จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,558



“อะไรนะ? ในคืนแรกของฮันนีมูน นายวิ่งแจ้นไปขอผู้หญิงคนอื่นแต่งงาน? เอาจริงดิ… นี่มันฟังดูเหมือนไอ้ขยะในหนังชู้สาวเลยไม่ใช่รึไง?”


แวนเนอร์ตำหนิเถรตรง


ด้วยนิสัยของมัน แวนเนอร์ไม่ลังเลที่จะติติงเมื่อเพื่อนกระทำไม่ถูก


เป็นความหวังดีโดยแท้จริง


มันมักคอยตักเตือนเพื่อนให้อยู่ในลู่ทางเสมอ อีกฝ่ายจะได้กลับไปไตร่ตรองถึงความไม่ถูกต้องทางศีลธรรม


นี่คือส่วนที่กริดชอบที่สุดในตัวแวนเนอร์


“ฉันปล่อยให้เมอร์เศร้าไม่ได้… นอกจากนั้น บาซาร่ายังเป็นคนบอกให้ฉันไปหาเมอร์ด้วยตัวเอง”


บาซาร่าอายุมากกว่ากริดพอสมควร


เธอเป็นทั้งราชวงศ์ อดีตดยุค และผู้สืบทอดบัลลังก์จักรพรรดิด้วยเจตนารมณ์ที่จะดูแลบ้านเมือง


อาจเพราะด้วยเหตุนี้ เธอจึงมีความคิดลึกซึ้ง และทักษะการอ่านสถานการณ์เป็นเลิศ


บาซาร่าตระหนักถึงความเสียใจที่เมอร์เซเดสแสดงออกระหว่างงานแต่ง จึงได้ข้อสรุปเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างกริดกับอีกฝ่าย จากนั้นก็ชั่งน้ำหนักสถานการณ์และตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ดีที่สุด


ทันทีที่เสร็จขั้นตอนการปลดปล่อยเมล็ดพันธุ์แห่งความเป็นหนึ่งเดียว บาซาร่าบอกให้กริดไปหาเมอร์เซเดส และให้กำลังใจความรักของทั้งสอง


“ฉันคิดว่าความสัมพันธ์และความรู้สึกระหว่างผู้คน ควรจะเป็นบันไดสำหรับความก้าวหน้า มิใช่อุปสรรคคอยกีดขวาง”


นี่คือถ้อยคำที่บาซาร่ากล่าวในคืนนั้น


เธอเฉลียวฉลาด เข้าใจถึงความสำคัญของความสัมพันธ์ และกริดก็เห็นพ้องต้องกัน


ชายหนุ่มรีบตรงไปโผกอดเมอร์เซเดสก่อนที่หัวใจของเธอจะดำดิ่งลงสู่ความมืด


“เมอร์เซเดสกำลังเศร้า และบาซาร่าก็เข้าใจ… นั่นก็ไม่น่าจะเป็นปัญหา… ใช่ไหมล่ะ?”


หลังจากได้ยินคำอธิบาย แวนเนอร์พยักหน้าอย่างครุ่นคิด


“มองในแง่ดี… อย่างน้อยนายก็ยังมีความรับผิดชอบ ทุกครั้งที่ป็อนเจอคนใหม่ หมอนั่นจะทิ้งคนเก่าแบบไม่ไยดี”


“มันเสียมารยาทนะ การนำฉันไปเทียบกับป็อน”


“…”


โดยทันทีทันใด พวกพ้องทุกคนหันมามองกริดเป็นตาเดียวพร้อมกับเบะปาก


กริดเอียงคอฉงนสักพัก แต่ทันใดนั้น ชายหนุ่มรีบมองออกไปนอกหน้าต่างบานที่พวกพ้องกำลังยืนหันหลังให้


ไม่กี่วินาทีถัดมา


เงาของเฟคเกอร์เริ่มสั่นไหว


จากนั้นไม่กี่อึดใจ


“นี่มัน… สัตว์ประหลาด…”


แค็ทซ์พลันกระวนกระวาย ใบหน้าของมันกลายเป็นขาวซีด


“ผู้บุกรุก?”


กริดรีบห้ามปรามเหล่าขุนพลโอเวอร์เกียร์ซึ่งกำลังแตกตื่นและเริ่มหยิบอาวุธ


“เปล่า… แขกพิเศษ พวกนายไม่ต้องกังวล”


กริดในปัจจุบันสามารถคอมโบ ‘มายา’ กับ ‘ชุนโป’ ได้ไหลลื่นราวกับสายน้ำ แถมยังมีค่าเรี่ยวแรงพอที่จะใช้ติดต่อกันหลายครั้งโดยไม่เหนื่อย


หลังจากสงบสติพวกพ้องเสร็จ ชายหนุ่มพุ่งตัวออกนอกหน้าต่างและบินขึ้นไปบนยอดแหลม จากนั้นก็สั่งให้ก้อนละโมบที่ลอยบนวงโคจรโลกพุ่งลงมาหยุดอยู่ด้านหน้าและคลายตัวออก


ครืน—!


ละโมบแบนราบประหนึ่งแผ่นม่าน ก่อนจะแปรสภาพเป็นทรงลูกบาศก์เพื่อสร้างห้วงมิติปิดผนึก


“สบายดีกันไหม?”


ผ่านไปไม่นาน สองบุคคลปรากฏกายภายในมิติปิดผนึก


สภาหอคอย


“สวัสดี”


นอกจากบีบัน อีกคนคือเบ็ตตี้


แตกต่างจากบีบัน การเดินทางออกนอกหอคอยของเบ็ตตี้ไม่ใช่เหตุการณ์ปรกติ กริดจึงค่อนข้างประหม่า


“วันนี้ท่านทั้งสองมาเยี่ยมด้วยเหตุผลใด…?”


“ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอลคนปัจจุบันกำลังจะสูญเสียคุณสมบัติ”


เบ็ตตี้คือขั้วตรงข้ามกับบีบัน เธอไม่ถูกสิ่งรอบข้างทำให้เสียสมาธิ จึงสามารถเข้าประเด็นหลักได้ในทันที


เป็นข้อมูลที่น่าตกตะลึงมาก


“พลังของบาเอลซึ่งผสานอยู่ในดวงวิญญาณของผู้ทำพันธสัญญา จะรั่วไหลออกมาสู่ภายนอก และนั่นจะกลายเป็นปัญหาที่ร้ายแรง”


“พลังของบาเอลสามารถนิยามได้ว่า เป็นรากเหง้าของความชั่วร้ายทั้งปวง มันจะแผ่อำนาจในการล่อลวงอันทรงพลัง โดยเฉพาะกับมังกร”


“ฉันคิดว่า… บาเอลจงใจทำ”


“พลังที่สามารถดึงดูดมังกร…”


“ใช่ เมื่อครั้งท่านย่าเบ็ตตี้สูญเสียพลัง ข้าได้ยินว่าเนอวาร์ธานและบันเฮเลียร์อยู่ใกล้ที่นั่นพอดี เรียกได้ว่าค่อนข้างโชคร้าย เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในจุดใกล้กับรังมังกรทั้งสอง… แม้จะบอกว่าใกล้ แต่ก็ยังห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตรอยู่ดี”


“มีโอกาสสูงที่มังกรจะเข้ามาแทรกแซงในเหตุการณ์นี้เช่นกัน ต้องหาทางหยุดไว้ให้ได้ เพราะหากมังกรกลืนพลังของบาเอลเข้าไป มังกรมารตัวที่สองจะถือกำเนิด”


“…”


หัวใจกริดพลันดำดิ่ง


สิ่งมีชีวิตก้าวข้ามซึ่งเกิดมาพร้อมกับระดับตัวตนสูงสุด


โดยเฉพาะเหล่ามังกรซึ่งดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคสมัยต้นกำเนิด เป็นการยากที่จะกะเกณฑ์พลังอำนาจพวกมัน


ต้องละทิ้งสามัญสำนึกออกไปก่อน และเสริมจินตนาการเข้ามาให้มาก จึงพอจะจินตนาการความแข็งแกร่งของมังกรอย่างเลือนราง


หากต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายโดยตรง เป็นใครก็ยากจะเก็บซ่อนความตึงเครียด


“กล่าวคือ เดิมทีหอคอยควรรับผิดชอบภารกิจนี้ด้วยตัวเอง แต่ดันเกิดปัญหาขึ้น ท่านย่าเบ็ตตี้ตรวจพบว่าผู้ทำพันธสัญญาคนปัจจุบันอยู่บนทวีปตะวันออก ซึ่งนั่นอยู่นอกเหนือขอบเขตอำนาจของหอคอย”


“หากสภาหอคอยออกนอกทวีป นั่นจะยิ่งเกิดปัญหาร้ายแรง พวกเราจะถูกระบุตำแหน่งและโดนมังกรตามล่าตัวทันที”


“ในกรณีเลวร้าย มังกรจากทั่วโลกที่กำลังไล่ตามพวกเรา จะตระหนักถึงพลังของบาเอลซึ่งแต่เดิมควรมีแค่มังกรจากทวีปตะวันออกที่รับรู้… หรือสรุปได้ว่า หากพวกเราลงมือ มีโอกาสที่ทวีปตะวันออกจะถูกทำลาย”


“หอคอยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องรบกวนให้กริดไปทวีปตะวันออกแทน เล็งทำลายพลังดังกล่าวให้ทันเวลา ก่อนที่จะมีใครช่วงชิงไปและใช้ประโยชน์ในทางที่ผิด”


[ภารกิจของ ‘หัวแถว’ ถูกสร้างขึ้น!]


<ทำลายชิ้นส่วนพลัง>

ระดับความยาก: ไม่สามารถวัดได้

เบ็ตตี้ซึ่งคอยจับตามองผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล ประเมินว่าอีกฝ่ายกำลังจะหมดคุณสมบัติในอีกไม่ช้า ท่านจงเดินทางไปทำลายชิ้นส่วนพลังของบาเอลซึ่งกำลังจะรั่วไหล เพื่อมิให้ตกอยู่ในมือของผู้ใด

เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ: ทำลายชิ้นส่วนพลังของบาเอล

รางวัลสำเร็จภารกิจ:

-ของขวัญจากเบ็ตตี้

-เพิ่มค่าความสัมพันธ์กับเบ็ตตี้

เงื่อนไขภารกิจล้มเหลว: มีบุคคลอื่นช่วงชิงชิ้นส่วนพลังของบาเอลไป

บทลงโทษภารกิจล้มเหลว:

-ศัตรูที่แข็งแกร่งมากถือกำเนิดจากชิ้นส่วนพลังบาเอล

-มีโอกาสสูงที่ทวีปตะวันออกจะได้รับความเสียหายใหญ่หลวง


[ท่านจะรับทำภารกิจหรือไม่?]


ระดับความยากของภารกิจ ทำให้กริดเริ่มมองเห็นลางร้าย


ประการแรก มีโอกาสสูงมากที่ภารกิจนี้จะเกี่ยวข้องกับมังกร จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า มันจะหนักหนาสาหัสเพียงใด


เรื่องดีเพียงเรื่องเดียวก็คือ ต่อให้ภารกิจล้มเหลว กริดก็จะไม่ได้รับผลเสียโดยตรง แต่นั่นก็มิได้ทำให้ชายหนุ่มสบายใจ


ชาวอาณาจักรโชและชิง


หัวใจชายหนุ่มพลันหนักอึ้งเมื่อจินตนาการว่าภัยพิบัติร้ายแรงกำลังจะเกิดกับทหารที่เข้าร่วมมหาสงคราม รวมถึงครอบครัวของทุกคน


“งานแบบนี้… ฉันจะรับมือไหวจริงหรือ?”


คงไม่ไหว


แม้จะได้รับคำตอบดังกล่าว แต่กริดก็คิดจะรับภารกิจอยู่ดี


นั่นเพราะชายหนุ่มไม่ต้องการให้ทวีปตะวันออกกลายเป็นดินแดนอันว่างเปล่า


แต่ต้องผิดคาด คำตอบที่ได้รับช่วยสร้างความหวังให้ไม่น้อย


“ถึงจะยาก แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ หากเป็นงานที่เกินกำลังเจ้า ข้าคงไม่บากหน้ามาขอร้องแน่”


“กริดเองก็คงทราบดี ทวีปตะวันออกคือดินแดนแห่งทวยเทพ ในอดีตเคยปกครองโดยสี่สัตว์เทพผู้พิทักษ์ และปัจจุบันถูกเทพตกสวรรค์เข้าแทรกแซงสถานการณ์ภาพรวม เมื่อเทียบกับทวีปตะวันตก กระแสเวทมนตร์บนทวีปตะวันออกเบาบางกว่ามาก นั่นเพราะในบรรยากาศอัดแน่นไปด้วยพลังเทพ”


“กล่าวคือ ดินแดนตะวันออกไม่เหมาะแก่การดำรงอยู่ของมังกร — เจ้าแห่งเวทมนตร์ หรือสามารถกล่าวได้ว่า ทวีปตะวันออกคือแหล่งกบดานของมังกร ‘ขี้แพ้’ ซึ่งต้องอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เนื่องจากได้รับบาดเจ็บสาหัส เหตุการณ์นี้ถือเป็นเรื่องปรกติ เนื่องจากมังกรมักต่อสู้กันเองเพื่อแก่งแย่งรังที่มีสภาพแวดล้อมดี หลายร้อยปีจะเกิดขึ้นสักครั้ง”


คงต้องยอมรับว่า นิยาม ‘แหล่งกบดานของขี้แพ้’ นั้นฟังดูเหมาะเจาะ


เป็นเพราะชาวตะวันออกแทบไม่เคยกล่าวถึงการมีอยู่ของมังกรใด ยกเว้นมังกรครามซึ่งเป็นสี่สัตว์เทพผู้พิทักษ์มาตั้งแต่โบราณกาล


สีหน้าของกริดเผยความโล่งใจ


‘มังกรบาดเจ็บนี่เอง… ถ้าอย่างนั้นก็มีสิทธิ์’


ถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ล่ากระดูกและเกล็ดมังกร


ขณะกริดกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าเปี่ยมความหวัง บีบันกล่าวต่อไป


“ถ้าให้ประเมิน สภาพของมันคงใกล้เคียงกับกูเซลเมื่อครั้งที่หอคอยเคยล่า… เจ้าอย่าฝืนตัวเองเชียว ไม่ต้องฆ่าก็ได้ แค่ไล่ให้หนีไปก็พอ”


“…”


สีหน้ายินดีปรีดาของกริดเปลี่ยนกลับเป็นแข็งกระด้าง


ในตอนนั้น กูเซลถูกล่าด้วยขุมกำลังเต็มพิกัดของหอแห่งปัญญา รวมถึงฮายาเตะ


กล่าวคือ เป็นไปไม่ได้เลยที่กริดจะล่าตามลำพัง


การล่ากระดูกและเกล็ดมังกรคงเป็นไปไม่ได้แล้ว


เบ็ตตี้เสริมคำเตือนเพิ่มอีกหนึ่งเรื่อง


“นั่นเป็นกรณีก่อนที่มังกรตัวดังกล่าวจะได้ครอบครองชิ้นส่วนพลังของบาเอล หากไม่แล้ว มันจะแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่าในสภาวะคลุ้มคลั่ง เมื่อถึงตอนนั้นให้รีบถอนตัวกลับโดยไม่ต้องมัวนึกเสียดาย พวกเราจะจัดการที่เหลือเอง”


“…ตกลง”


กริดไม่มัวโต้เถียง ด้วยคำนึงว่าเวลาใกล้หมดลงเต็มที


ชายหนุ่มรีบรุดหน้าไปยังทวีปตะวันออก โดยมีพวกพ้องทำได้เพียงยืนมองแผ่นหลัง


บีบันถอนหายใจพลางมองหน้าเบ็ตตี้ด้วยความขุ่นเคือง


“ท่านย่า ข้าผิดหวังมาก เหตุใดถึงมัวรอให้แอ็กนัสเดินทางไปยังทวีปตะวันออกเสียก่อน? หากท่านฆ่าแอ็กนัสและทำให้เขาขาดคุณสมบัติในดินแดนที่พวกเราดูแล หอคอยก็คงไม่ต้องบากหน้ามารบกวนกริด…”


ขณะกำลังกล่าว บีบันชะงักคำพูดกลางคัน


เหตุใดผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล ถึงตัดสินใจทำพันธสัญญา และเหตุใดถึงขาดคุณสมบัติ?


มันตระหนักถึงอดีตของเบ็ตตี้ผ่านการย้อนนึกคำบอกเล่าของฟรอนซาลล์


รอยยิ้มขื่นขมกระจายไปทั่วใบหน้าเบ็ตตี้ซึ่งแต่เดิมเคยมีเพียงความเย็นชา


“ขอโทษ… ข้าลังเลเพราะเด็กคนนั้นน่าสงสาร เป็นความผิดของข้าเอง ข้าจะรับผิดชอบทุกสิ่ง และยอมรับบทลงโทษทั้งหมด”


“…ข้าเองก็ขอโทษ”


บีบันทำได้เพียงยืนสั่นเทา


มันสัมผัสได้ว่า เบ็ตตี้เองก็กำลังโกรธและเศร้า


‘กริด ได้โปรด…’


ขณะจ้องมองแผ่นหลังกริดซึ่งเพิ่งเดินผ่านวาร์ปเกตและหลงเหลือเพียงละออง ความปรารถนาอย่างแรงกล้าผุดขึ้นจากก้นบึ้งจิตใจบีบัน


‘ได้โปรด… ได้โปรดสร้างปาฏิหาริย์อีกครั้ง… ได้โปรดช่วยเหลือชาวตะวันออกและหญิงชราผู้น่าสงสารคนนี้ด้วย…’


***


[ใครบางคนกำลังสวดวิงวอนถึงท่าน]


นี่คือหน้าต่างข้อความแจ้งเตือนที่พบได้จนชินตาหลังจากค่าสถานะ ‘คำวิงวอน’ ถูกเปิดใช้งาน


มันผุดขึ้นและหายไปจากมุมสายตาโดยไม่สร้างความรบกวน ตรงกันข้าม มันกลับช่วยมอบความฮึกเหิมให้ชายหนุ่มอย่างน่าประหลาด


‘แม้แต่ในดินแดนนี้ก็ยังมีคนสวดวิงวอนถึงเรา’


ณ ทวีปตะวันออก


อากาศแตกต่างจากเมื่อครู่โดยสิ้นเชิง มีกลิ่นหอมของต้นสนถูกสายลมหอบผ่าน


‘ต้องรีบแล้ว’


ตามปรกติ ทุกครั้งที่มาเยือนทวีปตะวันออก กริดจะต้องแวะเข้าไปหากษัตริย์โชก่อนเสมอ แต่ครั้งนี้เวลาไม่เอื้ออำนวย


ชายหนุ่มตรงดิ่งไปยังเป้าหมายโดยการกระหน่ำผลาญชุนโปอย่างต่อเนื่อง


***


ณ คายา


เฒ่าดาบมารซึ่งตายไปโดยยังไม่ทราบสาเหตุ ฟื้นคืนอีกครั้งในทันที


โชคดีที่จุดเกิดกับจุดตายไม่ห่างกันมากนัก


จึงสามารถระบุสาเหตุการตายได้ทันที


“หมายความว่ายังไงกัน…”


เฒ่าดาบมารซึ่งคืนชีพในศาลเจ้าที่ตั้งอยู่สูงกว่าเมือง แทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น


มังกรตัวใหญ่กำลังอาละวาดไปทั่ว รูปลักษณ์แตกต่างจากมังกรครามแห่งตะวันออกโดยสิ้นเชิง ปีกของใหญ่ยักษ์ ร่างกายมหึมา คอยพ่นไฟทางรูจมูกด้วยสายตาเกรี้ยวกราด


“มังกร…”


เหตุไฉนมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งที่สุดของทวีปตะวันตก ถึงมาปรากฏตัวบนดินแดนอันไกลโพ้นแห่งนี้?


เฒ่าดาบมารเชื่อว่าเป็นฝีมือของแอ็กนัส ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบัน มันคิดเป็นอื่นไปไม่ได้นอกจากแอ็กนัสพาอสุรกายดุร้ายตัวนี้มาเพื่อถล่มเมืองให้ราบคาบ


ทันใดนั้นเอง แสงสว่างสองมาจากด้านในศาลเจ้า ด้านหลังเฒ่าดาบมาร


เป็นสัญญาณการคืนชีพของผู้เล่น


เฒ่าดาบมารหันกลับไปมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง


“แอ็กนัส ไอ้คนระยำ!”


“อา… ไม่ได้คืนชีพบนโลกกึ่งกลางมานานแค่ไหนแล้วนะ”


เมื่อใดก็ตามที่แอ็กนัสตาย มันจะคืนชีพในนรก


เป็นหนึ่งในข้อเสียของคลาสผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล


แต่ปัจจุบัน มันเป็นอิสระจากสิ่งนั้นแล้ว


เมื่อไม่มีการกำหนดจุดคืนชีพ แอ็กนัสจึงเกิดใกล้กับจุดที่ตาย


เป็นอีกครั้งที่มันได้ลิ้มรสจุดแข็งของการเป็นผู้เล่น


“มังกรนั่นมันอะไร? ต้องฆ่าคนอีกเท่าไรถึงจะสาแก่ใจนาย!”


“ฉันไม่รู้จักเจ้านั่น”


ในที่สุด แอ็กนัสได้กลับมาเป็นผู้เล่นคลาสหมอผีธรรมดาหลังจากผ่านไปหลายปี


ดวงตาของมันส่องประกายคล้ายผู้เล่นปรกติ ความเยือกเย็นของสีหน้าแปรผันตามการดิ่งฮวบของเลเวล ท่าทีการสะบัดผมสีเขียวชวนให้นึกถึงวันวานสุดโฉดของแอ็กนัส


“พวกยังบันตายเป็นผักปลา… นี่สินะมังกร แข็งแกร่งสมคำร่ำลือ”


“ไอ้สวะ! ใช่เวลามัวชื่นชมอยู่หรือ? เมืองกำลังจะพินาศแล้ว!”


จากการพิจารณาของเฒ่าดาบมาร ดูเหมือนว่าแอ็กนัสจะไม่เกี่ยวข้องกับมังกรจริงๆ


มันสลัดความเกลียดชังที่มีต่อแอ็กนัสทิ้งไปชั่วคราว สายตาจดจ้องชาวเมืองซึ่งกำลังหนีตายอลหม่าน ภายในใจคำนวณหาจังหวะเหมาะเจาะที่ตนต้องออกไปช่วย


แอ็กนัสถาม


“นายอยากช่วยชาวเมือง?”


“คิดจะเยาะเย้ยกันหรือไง แน่นอนอยู่แล้ว! ฉันกำลังวางแผนช่วยพวกเขา! ฉันไม่ใช่นายที่ทำร้ายผู้คนได้ง่ายดาย เพราะว่าฉันคือ… เราคือ…”


ฉากแล้วฉากเล่าขณะใช้ชีวิตร่วมกับฮวางกิลดงแล่นผ่านจิตใจ


เคยช่วยชีวิตไปกี่คน พยายามช่วยกี่คน และช่วยไม่สำเร็จกี่คน


ในครั้งนี้ก็เช่นกัน ผลลัพธ์อาจออกมาเป็นแบบหลัง


แอ็กนัสเร่งฝีเท้าเดินผ่านเฒ่าดาบมารที่กำลังเผยสีหน้าดำมืด


“ถ้าอยากช่วยคน ก่อนอื่นก็เริ่มที่การช่วยยังบัน”


“หมายความว่ายังไง…?”


“ดูเหมือนว่ามังกรตัวนั้นจะเล็งชิ้นส่วนพลังของบาเอลอยู่ หากมันช่วงชิงสำเร็จ เมืองนี้จะกลายเป็นซากปรักหักพังในพริบตา ดังนั้น อันดับแรกต้องช่วยยังบันรับมือกับมังกร จากนั้นค่อยหาโอกาสทำลายชิ้นส่วนพลังของบาเอล”


“ฮะฮะ…? นายคิดจะร่วมมือกับฉันเพื่อช่วยคน? ใครจะไปหลงเชื่อ! กำลังหาข้ออ้างที่จะกลืนชิ้นส่วนพลังของบาเอลกลับเข้าไปใหม่ล่ะสิ!”


“ไม่สนว่านายจะเชื่อหรือไม่ นับแต่นี้ไป ฉันจะทำแค่ในสิ่งที่ตัวเองอยากทำ”


เป็นความรู้สึกประหนึ่งโซ่ตรวนขาดสะบั้น


เมื่อลองมองย้อนกลับไป <ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล> คือสิ่งเดียวที่มันพึ่งพา และยังเป็นสิ่งที่พามันดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนรกที่ลึกกว่าเดิม


“จงแทรกซึมเงามืด ลันเทียร์”


[อัศวินความตาย ‘ลันเทียร์’ ไม่ตอบสนอง เนื่องจากท่านมีอำนาจไม่มากพอ]


“จงชักดาบ คาโฮ”


[อัศวินความตาย ‘คาโฮ’ ไม่ตอบสนอง เนื่องจากท่านมีอำนาจไม่มากพอ]


ไม่มีใครตอบรับ


มันสูญเสียการเชื่อมต่อกับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดที่ครอบครองในสมัยเป็นผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล


ความเหงาจับใจแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย แถมยังถูกซ้ำเติมด้วยสายลมเย็นฉ่ำ


แต่แอ็กนัสยังคงฝืนทน


“จงแสดงความเคียดแค้น เหล่าคนตายผู้น่าสงสาร”


ครืน—


อันเดดหลายสิบตัวค่อยๆ ยืนขึ้นด้านข้างแอ็กนัสซึ่งกำลังเดิน


พวกมันล้วนเป็นทหารโครงกระดูกที่น่าสมเพช ดาบและธนูเหล็กมีสนิมเกาะ


ทักษะพื้นฐานของคลาสหมอผี


แอ็กนัสมิได้แยแส


มันเอื้อมมือออกจากชุดคลุมเพื่อหยิบอาวุธออกจากช่องสัมภาระ เป็นไม้เท้าเก่าซึ่งเคยใช้ในอดีต แถมยังเป็นอดีตที่นานมาก


“พวกเรามาเริ่มกันเลยไหม?”


“นี่นาย…?”


คู่ดวงตาของเฒ่าดาบมารกำลังจดจ้องแผ่นหลังแอ็กนัส


ร่างกายท่อนบนของแอ็กนัสถูกเผยให้เห็นใต้ชุดคลุมซอมซ่อซึ่งกำลังพัดกระพือ บริเวณดังกล่าวปราศจากเนื้อหนัง มีเพียงกระดูกขาวเปลือยเปล่าและเครื่องในที่ยุบพอง ดูน่าสยดสยองและน่าสมเพชยิ่งกว่าทหารโครงกระดูกที่ยืนอยู่รอบๆ เสียอีก


เป็นสภาพอันน่าอดสูซึ่งคนธรรมดาจะไม่เผยให้ใครเห็น


ทว่า สีหน้าของแอ็กนัสมิได้แปรเปลี่ยน


เมื่อเทียบกับสภาพก่อนที่จะถูกเฒ่าดาบมารจบชีวิตลง แอ็กนัสเยือกเย็นและเปี่ยมไปด้วยพลังงานกว่ามาก


ความร้อนแรงซึ่งแผ่ออกจากดวงตาสีทอง ดูเย็นชาประหนึ่งโลหะ ส่งผลให้เฒ่าดาบมารมองอีกฝ่ายด้วยสายตาที่แปลกออกไป


______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00