จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,204
สัตว์ประหลาดขนาดมหึมาตัวหนึ่งโผล่จากอาคารทรงสี่เหลี่ยมปริศนา
มันเป็นพวกเดียวกับยังบันจริงหรือ…?
ท่าทีของสัตว์ประหลาดตนดังกล่าว แปลกประหลาดเกินกว่าจะอยู่ฝ่ายเดียวกับยังบัน
ไม่เพียงไม่คิดแยแสกริด แต่ยังปล่อยให้ยังบันตายไปต่อหน้าต่อตาหนึ่งตน
“พวกเราควรมองว่ามันอยู่ฝ่ายกลาง และในเมื่อเป็นแบบนั้น…”
“อย่าเหลวไหล! ไม่เคยอ่านตำนานของทวีปตะวันออกบ้างรึไง! เทพสี่ทิศเป็นบริวารรับใช้ยังบัน พวกมันอยู่ฝ่ายเดียวกับยังบันแน่นอน!”
“นายคิดว่าเจ้านี่เป็นเทพเต่าดำจริงหรือ”
“ชื่อบนหัวเด่นสะดุดตาขนาดนั้น ต้องมองยังไงถึงจะไม่ใช่เต่าดำ?”
“ผิดแล้ว ในภาพวาดเทพสี่ทิศของทวีปตะวันออก เต่าดำมีหางเป็นงูสีขาวและดวงตาสีฟ้าอ่อนงดงาม มอบกลิ่นอายของความลึกลับและน่าเกรงขาม มิใช่สัตว์ประหลาดชั่วร้ายเช่นนี้”
“นายกำลังจะบอกว่านี่เป็นตัวปลอม?”
“แน่นอน เทพผู้พิทักษ์จะเกิดมาเพื่อทำลายล้างโลกได้อย่างไร ใจเย็นลงก่อน นายกำลังขาดสติเพราะหวาดกลัวต่อยังบัน”
“…”
“ถ้าพวกเราเลือกสู้กับยังบัน สัตว์ประหลาดตัวนี้คงไม่โจมตีใส่เรา… ต้องรีบตัดสินใจแล้ว”
ในวินาทีสัตว์ประหลาดร่างยักษ์โผล่ออกมาจากอาคารทรงสี่เหลี่ยม บรรดาไฮแรงเกอร์ก็หมดศรัทธาในตัวยังบันทันที
ทุกคนเริ่มตระหนักว่า พวกตนตกเป็นเหยื่อการหลอกใช้ของยังบันเข้าแล้ว
ในฐานะไฮแรงเกอร์ผู้เปี่ยมไปด้วยศักดิ์ศรี เรื่องเช่นนี้นับว่าทำใจยอมรับได้ยาก
จนกระทั่ง กริดปรากฏตัวออกมาและเริ่มต่อสู้กับยังบันอย่างเอาเป็นเอาตาย ความสับสนภายในใจไฮแรงเกอร์จึงยิ่งเพิ่มเป็นเท่าตัว
“พวกเราต้องช่วยกริด… เหมือนกับบูบัต”
“แลกมากับ 4 เลเวลเนี่ยนะ? คุ้มแล้วหรือ”
ความเห็นของเหล่าไฮแรงเกอร์ถูกแบ่งออกเป็นสองฝ่ายอย่างชัดเจน
ฝ่ายหนึ่งต้องการให้รอดูท่าทีไปอีกสักพัก จนกระทั่งมั่นใจว่าการทรยศยังบันและเข้าร่วมกับกริดเป็นหนทางถูกต้อง
ในสถานการณ์ปรกติ แนวคิดนี้นับว่าปลอดภัยและไม่มีข้อกังขา
การเข้าไปช่วยกริดอย่างหน้ามืดตามัวโดยแลกมากับการลดลง 4 เลเวล มิได้เกิดประโยชน์อันใดกับพวกมันเลย
แต่สถานการณ์ปัจจุบันค่อนข้างพิเศษ
“กริดได้รับบัฟจากภารกิจ… หมายความว่าระบบต้องการให้กริดชนะในศึกนี้”
“…จริงด้วย”
ไฮแรงเกอร์ทุกคนยังคงไม่ลืม ย้อนกลับไปในอดีต สมัย ‘กริดผมขาว’ ปรากฏสู่สายตาสาธารณชนเป็นหนแรก
นั่นคือ ‘บัฟจากภารกิจ’ ซึ่งอำนวยความสะดวกให้กริดสามารถบุกถล่มวิหารของข้ารับใช้ยาธานลำดับหนึ่ง ทัลลอส ได้อย่างง่ายดาย
ในตอนนี้ก็เช่นกัน เป็นเพราะระบบกำลังชี้นำว่ายังบันสมควรพ่ายแพ้ กริดจึงได้รับบัฟพลังพลังการต่อสู้จากภารกิจ
แต่ไหนแต่ไร บัฟจากภารกิจถือเป็นตัวช่วยให้เรื่องราวของซาทิสฟาย ดำเนินไปในทิศทางถูกต้องได้ง่ายขึ้น
อาจเรียกได้ว่าเป็น ‘พรจากสวรรค์’
ไฮแรงเกอร์ทุกคนย่อมเคยได้รับบัฟพิเศษจากภารกิจมาแล้วไม่ต่ำกว่าคนละหนึ่งครั้ง
พวกมันจึงปักใจเชื่อโดยไม่เคลือบแคลงว่า กริดกำลังอยู่ในสภาพ ‘ได้รับพรวิเศษ’
“…ถ้าฉันจำไม่ผิด เคยมีข้อความระบบเมื่อหลายวันก่อน แจ้งว่ากริดสังหารครึ่งเทพไปแล้วหนึ่งตน ฉันคิดว่านั่นก็คงเป็นผลมาจากพรวิเศษชั่วคราวเช่นกัน ไม่อย่างนั้น เขาคงไม่มีพลังมากพอจะเอาชนะครึ่งเทพได้ ต่อให้เป็นกริดก็ตาม”
ไม่มีใครทราบสาเหตุแน่ชัด
แต่ในสถานการณ์ปัจจุบัน ระบบกำลังบอกใบ้ให้ทุกคนทราบว่า กริดมีชะตาต้องสู้กับเทพและควรเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ
ถึงขั้นได้รับพรวิเศษ
“การเป็นศัตรูกับกริดนับว่าอันตรายมาก หากพวกเราช่วยเหลือยังบันและทำให้ภารกิจของกริดล้มเหลว โลกจะดำเนินไปในทิศทางตรงข้ามกับความถูกต้องทันที ผลลัพธ์อาจเลวร้ายชนิดว่าการสูญเสีย 4 เลเวลเทียบไม่ติด”
ท้องฟ้า กริด
ความสำเร็จภายในไม่กี่ปีของชายคนนี้ มากมายและยิ่งใหญ่จนถึงขั้น ต่อให้ไฮแรงเกอร์อุทิศเวลาทั้งชีวิตมิอาจไล่ตามทัน
ภารกิจของกริดย่อมไม่ธรรมดา
ในเมื่อภารกิจเจาะจงกำหนดให้กริดเป็นศัตรูกับเทพ หมายความว่าความตายของเทพจะทำให้โลกดำเนินไปในทิศทางเชิงบวก
พวกมันเริ่มได้ข้อสรุปให้ตัวเอง
แต่ยังไม่มีใครกล้าตัดสินใจ
การย้ายไปอยู่ฝั่งกริดจะทำให้เกิดผลข้างเคียงเลวร้ายตามมาทันที
นั่นคือเลเวลลดลง 4 ระดับ…
สำหรับไฮแรงเกอร์ สิ่งนี้นับเป็นความเจ็บปวดเหนือพรรณนา และยากจะกู้คืนกลับมาภายในระยะเวลาสั้น ๆ
ขณะทุกคนกำลังชั่งน้ำหนักอนาคตตัวเอง
บึ้มมมมมมมม!!
เกิดระเบิดดังสนั่นหวั่นไหว บรรดาไฮแรงเกอร์ต่างใช้ทักษะป้องกันตัวเพื่อรักษาชีวิต
และเมื่อพวกมันหันกลับไปมองการต่อสู้ ร่างของกริดกลับหายไปอย่างเป็นปริศนา
พร้อมกันนั้น โดดัมหันมาทางกลุ่มไฮแรงเกอร์พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว
“พวกเจ้าจะต้องถูกลงโทษในอีกไม่ช้า!”
“…!”
บูบัตช่วยเหลือกริด หากจะถูกลงโทษก็ถือเป็นเรื่องสมควรแล้ว แต่ทำไมยังบันถึงคิดจะลงโทษคนอื่นซึ่งยังไม่ทำทันได้กระทำสิ่งใดเลย?
ไฮแรงเกอร์เริ่มตาสว่าง
การอยู่ฝ่ายยังบันไม่มีในหัวอีกต่อไป
‘นั่นสินะ พวกมันคิดทอดทิ้งเราอย่างไม่แยแสมาตั้งแต่แรกแล้ว’
‘พวกเราถูกโชคชะตากำหนดให้ต้องเป็นศัตรูกับยังบัน’
ทันใดนั้น เหล่าไฮแรงเกอร์ซึ่งกำอาวุธในมือแน่นถนัดเพื่อเตรียมต่อสู้เต็มรูปแบบ พลันเผยสีหน้าตกตะลึงจนดวงตาเบิกโพลง
ทุกคนมองเห็นประกายสายฟ้าท่ามกลางฝุ่นควันฟุ้งกระจายจากแรงระเบิด
หากใครเคยเห็นการต่อสู้ระหว่างกริดและออร์คลอร์ดเทรูชานมาก่อน คนผู้นั้นไม่มีทางลืมตัวตนและเอกลักษณ์ของสายฟ้าชนิดนี้
เปรี้ยะ!
ไฮแรงเกอร์รีบก้มหน้าลงต่ำ เกรงว่าอากัปกิริยาของตนอาจทำให้โดดัมพบพิรุธ
โดยไม่ปล่อยให้รอนาน สายฟ้าเส้นหนึ่งพุ่งเข้าหาโดดัมจากด้านหลังด้วยความเร็วสูง
ฉึบ!
ลำคอโดดัมถูกดาบปาดเข้าไปครึ่งด้าม
น้ำพุเลือดสดพวยพุ่งออกจากปากแผล สร้างความตื่นตระหนักให้โดดัมเหนือพรรณนา
“เทพ… สายฟ้า!”
[บุคคลนิรนามทำการเขียนบทกวีลำดับ 5]
[บทกวีเริ่มต้นด้วยเทวตำนานบทหนึ่งซึ่งเคยถูกมนุษย์ลืมเลือนไปนานนับพันปี]
เปรี้ยง—!
[เขาคืนชีพให้กับเทพผู้ถูกลืม]
[ข้อเท็จจริงกำลังจะถูกสลักทับลงบนเทวตำนานปลอม ซึ่งหลอกลวงผู้คนมาอย่างยาวนาน]
“…!!”
ไฮแรงเกอร์ต่างพากันขนลุก
ข้อความโลกอธิบายถึงบทกวี กำลังถูกเขียนขณะกริดในร่างเทพสายฟ้ากระหน่ำฟาดฟันเอาชีวิตโดดัมโดยปราศจากความเมตตา
เลือดลมทุกคนเริ่มสูบฉีดพุ่งพล่าน
พวกมันได้ประจักษ์บทกวีของกริดด้วยตาตัวเองครั้งสุดท้ายเมื่อไร…?
ครั้งแรกคือมหาสงคราม ณ หุบเขาไทเลอร์
พวกมันกำลังประทับใจจนอธิบายไม่ถูก
ทุกคนอิจฉาในความยิ่งใหญ่ของกริด
แต่ในทางกลับกัน…
กริดกลับมิได้ยินดีปรีดาอะไรนัก
ชายหนุ่มมองว่าบทกวีคราวนี้กะทันหันและปราศจากเหตุผลรองรับมากเกินไป
‘ทำไมถึงมีบทกวี…?’
บทกวีไม่เกิดขึ้นหลังจากกริดฆ่ายังบันไปมากมาย หนึ่งในนั้นคือการัมซึ่งเป็นถึงเทพเทียมผู้มีพลังศรัทธาของมนุษย์
บทกวีไม่เกิดขึ้นหลังจากกริดคืนชีพเทพฟินิกซ์แดงสำเร็จ ไม่เกิดขึ้นหลังจากผสานเป็นหนึ่งเดียวกับหัวใจฟินิกซ์แดงลำดับ 9
ไม่เกิดขึ้นหลังจากอาณาจักรโชและดินแดนทางตอนใต้เต็มไปด้วยความสงบสุข
กริดจึงเข้าใจมาตลอดว่า บทกวีได้ปรับระดับความยากของเงื่อนไขในการเกิด
หากจะมีบทกวีครั้งถัดไป ชายหนุ่มเชื่อว่าจะต้องเป็นเหตุการณ์ใหญ่ระดับสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของทวีป
…แต่กลับถูกเขียนขณะต่อสู้กับยังบันฝีมือดาษดื่นเท่าฮันกยอลแค่สามตนเนี่ยนะ?
มาตรฐานอยู่ตรงไหน?
[ท่านจัดการยังบัน ‘โดดัม’]
[ท่านจัดการยังบัน ‘นาจึล’]
[ท่านได้รับไอเท็ม <ลมหายใจเต่าดำ> จำนวน 2 ก้อน]
[ท่านได้รับไอเท็ม <ลมหายใจมังกรคราม>]
[ท่านได้รับไอเท็ม <เสื้อคลุมมังกรคราม> จำนวน 2 ขุด]
[ท่านได้รับไอเท็ม <กระบี่อ่อนไม่มีวันแตกหัก> จำนวน 2 เล่ม]
“…?!”
ท่ามกลางละอองแสงสีเทาของยังบันโดดัมและนาจึล กริดชักดาบกลับพร้อมกับเงยหน้าขึ้น
ทันใดนั้น ดวงตาชายหนุ่มพลันเบิกโพลง
มันกำลังมองเห็นพระอาทิตย์สีแดงก่ำสองดวงในระยะประชิดด้านหน้า เพียงพริบตา ความรู้สึกเย็นวาบได้แผ่ไปยังทุกซอกมุมของร่างกายอย่างท่วมท้น
สิ่งนี้คือดวงตาทั้งสองข้างของเทพเต่าดำ
‘ตั้งแต่เมื่อไรกัน?’
เต่าดำเอาแต่คำรามใส่ท้องฟ้าไม่ใช่หรือ?
ทำตัวเหมือนกับสัตว์ประหลาดขาดสติทั่วไป
แต่ทำไมถึงกำลังเพ่งมองเราด้วยดวงตาแฝงอารมณ์ไว้มากมาย…
“คึ่ก…”
กริดผงะถอยหลังสามก้าวทันที
นี่คือพฤติกรรมตามสัญชาตญาณ เกิดจากความหวาดกลัวจากก้นบึ้งจิตใจ
แม้จะแฝงไว้ด้วยอารมณ์หลากหลาย แต่อารมณ์ส่วนใหญ่คือโทสะและความเคียดแค้นปริมาณเข้มข้น จิตใจของกริดไม่เข้มแข็งพอจะเผชิญหน้าโดยตรง
โทสะแห่งเทพ
หากสบตานานกว่านี้อีกสักนิด กริดมั่นใจว่าคำสาปบางชนิดจะแล่นเข้ามาในร่างกายของตน
บางที อาจเป็นคำสาปทำให้การตีบวกหลังจากนี้ไม่สำเร็จอีกเลยชั่วชีวิต
‘น่าอึดอัดเกินไปแล้ว…’
ฟีนิกซ์แดงอบอุ่น แต่ทำไมเต่าดำกลับเย็นชา
เพียงการมีตัวตนอยู่ ก็มากพอจะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์อันตรธานหายไปจากโลก กลิ่นอายเช่นนี้ไม่สอดคล้องกับลักษณะของเทพสี่ทิศเลยสักนิด
ขณะกริดพยายามหลบตาและกำลังครุ่นคิด
『ผู้สังหารเทพเอ๋ย…』
เนื้อเสียงอันดำทะมึนและเย็นยะเยือก พลันก้องกังวานภายในสมองกริด
ไม่ใช่เสียงใครนอกจากเทพเต่าดำ
『เจ้ากินฟินิกซ์แดงเข้าไปสินะ』
‘กินฟินิกซ์แดง…?’
เมื่อประโยคสุดเหลวไหลจบลง กริดใช้เวลานึกทบทวนสักพักกว่าจะเข้าใจความหมายของอีกฝ่าย
‘เขากำลังเข้าใจผิด… เป็นเพราะเรามีหัวใจลำดับ 9 ของฟินิกซ์แดงในตัว’
สัตว์เทพจักรราศีเคยกล่าวไว้ว่า :
หัวใจหลักเดียวล้วนถือแหล่งพลังงานสำคัญของเทพฟินิกซ์แดง แม้แต่ห้าอาวุโสก็ยังนำออกไปไม่ได้ หากฟินิกซ์แดงไม่ยินยอม
ดังนั้น เมื่อเต่าดำได้พบมนุษย์ผู้มีหัวใจแสนสำคัญฝังอยู่ในร่าง ไม่ใช่เรื่องแปลกหากจะเกิดความเข้าใจผิด
“เข้าใจผิดแล้ว—”
ขณะกริดพยายามอธิบาย
『ข้าได้รับความทรงจำกลับคืนมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสายน้ำปะทะกับเปลวเพลิงของเจ้า』
ประโยคใหม่ของบทกวีถูกเขียนเพิ่มเติม
『ข้าเป็นใคร…』
[ความพยายามในการสลักความจริงทับลงไปในตำนานปลอมของเขา ทำให้ความทรงจำของอดีตเทพฟื้นคืนกลับมาบางส่วน]
『ข้าเคยเป็นเทพจิตใจงดงาม…』
『 ‘ข้า’ ยังจำได้แม่นยำว่า เทวรูปของ ‘เรา’ ซึ่งสร้างโดยฝีมือผู้ศรัทธาของ ‘เรา’ ถูกลมหายใจของ ‘ข้า’ ทำลายจนแหลกเป็นผุยผง 』
『ทุกครั้งเมื่อ ‘ข้า’ มอบพรลงไปบนโลก บ้านเมืองของมนุษย์จะถูกทำลายจนพังพินาศเสมอ ส่งผลให้พวกเขาเริ่มหวาดกลัว ‘เรา’ 』
『ข้าไม่สมควรเป็นเทพ』
『ข้าต้องการให้ตัวเองหายไป… ตลอดกาล』
[อดีตเทพผู้เปี่ยมไปด้วยบาดแผลทางใจ ตัดสินใจบอกความปรารถนาของตนกับเขา]
『ข้าเคยอยากหลับใหลไปตลอดกาล จึงปล่อยให้ไข่มุกเม็ดนั้นกักขังดวงวิญญาณเอาไว้』
『แต่ไข่มุกกลับปริแตก ทำให้ข้าต้องทนเห็นความน่ารังเกียจของตัวเองต่อไป』
『มนุษย์ผู้สั่งสมพลังสังหารเทพ ข้าปรารถนาชะตากรรมแบบเดียวกับฟินิกซ์แดง ได้โปรดกินข้าเข้าไปในร่างกายเจ้าด้วย 』
[ภารกิจใหม่ถูกสร้างขึ้น]
<สังหารเทพทำลายล้าง>
ระดับความยาก :???
ตัวตนครึ่งหนึ่งของเทพสี่ทิศ เต่าดำ ปรารถนาจะหายไปตลอดกาล
จงมอบความตายให้กับเขา
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ :
- สังหารตัวตนครึ่งหนึ่งของเทพเต่าดำ หรือผนึกเขากลับไปอีกครั้ง
รางวัลสำเร็จภารกิจ :
- ได้รับสมญานาม <นักสังหารเทพ>
<นักสังหารเทพ>
‘ตัวตนสมบูรณ์แบบ’ ผู้เกิดมาเพื่อสังหารเทพ
ท่านจะกลายเป็นเหนือมนุษย์ระดับสูงสุด
พลังโจมตีทุกชนิดเพิ่มขึ้นสองเท่า
[ท่านจะรับทำภารกิจหรือไม่ กรุณายืนยัน]
“คุณกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่?”
[ท่านปฏิเสธ]
『…? 』
“ผมไม่เข้าใจอะไรเลย ไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร แต่จากคำบอกเล่าของสัตว์เทพจักรราศี คุณคือเทพผู้ห่วงในมนุษย์มากกว่าใครทั้งหมด”
『ผิดแล้ว สัตว์เทพจักรราศีมิได้หมายถึง ‘ข้า’ แต่เป็น ‘เรา’ ต่างหาก』
ยิ่งได้สนทนากับเต่าดำ กริดก็ยิ่งเข้าใจในบางสิ่งเพิ่มขึ้น
เหตุใดบทกวีจึงถูกเขียนในเวลานี้?
หลังจากระบบประเมินอุปนิสัยและพฤติกรรมในอดีตของกริด มันเชื่อว่า กริดเป็นเพียงไม่กี่คนบนโลก ผู้สามารถชักนำให้เทพเต่าดำกลับไปยังเส้นทางถูกต้องตามเดิมได้
“อย่าได้พูดถึงเรื่องนี้อีก คงเป็นการเสียเวลาเปล่า เพราะถึงผมจะไม่เข้าใจปัญหาของคุณเลย แต่ก็ไม่คิดทำร้ายคุณแน่นอน”
『การสังหารข้าจะทำให้เจ้าได้รับพลังมหาศาล…』
“โลกใบนี้กำลังรอให้คุณกลับมา”
『…!』
[เขาไม่แยแสความปรารถนาของอดีตเทพ]
[พลังอันได้มาจากการทำร้ายใครสักคน เขาไม่ต้องการมัน ไม่แม้แต่จะออกอาการลังเล]
“ถ้าไม่เชื่อก็รอดูได้ ผมจะทำให้คุณกลับไปเป็นหนึ่งเดียวกับมนุษย์อีกครั้ง ฉะนั้น… ได้โปรดใจเย็นลงก่อน”
[ชายหนุ่มยื่นแขนออกไป]
[ต้นไม้ซึ่งเติบโตจากความช่วยเหลือมากมายของคนรอบข้าง กำลังขยายกิ่งก้านใหม่เพิ่มขึ้น]
[เป็นกิ่งไม้เล็ก ๆ]
『…』
เต่าดำก้มมองฝ่ามือกระจิดริดของกริดด้วยความสับสน โดยยังไม่เข้าใจว่า ฝ่ามืออันเรียวเล็กของมนุษย์ตรงหน้า สามารถทำอะไรได้มากมายนักหรือ?
กับแค่มือเล็ก ๆ แสนเปราะบาง และพร้อมจะสลายไปทันทีเมื่อตนสัมผัสโดยตรง
กริดฉีกยิ้มขณะอ่านความคิดอีกฝ่าย
“ไม่ถูกทำลายหรอกน่า ลองจับดู”
『…』
ครืนนนน —!
หลังจากลังเลสักพัก เต่าดำตัดสินใจย่อตัวลง
จากนั้น มันบรรจงเลื่อนใบหน้าลงไปหากริดซึ่งมีร่างกายเล็กเพียงจุดดำในสายตา
ตามด้วยการนำแก้มไปสัมผัสกับฝ่ามืออย่างอ่อนโยน
『ได้โปรด… ตัวข้าอีกครึ่งหนึ่งกำลังถูกหลอกใช้ในฐานะหุ่นเชิดของยังบัน เขาถูกผนึกไว้ในจุดลึกลับอันยากเข้าถึงและเต็มไปด้วยอันตราย』
[อดีตเทพผู้เต็มไปด้วยบาดแผล โน้มตัวลงไปสัมผัสกับกิ่งไม้เล็ก ๆ แสนเปราะบาง]
“เชื่อมือได้เลย!”
[แต่กิ่งไม้กลับไม่หักโค่น]
[ความปรารถนาในการคืนชีพโลกซึ่งกำลังดำเนินมาถึงจุดจบ ยังคงคุกรุ่นและหนักแน่นเช่นเดิมไม่เคยแปรเปลี่ยน]
…
[บุคคลนิรนามเสร็จสิ้นบทกวีลำดับ 5!]
อ่านตอนนี่แล้วน้ำตาซึมเลย ซึ้งมาก
ReplyDeleteขนลุก
ReplyDeleteน้ำตาซึม
สนุก
ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งครับ🙏
มอร์เฟียส คือเจ้าแห่งบทกวีตัวจริง จึ้ง!ตลอด!
Delete