จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 789
โอเวอร์เกียร์คืออาณาจักรผู้เล่นอันดับหนึ่ง ณ ปัจจุบัน
พวกเขาแข็งแกร่งจนเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อขั้วอำนาจอื่น
การตกเป็นเป้าโจมตีคือสิ่งที่มิอาจเลี่ยง
ผู้คนมากมายคอยเฝ้าจับตาอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ในทุกฝีก้าว
แต่กริดกลับมิได้กระหนักในจุดนี้
เขามองข้ามโชคชะตาอันโหดร้ายที่ผู้แข็งแกร่งต้องแบกรับ
กริดปกป้องอาณาจักรไม่รัดกุมในยามที่ตัวเองลงแข่งนานาชาติ ส่งผลให้ถูกศัตรูลอบแทรกซึมได้ง่ายดาย
ความประมาทเลินเล่อครั้งใหญ่ต้องแลกมาด้วยชีวิตของข่าน
หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น
กริดหมั่นฝึกฝนตนเองในด้านสติปัญญาอย่างหนัก
หากเขาฉลาดกว่าที่เป็นอยู่ ข่านคงไม่ต้องตายอย่างโดดเดี่ยว
กริดท้าทายตัวเองให้ถือกำเนิดใหม่ในฐานะกษัตริย์ผู้มีไหวพริบ
เขารวบรวมความรู้ได้ช้ากว่าผู้อื่นเนื่องจากมีสติปัญญาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยมนุษย์
แต่กริดชดเชยมันโดยการ ‘ไม่หยุดคิด’ แม้แต่วินาทีเดียว
เขาอาศัยการกระทำซ้ำซากจำเจที่เป็นสิ่งถนัดเพื่อชดเชยจุดอ่อนด้านสติปัญญาที่บกพร่อง
กริดไม่มั่นใจว่าทฤษฏีนี้จะได้ผลลัพธ์เช่นไร แต่มันคงไม่เสียหายหากเริ่มนำมาปฏิบัติจริง
และเมื่อครู่คือผลลัพธ์จากทฤษฏีดังกล่าว
สติปัญญาด้อยกว่าผู้อื่นแล้วอย่างไร?
หากบังคับตัวเองให้ใช้เวลาขบคิดมากกว่าเป็นเท่าตัว เขาสามารถไล่ตามคนอื่นทันแน่
กริดประมวลทุกสถานการณ์ที่ผ่านเข้ามาในหัว สมองทำงานอย่างต่อเนื่องโดยไม่หยุดพัก
เหตุใดกริดจึงอัญเชิญปิอาโร่เพียงคนเดียวในตอนแรก?
เพราะเขาไม่เห็นแอ็กนัส
กริดประเมินว่าอัศวินสีชาดและอิมมอทัลอาจเป็นเพียงเหยื่อล่อ
หากตนอัญเชิญอัศวินทุกคนในคราวเดียว อาจเป็นการเปิดช่องว่างให้แอ็กนัสจู่โจมใส่อาณาจักรโอเวอร์เกียร์ที่ว่างเปล่า
นั่นคือสาเหตุที่ปิอาโร่ถูกเรียกออกมาตามลำพังในตอนต้น
กริดระแวงคนสนิทของเมอร์เซเดสด้วยสาเหตุที่ไม่ต่างกัน
สิ่งนี้เกิดจากการไม่หยุดคิด
เขามิใช่คนที่หาบทสรุปได้เร็วก็จริง
แต่หากใช้เวลาไตร่ตรองให้มาก ผลลัพธ์จะมีค่าเท่ากับอัจฉริยะที่ใช้เวลาครุ่นคิดเพียงเล็กน้อย
เท่านั้นก็มากพอแล้ว
จิตใจของกริดกำลังเหนื่อยล้า
ไม่เหมือนกับตอนที่เขาลงมือด้วยสัญชาตญาณหรืออารมณ์และปล่อยให้หน้าที่ขบคิดเป็นของลอเอล
การบังคับตัวเองให้ย้ำคิดหาเหตุผลของทุกสิ่งรอบตัวจะสิ้นเปลืองพลังใจในระดับมหาศาล
ซู่วว—
คาซิมหายตัวไปในความมืด
“เฮ่อ…”
กริดเอนหลังพิงเบาะรถม้าอย่างหมดแรงประหนึ่งเพิ่งปราบจอมอสูรสำเร็จ
ปิอาโร่สำรวจอาการอย่างถี่ถ้วนก่อนจะก้มศีรษะอย่างนอบน้อม
“ฝ่าบาทเติบโตขึ้นมาก”
ปิอาโร่ภูมิใจในตัวกริด
แทนที่จะเศร้าโศกหรืออาลัยอาวรณ์อยู่กับความตายของข่าน
กริดพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองเพื่อให้ข่านบนสวรรค์ภาคภูมิใจ
แม้กระทั่งการเข้าเฝ้าจักรพรรดิก็ยังทำได้อย่างไร้ข้อบกพร่อง
กริดเอ่ยปากถามขณะปิอาโร่อมยิ้มอย่างมีความสุข
“ฉันทำถูกหรือไม่ที่คิดปิดปากคนสนิท"
กริดได้เห็นวินัยและความเข้มงวดของอัศวินสีชาดเต็มสองตา
แม้คนเหล่านั้นจะสั่นสะท้านเมื่อได้เห็นปิอาโร่อีกครั้ง แต่ทุกคนกลับปฏิบัติตามคำสั่งเมอร์เซเดสอย่างเคร่งครัด
และในการต่อสู้ช่วงหลัง
ถึงจะมีหลายคนที่ไม่เข้าใจเรื่องราวจากปากอัสโมเฟล แต่เมื่อเมอร์เซเดสตัดสินใจเลิกสงครามเพื่อสืบสวน ก็ไม่มีผู้ใดคิดคัดค้านแม้แต่คนเดียว
กริดเชื่อว่าอัศวินสีชาดในเหตุการณ์จะไม่แพร่งพรายความลับของอัสโมเฟลและปิอาโร่ออกไป
ทว่า
ไม่ใช่กับคนสนิทของเมอร์เซเดส
เขาไม่มีทางทราบถึงนิสัยชายปริศนาที่ยืนเฝ้าม้าจากระยะไกล
นั่นคือที่มาของคำสั่งปิดปาก
ปิอาโร่พยักหน้า
“เมอร์เซเดสจัดการเรื่องนี้ได้แน่ เธอมีความสามารถในการคัดกรองอัศวินและคนสนิทที่เหมาะสม”
“นายเชื่อใจเธอมากเลยนะ”
“เธอเป็นเด็กอัจฉริยะที่มีสายตาเฉียมแหลมเหนือผู้ใด”
สิ่งนี้คือเหตุผลที่ปิอาโร่เลือกเมอร์เซเดสเป็นลูกศิษย์
“เธอเติบโตได้รวดเร็วตามที่กระหม่อมคาดคิดไว้ อีกไม่นานต้องกลายเป็นหนึ่งในเสาหลักจักรวรรดิแน่”
ปิอาโร่ค่อนข้างแปลกใจเมื่อได้พบหน้าเมอร์เซเดสหลังจากถูกกริดอัญเชิญ
เขาไม่คิดว่าเธอจะยังมีชีวิตอยู่
ย่อมต้องเป็นเช่นนั้น
ดังที่เคยกล่าวไปก่อนหน้า
อัสโมเฟลผู้ถูกล้างสมองได้สังหารคนใกล้ชิดปิอาโร่เกือบทั้งหมด
เขาไม่มีทางปล่อยใครไว้เป็นเสี้ยนหนามแว้งกัดในอนาคตแน่
จึงน่าประหลาดไม่น้อยที่เมอร์เซเดสผู้เป็น ‘ศิษย์เอก’ ของปิอาโร่จะยังมีชีวิตอยู่
ซึ่งในตอนนั้น
อัสโมเฟลแอบละเว้นเมอร์เซเดส
ด้วยเหตุผลก็คือ…
‘จิตใต้สำนึกของเขาหวาดกลัวต่อจักรวรรดิ’
อัสโมเฟลแอบไว้ชีวิตเหล่าอัจฉริยะแม้กำลังถูกล้างสมอง
หนึ่งในนั้นคือเมอร์เซเดส
ปิอาโร่แหงนหน้ามองทองฟ้ายามรัตติกาลเมื่อครุ่นคิดถึงอดีต
“ยิ่งนายพูดแบบนี้ ฉันก็ยิ่งอยากได้ตัวเธอมาครอบครอง”
กริดประกาศกร้าว
“เมอร์เซเดสต้องเป็นของฉัน”
กริดมีสีหน้าบิดเบี้ยวเมื่อย้อนคิดกลับไปในตอนที่ดวลกับเมอร์เซเดส
เขาสัมผัสถึงบางสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลจากเธอ
กริดรู้สึกราวกับเมอร์เซเดสมองเห็นการกระทำของตนล่วงหน้า
มันแตกต่างจาก ‘อ่านใจ’ ของมหาจอมดาบที่ใช้ครอเกลใช้บ่อยครั้ง
กริดเคยคิดว่าเป็นเพราะฝีมือดาบที่ห่างชั้นเกินไป
แต่เมื่อลองทบทวนให้ดี
มันไม่ใช่แบบนั้นเลยสักนิด
เขาลองเปลี่ยนมุมมองความคิด
กริดตั้งสมมติฐานใหม่ว่าเมอร์เซเดสสามารถ ‘มองเห็นอนาคต’
แล้วทุกอย่างก็ลงล็อค
‘พลังของหล่อนเข้าขั้นขี้โกง’
กริดแสดงสีหน้าหนักใจ
เมอร์เซเดสอยู่ในระดับเดียวกับปิอาโร่ไม่ผิดแน่ ขุนเขาสูงตระหง่านที่ผู้เล่นไม่มีวันก้าวข้ามไปชั่วชีวิต
NPC พิเศษเหนือพิเศษ
กริดปรารถนาจะได้ตัวเธอมาเป็นพวก
ปิอาโร่เองก็เช่นกัน
ขณะดวลกับเมอร์เซเดส แม้แต่ปิอาโร่ผู้เก่งกาจยังคิดออกเพียงหนทางเดียวในการเอาชนะเธอ
นั่นคือ ‘ความตายที่ถูกลิขิต’
‘และหากปล่อยไว้แบบนี้…’
เธอจะเติบโตจนกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่ ‘ความตายที่ถูกลิขิต’ ไม่ส่งผล
ปิอาโร่ปรารถนาจะได้เธอมาเป็นพวก
“กระหม่อมเห็นด้วย…เธอต้องเป็นของฝ่าบาทเท่านั้น”
“อา…”
กริดพยักหน้า
ภายในใจของเขาเกิดคำถามหนึ่งข้อที่มิได้กล่าวออกไป
หากมลทินของปิอาโร่ถูกขจัดโดยสมบูรณ์ เขาจะยังรับใช้โอเวอร์เกียร์ต่อไป หรือกลับไปอยู่ที่จักรวรรดิกันแน่
แต่กริดมิได้ถาม
เขาเชื่อใจชายคนนี้
“กลับไรน์ฮาร์ทกันเถอะ”
ระหว่างทาง
กริดครุ่นคิดถึงสาเหตุการถูกลอบโจมตี
เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วน มีโอกาสสูงที่ฮวนเดอร์จะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
น่าจะเป็นฝีมือทางฝั่งจักรพรรดินีแมรี่เสียมากกว่า แต่การด่วนสรุปด้วยสติปัญญาตัวเองไม่ใช่เรื่องดีนัก
เขาต้องรีบกลับไรน์ฮาร์ทเพื่อปรึกษากับลอเอล
‘เหนื่อยฉิบ'’
หนึ่งวันในจักรวรรดิช่างยาวนานราวกับสิบปี
กริดมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้าเพื่อสังเกตุบรรยากาศโดยรอบ
และบังเอิญเหลือบไปเห็นอัสโมเฟลเข้า
อัสโมเฟลกำลังเดินคุ้มกันด้านขวาของรถม้าด้วยสีหน้าเจ็บปวด
‘ความผิดบาปได้ฝังรากลึกและกัดกินจิตใจชายคนนี้จนเกินเยียวยาแล้ว’
การลืมมลทินของตัวเองไม่ใช่เรื่องง่าย
แม้ปิอาโร่อาจให้อภัย แต่ครอบครัวของเหล่าอัศวินที่ตายไปคงไม่
หากเป็นไปตามที่กริดคาดไว้ อัสโมเฟลจะจบชีวิตของตัวเองลงทันทีเมื่อเขาแก้แค้นแมรี่สำเร็จ
‘…เดี๋ยวก่อน’
ขณะกริดกำลังแสดงสีหน้าเศร้าหมอง
เขาเกิดความคิดประหลาดอย่างหนึ่ง
‘อัศวินสีชาดถูกอัสโมเฟลฆ่าหมดแล้วจริงหรือ?’
กลุ่มคนทรยศที่ใกล้ชิดปิอาโร่
นั่นคือคำทีจักรวรรดิใช้เรียกขานอดีตอัศวินสีชาดในยุคนั้น
กริดรับรู้มาว่า ‘เกือบทั้งหมด’ ของอัศวินสีชาดถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยม
ใช่แล้ว
เกือบทั้งหมด…มิใช่ทั้งหมด
ต้องมีอีกหลายคนที่รอดชีวิต
เหมือนกับเมอร์เซเดส
‘อัสโมเฟลอาจชดเชยบาปในอดีตของตัวเองได้’
กริดไม่รอช้า
เขาออกคำสั่งแก่อัสโมเฟลทันที
“อัสโมเฟล จงท่องไปทั่วทวีปและค้นหาอัศวินสีชาดที่ยังเหลือรอดให้พบ”
“หือ…? อ…อะไรนะ”
ทั้งประหลาดใจและหวาดกลัว
ใบหน้าของอัสโมเฟลพลันหม่นหมองจากคำสั่งที่ไม่คาดคิด
กริดจ้องเข้าไปในดวงตาที่กำลังสับสนพลางอธิบาย
“ฉันต้องการครอบครองอดีตอัศวินสีชาดทั้งหมด ทำเพื่อฉันได้ไหม?”
“ฝ่าบาทต้องการตัวอดีตอัศวินสีชาดที่ยังเหลือรอดงั้นหรือ?”
“ถูกต้อง”
“เหตุใดถึงให้กระหม่อมทำภารกิจนี้? ปิอาโร่น่าจะเหมาะสมกว่า…”
อัสโมเฟลชะงักคำพูด
เขาเริ่มทราบถึงเจตนาของกริดแล้ว
แต่อัสโมเฟลไม่กล้ากล่าวคำว่า ‘ชดเชยบาปในอดีต’ ออกมา
คนบาปหนาอย่างตนจะชดเชยหมดได้อย่างไร?
เขาก้มหน้ามองพื้นดินด้วยแววตาดำมืด
“ปิอาโร่อภัยให้นายแล้ว”
“…”
“คนอื่นก็เช่นกัน พวกเขาต้องคิดแบบเดียวกับปิอาโร่แน่”
“…”
“หาพวกเขาให้พบ จากนั้นก็อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง”
อัสโมเฟลมองออกว่ากริดมอบหมายหน้าที่นี้เพื่อประโยชน์ของตัวเขาเอง
แถมยังเป็นโอกาสที่จะนำ ‘อดีตขุมพลังจักรวรรดิ’ มาเป็นแขนขาคอยสนุนสนันอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ในอนาคต
ยิงปืนนัดเดียวได้นกหลายตัว
อันที่จริง
กริดไม่ได้คิดซับซ้อนขนาดนั้น
เขาเพียงปฏิบัติต่อคนใกล้ชิดโดยคำนึงถึงหัวอกให้มากที่สุด
และนี่คือรากฐานสายสัมพันธ์อันแน้นแฟ้นของอาณาจักรโอเวอร์เกียร์สุดแกร่งในอนาคต
“จงมีความสุขในทุกลมหายใจ”
“…”
“นี่คือคำขอร้องสุดท้ายที่ข่านกล่าวกับฉัน พวกเรามามีความสุขด้วยกันเถอะ”
“…กระหม่อมจะมีวันไม่ลืม”
อัสโมเฟลหยุดเดินพร้อมกับก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อม เขาค้างไว้เช่นนั้นจนกระทั่งรถม้าของกริดลับสายตาไป
ปิอาโร่ให้กำลังใจอัสโฟเฟลกับเส้นทางแห่งการชดเชยบาปที่กริดมอบหมาย
‘นายทำได้แน่…เพื่อนยาก’
ได้โปรดกลับมาพร้อมสหายที่เหลือ
***
[ พลเมืองอาณาจักรฮวาน (1) ]
★ ภารกิจลับ ★
ท่านมีคุณสมบัติพื้นฐานในการเข้าสอบซือโหยว
เงื่อนไขประการแรก จงก้าวข้ามขีดจำกัดของมนุษย์ทั่วไป
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ (1) : ห้ามเสียชีวิตจนกว่าจะมีเลเวลถึง 400
* หากอยู่ระหว่างภารกิจ ท่านจะได้รับโบนัสค่าสถานะจำนวนมากทุก 20 เลเวลที่เพิ่มขึ้น
* หากท่านเสียชีวิต โบนัสค่าสถานะทั้งหมดจะสูญหายไปตลอดกาล
* หากท่านเสียชีวิต เงื่อนไขสำเร็จภารกิจจะเปลี่ยนเป็นข้อ (2)
เงื่อนไขสำเร็จภารกิจ (2) : ห้ามเสียชีวิตเกิน 5 ครั้งจนกว่าจะมีเลเวลถึง 400 (จำนวนครั้งการตาย : 2/5)
* นี่คือโอกาสสุดท้าย หากท่านล้มเหลวในเงื่อนไขข้อ (2) ท่านจะหมดสิทธิ์เข้าร่วมการทดสอบซือโหยวตลอดกาล
ในอดีต
เวอราดินเคยเดินทางมายังทวีปตะวันออกและมุ่งเน้นทำภารกิจเกี่ยวกับยังบันแห่งอาณาจักรฮวาน
มันหวังผลประโยชน์มหาศาลที่ผู้ปกครองทวีปตะวันออกจะมอบให้ในภายหลัง
ลงเอยด้วย
เวอราดินคือผู้เล่นคนแรกที่ได้เข้าไปในอาณาจักรฮวาน แถมยังได้รับภารกิจเพื่อที่จะกลายเป็น ‘ยังบัน’
ด้วยพลังจิตวิทยาชั้นสูง มันจึงมีชั้นเชิงในการสนทนากับยังบันมากกว่าผู้เล่นปรกติ
ส่งผลให้เวอราดินกลายเป็นที่ชื่นชอบของเหล่ายังบันอย่างง่ายดาย
เวอราดินในตอนนั้นมีเลเวลเพียง 290
มันพยายามอย่างหนักในการอัพเลเวลให้ถึง 400 โดยไม่เสียชีวิตแม้แต่ครั้งเดียว
ผลก็คือการได้รับโบนัสค่าสถานะระดับมหาศาลมาครองจนดวลชนะเทพสังหาร ‘เฟคเกอร์’ อย่างง่ายดาย
แต่โบนัสทั้งหมดล้วนหายไปในพริบตา
เพียงไม่กี่วันหลังจากแตะต้องอาณาจักรโอเวอร์เกียร์ มันเสียชีวิตไปแล้วสองครั้งซ้อน
“บางที…”
เวอราดินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ด้วยสีหน้าตึงเครียด
คำว่า ‘นี่แค่ครั้งแรก’ ของกริดกำลังดังก้องในหัวซ้ำไปมา
กริดจะตามล่ามันจนสุดขอบโลกและสังหารอีกนับครั้งไม่ถ้วนจนสาแก่ใจ
“…เราควรหาที่ปลอดภัยหลบซ่อน”
เวอราดินเคยคิดอยู่เสมอว่ามันสูงส่งกว่าผู้เล่นคนอื่น
สำหรับชายที่ใช้หลักจิตวิทยาบงการและชักใยผู้อื่นมาตลอด กริดและไอเท็มของเขาได้สร้างเหตุการณ์เหนือสามัญสำนึกขึ้นมากมาย จนแม้แต่อัจฉริยะอย่างเวอราดินก็มิอาจคาดเดาการกระทำกริดได้แม่นยำ
มันไม่ต้องการเผชิญหน้ากริดในช่วงนี้
นี่ถือเป็นครั้งแรกที่เวอราดินหวาดกลัวและเลี่ยงที่จะปะทะกับผู้เล่นสักคน
‘ไม่อยากเชื่อว่าเราจะเกิดความรู้สึกแบบนี้กับมนุษย์ธรรมดา…’
หมับ!
เวอราดินกำลังโกรธจัด
มันเกิดคำถามในใจหนึ่งข้อเกี่ยวกับท่าทีของอัศวินสีชาดที่แสดงออกเมื่อปิอาโร่ถูกอัญเชิญ
‘ทำไมพวกมันถึงต้องตะลึงนัก?’
กลุ่มหมอผียืนอยู่ห่างจากจุดที่ปิอาโร่ถูกอัญเชิญค่อนข้างมาก ไกลจนเวอราดินไม่ได้ยินเสียงบทสนทนา
และนั่นถือเป็นสิ่งที่พลาดมหันต์
‘มีบางสิ่งไม่ถูกต้อง…’
หรือกุญแจที่ไขความลับทั้งหมดจะอยู่กับชาวนาคนนั้น?
เวอราดินพยายามครุ่นคิดหาความเป็นไปได้หนทางใหม่
ขณะเดียวกัน
บริเวณรอบนอกไททัน
เคร้งงง—
เมอร์เซเดสใช้ดาบปัดมีดสั้นที่พุ่งตรงมาจากความมืด
สกายพลันหวาดผวาเมื่อลำคอของตนเกือบถูกโลหะเสียบทะลวง มันรีบยกโล่ตั้งท่าป้องกันอย่างลนลาน
เมอร์เซเดสหันไปมองในเงามืด
“กลับไปบอกราชาโอเวอร์เกียร์ว่าฉันขอบคุณที่เป็นห่วง ฉันจะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
>> เข้าใจแล้ว
“…?”
สกายรู้สึกเย็นสันหลับวาบเมื่อสุ้มเสียงสุดสยองขวัญดังกังวาลไปทั่วบรรยากาศอันมืดมิด
‘อะไรกัน? นี่เราเกือบถูกลอบสังหารงั้นหรือ?’
เมอร์เซเดสหันไปกล่าวกับสกายที่มีสีหน้าตื่นตระหนก
“นายถูกปลดตำแหน่งนับตั้งแต่นี้”
“เห…?”
“นายจะไม่สามารถย่างกรายเข้าไปในเขตวังหลวงได้อีก”
“อ…อะไรนะ?!”
เกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกันแน่?
ขณะสกายกำลังสับสนและรอคำอธิบาย
[ ท่านสูญเสียคลาสรอง ‘คนสนิทอัศวินลำดับหนึ่ง’ ]
[ ภารกิจเกี่ยวกับอัศวินสีชาดทั้งหมดถูกทำลาย ]
[ ท่านไม่สามารถเข้าเขตวังหลวงได้ ]
[ ค่าความสัมพันธ์กับเมอร์เซเดส 7 แต้มถูกรีเซ็ตกลายเป็น 0 ]
“เอ๋...? ด…ได้ไงกัน?”
สกายได้แต่ยืนสั่นระริกกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน มันกังวลว่าเมอร์เซเดสอาจรับรู้ด้านมืดของตนเข้า
หลังจากถูกทิ้งให้ยืนโดดเดี่ยวอยู่นาน
สกายครุ่นคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมกับได้ข้อสรุปว่า
…กริดคือผู้อยู่เบื้องหลัง
เมอร์เซเดสปลดมันเพราะกริดเกิดความเคลือบแคลง ถึงขนาดต้องส่งนักลอบสังหารมาปิดปาก
“อ…ไอ้! ไอ้ระยำ!!”
มันเดือดดาลสุดขีดที่กริดทำลายอนาคตในการเปลี่ยนเมอร์เซเดสให้กลายเป็นทาส
แต่หลังจากนั้นไม่นาน
“บ…บ้าบอสิ้นดี”
มันเริ่มหวาดกลัวกริดแทนที่จะโมโห
อีกฝ่ายมีพลังที่สามารถทำลายชีวิตผู้อื่นได้ง่ายดายขนาดนี้เชียว?
พลังของกษัตริย์คนใหม่ที่กลบจุดอ่อนด้านสติปัญญาจนมิดชิด ชายคนนี้น่ากลัวจนกริดในอดีตเทียบไม่ติดฝุ่น
▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬▬
ตอนฟรีลงสัปดาห์ละ 5 ตอน
ปัจจุบันแปลถึงตอน 1,219
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
โอ้ เย้ ในที่สุดก็หมดสิ่งกีดขว้างไปอีก 1-2 คน คงอีกนานกว่าพวกนี้จะฟื้นตัวและกลับมาทำร้ายกริดได้ 🙏ขอบคุณที่แปลครับ
ReplyDeleteอ่านอย่างมีความสุข
ReplyDeleteขอบคุณมากครับ 😁
รอตอนต่อไปอยู่น้าา
ReplyDeleteMimimmimmiiimimiimiimiiiimimi
ReplyDelete