จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,214
“หืม”
หลังจากพาทหารเดินกลับถึงกองบัญชาการ ปิอาโร่สังเกตเห็นกษัตริย์ของตนจากมุมสายตา
ปราณต่อสู้แผ่กลิ่นอายความเกรี้ยวกราด ราวกับกำลังเย้ยหยันท้องฟ้าเบื้องบน…
มันสัมผัสถึงแรงคุกคามมหาศาลจนแม้แต่ธรรมชาติก็ยังเริ่มหวาดระแวง
“กระหม่อมรู้สึกเสียใจแทนเมอร์เซเดสเป็นอย่างยิ่ง ไม่อยากเชื่อเลยว่า ฝ่าบาทจะขอท้าดวลกับหญิงสาวผู้เพิ่งโผกอดอย่างอ่อนไหว”
เนื่องจากปิอาโร่สามารถหยั่งถึงเหตุการณ์รอบตัวได้จากกระแสลม จึงรู้สึกมีความสุขเมื่อเห็นว่ากริดและเมอร์เซเดสสวมกอดกันและกันอย่างแน่นแฟ้น แต่น่าเสียดาย สภาพดังกล่าวคงอยู่ไม่นานนัก
เมอร์เซเดสอุตส่าห์แสดงความกล้าของตนออกไป ลงทุนบอกรักใครสักคนเพียงไม่กี่ครั้งนับตั้งแต่เกิดมา แต่กริดกลับตอบแทนเธอด้วยการขอท้าดวล
ขณะกริดยืนยิ้ม เมอร์เซเดสรีบหันไปตอบปฏิเสธเสียงแข็ง
“ดิฉันมิได้กอดฝ่าบาท!”
“แต่ฉันเห็น ผ่านสายลม”
“แค่วิงเวียนศีรษะจนหน้ามืดเท่านั้น ฝ่าบาทจึงช่วยประคองไว้!”
“หึหึ… ยังหัวแข็งเหมือนเดิมเลยนะ”
เมอร์เซเดสไม่รู้ตัวเลยว่า แก้มของเธอกำลังแดงก่ำและพองขึ้นราวกับมะเขือเทศสุก
หลังจากหัวเราะเสร็จ ปิอาโร่เดินมาคุกเข่าลงตรงหน้ากริด
เป็นอากัปกิริยาเพื่อแสดงให้เห็นว่า มันยังไม่ลืมบุญคุณของกริด—ผู้มอบชีวิตใหม่หลังจากตายไปแล้วทั้งเป็น ขณะเดียวกันก็เป็นการแสดงความยินดีเมื่อได้เห็นราชาของตนกลับมาอย่างปลอดภัย
“บริวารอันต่ำต้อย ปิอาโร่ ขอต้อนรับการกลับมาของมหาราชา ผู้สามารถเป็นภัยได้แม้กระทั่งสรวงสวรรค์”
“ระหว่างฉันไม่อยู่ นายสามารถยึดครองอาณาจักรเก๊าส์อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ผลงานน่าพึงพอใจมาก”
“ทั้งหมดเกิดขึ้นได้เพราะวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของฝ่าบาท หากพระองค์ไม่ชุบเลี้ยงกระหม่อมในวันนั้น อาณาจักรเก๊าส์ก็ยังคงไม่ถูกยึดครองในวันนี้ ฉะนั้น ความดีความชอบจึงมิใช่ของผู้ใดนอกจากฝ่าบาท”
“…”
เดิมที ปิอาโร่มักปล่อยตัวให้เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติอย่างอิสระโดยไม่แยแสสายตาผู้คนรอบข้าง แต่พักหลังเริ่มหันมาดูแลภาพลักษณ์ของตัวเองเป็นพิเศษ
กริดฉีกยิ้มกว้างขณะจ้องไปยังเสื้อผ้าซึ่งมักเปื้อนดินโคลนและยับยู่ยี่ตลอดเวลา แต่ยามนี้กลับถูกรีดเรียบ สะอ้านสะอ้าน แม้เพิ่งกลับมาจากการทำฟาร์ม
“นายพัฒนาตัวเองได้เร็วมาก คงได้โบยบินไปบนท้องฟ้าในอีกไม่ช้าแน่… สามารถยกระดับตัวเองอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ คงเพราะพักหลังมีแต่ความสุขเข้ามาในชีวิตใช่ไหม? การมีภรรยาคอยสนับสนุนช่วยได้มากขนาดนั้นเชียว?”
“…ไม่ขอปฏิเสธ กระหม่อมเป็นเช่นนี้ได้เพราะฝ่าบาททรงประทานชีวิตใหม่ ขณะเดียวกันก็ถูกเติมเต็มความรักจากเบเนียลู”
เมื่อกล่าวจบ ปิอาโร่ลุกยืนและตั้งท่าต่อสู้
ดินโคลนบนเคียวและพลั่วสั้นพลันสลายไปด้วยผลของ ‘ปราณธรรมชาติ’ เผยให้เห็นส่วนคมอันแวววาว อัดแน่นด้วยจิตคุกคามเข้มข้นจนกริดต้องเย็นสันหลัง
“บริวารผู้ซื่อสัตย์ ปิอาโร่ ขอน้อมรับคำท้าจากฝ่าบาท”
“เข้ามาเลย”
[ท่านเข้าสู่โหมดประลองกับ ‘ปิอาโร่’]
[ในโหมดประลอง ท่านจะไม่เสียชีวิตแม้พลังชีวิตลดลงจนถึงค่าต่ำสุด]
[ท่านตั้งค่าให้ทักษะติดตัวหลังความตายไม่แสดงผลในการประลอง]
[การประลองจะหยุดลงทันทีเมื่อฝ่ายใดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งถูกลดระดับพลังชีวิตจนถึงความตายในสถานการณ์ปรกติ]
เฉกเช่นกริด ปิอาโร่เติบโตขึ้นในทุกวัน
โดยเฉพาะหลังจากได้ฟังคำชี้แนะอย่างละเอียดจากบราฮัม มันพัฒนาตัวเองอย่างก้าวกระโดดด้วยเทคนิคใหม่
“สำหรับ ‘เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ’ แก่นแท้คือความหลากหลายของธาตุพลังคี”
ปิอาโร่หลับตาลง สัมผัสทุกสรรพสิ่งรอบตัวผ่านสายลม พร้อมกับปลดปล่อยปราณธรรมชาติห่อหุ้มร่างกาย
ซู่ว—!
“…!”
“…!”
ดวงตาของกริดและเมอร์เซเดสพลันเบิกกว้าง สาเหตุเพราะ ปราณธรรมชาติของปิอาโร่ซึ่งมักแหลมคม ฉับไว กลับกำลังผันผวนพลิ้วไหวราวกับผสมผสานสายน้ำและสายลมเข้าด้วยกัน
‘ทำลายซึ่งหน้าด้วยพละกำลังไม่ได้…’
เมื่อเห็นทุกสิ่งอย่างแจ่มชัดด้วยเนตรมองทะลุ เมอร์เซเดสหันไปจ้องกริดด้วยสายตาเป็นกังวล
ปิอาโร่ในตอนนี้ไม่ใช่ปิอาโร่คนเดิม
เมอร์เซเดสเกรงว่า กริดจะพ่ายแพ้อย่างหมดรูปตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้ และนั่นจะทำให้บารมีกษัตริย์ต้องมัวหมอง
“อ๊ะ…!”
เมอร์เซเดสหลุดอุทาน เมื่อเห็นกริดบัฟตัวเองจนมีพละกำลังและความเร็วสูงสุด ตามด้วยการพุ่งเข้าใส่ปิอาโร่โดยปราศจากความลังเล
ฉากตรงหน้าเป็นราวกับ เปลวเพลิงอันเกรี้ยวกราดกำลังพุ่งเข้าไปในพายุฝนฟ้าคะนอง ชะตากรรมเป็นจึงอื่นไปมิได้นอกจากดับมอด
คนอื่นก็คิดแบบเดียวกัน
“ฝ่าบาทใจร้อนไปนิด”
ดันเต้ อัศวินเฒ่าผมขาว
แม้จะไม่มีเนตรมองทะลุแบบเมอร์เซเดส แต่มันก็มีวงปี*มากกว่าใคร จึงตระหนักถึงจุดแข็งและความน่ากลัวของปิอาโร่ได้เป็นอย่างดี
(*เปรียบกับวงปีของต้นไม้ สื่อถึงความโชกโชนของประสบการณ์)
เมื่อได้ยินเสียงวุ่นวายขณะกำลังสาธิตวิชาดาบให้ทหาร จึงรีบเดินออกมาดู และเห็นภาพกริดกำลังจะเสียท่าในอีกไม่ช้า
“ฝ่าบาทจะถูกท่านปิอาโร่ส่งให้ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นจะตกกระแทกพื้นอย่างรุนแรงในสภาพก้นจ้ำเบ้า”
หมับ.
ดันเต้กำหมัดแน่น เลือดลมสูบฉีดเดือดพล่าน มันต้องการสั่งสอนวิชาดาบให้กริด ผู้มีศักยภาพสูงส่งกว่าใคร หรือกระทั่งไม่มีขีดจำกัด
ดันเต้ยินดีช่วยเหลือเจ้านายใหม่ผู้มอบโอกาสครั้งสำคัญให้ตนโดยไม่เกี่ยงวิธีการ
ขณะเดียวกัน
“คู่ต่อสู้ระดับปิอาโร่ยังเร็วเกินไปสำหรับฝ่าบาทรึเปล่า…”
ซินกูเล็ด ผู้เดินตามหาปิอาโร่เพราะอีกฝ่ายไม่ยอมไปขุดมันฝรั่งตามนัด เริ่มแสดงทรรศนะของตัวเอง จริงอยู่ มันเคยเห็นฝีมืออันยอดเยี่ยมของกริดหลายหน แต่เชื่อว่ายังห่างชั้นกับปิอาโร่อยู่พอสมควร
ทว่า ฮูเร็นด้านข้างไม่เห็นด้วย
“พวกคุณยังไม่รู้จักกริดดีพอ”
“…?”
ซินกูเล็ดขมวดคิ้ว
ไม่ใช่ว่าหมอนี่เป็นลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ของปิอาโร่หรอกหรือ? เรียกได้ว่า เทิดทูนหัวหน้าจนแทบจะยอมถวายชีวิตให้
แล้วทำไมถึงมองว่าปิอาโร่จะพ่ายแพ้?
ฮูเร็นวางกระสอบข้าวลง นั่งทับ และยักไหล่ด้วยท่าทางจนปัญญา
“ผมก็อธิบายไม่ถูกเหมือนกัน คุณต้องเคยแพ้กริดด้วยตัวเองสักครั้ง จึงจะเข้าใจความหมายของคำพูดเมื่อครู่”
“…?”
ทันใดนั้น
โฮกกกกกกกก!!
เสียงคำรามของสัตว์ป่าแผดกึกก้อง
“…!”
เมอร์เซเดสตกตะลึงเป็นคนแรก
ในวินาทีดาบของกริดพุ่งปะทะสายลมล่องหนของปิอาโร่ กริด ซึ่งควรถูกพัดกระเด็นขึ้นไปในอากาศ กลับสามารถปักหลักบนพื้นได้อย่างมั่นคงแข็งแรง
‘จิตวิญญาณเสือขาว!’
ถูกต้อง
กริดโน้มตัวไปข้างหน้าในท่าพยัคฆ์หมอบ เป็นท่ายืนซึ่งแผ่กลิ่นอายความมั่นคงราวกับต้นไม้ใหญ่ฝังรากลึกลงไปในดินหลายเมตร
บัฟจิตวิญญาณเสือขาวจะมาพร้อมผลข้างเคียง ‘ไม่สามารถเคลื่อนย้ายตำแหน่งได้’ กริดอาศัยเอฟเฟคดังกล่าวในการต้านแรงพัดของกระแสลม
“…!”
ดันเต้เผยสีหน้าตกใจเป็นคนถัดมา เนื่องจากได้เห็นปิอาโร่กำลังมองเข้าไปในดวงตากริดโดยไม่ปราศจากความเกรงกลัว
ไม่ถอยตั้งหลักก่อนหรือ?
ตามปรกติแล้ว หากศัตรูกระทำในสิ่งเหนือความคาดหมาย และผลลัพธ์ออกมาสำเร็จ ผู้โจมตีควรเดาไว้ก่อนว่า อีกฝ่ายมีไม้เด็ดซ่อนอยู่
ปิอาโร่เข้าใจหลักการนี้ได้ดีกว่าใคร
แต่เป็นเพราะการโจมตีของมันมาไกลเกินกว่าครึ่งทางแล้ว อีกเพียงไม่กี่คืบก็จะปะทะใส่หน้าผากของกริด ยากจะถอนตัวกลับกลางคัน
เคร้ง!!
พลั่วสั้นส่งเสียงคล้ายปะทะใส่ก้อนหิน
ข้อมือของปิอาโร่ได้รับแรงสะท้อนกลับอย่างหนักหน่วงทันที ส่วนกริดผู้มีคมพลั่วสัมผัสกับหน้าผากยังคงสบายดีทุกประการ
นี่คือทักษะป้องกันตัวต่อเนื่องจากจิตวิญญาณเสือขาว ‘หินผา’ โดยผู้ใช้งานจะต้านทานการโจมตีทางกายภาพทุกชนิดชั่วคราว
“…!”
ซินกูเล็ดตกตะลึงเป็นคนถัดมา
ความรู้สึกของมันไม่ซับซ้อน
‘หัวก้อนหิน…!*’
(สแลง แปลว่าคนโง่)
ด้วยพลั่วสั้นแสนคมกริบของปิอาโร่
ผู้รับการโจมตีต้องมีกะโหลกศีรษะแข็งขนาดไหนกัน จึงจะใช้หน้าผากรับไว้ได้โดยปราศจากรอยขีดข่วน!
เคร้ง! เคร้ง!!
ขณะซินกูเล็ดอ้าปากค้าง ปิอาโร่ชักพลั่วสั้นกลับและเปลี่ยนจุดแทงอย่างแม่นยำ ประหนึ่งไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะทนได้ตลอดรอดฝั่ง
แต่หลังจากไม่เป็นผลสักพัก มันตัดสินใจถอยกลับมาตั้งหลักใหม่
‘ต้านทานอาวุธประเภทมีคมโดยสมบูรณ์?’
ปิอาโร่พยายามไม่แสดงตัวว่า ข้อมือของตนมีกำลังปัญหา พร้อมกับปลดปล่อยพลังแท้จริงให้ทุกคนได้ประจักษ์โดยไม่มีการเก็บออม
ทักษะแรกในเคล็ดวิชา ‘ทำฟาร์มอิสระ’ <หว่านเมล็ด> กำลังปรากฏสู่สายตาสาธารณะด้วยรูปโฉมใหม่
ฟุ่บ!
ปราณธรรมชาติในรูปทรงเมล็ดพันธุ์ขนาดเล็กจำนวนหลายร้อย กำลังกระจายไปในอากาศทุกซอกมุม โดยเฉพาะรอบตัวกริด
แต่ไหนแต่ไร ปิอาโร่จะคอมโบหว่านเมล็ดกับ ‘ขัดสีข้าว’ (ระเบิด) หรือไม่ก็ ‘เร่งโต’ (ปลูกต้นไม้) เป็นหลัก แต่อย่างหลังต้องรอให้เมล็ดพันธุ์จมลงไปในดินเสียก่อน
อย่างไรก็ตาม ปิอาโร่ในปัจจุบันสามารถปลูกต้นไม้ได้โดยไม่ต้องใช้ดินช่วย เนื่องจากเข้าถึงภาวะ ‘เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ’ ขั้นสูงเรียบร้อยแล้ว
ปราณธรรมชาติในรูปลักษณ์เมล็ดพันธุ์ถูกสร้างโดย ‘ปราณดิน’ เข้มข้น จึงไม่จำเป็นต้องพึ่งพาปัจจัยจากภายนอก
“ทำฟาร์มอิสระรูปแบบสอง เร่งโต!”
ครืนนนนนน!
เมล็ดพันธุ์จำนวนนับร้อยรอบตัวกริด เริ่มแตกหน่องอกรากกลางอากาศโดยไม่ต้องรอให้ตกถึงพื้น
รากมันหวานหลายสิบหัว ความยาวเกินกว่าส่วนสูงของมนุษย์เพศชายโตเต็มวัย กำลังขยายขนาดบดบังการมองเห็นรอบตัวกริดอย่างมิดชิด
จากนั้น ปิอาโร่ใช้มือคว้ามันหวานหนึ่งหัว พร้อมกับเริ่มหมุนควงต่างกระบองไม้
“มันหวานกระหน่ำตี!!”
เดิมที ทักษะมันหวานกระหน่ำตีจะใช้งานได้ก็ต่อเมื่อทำคอมโบ หว่านเมล็ด เร่งโต และเก็บเกี่ยวให้เรียบร้อย โดยเมล็ดพันธุ์ต้องถูกปลูกลงในดิน รอให้โตเต็มวัย จึงค่อยถอนขึ้นมาจนรากพ้นจากดิน ถึงจะเริ่มใช้ทักษะมันหวานกระหน่ำตี
แต่การไม่ต้องปลูกในดินช่วยลัดขั้นตอนเก็บเกี่ยวออกไป
บึ้มมมมม!!
บึ้มมม! บึ้มมมม!!
หัวมันหวานหลายสิบหลายร้อยเริ่มเคลื่อนไหวตามจิตนึกคิดของปิอาโร่ พวกมันกระหน่ำฟาดใส่กริดด้วยปราณธรรมชาติจนเกิดเสียงระเบิดดังก้องไปทั่วลานกว้าง
โดยไม่สนว่ากริดจะแหลกเป็นผุยผงหรือไม่ ชาวนาในตำนานกวัดแกว่งหัวมันหวานในมือ เพื่อควบคุมมันหวานทั้งหมด ให้ทำลายทุกซอกมุมของลานกว้างหน้าทางเข้ากองบัญชาการทหารสูงสุดอย่างไร้ความปรานี
มันทราบดี ในการดวลกับกริด การออมมือถือเป็นเรื่องเสียมารยาทอย่างมาก และกริดในปัจจุบันก็ไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยการออมมืออีกต่อไป
“ก…เกิดอะไรขึ้น!”
กลุ่มทหารซึ่งกำลังฝึกดาบภายในลาน ต่างหันไปมองลานกว้างหน้าทางเข้าเป็นตาเดียว
บึ้มมมม!
ครืนนน…
บึ้มมมม!
ครืนน…
การฟาดด้วยมันหวานแต่ละหน จะทำให้ลานกว้างสั่นสะเทือนรุนแรงจนพวกมันหลายคนเริ่มวิงเวียนศีรษะ
“ถึงจะเป็นแค่การประลอง แต่จำเป็นต้องลงมือรุนแรงกับฝ่าบาทเพียงนี้เลยหรือ?”
ซินกูเล็ดยิ้มแห้งเมื่อเห็นปิอาโร่กำลังทำลายบ้านเมืองโดยไม่คิดออมมือ พร้อมกับหวนนึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายสมัยอดีต
ไม่ว่าจะเป็นการดวลหรือไม่ แต่ถ้าปิอาโร่เริ่มจับดาบสู้ ทุกกิจกรรมคือการเข่นฆ่าหมายเอาชีวิตอีกฝ่ายเสมอ
ซินกูเล็ดเคยประดาบกับปิอาโร่บ่อยครั้ง และเคยมีประสบการณ์เฉียดตายจากเรื่องราวทำนองนี้มาแล้ว
แต่ไม่ว่าจะเป็นคนเอาจริงเอาจังแค่ไหน การโหมกระหน่ำระเบิดพลังใส่ราชาของตนจนพินาศย่อยยับเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องสมควรแล้วจริงหรือ?
‘ชีวิตชาวนาคงทำให้เขาลืมปณิธานอัศวินไปหมดแล้วกระมัง…’
ขณะซินกูเล็ดยืนส่ายหัว ฮูเร็นอุทานขึ้น
“มันหวานเผา…”
“…นายหิวหรือ?”
เหตุใดถึงได้เอ่ยถึงชื่ออาหารขณะกำลังรับชมการต่อสู้อันดุเดือด?
ขณะกำลังตั้งคำถาม ซินกูเล็ดทำจมูกฟุดฟิดเนื่องจากเริ่มได้กลิ่นบางอย่าง
คล้ายกับกลิ่นมันหวานเผาอันหอมฉุย
‘หมายความว่ายังไง…’
ซินกูเล็ดรีบเพ่งสมาธิ เพื่อสังเกตรายละเอียดการต่อสู้ซึ่งมันเคยคิดว่าคงจบลงในอีกไม่ช้า
หลังจากฝุ่นควันแห่งความพินาศจากระเบิดมันหวานหลายร้อยหัวเริ่มซาลง
มันเห็น
ผลมันหวานทุกต้นของปิอาโร่ถูกเผาจนสุกเกรียมพร้อมรับประทานอย่างถ้วนหน้า
และเมื่อถูกนำมาฟาดใส่กริด หัวมันหวานในสภาพอ่อนตัวได้แตกเปราะอย่างง่ายดายโดยมิอาจเป็นพิษภัยต่อเป้าหมาย
จนกระทั่งหมอกควันสลายไปอย่างสมบูรณ์
ทันใดนั้น
เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!
เปลวเพลิงซึ่งซ่อนเร้นอยู่ภายใน ได้ปรากฏกายให้ทุกคนเห็นอย่างเด่นชัด
“เหลวไหลสิ้นดี!”
ไม่เพียงจะรอดชีวิตจากการกระหน่ำตีด้วยกองทัพมันหวานของปิอาโร่ แต่ยังสามารถสร้างเขตแดนเปลวเพลิงเพื่อเผาพวกมันจนสุก?
ซินกูเล็ตยืนมองเหตุการณ์ด้วยดวงตาสีส้มสุกสว่าง เป็นภาพสะท้อนจากเขตแดนเปลวเพลิงอันโชติช่วงบนสมรภูมิเบื้องหน้า
กริดแทบไร้รอยขีดข่วน ส่วนปิอาโร่มีรอยไหม้ตามลำตัวประปราย
การดวลซึ่งทุกฝ่ายเข้าใจว่าปิอาโร่เป็นฝ่ายคุมเกมมาตลอด ความจริงแล้ว กริดคือผู้เหนือกว่า
“…กระหม่อมได้ยินมาว่า ฝ่าบาทจัดการครึ่งเทพไปแล้วหนึ่งตน”
ครืนนนน…
แตงโมหลายสิบต้นเริ่มงอกขึ้นจากเมล็ดพันธุ์ปราณธรรมชาติ ซึ่งถูกปิอาโร่โปรยทิ้งไว้ในจังหวะก่อนหน้า ความชุ่มฉ่ำของผลแตงโมช่วยบรรเทาประกายไฟอันร้อนแรงจากเขตแดนเพลิงเทพลงหลายระดับ
“ครึ่งเทพไม่ใช่เทพ เกือบทั้งหมดยังอ่อนแอกว่านายมาก ปิอาโร่”
กริดชื่นชมจากใจจริง
“แต่ก็มีบางส่วนแข็งแกร่งกว่ากระหม่อม”
ขณะกล่าว เงาลางของบางสิ่งกำลังตกลงมาจากฟากฟ้า มันถูกสร้างโดยการบีบอัดปราณธรรมชาติปริมาณมหาศาล
“ด้วยพลังระดับคุกคามเทพของฝ่าบาท หากกระหม่อมหวังเอาชนะ คงมีแต่ต้องต่อสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลกเท่านั้น”
ฟ้าว—
แท่งสากขนาดมหึมาเริ่มปรากฏเป็นรูปร่างแจ่มชัดกลางอากาศ
ท่าไม้ตายของเคล็ดวิชาทำฟาร์มอิสระซึ่งเคยใช้เข่นฆ่าศัตรูมานักต่อนัก รวมถึงใช้ตัดแขนของจอมอสูรหนึ่งข้าง ยามนี้กำลังมีเป้าหมายเป็นนายเหนือหัวของปิอาโร่เอง
“…คิดไว้อยู่แล้ว”
แม้ชายหนุ่มจะเย็นสันหลัง เหงื่อไคลผุดขึ้นกลางหน้าผาก แต่มันก็คิดเปิดหน้าแลกโดยปราศจากความหวั่นเกรง
‘ดึงศักยภาพซ่อนเร้น’ ถูกงัดออกมาใช้งาน
หากเป็นไปตามเงื่อนไข บดข้าวเปลือกมีโอกาสโจมตีรุนแรงถึงสามเท่า
ถ้าเกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น กริดไม่มีท่าใดไปสลายการโจมตีดังกล่าวได้อย่างหมดจด
มันจึงต้อง
“คลื่นทำลายล้างมายาร่ายรำสังหาร”
ชายหนุ่มวัดใจเล็งโจมตีใส่ตัวปิอาโร่โดยตรง
“บดข้าวเปลือก”
เส้นปราณดาบจำนวนมาก โถมกระหน่ำใส่จุดยืนปิอาโร่อย่างไร้ความปรานี
บึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้มบึ้ม!!
เปรี้ยง—!!
“…!”
“…!”
แรงระเบิดทำให้ดันเต้และซินกูเล็ดเริ่มเสียหลักโซเซ เมอร์เซเดสพยายามพยุงทั้งสองไว้อย่างสุดความสามารถ ส่วนฮูเร็นรีบยกกระสอบข้าวขึ้นมาแบกบนไหล่เพื่อถ่วงน้ำหนัก
“…”
เมื่อฝุ่นควันจางลง ทุกคนเห็นกริดนอนแผ่ไปบนพื้นอย่างหมดสภาพ
ชายหนุ่มแหงนหน้ามองฟ้าและพึมพำ
“ทำไมฉันใช้แล้วไม่แรงแบบนี้บ้าง…”
ตลอดหนึ่งเดือนผ่านมา ปิอาโร่เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดไม่ต่างกับกริด ‘บดข้าวเปลือก’ ในภาวะเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติขั้นสูงจึงรุนแรงกว่าบดข้าวเปลือกใดในอดีตทั้งหมด และทรงพลังกว่าบดข้าวเปลือกของกริดด้วย
ผิดคาดชะมัด…
‘…แต่แบบนี้ก็ยิ่งดี’
ขณะกริดกำลังอมยิ้ม เสียงของปิอาโร่ดังแว่วจากจุดไม่ห่างไกล
“กระหม่อมประเมินฝ่าบาทผิดมาตลอด…”
มันเองก็กำลังนอนหมดสภาพ
ผลการประลองออกมาเป็น ‘เสมอกัน’
จริงอยู่ หากเป็นการต่อสู้นอกโหมดประลอง คนทั้งสองจะเข้าสู่ภาวะอมตะห้าวินาที และผลแพ้ชนะจะถูกวัดด้วยลูกเล่นปลีกย่อยในมือ ซึ่งทั้งสองยังปล่อยออกมาไม่หมด
ขณะกริดและปิอาโร่กำลังนอนยิ้มอย่างมีความสุข ใครบางคนวิ่งเข้ามาใกล้และตะโกนเสียงดังฟังชัด
“ดยุคปิอาโร่! ท่านจะไม่ได้รับค่าจ้างของเจ็ดเดือนถัดไป!”
“…!!”
นายกเทศมนตรีแร็บบิท ผู้บริหารจัดการทุกสิ่งในกรุงไรน์ฮาร์ทด้วยตัวคนเดียว
เมื่อปิอาโร่ได้รับข่าวร้ายประหนึ่งถูกฟ้าฝ่ากลางวันแสก กริดมองเห็นสีหน้าหวาดผวาของอีกฝ่ายได้อย่างแจ่มชัด
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 4 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,608
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
👍👍👍
ReplyDeleteขอบคุณครับ😁