จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,556



เซฮีไม่เคยลืมช่วงเวลาที่ได้เห็นเมอร์เซเดสครั้งแรก


สายตาของเธอถูกตรึงไว้ในทันที


อีกฝ่ายงดงามมากเสียจน สมองเซฮีขาวโพลนไปชั่วขณะ


แถมสีหน้าก็ยังไม่ชัดเจน


ราวกับเธอเป็นตุ๊กตา


และนั่นยิ่งทำให้เซฮีประหลาดใจ


‘สีหน้าของเธอ…?’


ขณะจ้องแผ่นหลังของกริดและบาซาร่า แก้มเมอร์เซเดสป่องออกเล็กน้อย


ดวงตาซึ่งเคยเยือกเย็นตลอดเวลา กำลังสั่นระริกรุนแรง เปียกเปื้อนด้วยความชุ่มชื้นอีกเล็กน้อย


ต่างจากยูร่าและจิสึกะที่แยกแยะซาทิสฟายกับความจริงได้ ดูเหมือนว่าเมอร์เซเดสจะค่อนข้างว้าวุ่นกับงานแต่งของกริด


การแสดงของชัดเจนเป็นพิเศษ


เธอเสียอาการเป็นอย่างมาก ราวกับเป็นคนละคนโดยสิ้นเชิง


เมอร์เซเดสในปัจจุบันดูเหมือนกับเด็กสาวบอบบาง ยุทธภัณฑ์ที่กำลังสวมดูหนักและน่าอึดอัดเป็นพิเศษ


มือหนึ่งยื่นมากุมมือหญิงสาว ไม่ใช่ใครนอกจากไอรีน


สตรีผู้ควรจะเศร้ามากกว่าใครในงาน กำลังยิ้มปลอบใจเมอร์เซเดส


“ไม่ต้องเสียใจไป ลำดับที่สองหรือสามนั้นไม่สำคัญ ความรักที่ฝ่าบาทมอบให้เธอจะไม่เปลี่ยน”


เธอสามารถพูดได้เต็มปาก เพราะนอกจากกริด ไอรีนตระหนักถึงเรื่องนี้ดีกว่าใคร


เมอร์เซเดสพยักหน้ารับ ก้มจ้องถุงมือเย็นเยียบ


“ค่ะ”


ดิฉันขอโทษที่แสดงท่าทีมิบังควรในพิธีสมรสอันยิ่งใหญ่


ดิฉันเข้าใจจุดยืนของฝ่าบาท


และอีกมากมาย


เมอร์เซเดสมิอาจพูดในสิ่งที่กำลังคิด ทำได้เพียงมอบคำตอบสั้นห้วน ด้วยเกรงว่าน้ำตาอาจพรั่งพรูออกมาหากพูดอะไรมากไปกว่านี้


ฝ่าบาทที่แสดงความรักต่อเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน


เมื่อต้องเห็นพระองค์สมรสกับหญิงอื่น ทั้งที่เธอเคยวาดฝันว่าจะใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกับองค์ราชินีเพียงสามคน เมอร์เซเดสอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า ริษยา และกระอักกระอ่วน


ในคืนเดียวกัน


เหนือกำแพงปราสาทซึ่งถูกฉาบด้วยแสงจันทร์สีฟ้านวล


“เมอร์เซเดส”


กริดคุกเข่าลงหนึ่งข้างพร้อมกับยื่นแหวนเลี่ยมอัญมณีสีใสออกมา


“แต่งงานกับฉันนะ”


เมื่อไม่นานมานี้


กริดและเมอร์เซเดสยืนยันหัวใจของกันและกันจนมั่นเหมาะ


ความเร่าร้อนของทั้งสองสามารถละลายน้ำแข็งบนเทือกเขาเคอัส


กริดและเมอร์เซเดสเผชิญหน้ากัน ฟังเสียงลมหายใจกันและกัน มิใช่เสียงกรีดร้องของมอนสเตอร์


สิ่งที่ชุ่มชโลมร่างกายมิใช่เลือดสัตว์ป่า หากแต่เป็นเหงื่อของกันและกัน


ครั้งแล้วครั้งเล่า


ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ


ดังนั้น กริดต้องรับผิดชอบเมอร์เซเดส


แม้จะไม่มีความจำเป็น แต่ชายหนุ่มก็เชื่อว่านี่คือหน้าที่


กริดอยากมีเมอร์เซเดสอยู่ข้างกาย


มันหลงใหลอีกฝ่ายมานานแล้ว


“งานแต่งของเราอาจไม่ยิ่งใหญ่เท่านี้… ฉันขอโทษ”


ภรรยาหลวงของกริดคือไอรีน


ในกรณีของบาซาร่า กริดไม่มีทางเลือกนอกจากต้องจัดพิธีสมรสอย่างยิ่งใหญ่ เนื่องจากอีกฝ่ายมีตำแหน่งเป็นอดีตจักรพรรดินีและผู้สืบสายเลือดซาฮารัน


แต่กับเมอร์เซเดส เธอเป็นกรณีพิเศษ


พิธีสมรสกับเมอร์เซเดสควรจัดอย่างเรียบง่ายที่สุด


นั่นก็เพราะแสดงความเกรงใจต่อไอรีน


“ถ้าเธอไม่ขัดข้อง… ไม่สิ เธอต้องแต่งกับฉัน…”


ยังไม่ทันที่กริดจะพูดจบ


หงึก


เมอร์เซเดสพยักหน้าหนักแน่น


หญิงสาวก้มศีรษะลงจนมองไม่เห็นใบหน้า


แต่กริดสัมผัสได้


เฉกเช่นเมื่อครั้งอยู่ในพิธีสมรส กริดสัมผัสถึงการแสดงออกของเมอร์เซเดสในปัจจุบันได้อย่างชัดเจน


ชายหนุ่มสวมกอดแนบแน่น


เพื่อถ่ายทอดความรู้สึกจากก้นบึ้ง


“…ดิฉันรักฝ่าบาท”


ขณะรู้สึกโล่งอก เมอร์เซเดสขยับปากพรั่งพรูความในใจ


ฉากที่อีกฝ่ายกำลังหน้าแดงพลางเปล่งเสียงตะกุกตะกักเนื่องจากสะอื้น ทำให้กริดอมยิ้มอย่างมีความสุข


“ฉันก็เหมือนกัน”


กริดใช้คางลูบศีรษะเมอร์เซเดส


ราชาแห่งอัศวินมีร่างกายเล็กกะทัดรัดจนน่าตกใจ


กระหม่อมของเธอเลยลิ้นปี่ของกริดมาเพียงไม่มาก


ส่วนใหญ่คนมักไม่รู้เรื่องนี้


ในยามปรกติ เมอร์เซเดสจะสร้างออร่าข่มขวัญที่ทำให้ร่างกายตัวเองดูใหญ่ขึ้น


ดวงตานับหมื่นกำลังพร่างพราวราวกับคอยอวยพรแก่คนทั้งสอง


***


“มัวแต่แอบดูอยู่ทำไม? ออกไปสิ! ตายแล้วคืนชีพได้ยังจะกลัวอะไรอีก?”


“ความเสียหายจากการตายนั้นใหญ่หลวง… นายเป็นตำนานไม่ใช่หรือ? ตำนานย่อมไม่ตายโดยง่ายไม่ใช่หรือ? นายนั่นแหละต้องออกไป”


“โอ้โห… เชื่อเขาเลย ถ้ามีการคัดเลือกคนที่หน้าด้านที่สุดในโลก นายได้อันดับหนึ่งแน่นอน”


“แล้วนายล่ะ?”


“คงที่สามมั้ง”


“ไม่มีความละอายใจเลยหรือไง”


ทวีปตะวันออก


เฒ่าดาบมารและฮวางกิลดงยังคงผจญภัยร่วมกัน


พวกมันเตร็ดเตร่ไปทั่วอาณาจักรเพื่อปลดปล่อยผู้ที่ยังหลงอยู่ในความเชื่อเท็จจากเทพจอมปลอม


ฝ่าฟันความตายด้วยกันมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน เนื่องจากศัตรูเป็นถึงยังบันซึ่งเกิดมาพร้อมสถานะเหนือมนุษย์


แต่นั่นก็ไม่ช่วยให้พวกมันไว้ใจกันและกัน


ถึงจะเคยเฉียดเส้นตายร่วมกัน แต่ก็ยังไม่กล้าฝากแผ่นหลังให้อีกฝ่ายดูแล


นั่นเพราะต่างคนต่างรู้ไส้รู้พุงอีกฝ่าย


พวกมันเห็นความสำคัญของชีวิตตัวเองมาเป็นอันดับหนึ่ง


คุณธรรมของพวกมันตั้งอยู่บนความเป็นจริง


สู้เพื่อผู้อื่น แต่จะไม่เสียสละตัวเอง


จะทำในสิ่งที่ถูกต้องอย่างสุดความสามารถ แต่ในบางสถานการณ์ก็ขอเผ่น


ให้ตำหนิก็คงไม่ได้


เพียงเพราะมองคุณธรรมไปตามความเป็นจริง ไม่ได้แปลว่าคุณธรรมของพวกมันเป็นของปลอม


นอกจากนั้น พวกมันยังมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่อย่างการทำลายยังคง จะให้รีบด่วนตายคงไม่ได้


“หมอนั่นคงจะได้บทเรียนแล้วกระมัง… ทีหลังอย่าหมิ่นเทพอีก”


ณ เมืองหนึ่งในคายา


กลุ่มยังบันที่กระทืบเจ้าเมืองจนสาแก่ใจ ทยอยกลับออกไปหลังโทสะถูกระบาย


ฮวางกิลดงและเฒ่าดาบมารซึ่งเฝ้ามองฉากดังกล่าวจากระยะไกล ถอนหายใจผ่อนคลาย


“คงเพราะกลัวสายตาผู้คน พวกมันจึงมิได้ฆ่าเขา… ฟู่ว… โล่งอกไปที”


“เห็นด้วย”


ในระยะหลัง ยังบันเริ่มมีนิสัยก้าวร้าวมากขึ้น


คงเป็นเพราะเรื่องที่ผนึกของฟีนิกซ์แดงและเต่าดำถูกปลด พวกมันจึงกระวนกระวาย


ยังไม่กับถึงฆ่าคนส่งเดช แต่ถ้าไม่สบอารมณ์เมื่อไร พวกมันก็ไม่ลังเลที่จะระบายโทสะ


และสาเหตุของความไม่สบอารมณ์ ส่วนใหญ่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย


เจ้าเมืองถูกรุมกระทืบเพียงเพราะมันเสิร์ฟเหล้าราคาถูกให้ยังบัน


“ถ้ามาน้อยกว่านี้สักสามคน ฉันคงออกไปช่วยแล้ว… น่าเสียดาย”


“ฉันจะออกไปถ้าช่วยถ้าน้อยกว่านี้สองคน”


“อันที่จริง ถ้าน้อยกว่านี้สักคนฉันก็ออกไปแล้ว”


“เด็กน้อยชะมัด”


“กำลังบอกตัวเอง? นายเริ่มก่อนไม่ใช่หรือ”


ใบหน้าของเฒ่าดาบมารและฮวางกิลดงซึ่งกำลังถกเถียง ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหมองหม่น


พวกมันโกรธแค้นตัวเองที่ไร้พลัง และทำได้เพียงหลบซ่อนขณะยังบันใช้ความรุนแรงกับคนบริสุทธิ์


‘ถ้าหมอนี่เก่งกว่านี้อีกสักนิดล่ะก็…’


‘ถ้าหมอนี่แข็งแกร่งกว่านี้อีกนิด…’


ชายสองคนซึ่งกำลังถอนหายใจพลางตัดพ้ออีกฝ่าย อันที่จริงพวกมันมิได้อ่อนแอ


เฒ่าดาบมารคือแรงเกอร์ปกปิดตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุด และฮวางกิลดงเป็นตำนานของทวีปตะวันออก


เฒ่าดาบมารสามารถจัดการยังบันทั่วไปสองสามคนได้สบาย และฮวางกิลดงรับมือได้มากกว่านั้นสองเท่า


ทว่า กลุ่มยังบันที่เพิ่งทยอยออกไปมีทั้งสิ้นสิบเอ็ดคน


ห้าในสิบเอ็ดคือยังบันที่ถอดหมวก ‘คัด’


พวกมันถูกส่งมาเพื่อเป็นเป้าการกราบไว้บูชา


จริงอยู่ หลังจากเทพฟีนิกซ์แดงและเต่าดำคืนชีพ ยังบันก็อ่อนแอลง แต่ใช่ว่าพวกมันจะออกมาเดินข้างนอกไม่ได้


“เฮ้อ… เราต้องอยู่ในเมืองนี้อีกนานแค่ไหน?”


เจ้าเมืองซึ่งกำลังบาดเจ็บสาหัส พยายามตะเกียกตะกายอยู่บนพื้น


แขนขาหักจนมิอาจพยุงตัวเอง แต่ก็ไม่มีใครเข้ามาช่วยพยุง


เพราะทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับการกราบไว้ยังบันซึ่งเพิ่งเดินจากไป


และเหตุผลที่เจ้าเมืองพยายามตะเกียกตะกายก็ไม่ต่างกัน


มันต้องการตะเกียกตะกายขึ้นมาคุกเข่าทำความเคารพยังบัน


เป็นภาพที่น่ารังเกียจและน่าสังเวชเหนือพรรณนา


นอกจากอาณาจักรโชและชิงซึ่งเป็นอิสระได้เพราะกริด ผู้คนในอาณาจักรที่เหลือยังคงใช้ชีวิตอย่างน่าอนาถ


“อีกไม่นาน”


ฮวางกิลดงซึ่งพยายามเพิกเฉยต่อฉากไม่พึงประสงค์ มอบคำตอบ


“ได้เวลาที่กองทัพซึ่งถูกส่งไปช่วยตะวันตก จะทยอยกลับมาถึงแล้ว”


ข่าวคราวของมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูรจากฝั่งตะวันตก ได้แพร่มาถึงตะวันออก


มีผู้เห็นเหตุการณ์จำนวนมากยืนยันว่า พวกตนเห็นชายหูแหลมพาตัวกองทัพของโชและชิงหายไปพร้อมกับแสงสว่าง


“นายคิดว่าจะมีอสูรปะปนมาด้วย?”


“แน่นอน แม้แต่ผียังมีพลังสิงร่างมนุษย์ คิดว่าอสูรจะไม่มีหรือไง? บางคนต้องปะปนอยู่ในหมู่มนุษย์เพื่อเอาตัวรอด และพวกมันจะถูกส่งกลับมาที่นี่พร้อมกัน”


“อา…”


ไม่กี่วันถัดมา


คำทำนายของฮวางกิลดงกลายเป็นความจริง


จากบรรดาทหารของอาณาจักรโชและชิง มีอสูรปะปนอยู่ในร่างมนุษย์ และพวกมันต้องทุกข์ทรมานจากพรคุ้มครองของฟีนิกซ์แดงและเต่าดำ


พวกมันรีบเผ่นหนีจากทั้งสองอาณาจักร กระจัดกระจายไปทุกทิศ โดยมีหลายตนมารวมตัวกันที่คายา


คล้ายกับถูกพลังของมังกรครามที่ถูกผนึกดึงดูด


พวกมันเตร็ดเตร่เข้ามาโดยที่ไม่ทราบว่า มีปีศาจแบบใดคอยปกป้องพลังนั้นอยู่


และเมืองที่เฒ่าดาบมารและฮวางกิลดงกำลังซ่อนตัว คือปากทางเข้าสู่เมืองหลวงคายา


“หือ…?”


แม้จะมีนิสัยบัดซบ แต่ฮวางกิลดงก็เป็นคนมีฝีมือ


มันคือยอดฝีมือที่คอยเร้นกายต่อกรกับยังบันตามลำพังมานานหลายร้อยปี


เฒ่าดาบมารซึ่งกำลังชื่นชมความแม่นยำในการคาดคะเนของฮวางกิลดง และเตรียมจัดการกับอสูร พลันฉงนหนัก


ในหมู่อสูรซึ่งปลอมตัวเป็นมนุษย์และกำลังแผ่ปราณอสูรเหม็นโชย


หนึ่งในนั้นมีชายผมสีเขียวโดดเด่นสะดุดตา


“แอ็กนัส…!”


คู่ดวงตาของเฒ่าดาบมารพลันเบิกโพลง


เมื่อไม่กี่ปีก่อน


แอ็กนัสลงมือฆ่าล้างเผ่าพันธุ์บนทวีปตะวันออก


จากบรรดาผู้ตกเป็นเหยื่อ มีคนรู้จักของเฒ่าดาบมารปะปนอยู่ไม่น้อย


ผู้คนนับร้อยตายไปโดยที่ไม่ทราบเหตุผล มีทั้งสตรีที่เฒ่าดาบมารเคยช่วยชีวิตจากสงคราม แม่และลูกสาวที่ช่วยออกจากบึงแห่งความยากจน เด็กชายและเด็กหญิงที่เคยช่วยไว้และคอยดูแลจนโตเป็นหนุ่มสาว


ทุกคนถูกฝังใต้ดินเหมือนขยะ บ้างถูกปลุกขึ้นมาเป็นทหารในสภาพเน่าเปื่อยและน่าขยะแขยง


ความโกรธและเจ็บปวดเมื่อครั้งเฒ่าดาบมารได้ยินข่าวเหล่านั้นระหว่างการเดินทาง ยังคงแจ่มชัดจวบจนปัจจุบัน และทำให้หัวใจสูบฉีดได้ทุกครั้งที่หวนนึกถึง


“ตายซะ…! ฉันจะฉีกแกเป็นหมื่นชิ้นแล้วโยนให้หมากิน!!”


“ฮ…เฮ้ย? คิดจะทำอะไร…”


ฮวางกิลดงห้ามไม่ทัน


เฒ่าดาบมารโยนตัวเองลงบนถนนด้วยความเร็วสูง


ฮวางกิลดงซึ่งเตรียมจะวิ่งตามไป มีเหตุให้ต้องหยุดชะงัก


‘บัดซบ!’


บนถนนกลางวันแสก


ท่ามกลางเสียงเอะอะของผู้คน ออร่าของยังบันที่กระจายอยู่ทั่วเมือง มีความเคลื่อนไหวแทบจะในเวลากัน ประหนึ่งพวกมันกำลังรุดหน้ามาที่นี่เพื่อชมเหตุการณ์ด้วยความสนใจ


“อันตรายนะโว้ย…! เฒ่าดาบมาร! ฉันขอเผ่นก่อน เป็นตายขึ้นอยู่กับตัวนายเองแล้ว!”


ฮวางกิลดงเผ่นหนีโดยไม่หันหลังกลับ


“นายคือ…?”


“เฒ่าดาบมารไง! ไอ้สวะ!”


“…!”


แอ็กนัสกำลังเผชิญหายนะ


ขณะชาวโอเวอร์เกียร์กำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมทีมสำรวจนรก แอ็กนัสแอบขึ้นมาบนโลกกึ่งกลางทางทวีปตะวันออก แต่กลับต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดแทบจะในทันที


ให้ตายสิ… คงใช้คำอื่นไม่ได้นอกจากโชคร้าย…


‘พักนี้อะไรก็ไม่เป็นใจ’


ไม่สิ ไม่ใช่แค่พักนี้


ชีวิตของมันผิดทิศทางมาตั้งแต่แรกแล้ว


แอ็กนัสได้แต่ขำแห้ง


***


หอแห่งปัญญา


ขณะบีบันกำลังตัดพ้อเกี่ยวกับขนาดที่กว้างขวางเกินจำเป็นของหอแห่งปัญญาใหม่ ดวงตาของมันเบิกโพลง


เบ็ตตี้


หญิงสาวผู้ไม่เคยออกจากห้องนอกจากเวลาประชุม ย่างกรายเข้าใกล้บีบัน


“ฉันต้องพบกริด… ช่วยพาไปหาหน่อย”


“เดี๋ยวนี้? คุณย่า พวกเราเป็นสภาหอคอยนะ จะลงจากหอคอยปุบปับไม่ได้ ต้องดำเนินการตามขั้นตอน…”


“ผู้ทำพันธสัญญากับบาเอล… กำลังจะหมดคุณสมบัติ”


“…”


บีบันที่หูผึ่ง รีบโยนไม้ถูพื้นทันที

______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00