เป็นรอยยิ้มเปี่ยมความสุข เนื่องจากมันได้รื้อฟื้นอารมณ์ที่ตนเคยทำหล่นหายไปแสนนาน


“ได้ยังไง…”


เฒ่าดาบมารพึมพำด้วยดวงตาเบิกกว้าง


หายนะตรงหน้าคือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญ


บังเอิญว่าฮวางกิลดงวางแผนจัดการอสูร


บังเอิญว่าในกลุ่มอสูรมีแอ็กนัส


บังเอิญว่ามันอยู่กับฮวางกิลดงพอดี


บังเอิญว่ามันฆ่าแอ็กนัสสำเร็จ


เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครคาดการณ์สิ่งนี้ล่วงหน้าและเตรียมรับมือ


แต่กริดกลับ…


ปรากฏกายในจุดเกิดเหตุได้ทันเวลาอย่างฉิวเฉียด


ไม่ต่างอะไรกับฉากสำคัญในการ์ตูนหรือนิยาย


นี่คือมุมมองของเฒ่าดาบมารผู้ไม่รู้จักหอแห่งปัญญา เบ็ตตี้ หรือหัวแถว


สำหรับมัน สถานการณ์ตรงหน้าเปรียบดังปาฏิหาริย์


แต่ในทางกลับกัน กริดทราบเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างดี


รู้ล่วงหน้าเล็กน้อยว่าสิ่งนี้กำลังจะเกิด


เป็นความรับผิดชอบที่ต้องแก้ไขสถานการณ์ให้ทันเวลา


“ช่วยปกป้องชิ้นส่วนพลังให้ดี”


กริดพูดฝากฝัง ก่อนจะหายตัวไปโผล่ที่ท้ายทอยมังกรในสภาพหันหลังให้เฒ่าดาบมาร


จากนั้นก็ลงดาบฟันใส่ลำคอยาวๆ ของมัน


หลังจากประเมินสถานการณ์ภาพรวมโดยละเอียด ชายหนุ่มเริ่มมองเห็นความหวัง


วันนี้เราอาจได้ฆ่ามังกร…


พรึ่บ!


เขตแดนเปลวเพลิงแผ่ปกคลุมสนามรบซึ่งไม่ต่างอะไรกับนรก


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00