จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,206
หงึก
“…”
หงึก
‘ช้าฉิบหาย!’
เทพเต่าดำขนาดย่อส่วน ผู้มีร่างกายเล็กยิ่งกว่ามนุษย์ กำลังเยื้องย่างด้วยความเร็วสุดเชื่องช้าไม่ต่างอะไรกับเต่าปรกติ
ถือเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดใจอย่างมากสำหรับไฮแรงเกอร์ซึ่งทุกนาทีมีค่ายิ่งกว่าทองคำ
ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าปริปากบ่น
ไม่เพียงเต่าดำจะเป็นเทพ แต่กริดผู้ครองบัลลังก์อันดับหนึ่งของโลก ก็ยังเดินตามอย่างใจเย็นโดยไม่ออกอาการหัวเสียให้เห็น
‘ท่านเป็นถึงเทพ ต้องแฝงความนัยบางอย่างไว้ในพฤติกรรมแน่!’
‘ใช่แล้ว เทพเต่าดำคงกำลังกระวนกระวายยิ่งกว่าใคร แต่ท่านกลับยังใจเย็นอยู่ได้ เรื่องนี้ต้องมีเหตุผลรอบรังแน่นอน ดังคำพังเพยว่าไว้ ช้า ๆ ได้พร้าสองเล่มงาม!’
‘กริดรู้มาตลอด จึงไม่พูดอะไรสักคำเดียว’
ขณะไฮแรงเกอร์พยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ ทางกริดก็กำลังทำความเข้าใจกับระบบทักษะใหม่
รายชื่อของทักษะซึ่งสามารถนำมาผสานกันได้—ทักษะความถี่การใช้งานต่ำ กำลังแสดงให้ชายหนุ่มเห็นตรงหน้า
1. เที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย – 15 ครั้งจาก 100 การต่อสู้หลังสุด
2. กระหน่ำแทง – 6 ครั้งจาก 100 การต่อสู้หลังสุด
3. ขว้างหอก – 2 ครั้งจาก 100 การต่อสู้หลังสุด
‘การสู้กับมอนสเตอร์ก็ถูกนับรวมไปด้วย’
ไม่น่าแปลกใจอะไรนัก ของแบบนี้ต้องนับรวมทุกการต่อสู้อยู่แล้ว จึงจะนำมาคำนวณได้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
ไม่นำทักษะติดตัวมาคิดคำนวณ
เพราะหากรวมเข้าไป ทักษะติดตัวอย่าง ‘ความชำนาญธนู’ คงต้องอยู่ในรายชื่อแน่นอน เพราะกริดห่างหายจากธนูมาสักพักใหญ่
‘ไม่นับรวมทักษะพิเศษ…’
หากจะถามว่า กริดใช้ทักษะใดน้อยสุด?
ตัวกริดคงจะตอบโดยไม่ลังเลว่า
<บรรจุอีโก้>
ชายหนุ่มไม่เคยใช้พลังนี้แม้แต่ครั้งเดียวในเซิร์ฟเวอร์หลักของซาทิสฟาย และถูกใช้เพียงหนึ่งหนในเซิร์ฟเวอร์งานแข่งนานาชาติ เพื่อบรรจุอีโก้ของบราฮัมลงในไรเดอร์ส
ทักษะถัดมาซึ่งถูกนำมาใช้น้อยมากคือ :
<หน่วง>
ทักษะสร้าง CC เป็นวงกว้าง ตัวกริดสมัยอดีตมักใช้งานบ่อยครั้งในสงครามขนาดใหญ่
แต่ไม่ใช่กับปัจจุบัน เพราะศัตรูอ่อนแอไม่จำเป็นต้องเปิดด้วย CC ส่วนศัตรูแข็งแกร่งก็มีค่าต้านทานสูงเกินไปจนไม่ติด CC
แต่ทั้ง ‘บรรจุอีโก้’ และ ‘หน่วง’ ก็ไม่ปรากฏในรายชื่อของทักษะซึ่งสามารถผสานได้
บรรจุอีโก้อาจไม่ถูกใส่เพราะไม่ใช่ทักษะประเภทโจมตี ส่วนหน่วงนั้นถือเป็นหนึ่งในวิชาท่ารำดาบ ยังมีอนาคตให้ต่อยอดอีกมาก
“อา…”
กริดนึกทบทวนการต่อสู้ในช่วงหลัง
ถึงแม้ <เที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย> จะมีข้อดีเป็นการ ‘ใช้งานทันที’ โดยไม่ต้องร่าย แถมยังเป็นทักษะวงกว้าง สร้างความเสียหายให้กับศัตรูรอบเป้าหมาย แต่เมื่อนำไปเทียบกับ <สยบ> ก็จะเห็นความแตกต่างพอสมควร ทั้งในด้านความรุนแรงและการสร้างอาการผิดปรกติ โดย <สยบ> สามารถทำให้เป้าหมายติดอาการ ‘ห้ามโจมตี’ ซึ่งถือเป็นจุดพลิกผันสำคัญของการดวล
ในส่วนของ <กระหน่ำแทง> ทักษะนี้มีประโยชน์ในการทำลายบาเรียคุ้มกายชนิด ‘จำนวนครั้ง’ โดยไม่สนใจความเสียหาย และทักษะ <ขว้างหอก> มีไว้สำหรับเพิ่มความหลากหลาย ช่วยสร้างสถานการณ์เหนือความคาดหมายแก่ศัตรู
‘…หากไม่นับเที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย อีกสองทักษะก็มีข้อดีของมัน… เรามักใช้งานภายใต้สถานการณ์เฉพาะตัว ส่งผลให้มีจำนวนความถี่การใช้งานต่ำ’
กริดขมวดคิ้ว
ข้อเสียของทักษะทั้งสามชนิดคือ เราหาโอกาสใช้งานได้ยาก…
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะตัวตนถูกยกระดับกลายเป็นเหนือมนุษย์ ซึ่งมีหลักการแตกต่างจากมนุษย์ปรกติพอสมควร
ชายหนุ่มเริ่มกลับมาคิดทบทวนใหม่ ว่าทำไมตนถึงหาโอกาสใช้งานทักษะเหล่านี้ได้น้อยครั้ง
จนกระทั่งพบว่า ทุกทักษะสามารถทำตามจุดประสงค์ของตัวเองได้ดีแล้ว เพียงแต่ยังมีพลังทำลายไม่น่าจดจำนัก
‘ในความเป็นจริง เราสามารถทำคอมโบ <เที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย> กับ <สยบ> ได้’
เปิดด้วยสยบเพื่อลดพลังป้องกัน และตามต่อด้วยเที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลายทันทีเนื่องจากไม่ต้องร่าย
หากมองผิวเผินจะพบว่าคอมโบดังกล่าวค่อนข้างน่าสนใจ เนื่องจากเป็นทักษะใช้งานง่ายและแสดงผลเร็วทั้งคู่ เรียกได้ว่ารับประกันความสำเร็จเป็นวงกว้าง
แต่กริดก็ไม่เคยนำมาใช้เลยสักครั้ง
เพราะมันเสียดายโอกาส
ท่า <สยบ> มีมูลค่าสูงเกินกว่าจะนำมาคอมโบกับทักษะพลังโจมตีต่ำอย่าง <เที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย> เพราะแต่ไหนแต่ไหน <สยบ> มักถูกตามต่อด้วยท่าสำหรับปิดบัญชีศัตรูเสมอ เพื่อรีดความเสียหายออกมาจนถึงขีดสุด
‘…อะ!’
ขณะกริดกำลังปวดหัว มันบังเอิญบรรลุสัจธรรมบางอย่างกะทันหัน
‘เข้าใจแล้ว… ไม่ว่าจะ <เที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย> <กระหน่ำแทง> หรือ <ขว้างหอก> ทั้งหมดล้วนถูกเราเพิกเฉยเพราะมีทักษะคุณภาพสูงกว่าให้ใช้งานแทน…’
หลายทักษะสามารถใช้งานรวดเร็วและสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง โดยมาพร้อมพลังโจมตีสูงกว่า <เที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย>
หลายทักษะสามารถโจมตีได้ถี่กว่า <กระหน่ำแทง> เช่นทักษะตระกูล <ร่ายรำ> ซึ่งมีพลังทำลายสูงกว่ามาก
ในกรณีของขว้างหอก
ก็แค่ขว้างหอกไม่ใช่รึไง?
กริดสามารถหยิบหอกบนพื้นขึ้นมาขว้างได้ทันทีโดยไม่ต้องพึ่งพาทักษะ พลังทำลายอาจลดไปบ้าง แต่ขว้างหอกคือทักษะประเภทสร้างจังหวะ มิได้หวังผลพลังทำลายมาแต่ต้น
จึงสามารถกล่าวได้ว่า ทั้งเที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย กระหน่ำแทง และขว้างหอก กลายเป็นทักษะ ‘ไม่จำเป็น’ สำหรับกริดไปโดยปริยาย
จริงอยู่ พวกมันเคยมีประโยชน์เมื่อในอดีตเนื่องจากวิชาดาบแพ็กม่าส่วนใหญ่จะสิ้นเปลืองทรัพยากรและมีระยะหน่วงนาน ทักษะปลีกย่อยจึงเป็นตัวเลือกในบางสถานการณ์
แต่นั่นเป็นเรื่องในอดีต
‘เมื่อเล็งเห็นว่ามีทักษะไร้ประโยชน์ ตัวเกมจึงมอบระบบผสานทักษะให้เรา’
ใจหนึ่ง กริดก็ยังไม่อยากทิ้งพวกมัน
ไม่ว่าจะเที่ยงธรรมไม่เสื่อมคลาย กระหน่ำแทง หรือขว้างหอก ทุกทักษะล้วนได้รับมาจากน้ำพักน้ำแรงและความพยายาม
เป็นรางวัลของคนพากเพียร
จึงเกิดเป็นความผูกพันและเสียดาย
แต่เพื่อความก้าวหน้า เห็นทีคงต้องยอมปล่อยมือและรับสิ่งใหม่ ๆ เข้ามาในชีวิต
* ท่านสามารถผสาน 3 ทักษะให้กลายเป็นหนึ่งทักษะใหม่
ระบบใหม่ซึ่งได้รับจากบทกวี
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เพื่อให้สอดคล้องกับพลังของเหนือมนุษย์ ทักษะใหม่จะต้องมีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง
‘ไว้ค่อยมาดูกัน… หลังจากการต่อสู้นี้จบลง’
นับว่าเสี่ยงเกิดไปหากต้องลบทักษะเดิมออก และวัดดวงกับทักษะใหม่ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะมีเอฟเฟคเป็นเช่นไร นอกเสียจากทักษะใหม่จะใช้งานง่ายและไม่มีเงื่อนไขซับซ้อน ไม่อย่างนั้น กริดคงต้องใช้เวลาอีกสักพักหนึ่งกว่าจะปรับตัวให้คุ้นชิน
ในการต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายซึ่งใกล้เข้ามาทุกขณะ คงเป็นการดีกว่า หากจะเก็บทักษะคุ้นมือไว้ใช้งานในสถานการณ์เฉพาะเจาะจง
“เนี๊ยวฮ่าฮ่า! เหมือนขุมนรกไม่มีผิด!”
“…”
กริดดึงสติกลับมาอยู่กับสิ่งรอบตัว
มันเริ่มครุ่นคิดหาข้อบกพร่องของตัวเองในการต่อสู้ระหว่างสามยังบันเมื่อครู่
สิ่งนี้กลายเป็นอุปนิสัยประจำตัวไปแล้ว
หากครั้งใดไม่ได้ทำ มือไม้จะสั่นระริก
“เหมือนขุมนรกเลย! เนี๊ยวฮ่าฮ่า!!”
“เงียบหน่อย”
เมื่อเห็นโนเอะกำลังตื่นเต้นพร้อมกับทำเสียงโหวกเหวก กริดโยนปลาตากแห้งให้
ช่างตลกร้าย มันอัญเชิญสัตว์เลี้ยงออกมาเพื่อจะทำให้จิตใจสงบ แต่ผลลัพธ์กลับกลายเป็น อีกฝ่ายเอาแต่ทำเสียงโหวกเหวกจนตนขาดสมาธิยิ่งกว่าเดิม
‘เข้าใจเลยว่าทำไมเจ้านี่ถึงตื่นเต้น’
หลังจากจ้องมองแมวอ้วนบนหลังเต่าดำขนาดย่อส่วนซึ่งกำลังเดินนำขบวน กริดกวาดสายตาไปรอบตัวหนึ่งหน
บรรยากาศปัจจุบันไม่ต่างอะไรกับขุมนรกของจริง จึงไม่แปลกใจเมื่อเห็นโนเอะออกอาการตื่นเต้นราวกับมัจฉาแหวกว่ายในลำธาร
เมืองซึ่งเคยมีเศรษฐกิจมั่งคั่งและเต็มไปด้วยอารยธรรมโบราณอันงดงาม ยามนี้แปรเปลี่ยนเป็นซากปรักหักพังจนแทบจะเหลือเพียงทุ่งโล่ง
ฉากอันโหดร้ายทำให้ชายหนุ่มรู้สึกเจ็บปวด
…ว่าแต่ ทำไมสัตว์อสูรจากขุมนรก ถึงชอบกินปลาตากแห้งของโลกมนุษย์?
แกร่ก
เมื่อฝ่าเทียบเหยียบลงบนซากอาคาร เศษหินดินพลันสลายกลายเป็นละอองเถ้าุฃถ่าน
“…”
หัวใจกริดเริ่มปวดร้าว
ชาวเมืองบริสุทธิ์มากมายต้องจบชีวิตลงจากภัยพิบัติร้ายแรงอย่างกะทันหัน
และในนั้นมีเด็กเล็ก
‘เป็นความผิดของเรา…’
บราฮัมตัดสินใจทำลายเมืองจนราบเป็นหน้ากลองก็เพื่อประโยชน์ของกริด
เราขอให้เขาช่วยเปิดทาง และเวทฝนอุกกาบาตก็ตอบโจทย์ในแง่ของผลลัพธ์…
ถูกต้อง ต้นตอของขุมนรกรอบตัวไม่ใช่ใครอื่นนอกจากกริดเอง
‘…ฉันขอโทษ’
คำขอโทษเพียงหนึ่งคำ สามารถบรรเทาความรู้สึกผิดในใจลงได้หลายส่วน
มันแยกแยะระหว่างเกมกับความจริง
กลไกความเห็นแก่ตัวเริ่มทำงาน
จริงอยู่ กริดได้ชื่อว่าเคารพในศักดิ์ศรีของ NPC มากกว่าใคร แต่ก็มีข้อยกเว้นเช่นกัน
ชายหนุ่มจะไม่แยแส NPC ของ ‘ศัตรู’ หรือ ‘ฝ่ายอื่น’ มากนัก หากไม่เกี่ยวข้องอะไรกับโอเวอร์เกียร์หรือเนื้อหาของภารกิจ
ในกรณีดังกล่าว กริดจะมอง NPC ในมุมคล้ายกับผู้เล่นอื่น คือเป็นเพียงภาพกราฟิกประกอบเข้ากับก้อนข้อมูล โดยมีสมองเทียมคอยกำหนดพฤติกรรม
การคิดแบบนี้ช่วยให้ความเสียใจบรรเทาลงอย่างรวดเร็ว
และนั่นยังเป็นเหตุผลว่าทำไม ในอดีต กริดถึงทำลายกองทหารของศัตรูโดยปราศจากความลังเลในหัวใจ
ใครบางคนอาจหัวเราะเยาะว่านั่นเป็นการเลือกปฏิบัติ เป็นการกระทำอันไร้ยางอาย รวมถึงเป็นพวกจิตป่วย แต่กริดก็มิได้สั่นคลอน
‘ถ้าเราต้องคอยห่วงไปทุกชีวิต ก็คงได้เป็นบ้าเข้าสักวัน ทุกอย่างต้องเดินบนสายกลางเสมอ’
แต่ไหนแต่ไหน เราคือชายเห็นแก่ตัว ผู้สนใจเพียงแค่ ‘คนของตัวเอง’ อยู่แล้ว…
อย่าเอาไม้บรรทัดของตัวเองมาวัดคนอื่น
“…?”
ขณะกำลังเดินตามเต่าดำพลางหาข้ออ้างเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดใจ กริดพลันชะงักฝีเท้า
ชายหนุ่มสัมผัสถึงสัญญาณชีพจำนวนมากจากทางฝั่งหอคอยหลบภัย
ฉึบ!
ร่างกายเปิดใช้งานบัฟโทสะช่างเหล็กและพลิ้วไหวตามสัญชาตญาณ ก่อนจะรีบมุ่งหน้าไปยังทิศทางต้องสงสัย
และก็ได้พบกับ
ชาวเมืองจำนวนหลายพันชีวิต มีครบถ้วนทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะผู้หญิง เด็ก คนแก่ หรือชายหนุ่มกำยำบึกบึน
“อ…อี๋ย!”
“…พวกคุณเป็นใคร” กริดเค้นเสียงถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
ชายขี้กลัวคนหนึ่งรีบมอบคำตอบ
“พ…พวกเราเป็นชาวเมืองเฉาจื่อ”
“…!”
“ท…ท่านแต่งกายไม่เหมือนพวกเรา เป็นคนจากต่างถิ่นใช่ไหม พอจะทราบหรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นด้านนอก?”
“ข…ขณะพวกเรากำลังใช้ชีวิตไปตามปรกติ ร่างกายกลับลอยขึ้นอย่างกะทันหัน จากนั้นภาพทิวทัศน์รอบตัวก็เปลี่ยนไปทันที”
“ขณะทุกคนกำลังกระวนกระวายและแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ท้องฟ้าด้านบนก็เต็มไปด้วยฝนอุกกาบาต พวกเราจึงไม่มีทางเลือกนอกจากหลบอยู่ในนี้ไปก่อน”
ปริ่ม.
หัวใจกริดพลันถูกสั่นคลอนอย่างหนักเมื่อเริ่มเข้าใจสถานการณ์
…บราฮัมช่วยชีวิตทุกคนไว้
‘บราฮัม นายกลัวว่าฉันจะโทษตัวเองสินะ’
นายเคลื่อนย้ายชาวเมืองมากมายเช่นนี้ด้วยเวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่ม แถมยังเป็นระหว่างใช้เวทมนตร์ฝนอุกกาบาต…
“เจ้าบ้าเอ้ย…”
ผู้อำนวยการโรงเรียนโอเวอร์เกียร์ สติกส์ เคยกล่าวไว้ว่า เวทมนตร์เคลื่อนย้ายมิติแบบกลุ่มจะแบ่งได้เป็นสามชนิด
หนึ่ง เคลื่อนย้ายวัตถุและสิ่งมีชีวิตภายในรัศมีรอบตัวผู้ร่าย เวทมนตร์ประเภทนี้คือการเคลื่อนย้ายมิติแบบพื้นฐาน
สอง เคลื่อนย้ายวัตถุและสิ่งมีชีวิตภายในขอบเขตตามผู้ร่ายกำหนด โดยไม่จำเป็นต้องรอบตัวเสมอไป เวทมนตร์ประเภทนี้ถือเป็นระดับสูงขั้นมาอีกขั้น กล่าวกันว่า สามารถใช้ได้เพียงมหาจอมเวทเท่านั้น
สาม เคลื่อนย้ายวัตถุหรือสิ่งมีชีวิตโดยระบุเป้าหมายแบบเจาะจงภายในขอบเขตรัศมีกว้าง เวทเมนตร์ประเภทนี้ถือเป็นระดับสูงสุด และเข้าข่ายเวทมนตร์ในอุดมคติซึ่งจอมเวททั่วไปไม่มีวันเอื้อมถึง
กล่าวกันว่า มีเพียงจอมอสูรสิบลำดับแรกเท่านั้น จึงจะใช้งานเวทเคลื่อนย้ายมิติขั้นสูงสุดได้โดยไม่เกิดปัญญาตามมา
พวกมันมักใช้เพื่อเคลื่อนย้ายกองทัพของตนขึ้นมายังโลกมนุษย์ โดยเจาะจงเลือกเป้าหมายว่า ‘เฉพาะอสูรบริวารของตนเท่านั้น’
นอกจากจอมอสูร มีเพียงบราฮัมและแมรีโรสซึ่งเป็นสายพันธุ์ผสมเท่านั้น จึงจะเอื้อมถึงขอบเขตของเวทเคลื่อนย้ายมิติขั้นสูงสุด
สติกส์เคยอธิบายเรื่องนี้ให้กริดฟัง เพื่อต้องการเตือนถึงภัยอันตรายซึ่งอาจเกิดจากแมรีโรสในอนาคต กริดไม่คิดมาก่อนว่า ตนจะมีโอกาสนำความรู้ดังกล่าวมาช่วยไขข้อข้องใจในสถานการณ์ปัจจุบัน
“ได้โปรดออกจากเมืองไปก่อน หายนะระลอกใหญ่กำลังจะตามมาในอีกไม่ช้า…”
ขณะกริดกำลังพูดโน้มน้าว
ปุด. ปุด.
เต่าดำพ่นของเหลวสีดำออกจากปาก โดยเล็งไปทางกลุ่มชาวเฉาจื่อภายในหอคอยหลบภัย
“อะ…!”
“ฮึย๊า~”
เสื้อผ้าของชาวเมืองถูกย่อยสลาย จนร่างกายมีอันต้องเปลือยเปล่า แต่เนื่องจากของเหลวสีดำมีลักษณะทึบแสง ภาพอุจาดตาจึงไม่เกิดขึ้น
ปุด. ปุด.
หยดน้ำขนาดใหญ่ซึ่งบรรจุชาวเมือง เริ่มลอยขึ้นไปในอากาศทีละนิดอย่างเชื่องช้า
“สุดยอด…”
ชาวเฉาจื่อมิได้แสดงท่าทีตื่นตระหนักหรือขัดขืน เพียงอ้าแขนรับสภาพปัจจุบันอย่างอบอุ่นและผ่อนคลาย
『ข้าจะ… ปกป้องพวกเจ้า…』
เสียงอันลุ่มลึกของเทพเต่าดำพลันกังวานในหัวชาวเมืองเฉาจื่อทุกคน
สายเลือดของชาวเมือง ย่อมไม่มีวันหลงลืมเสียงของเทพโบราณผู้คอยปกปักรักษาดินแดนตอนเหนือเมื่อในอดีต
“ท…ท่านเทพเต่าดำ!”
เมื่อชาวเมืองจดจำเสียงเต่าดำได้ทันที ดวงตาของมันพวกมันเริ่มแดงก่ำอย่างซาบซึ้ง พลางพยายามเหยียดแขนออกมาหาเต่าดำด้านล่าง
แต่ก็สายไปแล้ว
หยดน้ำลอยสูงขึ้นฟ้าพร้อมกับนำพาชาวเมืองหลายพันชีวิตออกไปยังนอกเขตเฉาจื่อ
『ขอบใจมาก…』
“ผมไม่ได้ช่วยพวกเขา เพื่อนผมต่างหาก”
กริดยิ้มอย่างภูมิใจพลางจ้องเต่าดำกลับ
จากนั้น คณะเดินทางเริ่มกลับสู่เป้าหมายเดิมของตัวเอง
จนกระทั่ง เทพเต่าดำนำทางกริดและไฮแรงเกอร์มายังปราสาทเฉาจื่อ โดยทิวทัศน์รอบตัวยังคงเต็มไปด้วยสภาพอันน่าหดหู่ มิได้แตกต่างจากเขตใจกลางเมืองมากนัก
อาคารพังพินาศ เลือดจากศพทหารไหลย้อมทางเดินให้กลายเป็นสีแดงสด
“อึก…”
ไฮแรงเกอร์ด้านหลังกริดเริ่มสั่นเทา
พวกมันพลันเกิดความกลัว หลังจากทบทวนการต่อสู้ระหว่างกริดกับสามยังบันในหัว
เราจะช่วยกริดได้จริงหรือ?
บางที นี่เป็นอาจการตัดสินใจสุดโง่เขลาและส่งผลให้ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต…
อย่างไรก็ตาม พวกมันแค่คิด แต่ไม่มีใครยอมแพ้หรือถอยหลังกลับไป
การตัดสินใจช่วยกริดเกิดจากสองประเด็น
หนึ่ง ต้องการทดแทนบุญคุณ
และสอง ต้องการทำในสิ่งถูกต้อง
นับตั้งแต่เป็นศัตรูกับยังบันโดดัม ภารกิจเสียงเพรียกจากสวรรค์ก็ถูกประกาศให้ล้มเหลวพร้อมกับหักเลเวลออกไป 4 ระดับเรียบร้อยแล้ว
ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย
พวกมันต้องการทวงความยุติธรรมกลับคืน
‘บังอาจหลอกพวกเรามาใช้งาน!’
‘ไอ้พวกยังบันสารเลว! แกประเมินความโกรธของหมาจนตรอกต่ำไปแล้ว!’
ขณะไฮแรงเกอร์ต้องการสะสางความอับอายและบัญชีแค้น
『ตรงนี้』
ท่ามกลางซากปรักหักพังของปราสาท กลับมีบางอาคารยังคงปลอดภัยไร้รอยขีดข่วน
อาคารดังกล่าวถูกสร้างด้วยหินปริศนาสีขาว ลักษณะคล้ายกับอาคารสี่เหลี่ยมใจกลางเมืองซึ่งผนึกเต่าดำตัวแรกไว้
ทันใดนั้น สายลมเย็นพลันพัดผ่านร่างกายกริดและไฮแรงเกอร์
ฟ้าว—
『ข้าไม่ชอบ! …ข้าเกลียด!!』
เสียงของเต่าดำอีกตัวหนึ่งคำรามกึกก้อง
ข้อความระบบพลันแสดงขึ้นบนหน้าจอของกริดและไฮแรงเกอร์แตกต่างกันไป
[★ภารกิจลับ★<ปกป้องเต่าดำ>ถูกสร้างขึ้น!]
[ภารกิจร่วมมือ <แก้แค้น> ถูกสร้างขึ้น!]
บึ้มมมมมม!!
วัตถุปริศนาพุ่งออกจากอาคารสีขาว ลอยตรงขึ้นไปยังเพดานวังซึ่งยังมีสภาพค่อนข้างดี
เป็นเม็ดไข่มุกอันงดงาม
อัญมณีเต่าดำ วัตถุสำหรับผนึกอีกครึ่งหนึ่งของเต่าดำไว้ด้านใน
“ทางนั้น!”
เมื่อกริดเห็นยังบันจำนวนหนึ่งกระโจนขึ้นไปในอากาศเพื่อหวังคว้าไข่มุก ชายหนุ่มรีบเปิดใช้งานบัฟทั้งหมดของตนพร้อมกับถีบตัวเองทะยานตามขึ้นไป
หลังจากจัดการยังบันมาแล้วสาม กริดกำลังพกพาความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
ขอเพียงไม่ต้องสู้กับยังบันระดับการัม
“หือ… น่าแปลกมาก ทำไมพวกเจ้าทุกคนถึงยังมีชีวิตอยู่?”
เสียงเย้ยหยันของใครบางคนดังขึ้น
เปรี้ยง—!
พร้อมกันนั้น กริดถูกพลังล่องหนกระแทกจนเสียหลักตกลงบนพื้นหินของวังเฉาจื่อดังโครม
หงึกหงึก.
ขณะชายหนุ่มยังสลัดอาการชาจากแรงปะทะออกไปไม่หมด มันเงยหน้าขึ้นและได้พบกับยังบันนาม ‘มารุ’ กำลังยืนกอดอกพลางจ้องมอตนอย่างเย้ยหยัน
“เป็นเพราะอสูรผมเงินตนนั้นช่วยเอาไว้หรือ? แต่ตอนนี้เจ้านั่นคงไม่รอดแล้ว…”
“น…นั่นมัน!”
“…?”
มารุพลันเผยสีหน้าประหลาดใจ เมื่อพบว่าดวงตาของกริดกำลังลุกโชนด้วยเพลิงสีขาว
พรืด!
ในสภาพนอนแผ่ไปบนพื้นอย่างสิ้นท่า กริดกำลังง้าง ‘เปลวเพลิง’ ไปทางด้านหลัง
ไม่สิ… นั่นคือคันศร
คันศรซึ่งลุกท่วมไปด้วยเพลิงขาวโพลน
เป็นคันศรฟินิกซ์แดงอันเกิดจากทักษะเลียนแบบไอเท็ม ผนวกเข้ากับการตอบสนองจากหัวใจลำดับเก้าของฟินิกซ์แดงในร่างกาย ส่งเสริมให้เปลวเพลิงทวีความร้อนแรงและทรงอานุภาพยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า
“โบยบิน!!”
“คึ่ก…!”
ทั้งกลุ่มยังบันซึ่งพยายามกระโดดคว้าอัญมณีเต่าดำด้านบน รวมถึงมารุซึ่งกำลังยืนมองกริด พวกมันพลันส่งเสียงครวญคราง เมื่อต้องเผชิญห่าฝนเปลวเพลิงจากฟากฟ้า
เจอตัวโหด
ReplyDeleteสนุกมากครับ😊
ขอดองไว้ก่อสักเดือนจะได้อ่านยาวๆ
ขอบคุณมากๆครับ
เหมือนคนเขียนจะลืมว่ากริดเคยบรรจุอีโก้ยารุคหลังการแข่งรอบที่แล้ว
ReplyDeleteอันนั้นอาจไม่นับก็ได้ เพราะยารุคอยู่แค่ชั่วคราว
Deleteเหมือนกริดจะเคยบรรจุอีโก้ตอนที่สู้กับใครสักคน ที่ป่าเอลฟ์ด้วยไม่ใช่หรอที่เรียก ยารุกมา
ReplyDeleteบรรจุที่คุกนรกตอนสู้กับลิมิตต่างหากไอ่โง่
Delete