จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,215
‘ไม่อยากจะคิดเลยว่า ถ้าปิอาโร่มีพลังจิตไร้เทียมทาน เขาจะน่ากลัวขนาดไหน’
ตำนานในยุคปัจจุบันยังไม่ใช่ร่างสมบูรณ์ เมื่อเทียบกับตำนานยุคก่อน ประสบการณ์และบารมียังบกพร่องไปอยู่มาก
อย่างไรก็ตาม หากปิอาโร่ได้ครอบครองพลังจิตไร้เทียมทานของบีบันเมื่อใด จะต้องพัฒนาจนกลายเป็นหัวหอกสำคัญของตำนานยุคสมัยปัจจุบันได้แน่
กริดฉีกยิ้มอย่างมีความสุข พลางนึกทบทวนรายละเอียดการต่อสู้เมื่อครู่
‘…ควรใช้วังวนสะท้อนกลับไปดีไหม?’
แต่ปัญหาคือ การโจมตีของปิอาโร่มีโอกาสแสดงผลสามครั้งซ้อน หากต้องการสะท้อนกลับไปทั้งหมด เราก็ต้องใช้วังวน วันสะพรั่ง แล้วใช้ ‘เสมือนเทพ’ เพื่อรีเซตวังวนอีกรอบ?
ครุ่นคิดสักพัก กริดส่ายหน้า
‘ทำทั้งหมดนั่นไม่ทันแน่’
ทั้งวังวันและวังวนสะพรั่งคือท่ารำดาบประเภทหนึ่ง ยิ่งผสานหลายชนิด จังหวะก่อนใช้ก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น
ในเชิงกายภาพ กริดแทบไม่มีโอกาสใช้งานทักษะรำดาบสามครั้งในช่วงเวลาสั้น ๆ ขณะ ‘บดข้าวเปลือก’ กำลังแสดงผลได้แน่
จริงอยู่ บดข้าวเปลือกของปิอาโร่ไม่จำเป็นต้องโจมตีสามครั้งเสมอไป
หากเทพธิดาแห่งโชคยังเข้าข้างกริดอยู่บ้าง การโจมตีของอีกฝ่ายจะออกมาแค่ฮิตเดียว และนั่นยังพอสะท้อนกลับไปได้ด้วยวังวน
แต่เงื่อนไขนี้ต้องพึ่งพาดวงมากเกินไป สำหรับกริดผู้มีดวงบัดซบมาทั้งชีวิต มันพยายามเลี่ยงให้ไกลจากการเสี่ยงโชคทุกชนิด
‘ใช้ดาบสลายทัพสองแสนไม่ได้เหมือนกัน…’
จริงอยู่ ท่าโจมตีของปิอาโร่อาจเป็นทักษะรุนแรงอันดับหนึ่งของโลกซาทิสฟาย ณ ปัจจุบัน แต่นั่นก็ไม่รอดพ้นจากสุดยอดเอฟเฟค ‘ลบล้าง’ ของดาบสลายทัพสองแสน
อย่างไรก็ตาม ยิ่งเป็นการโจมตีรุนแรง ความเสียหายต่อร่างกายกริดก็ยิ่งหนักหน่วง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากใช้วิชาดาบสลายทัพสองแสนกับบดข้าวเปลือก พลังชีวิตของกริดจะลดลง 50% ในทันที แถมด้วยการชำรุดของอวัยวะอีกสักชิ้น ไม่ท่อนแขนก็คงหัวไหล่
และถัดจากนั้น ตัวมันในสภาพพิการก็แทบจะหมดโอกาสชนะปิอาโร่ไปโดยปริยาย
หมายความว่า เราตัดสินใจได้เหมาะสมแล้ว…
‘…แต่ถ้าเป็นการต่อสู้จริง ผลลัพธ์คงออกมาอีกรูปแบบหนึ่ง’
กริดและปิอาโร่ต่างมีประกันชีวิตอมตะ 5 วินาทีด้วยกันทั้งคู่ ถ้าดวลกันโดยไม่ใช้โหมดประลอง กริดจะวางแผนใช้งาน 5 วินาทีดังกล่าวให้เกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่หวั่นเกรงความตาย
แต่ในเมื่อตัดตรงนั้นออกไป ทั้งคู่จึงสู้กันแบบระมัดระวังตัว
หรือในอีกความหมายหนึ่ง โหมดดวลแบบไม่นับประกันชีวิตอมตะ คือการจำลองการต่อสู้ของผู้เล่นทั่วไป ซึ่งไม่เคยสัมผัสประสบการณ์อมตะก่อนตาย 5 วินาทีมาก่อน
‘พวกเขาเล่นเกมโดยไม่พึ่งพาสิ่งนั้นมาตลอด’
กริดเริ่มเข้าใจแล้วว่า เหตุใดสไตล์การต่อสู้ของผู้เล่นปรกติจึงค่อนข้างรัดกุม แตกต่างจากตนซึ่งกล้าได้กล้าเสีย และวางแผนใช้งานบัฟอมตะให้เกิดประโยชน์สูงสุด
‘ถ้าไฮแรงเกอร์มีประกันชีวิตอมตะ พวกเขาจะแข็งแกร่งกว่านี้เป็นเท่าตัว…’
ขณะกริดกำลังเพ่งสมาธิใคร่ครวญ ภวังค์ของมันถูกดึงกลับโลกความเป็นจริง
“ดยุคปิอาโร่!”
ปิอาโร่ ดยุคแห่งอาณาจักรโอเวอร์เกียร์
ทั่วทั้งอาณาจักร ไม่มีใครกล้าเรียกชื่อปิอาโร่ห้วน ๆ นอกจากกริด (ในความเป็นจริง กริดเองก็ต้องการเรียกด้วยคำสุภาพ แต่ปิอาโร่ไม่ชอบ)
การปรากฏตัวของเทศมนตรีแร็บบิตได้ทำให้ชายหนุ่มสัมผัสถึงลางร้าย
และไม่ผิดคาด
“ท่านจะไม่ได้รับค่าจ้างของเจ็ดเดือนถัดไป!”
อาณาจักรโอเวอร์เกียร์มีระบอบบริหารแบบรวมศูนย์ รายได้ทั้งหมดจะตกเป็นของผู้ปกครองสูงสุดอย่างพระราชาเพียงคนเดียว
โดยแร็บบิตคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จในภาคการเงินของอาณาจักร ฉะนั้น แม้แต่กริดก็ยังไม่กล้ามีปากเสียงกับแร็บบิตในเรื่องเงินทอง
“ร…แร็บบิต…”
กริดมิอาจปล่อยให้ปิอาโร่ตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก จึงคิดบอกให้แร็บบิตยกเลิกบทลงโทษดังกล่าว โดยเตรียมให้เหตุผลสนับสนุนว่า ‘บทลงโทษรุนแรงเกินไป’
แต่หลังจากได้ยินอีกฝ่ายอธิบาย ชายหนุ่มยิ่งทวีความหนักใจ
“ฝ่าบาทไม่ควรปกป้องดยุคปิอาโร่ ท่านคงเห็นแล้วไม่ใช่หรือ กองบัญชาการทหารสูงสุดต้องพินาศย่อยยับถึงเพียงนี้ เมื่อประเมินความเสียหายออกมาเป็นตัวเลข เงินจำนวนดังกล่าวสามารถนำไปเลี้ยงทหารได้นับพันนาย!”
“…”
“เพื่อชดเชยส่วนต่าง อาณาจักรจะต้องขึ้นภาษีเป็นเวลาสองเดือน พร้อมกับริบเงินเดินดยุคปิอาโร่เป็นเวลาเจ็ดเดือนเต็ม!”
“…”
แน่นอน แร็บบิตเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี
มันยื่นเอกสารสำหรับประกาศขึ้นภาษีของอาณาจักรเป็นเวลาสองปีให้กริดลงนาม
ขณะยืนเหงื่อไคลชุ่มโชก กริดหันไปประสานสายตากับปิอาโร่
ดวงตาซึ่งเคยสุขุมและไม่เคยสั่นคลอน ยามนี้กำลังมองกลับมาอย่างวิงวอน คล้ายกับลูกสุนัขรอให้เจ้านายป้อนอาหาร
กริดถอนหายใจยาว ก่อนจะฉีกเอกสารทิ้ง
“สำหรับความเสียหายในครั้งนี้ ฉันมีส่วนผิดมากกว่าใครทั้งหมด ดังนั้น ฉันจะเป็นคนชดเชยเงินส่วนต่างให้เอง โดยไม่ต้องขึ้นภาษีอาณาจักรหรือริบเงินเดือนปิอาโร่”
เฉกเช่นไอรีนและลอร์ด ปิอาโร่คือบุคคลสำคัญในชีวิตกริดมาตลอด
อดีตเคยเป็นอาจารย์ เพื่อนสนิท และปัจจุบันคือขุนพลมือขวาอันดับหนึ่ง ความสำคัญของปิอาโร่มิได้ด้อยไปกว่าข่าน ชายคนนี้ใช้ชีวิตร่วมกับกริดมาตั้งแต่ยุคเริ่มแรก
กริดไม่ต้องการให้ช่วงเวลาฮันนีมูนของปิอาโร่ต้องหม่นหมองเพราะขาดรายได้จุนเจือครอบครัว
และลอเอลเคยกำชับไว้ว่า อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ไม่ควรขึ้นภาษีในช่วงนี้
ปัจจุบัน อาณาจักรเก็บภาษีเงินได้ตั้งแต่ 5% จนถึง 12% และภาษีอุปโภคบริโภคอีก 7% นับว่าต่ำกว่าจักรวรรดิซาฮารัน 30% และสูงกว่าอาณาจักรอื่น 30%
นี่คือตัวเลขซึ่งทุกคนพึงพอใจ ทั้งฝั่งผู้เล่นและฝั่งอาณาจักรเอง ดังนั้น ถ้ามีการขึ้นภาษีแม้เพียงเล็กน้อย หลายฝ่ายอาจไม่พอใจจนถึงขั้นย้ายออกจากอาณาจักร กริดจึงไม่มีทางเลือกนอกจากปล่อยให้รายได้ของตนเพิ่มขึ้นในระดับคงตัวเช่นนี้มาตลอด ดีกว่าปล่อยให้จักรวรรดิซาฮารันขโมยประชากรไป
“ฝ…ฝ่าบาท…”
ปิอาโร่ซาบซึ้งในการตัดสินใจของกริด
เป็นความรู้สึกแสนตื้นตัน คล้ายกับเมื่อครั้งได้คืนดีกับอัสโมเฟลเมื่อหลายปีก่อน
‘เงินทองไม่สามารถซื้อครอบครัวและมิตรภาพอันยิ่งใหญ่ได้…’
กริดเดินไปจับไหล่ปิอาโร่ด้วยมือทั้งสองข้างอย่างแนบแน่น
“ปิอาโร่ ถ้าเพื่อนายแล้ว ฉันสามารถกระโดดลงบ่อลาวาในขุมนรกได้โดยไม่ลังเล ได้โปรดตระหนักว่าตัวเองสำคัญมากเพียงใด”
“ฝ่าบาท…!”
[สายสัมพันธ์ของท่านมีการเปลี่ยนแปลง]
[ท่านและอัศวิน ‘ปิอาโร่’ มีระดับความสัมพันธ์ลึกซึ้งกว่าเดิม]
<สายสัมพันธ์>
รายชื่อบุคคลผู้มีสายสัมพันธ์แนบแน่นร่วมกับท่าน :
สายสัมพันธ์ เลเวล 2 :
★ปิอาโร่★
เพิ่มค่าสถานะ 5% เมื่ออยู่ใกล้กัน
ท่านสามารถรับรู้หากอีกฝ่ายเหลือพลังชีวิตในระดับอันตราย
หากอยู่ห่างกันไม่เกิน 10 กิโลเมตร สามารถส่งเสียงกระซิบเข้าไปในหัวอีกฝ่ายได้ทันที
สายสัมพันธ์ เลเวล 1 :
★บราฮัม★
เพิ่มค่าสถานะ 3% เมื่ออยู่ใกล้กัน
ท่านสามารถรับรู้หากอีกฝ่ายเหลือพลังชีวิตในระดับอันตราย
“…”
ไม่ผิดไปจากคำกล่าวกริด ความพินาศของกองบัญชาการทหารสูงสุดล้วนมีกริดเป็นต้นเหตุสำคัญ
ไม่สิ ต้องเรียกว่ามีส่วนผิดมากกว่าใคร เนื่องจากมันคือผู้เริ่มท้าดวลปิอาโร่
แต่ปิอาโร่มิได้คิดเช่นนั้น
เมื่อเห็นอีกฝ่ายช่วยชดใช้แทนตนทั้งหมด ชาวนาในตำนานรู้สึกซาบซึ้งและมองว่าเป็นหนี้บุญคุณอย่างใหญ่หลวง
‘งานของราชาสินะ…’
กริดเกาแก้มพลางมองไปรอบตัว
อัศวินทุกนาย รวมถึงเมอร์เซเดสและดันเต้ ต่างกำลังมองตรงมาทางตนและปิอาโร่ด้วยใบหน้าชื่นมื่น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สัญลักษณ์แห่งอำนาจและพลังของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์คือปิอาโร่ โดยบุคคลเหล่านี้ล้วนต่อสู้ภายใต้คำบัญชาของปิอาโร่อย่างถวายหัวมาตลอด
เมื่อได้เห็นราชาของตน ปฏิบัติต่อแม่ทัพใหญ่ราวกับเป็นสมาชิกในครอบครัวคนหนึ่ง ห้วงอารมณ์ของพวกมันจึงเริ่มหวั่นไหวคล้อยตาม
ทันใดนั้น
[ค่าความสัมพันธ์กับอัศวิน ‘ดันเต้’ เพิ่มขึ้น 20 หน่วย]
[ค่าความสัมพันธ์กับอัศวิน ‘ซินกูเล็ต’ เพิ่มขึ้น 20 หน่วย]
เดิมที ซินกูเล็ตและดันเต้เข้าร่วมกับกริดเพียงเพราะการมีอยู่ของปิอาโร่ พวกมันแทบไม่มีปฏิสัมพันธ์กับกริดโดยตรงสักเท่าไร จึงไม่ค่อยรู้สึกผูกพันกับกษัตริย์ใหม่ของคน
ในฐานะอัศวิน แม้ค่าความภักดีจะอยู่ในระดับสูงสุด แต่นั่นเป็นคนละส่วนกับค่าความสัมพันธ์ พัฒนาการในวันนี้จึงนับว่าสำคัญต่อกริดมาก
ทางด้านเมอร์เซเดสยิ่งแล้วใหญ่
“ท่านแร็บบิต การเบียดเบียนทรัพย์สมบัติส่วนพระมหากษัตริย์มิใช่ธรรมเนียมถูกต้อง ดิฉันขอไม่รับเงินเดือนตัวเองไปชั่วชีวิต โดยจะนำเงินดังกล่าวไปเป็นค่าซ่อมแซมกองบัญชาการแทน …เท่านี้ก็คงพอใช่ไหม?”
[ท่านและอัศวิน ‘เมอร์เซเดส’ มีระดับความสัมพันธ์ลึกซึ้งยิ่งกว่าเดิม]
[ชื่อของ ‘เมอร์เซเดส’ ถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อบุคคลผู้มีสายสัมพันธ์ระดับ 1]
“ยิ่งกว่าพอเสียอีก… ค่าจ้างของเซอร์เมอร์เซเดสติดอันดับท็อป 5 อาณาจักร หากนำเงินส่วนนั้นมาชดเชยค่าเสียหาย แค่สองปีก็พอแล้ว…”
“หยุด”
กริดขัดขวางบทสนทนาระหว่างแร็บบิตและเมอร์เซเดส ก่อนจะถอนหายใจยาว
“เมอร์เซเดส ฉันไม่ได้สนใจเงินทองของตัวเองเลยสักนิด ฉะนั้นเธอไม่ต้องเป็นกังวลแทน… ควรห่วงตัวเองดีกว่า เก็บเงินไว้ใช้ในตอนเกษียณอายุบ้าง ถ้าต้องนอนข้างถนนจะทำยังไง?”
“…”
ดวงตาสุขุมของเมอร์เซเดสเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นชาโดยพลัน
กริดอาจไม่เอะใจ แต่กับคนอื่นแล้วไม่ใช่
ปิอาโร่และแร็บบิตต่างพากันสั่นเทา พวกมันไม่มีทางเลือกนอกจากเดินถอยห่าง
เมอร์เซเดสชักดาบเสือขาวและประกาศกร้าว
“ดิฉันขอรับคำท้า”
ทำไมถึงได้ปุบปับนัก?
ขณะถูกเนตรมองทะลุจดจ้อง กริดเริ่มรู้สึกเย็นไปถึงกระดูกสันหลัง
ประสาทสัมพันธ์เหนือมนุษย์กำลังร้องเตือนถึงภัยอันตรายใหญ่หลวง
มันมิได้แจ้งเตือนขณะต่อสู้กับปิอาโร่
หรือก็คือ ประสาทสัมผัสเหนือมนุษย์ประเมินให้เมอร์เซเดสมีระดับสูงกว่าปิอาโร่
‘หมายความว่ายังไง…’
เป็นเพราะคนหนึ่งมีพลังจิตไร้เทียมทาน ส่วนอีกคนหนึ่งไม่มี? หรือเป็นเพราะเมอร์เซเดสมีพัฒนาการมากกว่าในช่วงหลัง?
ระบบเกมใช้ดรรชนีใด วัดว่าเมอร์เซเดสแข็งแกร่งกว่าปิอาโร่…
กริดยืนสับสนอยู่สักพัก จนกระทั่งเริ่มตระหนักได้ว่า บรรยากาศและสายตาของเมอร์เซเดสกำลังแปลกไปจากทุกที
เคร้ง!
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
การโจมตีทั้งหมดถูกป้องกันโดยสมบูรณ์
หลักการของ ‘ความเร็ว’ ไม่มีความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าเมอร์เซเดสผู้เป็นเจ้าของทักษะติดตัว <เนตรมองทะลุ (ไม่สมบูรณ์) > ไม่ว่าท่วงท่าร่างกายจะสมบูรณ์แบบสักเพียงใด ก็มิอาจทะลวงผ่านบัฟ <กล้าหาญชาญชัย> <อัศวินแน่วแน่> และ <ปราการยับยั้ง> เข้าไปได้
แต่ในเรื่องร้าย ๆ ก็ยังมีเรื่องดี
ฉึก!
การโจมตีของเมอร์เซเดสมิได้รุนแรงนัก
สไตล์การต่อสู้และค่าสถานะของเธอค่อนข้างสมดุล ไม่มีทักษะสำหรับสร้างความพินาศได้เท่าปิอาโร่ และยังถูกตีกรอบไว้ด้วยขีดกำจัดของ <วิชาดาบแวนซ์>
จริงอยู่ นั่นอาจเป็นทักษะเกรดสูง แต่วิชาดาบประจำตระกูลของเธอยังห่างชั้นกับเคล็ดวิชาระดับตำนานอยู่มาก
แต่ต่างจากกริดผู้พัฒนาวิชาดาบแพ็กม่าโดยผสานเวทมนตร์บราฮัมลงไป รวมถึงเคล็ดวิชาทำฟาร์มอิสระของปิอาโร่ ซึ่งดัดแปลงมาจากวิชาดาบอิสระอีกทอดหนึ่ง
วิชาดาบแวนซ์มีรูปแบบสมดุล มิได้เน้นโจมตีหรือป้องกันมากเกินไป เป็นวิชาดาบสำหรับตระกูลอัศวินโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อปกป้องมากกว่าเข่นฆ่า ส่งผลให้มิอาจโจมตีทะลุผ่านด่านพลังป้องกันของกริด ผู้แข็งแกร่งถึงขั้นสามารถโค่นครึ่งเทพตามลำพัง
‘ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ คงไม่มีผู้ชนะแน่’
ขณะกริดและเมอร์เซเดสคิดในสิ่งเดียวกัน
“ปีกเงิน”
ซู่ว—!
ปราณดาบสีเงินเริ่มก่อตัวเป็นรูปทรงปึกนางฟ้าบนแผ่นหลังเมอร์เซเดส
“อะ…!”
ชายหนุ่มเผลออุทานโดยไม่รู้ตัว
หัวใจของมันกำลังเต้นระรัวเมื่อได้เห็นเต็มสองตาว่า เมอร์เซเดสง่างามและเจิดจ้ายิ่งกว่า ‘อัครเทวทูตซาลิเอล’ แห่งโบสถ์รีเบคก้าเสียอีก
แต่เพียงไม่นาน มันรวบรวมสติกลับมา
เนื่องจากเมอร์เซเดสในร่างปีกนางฟ้าจะเก่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ไม่เพียงแต้มสถานะเพิ่มขึ้นทุกด้าน แต่ยังมีคุณสมบัติ ‘บินชั่วคราว’ และยิงปราณดาบใส่ศัตรูรอบตัวตลอดเวลา หากมัวแต่ลุ่มหลงอยู่กับความงดงาม ตัวมันจะเป็นฝ่ายถูกลงโทษเสียเอง
กริดต้องเอาจริงบ้าง
“ถ้อยคำนักคุณธรรม”
[ด้วยพลังของ <ดยุคแห่งคุณธรรม> ท่านขอยืมพลังจากอัศวิน ‘เมอร์เซเดส’]
“…!”
ดวงตาสีฟ้าครามของหญิงสาวเริ่มสั่นไหว
เธอลังเลราวครึ่งวินาที เนื่องจากไม่มั่นใจว่าตนควรให้เจ้านายยืมเนตรมองทะลุดีหรือไม่
แต่ก็เพียงไม่นาน
เธอตอบรับคำขอของกริด
ภาพการมองเห็นของชายหนุ่มเปลี่ยนไปทันที
[เมอร์เซเดสตอบรับคำขอ]
[<เนตรมองทะลุ> ของเมอร์เซเดส ถูกปลูกลงในดวงตาท่านชั่วคราว]
[<เนตรมองทะลุ> ค้นพบขีดจำกัดในตัวท่าน]
[ทักษะ <ภวังค์ปรารถนาอันแรงกล้า> ในไอเท็ม <ดาบอัสนีแห่งการบรรจุสัจธรรมฯ> ถูกบังคับแสดงผลจากเอฟเฟคของ <เนตรมองทะลุ>]
[ภายใน 20 วินาที พลังโจมตีของท่านจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า อัตราการหลบหลีกกลายเป็น 99% แต่ค่าพลังป้องกันจะกลายเป็น 0]
วืด!
กริดปล่อยให้บัฟ ‘ภวังค์ปรารถนาอันแรงกล้า’ เข้าควบคุมร่างกายเพื่อหลบหลีกโดยอัตโนมัติ ส่งผลให้ทำให้ท่วงท่าการเคลื่อนไหวเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
ในทางกลับกัน เมอร์เซเดสผู้สูญเสียเนตรมองทะลุย่อมมิอาจไล่ตามความไวกริดทัน ส่งผลให้ถูกโจมตีอยู่ฝ่ายเดียวเป็นเวลานาน
จนกระทั่ง
“…ดิฉันแพ้แล้ว”
เป็นเพราะบัฟหลบหลีก 99% แสดงผลนานถึง 20 วินาที โดยระหว่างนั้น กริดเปิดฉากบุกเต็มรูปแบบจนอีกฝ่ายมิอาจต้านทาน
เป็นชัยชนะอันเกิดจาก การฉกฉวยโอกาสในความภักดีของลูกน้อง
ขณะชายหนุ่มกำลังภาคภูมิใจในสติปัญญาของตัวเอง เสียงเจือความเศร้ามองของปิอาโร่ดังแว่วในหัว
> หากฝ่าบาทคิดจะทำเช่นนี้แต่แรก ทำไมถึงไม่สั่งให้เธอยอมแพ้ไปเลย…
“…!”
เป็นเพราะมันเกิดความหวาดกลัวในพลังของเมอร์เซเดสจากก้นบึ้ง จึงหลงลืมจุดประสงค์ของการประลองโดยสิ้นเชิง
เมื่อตระหนักถึงความผิด กริดพยายามทำให้สถานการณ์ดีขึ้น
“ม…เมอร์เซเดส มาสู้กันอีกครั้งได้ไหม”
“ค่ะ ฝ่าบาท”
“ม…ไม่ดีกว่า ฉันขอโทษนะ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายตั้งท่าสู้ด้วยสีหน้าเฉยเมยเจือความเย็นชา กริดตัดสินใจขอโทษและยุติเรื่องการดวลไว้เพียงเท่านี้
มันรีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา
“ปิอาโร่ ดันเต้ ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย เข้าไปคุยในค่ายทหาร—”
จริงสิ ค่ายทหารพังไปแล้ว…
“ไปคุยในปราสาทกันเถอะ”
กริด นายมันซื่อบื่อ
ReplyDeleteกริดมันชอบผู้ชาย 5555+ เวลาคุยกับบราฮัม ปีอาโร่ คำพูดโคตเลี่ยนอ่ะ ต้องดัดแปรงให้เปนคำห้วนๆก่อนถึงจะอ่านผ่านไปได้ 555+ หยอกๆ
Deleteโหดร้ายมาก
ReplyDeleteเหมือนปลดอาวุธเขามาถือเอง
อีกคนก็รัก ยอมหมด🤭👍
นอนข้างถนนน พูดไปได้นะ 555
ReplyDelete