จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,201
โฮกกกกก—!
“อึ่ก!”
ด้วยขนาดมหึมาและรูปลักษณ์อันชั่วร้าย ความหวาดกลัวในส่วนลึกของจิตใจมนุษย์จึงถูกกระตุ้นอย่างเต็มพิกัด
เพียงเทพเต่าดำคำรามใส่ท้องฟ้า บรรดาแรงเกอร์ต่างกันอกสั่นขวัญแขวนโดยถ้วนหน้า
พวกมันถูกสะกดข่มด้วยขนาดร่างกายมหึมา และถูกทำให้วิงเวียนจากรูปโฉมแสนอัปลักษณ์
ทางด้านกริดก็ไม่ต่าง
ไม่สิ ความสับสนในใจชายหนุ่มท่วมท้นจนไม่มีใครเทียบได้
นี่คือผลเสียของการรู้มากกว่าคนอื่น
‘ใช่เทพสี่ทิศจริงหรือ…?’
กริดทราบดี เทพสี่ทิศคือเทพผู้พิทักษ์ซึ่งเกิดจากความปรารถนาอันแรงกล้าของมนุษย์
งานหลักคือการช่วยเหลือมนุษย์และสร้างความสมดุลให้โลก
เกิดมาเพื่อดูแลเอาใจใส่มนุษย์ ด้วยจิตใจเป็นห่วงเป็นใยต่อมนุษย์
นี่มิใช่ทฤษฎี แต่เป็นข้อเท็จจริง
กริดเคยประจักษ์กับตา ในยามเทพฟินิกซ์แดงคืนชีพและทำให้ดินแดนตอนใต้เกิดความอุดมสมบูรณ์เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา
แต่เทพเต่าดำกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง
การคืนชีพของเต่าดำมิได้ทำให้ดินแดนตอนเหนืออุดมสมบูรณ์ ไม่ได้ใกล้เคียง
ของเหลวเหนียวข้นสีดำไหลซึมออกจากเกล็ดหนาอย่างต่อเนื่อง พวกมันหยดลงมายังด้านล่างพร้อมกับทำลายอารยธรรมของมนุษย์จนกลายเป็นเศษซาก หมอกหนาทึบสีดำสนิท ถูกพ่นออกจากรอยแยกกระดอง แผ่ปกคลุมท้องฟ้าเบื้องบนจนแสงแดดทะลุผ่านลงมาไม่ได้
[ความตายกำลังคืบคลานเข้าใกล้!]
[ความตายกำลังคืบคลานเข้าใกล้!]
[ความตายกำลังคืบคลาน…!]
ประสาทสัมผัสของเหนือมนุษย์กำลังร้องเตือนจนกริดเริ่มสับสน ยิ่งมีข้อความจากระบบช่วยสนับสนุน ชายหนุ่มก็ยิ่งวิงเวียนศีรษะ
‘…นี่ไม่ใช่เทพผู้พิทักษ์’
เมื่อเห็นของเหลวสีดำรวมตัวกันจนกลายเป็นบ่อแห่งความชั่วร้าย กริดเลือกจะเชื่อในสัญชาตญาณของตน
‘แต่มันคือปีศาจ!’
แตกต่างจากเทพฟินิกซ์แดงโดยสิ้นเชิง
ลำพังการมีอยู่ของเต่าดำ ก็มากพอจะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์สูญสิ้นภายในเวลาไม่นาน
เทพเต่าดำเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่ต้นหรือ?
‘ไม่ใช่แน่’
สัตว์เทพจักรราศีเคยยืนกรานหนักแน่น
เทพเต่าดำมีจิตใจบริสุทธิ์กว่าใครในบรรดาเทพผู้พิทักษ์สี่ทิศ
กล่าวกันว่า เหตุผลให้เต่าดำต้องทำลายสิ่งของเทียมนอกเหนือจากธรรมชาติ ก็เพื่อประโยชน์และความสุขของมวลมนุษย์
‘ยิ่งรักษาธรรมชาติ มนุษย์ก็ยิ่งมีความสุข’
จริงอยู่ อาจฟังดูขัดแย้งเหมือนกับการทำสงครามเพื่อสร้างสันติภาพ ทว่า นั่นเกิดจากเจตนาอันบริสุทธิ์
‘แต่ไม่ใช่กับเต่าดำในตอนนี้…’
ท้องฟ้ากลายเป็นยามรัตติกาลเนื่องจากหมอกดำเข้มข้นปกคลุมผืนนภาทุกซอกมุม
หมอกทมิฬแห่งความตายถูกพ่นออกมาเพื่อช่วยเหลือมนุษย์จริงหรือ…?
ไม่มีทาง
‘มีบางอย่างไม่ถูกต้อง’
การคืนชีพในคราวนี้เต็มไปด้วยความประหลาดและข้อกังขามาตั้งแต่ต้น
‘พวกมันทำให้เทพเต่าดำอยู่ในสภาพนี้?’
ขณะกริดกำลังครุ่นคิด
“บ้าจริง! ไหนบอกว่าด้านในซ่อนสมบัติเอาไว้ แล้วทำไมถึงกลายเป็นสัตว์ประหลาดไปได้!”
“พวกเราถูกยังบันหลอก! หนีเร็วเข้า!”
“แต่ถ้าภารกิจล้มเหลว…”
“ภารกิจคือการปกป้องสมบัติ แต่พวกเราไม่รู้ว่าสมบัติอยู่ไหน ตอนนี้จึงต้องรีบหนีไปก่อน!”
ไฮแรงเกอร์ต่างเอาแต่ตะโกนถกเถียง
พวกมันทุกคนล้วนมีพรสวรรค์ การโยกตัวหลบหยดของเหลวสีดำจากด้านบนจึงไม่ใช่เรื่องยากเกินกำลัง หรือหากจวนตัวจริง ๆ ก็ยังหยิบยาแก้พิษออกมาใช้รักษาผิวหนังบริเวณถูกพิษกัดกร่อนได้ทัน
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ฝั่งจอมเวทค่อนข้างย่ำแย่
พวกมันมีค่าสมรรถภาพร่างกายต่ำเนื่องจากต้องนำแต้มสถานะส่วนใหญ่ไปอัปค่าสติปัญญาจนเกือบหมด หากหยดของเหลวมีขนาดใหญ่เกินไป เกรงว่าอาจตอบสนองได้ไม่ทัน
“ทางนี้!”
กลุ่มตัวแทงค์ปรี่เข้าไปหาจอมเวทและรีบกางโล่เป็นกำบัง
แต่นั่นนับเป็นความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง พวกมันประเมินพลังของเต่าดำต่ำเกินไป
ฉ่า—!
“หือ?”
ในวินาทีโล่ใหญ่ของตัวแทงค์สัมผัสกับของเหลวสีดำข้น โลหะพลันแตกตัวกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยคล้ายกับกองทัพหนูดำ
พวกมันไม่เคยคิดว่าอาวุธซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับใช้ป้องกันตัว แถมยังมีราคาสูง กลับละลายหายไปในพริบตาโดยหมดสิทธิ์ต่อต้าน
โฮกกกกกก—!
อย่างไรก็ตาม เต่าดำมิได้แยแสสถานการณ์เบื้องล่างแม้แต่น้อย
โดยไม่สนใจมนุษย์ซึ่งตนควรปกป้อง มันเอาแต่แหงนหน้าคำรามใส่ท้องฟ้าอย่างเกรี้ยวกราด และเมื่อเกิดคลื่นเสียงสั่นกระเพื่อมเป็นวงกว้าง ของเหลวสีดำจะยิ่งไหลซึมออกจากช่องว่างระหว่างเกล็ดมากขึ้น พร้อมกับโปรยปรายลงมาในลักษณะของเม็ดฝน
“บัดซบ…!”
ตัวแทงค์ผู้สูญเสียโล่ รวมถึงจอมเวทผู้หวังจะพึ่งพาโล่ พลันยืนตัวสั่นด้วยใบหน้าซีดเซียว
ในวินาทีนี้ เหนือศีรษะพวกมันคือหยดของเหลวสีดำขนาดใหญ่เท่าบ้านคน
“บาเรียต้านเวท!”
“บาเรียคุ้มกาย!”
“ม่านสะกด!”
จอมเวทพยายามดิ้นรนเฮือกสุดท้ายด้วยเวทมนตร์นานับชนิดตามแต่จะนึกออก แต่ทั้งหมดกลับกลายเป็นสิ่งสูญเปล่า
ม่านพลังงานมิอาจรองรับหยดน้ำขนาดมหึมาไหว ส่วนบาเรียต้านเวทใช้ไม่ได้ผลแต่แรก
“พวกเรากำลังจะตาย…”
ขณะไฮแรงเกอร์ต่างถอดใจ
ฟุ่บ!
ผู้บุกรุกผมทอง
จากข้อมูลของใครบางคน อัศวินซึ่งน่าจะทำงานรับใช้กริด ได้ปรากฏตัวขึ้นในจุดกึ่งกลางระหว่างกลุ่มไฮแรงเกอร์และหยดน้ำเท่าบ้าน
ด้วยเหตุผลบางประการ ชุดเกราะตัวใหญ่และหมวกของอัศวินผมทองถูกถอดออกไป
อุปกรณ์ป้องกันตัวจึงเหลือเพียงเกราะไหล่ เกราะกางเกง และรองเท้า
ซ่า!!
หยดของเหลวซึ่งควรจะตกใส่กลุ่มแรงเกอร์ด้านล่าง พลันกระทบร่างอัศวินผมทองเข้าอย่างท่วมท้น โดยส่วนหนึ่งกระเซ็นออกไปยังบริเวณข้างเคียงโดยรอบ
ฉ่า—!
เกราะไหล่ เกราะกางเกง และรองเท้าของอัศวินผมทองละลายในพริบตา
“น…นี่นาย!”
“ท…ทำไม?”
ไม่มีทางรอดแน่ พิษดังกล่าวจะละลายเหยื่อจนไม่เหลือไว้แม้แต่กระดูกสีขาว…
ผู้บุกรุกช่วยเหลือพวกเราทำไม?
เมื่อได้เห็นการเสียสละอันหาเหตุผลไม่ได้ของอัศวินผมทอง กลุ่มไฮแรงเกอร์ต่างทำได้เพียงอ้าปากค้าง
ชี่—!
ปึด! ปึด!
ชี่—!
ปึด! ปึด!
เกราะไหล่ เกราะกางเกง และรองเท้าของอัศวินผมทองซึ่งควรละลายไปแล้ว กลับคืนรูปทรงเดิมอย่างเป็นปริศนาและถูกของเหลวละลายซ้ำใหม่อีกครั้ง วังวนเช่นนี้เกิดขึ้นหลายสิบรอบจนกระทั่งหยุดลง
เมื่อเหตุการณ์สงบ ทุกคนเห็นเต็มสองตาว่า ตามร่างกายของอัศวินผมทองไม่มีรอยขีดข่วนแม้แต่หนึ่งเส้น กระทั่งเส้นผมก็ยังอยู่ครบ
มีเพียงการขาดรุ่งริ่งของเสื้อเชิ้ตผ้าธรรมดา
อัศวินผมทองหันมากล่าวกับกลุ่มไฮแรงเกอร์ซึ่งเอาแต่ยืนมึนงงด้านล่าง
“ของเหลวชนิดนี้จะทำลายเฉพาะวัตถุไม่เป็นธรรมชาติ ไม่เป็นอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต จงรีบถอดอุปกรณ์สวมใส่ออกแล้ววิ่งหนีไป”
“เอ๋?”
ถอดออก?
ขณะแรงเกอร์สาวต่างพากันลังเล แรงเกอร์ฝ่ายชายรีบถอดฉับไวและเงยหน้าขึ้นไปถามอัศวินผมทองด้วยความไม่เข้าใจ
“พวกเราเป็นศัตรูกันไม่ใช่หรือ แล้วมาช่วยไว้ทำไม?”
อัศวินผมทอง หรือกริด ในสภาพหยิบยืมรูปโฉมของอัสโมเฟลมาใช้งาน ยักไหล่เล็กน้อยและตอบกลับ
“ฉันไม่เคยคิดว่าพวกนายเป็นศัตรู”
หากมองว่าเป็นศัตรูจริง ป่านนี้คงฆ่าเหี้ยนโดยไม่ให้เหลือแม้แต่ศพ
ดาบของฉันสามารถสะบั้นผ่านอุปกรณ์สวมใส่คุณภาพต่ำของพวกนายได้ไม่ต่างจากเต้าหู้
“อย่ามัวสงสัยอยู่เลย รีบหนีเร็วเข้า!”
ชายหนุ่มกระตุ้น
แน่นอน กริดพอจะเดาได้ว่า ไฮแรงเกอร์จำนวนมากมารวมตัวในเมืองเฉาจื่อด้วยเหตุผลใด
‘คงเป็นความผิดพลาดเหมือนกับเราในอดีต ...ภารกิจเสียงเพรียกจากสวรรค์… นรกสิไม่ว่า’
คนเหล่านี้เป็นแค่หมากซึ่งถูกหลอกใช้โดยห้าอาวุโสและยังบัน
เพียงเท่านั้นก็นับว่าถูกลงโทษมากพอแล้ว
อีกประเดี๋ยวคงได้ตาสว่าง…
หลังจากนึกทบทวนโศกนาฏกรรมสังหารหมู่ช่างตีเหล็กในแพงเจีย กริดแหงนมองฟ้าและพิจารณาเต่าดำด้วยสีหน้าแฝงความสับสน
ท่ามกลางโลกอันดำมืด สัตว์เจ้าของดวงตาสีแดงก่ำซึ่งเอาแต่คำรามอย่างเกรี้ยวกราด กำลังเปี่ยมไปด้วยความชั่วร้ายยิ่งกว่าจอมอสูร
“น…นั่น!”
ขณะแรงเกอร์กำลังเคลือบแคลงเจตนาแอบแฝงของอัศวินผมทอง พวกมันพลันยืนแข็งทื่อประหนึ่งรูปปั้น
ทุกคนยืนจ้องมองอัศวินผมทองพร้อมกับอ้าปากกว้างด้วยสีหน้าตกตะลึงสุดขีด
เปรี้ยะ!
[ค่าความทนทานของ <หน้ากากหนังเฟย์ริส> ลดลง 1 หน่วย]
จอมอสูรพลังทัดเทียมเทพมีเพียงหยิบมือ
และเฟย์ริสไม่ใช่หนึ่งในนั้น
หน้ากากหนังของเฟย์ริสจึงไม่มีทางต้านทานพลังย่อยสลายของเทพเต่าดำ
เปรี้ยะ!
ของเหลวสีดำทำให้หน้ากากแตกออก พร้อมกับลดความค่าความคงทนลงหนึ่งหน่วย
ผมสีทองยาวสลวยเปลี่ยนเป็นผมสั้นสีดำ ดวงตาสุขุมเย็นชายืดออกจนมีลักษณะเรียวคม
กล้ามเนื้อใหญ่เป็นมัด แผ่นอกแข็งแกร่งน่าเกรงขาม มองผิวเผินเหมือนกับรูปปั้นเทพสงครามจากสมัยอดีต
“…กริด?”
เมื่อเหล่าไฮแรงเกอร์ทราบตัวจริงเบื้องหลังหน้ากากอัศวินผมทอง สีหน้าทุกคนพลันบิดเบี้ยวราวกับกระดาษถูกขยำ
อารมณ์โกรธเคืองกำลังพลุ่งพล่าน
“กริดดดด!!”
แรงเกอร์หลายคนชะงักฝีเท้า เกือบทั้งหมดหันมามองกริดผู้กำลังลอยตัวเผชิญหน้ากับเต่าดำตามลำพัง
บูบัต เชน โรนัม และคนอื่น ๆ
พวกมันเก่งกาจจนถึงขนาดได้เป็นหน้าเป็นตาให้กับประเทศของตน
จริงอยู่ บุคคลเหล่านี้อาจรู้สึกเจ็บใจเมื่อต้องพ่ายแพ้ต่อกริดอย่างหมดท่าในงานแข่งนานาชาติเกือบทุกปี แต่พวกมันทุกคนล้วนมีหนึ่งสิ่งร่วมกัน
“กริด! นายช่วยเราทำไม!”
สำหรับไฮแรงเกอร์ กริดคือตัวตนพิเศษ
เปรียบดั่ง… เป้าหมายให้ไขว่คว้า
ไม่ว่าจะชอบหน้าหรือไม่ แต่กริดคือแบบอย่างให้ทุกคนศึกษาและนำไปปรับกับแนวทางการเล่นเกมของตัวเอง
พวกมันหวังว่าจนจะไล่ตามจนมองเห็นแผ่นหลังกริดได้ในสักวัน หวังว่ากริดจะหันกลับมาและให้การยอมรับในฝีมือ
“พวกเรา… ไม่เคยมีค่าในสายตานาย…”
บูบัตตัดสินใจไม่ลงแข่งซาทิสฟายนานาชาติในปีปัจจุบัน เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากการประกาศไม่ลงแข่งของกริด
เมื่อได้ยินบทสัมภาษณ์ของกริดซึ่งกล่าวไว้ว่า เขาตัดสินใจไม่ลงแข่งในปีนี้เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับชัยชนะ บูบัตจึงตัดสินใจได้ทันที
มันจะต้องแข็งแกร่งขึ้น
มันจะทำให้กริดได้รับรู้ว่า งานแข่งระดับโลกมิได้ง่ายดายดังคำกล่าวสุดแสนโอหังนั่น
กริดจะต้องกลืนน้ำลายตัวเอง
ภารกิจเสียงเพรียกจากสวรรค์คือก้าวกระโดดครั้งใหญ่ในแผนการพัฒนาตัวละคร
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เกิดพลิกผันกลางคัน ภารกิจไม่ใช่โอกาส แต่เป็นหายนะ และกริดคือผู้ช่วยเหลือทุกคนให้รอดพ้นหายนะดังกล่าว
บูบัตมิอาจยอมรับบทสรุปเช่นนี้
“ทำไมถึงไม่ฉวยโอกาสจากเรา… ทำไมถึงเลือกช่วยเรา! หมายความว่าพวกเราไม่มีค่าพอให้เป็นคู่แข่งแล้วใช่ไหม!”
มันตะโกนด้วยดวงตาเจ็บแค้น
เฉกเช่นแรงเกอร์คนอื่น ๆ โดยรอบ
พวกมันกำลังหงุดหงิดและโมโห
เมื่อทราบว่าตัวเองไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากอ้าแขนรับความปรารถนาดีของกริดอย่างจนปัญญา แต่ละคนจึงยืนสั่นเทาอย่างเจ็บใจ
อารมณ์หลากหลายกำลังผสมผสานพลุ่งพล่าน
ในทางกลับกัน กริดเข้าใจหัวอก
มันเคยเป็นคนอ่อนแอ จึงเข้าใจความรู้สึกของคนอ่อนแอ
“พวกนายกำลังเข้าใจบางสิ่งผิดไป”
ขณะกล่าว กริดแหงนหน้ามองยังบันบนท้องฟ้าสีดำ พวกมันกำลังสนทนากันด้วยสีหน้าผ่อนคลายราวกับไม่แยแสความโกลาหลและหายนะเบื้องล่าง
“ให้ตายสิ ทำไมเต่าดำถึงเอาแต่คำรามใส่ท้องฟ้าท่าเดียว”
“นั่นสินะ พวกเราคงต้องหลอกล่อให้มันทำลายเมืองด้านล่างแทน”
ได้ยินเช่นนั้น กริดเปิดใช้งาน <ดึงศักยภาพซ่อนเร้น> พลางหันกลับมายิ้มจืดชืด
“รู้อะไรไหม ฉันเคยฝันร้ายทุกคืน...”
“…”
“ภายในความฝัน ฉันเห็นตัวเองถูกพวกนายไล่ตามทันและแซงหน้า”
“…!”
“ความช่วยเหลือในคราวนี้ มิได้เกิดจากความสมเพชหรือไม่เห็นคุณค่า แต่ฉันกำลังทำในสิ่งถูกต้อง”
ขณะเดียวกัน
“เจ้านั่นเป็นใคร? กำลังพล่ามอะไร?”
“มดปลวกกระมัง”
ยังบันด้านบนแสยะยิ้มเหยียดหยัน
ฟุ่บ!
เมื่อสามยังบันได้ยินบทสนทนาระหว่างกริดกับไฮแรงเกอร์ พวกมันอาศัยหลักการบิดเบือนห้วงมิติเพื่อเคลื่อนย้ายตำแหน่งเข้าประชิดตัว
บรรดาแรงเกอร์ต่างพากันขนลุกและทึ่งในสุดยอดพลังอำนาจของ ‘เทพ’
ชิ้ง—!
กระบี่อ่อนอันพลิ้วไหวชดช้อยประหนึ่งอสรพิษมีชีวิต ปลายแหลมของพวกมันสะบัดม้วนเป็นเกลียวพร้อมกับฉวยโอกาสทิ่มใส่จุดอ่อนกริด
การโจมตีสามผสานเกิดขึ้นอย่างลงตัวและมีระเบียบแบบแผน ไม่เปิดช่องว่างให้หลบหนี แถมยังแม่นยำและรวดเร็วจนบรรดาแรงเกอร์ทำได้เพียงอ้าปากค้าง
ในทางกลับกัน การโจมตีของกริดกลับมิได้ว่องไวหรือวูบวาบแม้แต่น้อย
แรงเกอร์ต่างไม่เข้าใจว่ากริดกำลังทำอะไร
เพราะพวกมันมองไม่เห็น
หงึก…
ขณะดาบของสามบังยันกำลังจะเสียบใส่จุดตายของกริด ปลายดาบพลันสั่นระริกอย่างไม่มีเหตุผล
“…?”
“…?”
ความเงียบงันเข้าครอบงำเป็นเวลานาน
จนกระทั่ง ดวงตาสามยังบันเริ่มอับแสง
ฉูดดดดดดดดดด—!
บ่อน้ำพุเลือดพุ่งออกจากทรวงอกและลำคอ
ดาบลอบสังหารทัพสามแสน
หนึ่งในสุดยอดวิชาดาบของราชาไร้พ่าย ด้วยพลังชนิดนี้ มาดราสามารถคร่าชีวิตทหารสามแสนนายโดยอีกฝ่ายไม่ทันรู้ตัว
[คริติคอล!]
[เอฟเฟคจากทักษะ <ดาบลอบสังหารทัพสามแสน> เพิ่มค่าความเสียหายคริติคอล 2,000%]
[เป้าหมายถูกเปิดจุดอ่อนเนื่องจากผลของ <ดาบลอบสังหารทับสามแสน>]
[ร่างกายของท่านไม่ผ่านเงื่อนไขการใช้งาน <ดาบลอบสังหารทัพสามแสน> อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ร่างกายของท่านจะได้รับแรงตีกลับมหาศาล แต่ <เกราะไหล่เสือขาวถูกฟินิกซ์แดงโอบกอด> ได้ดูดซับแรงกระแทกส่วนใหญ่ไว้]
“…แค่ก!”
กว่าจะรู้ตัวเมื่อสาย ยังบันผู้นำกลุ่มได้รับบาดเจ็บสาหัสในพริบตา อาการเสียเลือดทำให้หัวสมองของมันวิงเวียนและดวงตาพร่ามัว แต่ถึงกระนั้นก็พยายามฟื้นฟูร่างกายด้วยลมหายใจเสือขาวและฟินิกซ์แดง
ท่าทีตอบสนองเป็นไปอย่างรวดเร็ว หากเป็นสถานการณ์ปรกติ พวกมันยังคงห่างไกลจากความตายมาก
แต่คู่ต่อสู้ในคราวนี้ไม่ปรกติ
กริดรู้วิธีฆ่ายังบัน
“เสมือนเทพ”
ฟ้าว—!
“ดึงศักยภาพซ่อนเร้น”
โดยไม่ปล่อยให้พักหายใจ
“คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร”
“…!”
ผู้สังหารเทพ
บูบัตและเหล่าแรงเกอร์ซึ่งกำลังประจักษ์ความตายของ ‘เทพ’ โดยฝีมือมนุษย์ พลันแข้งขาอ่อนแรงและเสียหลังล้มลงนั่ง
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,590
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
มันส์มากกกก แต่เนื้อเรื่องตอนนี้แอบดำเนินเรื่องช้านิดนึงนะเนี่ย
ReplyDeleteปล.ขอบคุณสำหรับงานแปลดีๆนะครับ
👏😮
ReplyDeleteขอบคุณครับ
สนุกมากก
ReplyDelete