จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,617
“เซราทุลเนี่ยนะ? เหลือเชื่อ…”
ความพ่ายแพ้ของเทพสงครามกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในนรก
“ทำไมถึงกล้าลงมาเยือนโลกกึ่งกลาง? เทพโอเวอร์เกียร์บนพื้นผิวไม่ใช่ศัตรูที่ควรประมาท…”
อาโมแรคตอบสนองอย่างไม่เชื่อหู
สามอสูรต้นกำเนิด
สุดยอดตัวตนในนรกที่สร้างโดยยาธาน แม้แต่คามิคิน จอมอสูรลำดับสี่ที่เคยสร้างความน่าพรั่นพรึงในมหาสงครามระหว่างมนุษย์และอสูร ก็ยังต้องยอมศิโรราบ
อย่างไรก็ดี ตัวตนสมบูรณ์เหล่านี้ประเมินกริดไว้สูงมาก
‘ความสำเร็จของกริดช่างน่าทึ่ง ไม่ใช่แค่อาโมแรค แม้แต่ยาธานก็คงนึกชื่นชมเขา’
โรสที่ผงะเล็กน้อยหลังจากแอบฟัง เห็นด้วยในทันที
แต่ขณะเดียวกัน เธอรู้สึกผิดหวัง
‘ทำไมอาโมแรคถึงสนใจแต่ยูร่า? ทำไมถึงไม่เคยแยแสเรา?’
อดเปรี้ยวไว้กินหวาน
วลีที่โรสใช้ย้ำเตือนตัวเองนับร้อยนับพันครั้ง
ย้อนกลับไปในตอนที่เธอเริ่มไต่อันดับคลาสจอมเวทมืด ยูร่าได้รั้งอันดับหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว เมื่อผนวกกับอำนาจในมือ ยูร่าสามารถยกระดับตัวเองกลายเป็นข้ารับใช้ยาธานได้ไม่ยากเย็น
เมื่อยูร่าทรยศวิหารยาธาน ช่องว่างระหว่างยูร่าและโรสก็ยิ่งกว้างขึ้น
เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นในการร่วมมือกับกิลด์โอเวอร์เกียร์
ณ เวลานั้น เหล่าแรงเกอร์ที่เก่งกาจที่สุดในแต่ละสายอาชีพ ทยอยรวมตัวกันรอบกริดและสร้างสายสัมพันธ์อันเข้มแข็ง
กิลด์โอเวอร์เกียร์ทรงพลังในทุกด้านโดยแท้จริง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็สถาปนาอาณาจักรของตัวเอง
อริราชศัตรูถูกเหยียบย่ำอย่างโหดร้าย หนึ่งในนั้นคือวิหารยาธาน
ชาวโอเวอร์เกียร์อาจจำไม่ได้ แต่โรสไม่มีวันลืม การปะทะกับกิลด์โอเวอร์เกียร์หลายต่อหลายหน ผลลัพธ์ลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ของเธอเสมอ
มันนำมาซึ่งความล้มเหลว ทุกข์ทรมาน และเจ็บปวด
บางครั้ง เธอร้องไห้เพราะโศกเศร้าเกินกว่าจะทนรับไหว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อภารกิจลับถูกก่อกวนจนพังไม่เป็นท่า จิตใจโรสบอบช้ำจนเผลอสะดุ้งตื่นกลางดึกนานหลายวัน
เป็นความอยุติธรรมจนเธออยากเรียกร้องผ่านสื่อ
อย่างไรก็ดี เธอมิได้ถอดใจ
โรสไม่เคยคิดยอมแพ้หรือวิ่งหนี
การตั้งเป้าแข่งขันกับยูร่าทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น
หลังจากโรสทุ่มเททุกสิ่งจนแทบกระอักเลือด ช่องว่างลดลงจากเดิมเล็กน้อย
แต่เนื่องจากเป้าหมายริบหรี่มาตั้งแต่ต้น เธอจึงรับมือได้กับทุกสถานการณ์ ไม่ว่ามันจะเลวร้ายสักเพียงใด
ซาทิสฟายคือเกมที่ยากเป็นทุนเดิม… มันไม่เคยง่าย ความลำบากแค่นี้ถือเป็นเรื่องปรกติ…
โรสข้ามผ่านความเจ็บปวดด้วยแนวคิดดังกล่าว
เป็นความคิดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในระยะหลัง
เพราะคู่ต่อสู้ของเราแข็งแกร่งเกินไปต่างหาก…
แทนที่จะตั้งเป้าหมายต่ำๆ และมัวเสียเวลาคลุกคลีอยู่ในโคลนตม สู้ตั้งเป้าให้สูง คอยต่อสู้กับกลุ่มคนที่ทั่วโลกยอมรับและอิจฉา นั่นจะทำให้คุณค่าในตัวเธอเพิ่มขึ้น
นี่มิได้เป็นการหาเหตุผลปลอบใจตัวเอง
อันที่จริง โรสพานพบโอกาสสำคัญนับไม่ถ้วน
ส่งผลให้เธอยังกัดฟันทน ในฐานะความหวังสุดท้ายของวิหารยาธาน
ศาสนาร้างที่ทุกคนต่างพากันสละเรือ
เธอกลายเป็นไฮแรงเกอร์เพียงคนเดียวในวิหารยาธาน - ศาสนาซึ่งมีสภาพไม่ต่างจากเรืออับปางที่กำลังจม
จึงเป็นธรรมดาที่ชิ้นส่วนลับทั้งหมดเกี่ยวกับยาธาน จะทยอยผุดขึ้นรอบตัวโรสอย่างน่าอัศจรรย์
จนกระทั่งโรสได้พบอาโมแรคและกลายเป็นจอมอสูร
ในตอนแรก เธอคิดว่าตัวเองถูกหวย
เชื่อว่าอนาคตของตนจะมีเพียงทางเดินที่ปูด้วยทองคำ
จนกระทั่งโรสปะทะกับกิลด์โอเวอร์เกียร์และพ่ายแพ้
แม้จะกลายเป็นจอมอสูรคนแรกในหมู่ผู้เล่น แต่สถานการณ์ของโรสกลับแทบไม่เปลี่ยนแปลง
ทุกครั้งที่เผชิญหน้ากับกิลด์โอเวอร์เกียร์ ผลลัพธ์มีเพียงความพ่ายแพ้อย่างน่าอดสูซ้ำแล้วซ้ำเล่า เงาของกริดยังห่างไกลเท่าเดิม หรือบางทีอาจไกลยิ่งขึ้น
อยากได้พลังมากกว่านี้
ใช่แล้ว เหมือนกับแค็ทซ์ มีแต่ต้องกลายเป็นมือเท้าของสามอสูรต้นกำเนิด ผลลัพธ์การต่อสู้จึงจะเปลี่ยนไป
โรสอยากเป็นคนที่อาโมแรคเลือก
นับตั้งแต่ย้ายรกรากลงมายังนรก เธอรับใช้อาโมแรคด้วยความซื่อสัตย์มาตลอด
โรสเชื่อว่า ความจงรักภักดีของตนถูกส่งไปถึงอีกฝ่าย
เพราะอาโมแรคมักทำดีกับเธอบ่อยครั้ง
เฉกเช่นแค็ทซ์ที่กลายเป็นนักรบแห่งเบริอาเช่ โรสคาดหวังว่าตนจะกลายเป็นการดำรงอยู่ที่พิเศษระดับเดียวกัน
แต่น่าเสียดาย นั่นเป็นเพียงภาพมายา
โรสเริ่มสังเกตเห็นท่าทีที่อาโมแรคมีต่อยูร่า
ความห่วงใยที่อาโมแรคมอบให้โรสไม่เคยเป็นของจริง
เมื่อเทียบกับความหมกมุ่นที่มีต่อยูร่า โรสเปรียบดังก้อนหินริมทาง
โรสพยายามทำความเข้าใจ
นักล่าอสูรผู้เคยเป็นข้ารับใช้ยาธาน
ยูร่าถือเป็นคนพิเศษ
เข้าใจได้ว่าทำไมอาโมแรคถึงต้องให้ความสนใจนัก
กับกริดยิ่งไม่ต้องพูดถึง
“ลูกสาวของทราวก้า อิฟริต ประเมินว่าเทพโอเวอร์เกียร์คือตัวตนผู้อยู่เหนือกาลเวลา หมายความว่าเขามีอัตราการเติบโตที่ผิดธรรมชาติ… แต่เซราทุลผู้หยิ่งผยองกลับมองข้ามเรื่องนั้น จนต้องลิ้มรสความอับอายครั้งใหญ่”
จุดสูงสุดของผู้เล่น
อาโมแรคไม่กล้าประมาทชายผู้มีอำนาจในการเปลี่ยนแปลงกระแสของโลก
‘ฉันเข้าใจดี เข้าใจทุกสิ่ง… แต่มันยุติธรรมแล้วหรือที่เธอจะเมินฉัน?’
ขณะโรสกำลังรู้สึกโดดเดี่ยว
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นจนเธออดยิ้มไม่ได้
กริดและยูร่า
เราคือคนที่แข่งขันกับทั้งคู่มานานนับสิบปี (?) ผู้เล่นเพียงสองคนที่อาโมแรคให้การยอมรับ…
โดยเฉพาะช่วงหลัง ความถี่ในการปะทะเริ่มสูงขึ้น
ถึงเราจะแพ้อย่างราบคาบอยู่ฝ่ายเดียวเสมอ จนเริ่มไม่แน่ใจว่าพวกเขาลืมชื่อเราไปแล้วหรือยัง… แต่การได้สู้กับทั้งสองคือสิ่งที่ทำให้เรากลายเป็นคนพิเศษ…
‘เธอจะทอดทิ้งฉันโดยไม่เหลียวแลจริงๆ หรือ?’
อาโมแรค
ถ้าทิ้งฉันตอนนี้ สักวันเธอจะต้องเสียใจ…
โรสจินตนาการช่วงเวลาแห่งการเอาคืนด้วยหัวใจพองโต
“…ฮุฮุ! คิคิคิคิคิก!!”
“…?”
อาโมแรคหันมามองโรสที่ระเบิดเสียงหัวเราะอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
จอมอสูรที่เคยเป็นมนุษย์ผู้นี้ ยังเข้าใจได้ยากเหมือนเคย…
ทั้งที่ภารกิจล้มเหลวทุกครั้ง แต่เธอกลับหัวเราะได้เสมอ ดูเหมือนจะเป็นผลข้างเคียงจากการพ่ายแพ้มากเกินไป
‘เดิมที เราเคยคิดว่าเด็กคนนี้พอจะมีพรสวรรค์อยู่บ้าง’
แต่เมื่อได้พบยูร่า อาโมแรคตระหนักได้ทันที ว่าพรสวรรค์ที่แท้จริงเป็นเช่นไร
โรสกลายเป็นหมาหัวเน่า
หากยูร่าคือดาวจรัสแสงบนท้องฟ้า โรสก็เปรียบดังไข่มุกในโคลนตม ไม่ได้เลวร้ายนัก แต่ก็เทียบกันไม่ติด
อา… ยูร่า…
เด็กที่น่าสงสาร ผู้ไม่ทราบว่านักล่าอสูรนั้นไร้ประโยชน์เพียงใด
คงไม่รู้สินะว่าบาเอลเล่นสนุกกับดวงวิญญาณอันน่าสมเพชของอเล็กซ์อย่างไร
แสงทำลายล้างที่เธอหวังพึ่งพา จะถูกสลายทิ้งในพริบตา…
บาเอลเป็นพวกต่ำช้าที่เพลิดเพลินกับความเจ็บปวดของผู้อื่น จึงขุดลึกลงไปในดวงวิญญาณอเล็กซ์ทุกซอกมุม
อันที่จริง ความแข็งแกร่งของอเล็กซ์ยังไม่ได้เศษขี้เล็บของสามอสูรต้นกำเนิด
หากต้องการชำระล้างนรกจริงๆ ล่ะก็… เธอไม่ควรพอใจแค่นักล่าอสูร แต่ต้องร่วมมือกับฉัน…
วันนี้ก็เช่นกัน
อาโมแรคส่งข้อความเสียงเข้าไปในหัวยูร่า
แม้ร่างกายจะตรึงติดกับบัลลังก์ แต่ร่างที่สร้างด้วยพลังเวทได้ลอยไปหายูร่าพร้อมกับถ่ายทอดข้อความ
‘…หือ?’
อาโมแรคผู้กำลังทำหน้าเศร้า เอียงคอฉงนทันที
ร่างจำลองถูกทำลายในพริบตา เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
จริงอยู่ เป็นเพราะลูกไม้ไร้ประโยชน์ของบาเอล กลุ่มมนุษย์ที่รุกรานนรกจึงยกระดับตัวเองขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่จะทำเช่นนี้ได้
‘ถูกทำลายด้วยสิ่งใด? หรือว่า…?’
เทพโอเวอร์เกียร์
หลังจากโค่นเซราทุลลงได้ ชายคนนั้นฮึกเหิมจนตัดสินใจท้าทายบาเอลต่อทันที?
มั่นใจในตัวเองมากไปแล้ว…
ชะตากรรมเดียวที่รออยู่คือความพ่ายแพ้
‘ถึงจะน่าเสียดาย แต่ก็เป็นเรื่องดี’
แม้อาโมแรคจะหวังให้นรกถูกชำระล้าง แต่ก็ใช่ว่าเธอไม่เคยบาดหมางกับกริด
กริดคือตัวการที่ทำให้วิหารยาธานตกอยู่ในสภาพจนตรอก เทพยาธานต้องสูญเสียความศรัทธาไปมากมาย
เธอไม่ยินดีนักเมื่อทราบว่า เหล่ามังกรต่างยอมรับในตัวกริด และทำให้กริดแข็งแกร่งขึ้นจนมองไม่เห็นขีดจำกัด
ว่ากันตามตรง อาโมแรครู้สึกถูกคุกคาม
‘แต่ถ้าวันนี้เขาพ่ายแพ้ต่อบาเอลจนสูญเสียบารมีเทพ… มนุษย์จะหันมาพึ่งพาเราแทนเทพโอเวอร์เกียร์’
สิ่งที่อาโมแรคต้องการมิใช่มนุษย์ที่พึ่งพาตัวเองได้
เธออาจหวังให้มนุษย์โค่นบาเอลและฟื้นฟูนรก แต่ระหว่างทาง พวกมันต้องหยิบยืมพลังจากเธอ
แต่ไหนแต่ไร อสูรจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อทำพันธสัญญากับมนุษย์ ยิ่งมากเท่าไรก็ยิ่งดี
ผลลัพธ์ในอุดมคติของอาโมแรคก็คือ คอยช่วยเหลือมนุษย์ทุกขั้นตอนนับตั้งแต่การลงมาเยือนนรก แต่หลังจากเครื่องจักรประหลาดนามว่าลิฟต์นรกถูกสร้างขึ้น เธอตัดสินใจเลิกหวังในจุดนั้น
‘ในอนาคตอันใกล้ เกียรติยศของบิดาจะถูกฟื้นฟู และเราคือผู้เดียวที่ยืนเคียงข้างท่าน’
อาโมแรคฉีกยิ้มกว้าง พลางคาดหวังผลลัพธ์เชิงบวกจากการมาเยือนนรกก่อนกำหนดของเทพโอเวอร์เกียร์
***
“สุดยอด…”
หลังจากระลอกการโจมตีของกองทัพอสูรที่บาเอลส่งมา สิ้นสุดลงได้ไม่นาน
อาโมแรคส่งร่างจำลองบุกเข้าไปในค่ายของชาวโอเวอร์เกียร์ต่อทันที
เธอเล็งจังหวะนี้มาตั้งแต่ต้น
เนื่องจากทุกคนกำลังอ่อนเพลีย สถานการณ์เช่นนี้ถือเป็นวิกฤติร้ายแรง
จนกระทั่งยูร่าก้าวเท้าออกมา ตวัดดาบฟันร่างจำลองขาดครึ่งท่อน
ใช่แล้ว
ตรงข้ามกับความคาดหวังของอาโมแรค ผู้ที่ทำลายร่างจำลองคือยูร่า
ชาวโอเวอร์เกียร์อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความชื่นชม
สิ่งที่ได้รับความสนใจเป็นพิเศษคือแสงทำลายล้าง
‘แสงทำลายล้าง’ เป็นท่าไม้ตายของนักล่าอสูร ขั้วตรงข้ามกับสิ่งมีชีวิตประเภทมาร
ติดคริติคอลและโจมตีจุดอ่อนอย่างแน่นอน, เพิ่มความรุนแรงคริติคอล, มองข้ามค่าต้านทานธาตุ, ทะลุพลังป้องกัน, สะสมความเสียหายเพิ่มเติม, ทำให้ปราณอสูรอ่อนแอลง, ระงับการรักษา และอีกมากมาย
มีแต่คุณสมบัติเชิงบวก
เป็นท่าโจมตีที่รุนแรงอย่างไร้เหตุผล แต่มีข้อจำกัดว่า ใช้ได้กับเป้าหมายที่มีปราณอสูรเท่านั้น
แถมยังมีอีกหนึ่งข้อเสียสำคัญ
การโจมตีระยะไกล
จริงอยู่ การบรรจุกระสุนและยิงออกไปไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปัญหาอยู่ที่ศึกระยะประชิด
นักล่าอสูรอาจแข็งแกร่งที่สุดในนรก แต่นั่นคือสถานการณ์ที่มีพวกพ้องคอยสนับสนุน หากต้องดวลกับศัตรูแบบตัวต่อตัว ท่าไม้ตายจะถูกผนึกไว้จนอ่อนแอลงหลายส่วน
อย่างไรก็ดี เรื่องราวได้เปลี่ยนไปแล้ว
หลังจากพยายามใช้งาน ‘แสงทำลายล้าง’ ในลักษณะเดียวกับออร่ามาสักพัก ความฝันของเธอกลายเป็นจริงภายใต้ความช่วยเหลือจากภูตแห่งความว่างเปล่า
แสงทำลายล้างที่ไม่เคยยินยอมให้ยูร่าฉาบลงบนดาบ ผสานเข้ากับพลังงานของภูต จนสามารถนำมาเคลือบลงบนอาวุธ
สิ่งนี้สำเร็จได้เนื่องจากราชาภูตที่ยูร่าครอบครอง คือภูตแห่งความว่างเปล่า
เนื่องจากว่างเปล่า มันจึงไร้ธาตุ ช่วยให้เกิดความปรองดองระหว่างธาตุที่ขัดแย้งกัน
เมื่อพลังงานของราชาภูตกับท่าไม้ตายของนักล่าอสูร ผสานเข้าด้วยกันเป็นเนื้อเดียว คุณสมบัติที่เกิดขึ้นจึงอยู่ในระดับเหนือมนุษย์
แสงทำลายล้างมีประสิทธิภาพสูงขึ้นหลายเท่า
ถึงขั้นเปลี่ยนรูปร่างเป็นทักษะที่คงสภาพได้นาน
ประโยชน์การใช้งานหลากหลายจนของเดิมเทียบไม่ติด
> คิดถูกแล้วที่ทำพันธสัญญากับเจ้า เทพโอเวอร์เกียร์ต้องดีใจแน่
‘ขอบคุณมาก ภูตแห่งความว่างเปล่า’
ยูร่าผู้ฉีกยิ้มกว้างประหนึ่งได้ออกเดตกับกริด ดูสง่างามและน่าหลงใหลเป็นพิเศษ
แวนเนอร์จ้องอีกฝ่ายด้วยใบหน้ายิ้มแย้มสักพัก ก่อนจะกล่าวอย่างตื่นเต้น
“ยูร่ากำลังสร้างรากฐานของเหนือมนุษย์… เลเวลก็คงใกล้หกร้อยแล้วใช่ไหม?”
กองทัพอสูรของบาเอลที่โจมตีเข้ามาเป็นระลอก มอบค่า EXP สูงกว่าอันเดดในวิหารกัลกุนอสนับสิบเท่า ยิ่งไปกว่านั้น ปริมาณของมอนสเตอร์ยังมากกว่ากันนับพันเท่า
ไม่ผิดนักหากจะเรียกว่า ‘อีเอ็กพีเวฟ’ (EXP Wave)
ชาวโอเวอร์เกียร์ต่างพากันตั้งคำถาม หรือว่าบาเอลจงใจช่วยเหลือฝ่ายโอเวอร์เกียร์?
“ถ้าอยู่ในสภาพนี้อีกสักสองปีก็คงถึงหกร้อยได้ไม่ยาก แต่ก่อนหน้านั้น บาเอลจะไม่โผล่หัวออกมาจัดการเราก่อนหรือ? หรือไม่ก็เป็นกริดที่เริ่มเปิดศึกกับบาเอล… เลเวลหกร้อยกับผีน่ะสิ แม้แต่กริดก็ยังไม่น่าจะถึง”
ป็อนพูดแทรก
มันไม่มีเจตนาจะชวนทะเลาะ
และอันที่จริง แวนเนอร์ก็ทราบดีว่า คำพูดของตนเกินจริงไปพอสมควร เพียงอยากชื่นชมยูร่าด้วยความตื่นเต้น
แต่แวนเนอร์กลับยอมไม่ได้เมื่อผู้พูดคือป็อน
“กริดเนี่ยนะยังไม่ถึงหกร้อย? เขาน่าจะหกร้อยกว่าแล้ว… อย่างน้อยก็คง 602…”
“ใช่แล้ว กริดคือชายผู้ก้าวข้ามสามัญสำนึกได้เสมอ!”
ฮิวรอยเห็นด้วย
ความศรัทธาโดยไม่มีเงื่อนไขของมัน เข้าใกล้การกราบไหว้บูชาเข้าไปทุกที ห่างไกลจากคำว่าจงรักภักดีไปมาก
แต่ก็มีอีกหลายคนที่คิดตรงกัน
ไม่เพียงเรกัส แต่แค็ทซ์ก็พยักหน้ารับ
สิ่งที่ผิดคาดก็คือ พีคซอร์ดไม่เห็นด้วย
“ถึงจะเป็นก็อดกริด แต่ตอนนี้ก็ยังไม่น่าจะถึงเลเวลหกร้อย… เขาไม่ได้เก็บเลเวลมาเกือบครึ่งปีแล้ว”
มันกล่าวอย่างมั่นใจเสียเต็มประดา ประหนึ่งว่าตนรู้จักกริดดีที่สุดในโลก
ในฐานะประธานสมาคมเกาหลีใต้จงเจริญ พีคซอร์ดใส่ใจความปลอดภัยของกริดมากเป็นพิเศษ
มันแทบจะรู้ตารางงานของกริดโดยละเอียด รวมถึงข่าวคราวภายในเกม
ย่อมทราบว่า กริดหมกมุ่นอยู่กับงานตีเหล็กมานานกว่าครึ่งปีแล้ว
จริงอยู่ ระหว่างช่วงเวลาดังกล่าว กริดได้ต่อสู้กับ NPC สุดพิเศษหลายต่อหลายหน เช่นเหล่ามังกรและเซราทุล แต่ชัยชนะเดียวที่กริดได้รับคือศึกระหว่างเทพสงคราม
หรือกล่าวได้ว่า ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา กริดได้รับค่า EXP เพียงครั้งเดียวจากการโค่นเซราทุล
นั่นทำให้เลเวลพุ่งสูงเกินหกร้อยเลยหรือ?
ผลลัพธ์ดังกล่าวอยู่เหนือสามัญสำนึกเกินไป แม้แต่กับสาวกเดนตายผู้ประดิษฐ์วลี ‘ก็อดกริด’
“กริดเนี่ยนะไม่ได้เก็บเลเวล? เขาสร้างไอเท็มพร้อมกับเก็บเลเวลได้ไม่ใช่หรือ?”
“หมายถึงการใช้หัตถ์เทวะกับโครงกระดูกช่วย? เฮ้อ… พวกนายยังไม่รู้จักก็อดกริดดีพอ ไอเท็มชุดล่าสุดที่เขาสร้างคือเกราะและศาสตรามังกร… ในอีกความหมายหนึ่ง กริดไม่มีทางสร้างพวกมันไปพร้อมกับเก็บเลเวล เพราะต้องใช้เตาหลอมขนาดมหึมาระดับเดียวกับตอนหลอมเขี้ยวกูเซล”
ปลายจมูกพีคซอร์ดเชิดขึ้นเล็กน้อย คล้ายกับมั่นใจมากว่าการวิเคราะห์ของตนถูกต้อง
ฉากดังกล่าวคือเครื่องพิสูจน์ว่า กิลด์โอเวอร์เกียร์ไม่ต่างอะไรกับลัทธิบูชากริดประเภทหนึ่ง
ทั้งฝั่งที่เชื่อว่ากริดมีเลเวลเกินหกร้อย และฝั่งที่เชื่อว่าไม่เกิน ต่างมั่นใจว่าตัวเองรู้จักกริดดีที่สุด
แต่หนึ่งสิ่งที่ทุกคนมีร่วมกันก็คือ ไม่มีใครทราบเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ของหัวแถว
ศัตรูที่กริดต่อกรล้วนอยู่เหนือจินตนาการและยากจะกะเกณฑ์ฝีมือได้แม่นยำ เป็นธรรมดาที่จะมิอาจคาดเดาค่า EXP
ยูร่าและจิสึกะ พากันตลกขบขันกับฉากตรงหน้า
พวกเธอได้พบเจอหรือโทรศัพท์คุยกับกริดทุกวัน ย่อมทราบถึงเลเวลปัจจุบันของชายหนุ่ม
691
ทั้งสองเริ่มอยากรู้แล้วว่า พวกพ้องเหล่านี้จะตกตะลึงมากเพียงใดหลังจากได้ทราบความจริง
ชักอยากเห็นเร็วๆ แล้วสิ…
***
[เลเวลอัป]
‘เหลืออีกแปดเลเวล เราจะได้รับการตื่นค่าสถานะครั้งที่เจ็ด’
กระบวนการแยกชิ้นส่วนและหลอมดาบศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบสี่เล่ม ทำให้เลเวลของกริดเพิ่มขึ้น
แถมยังเกือบจะเต็มหลอดถัดไป
หลังจากโค่นเทพสงครามเซราทุล เลเวลของกริดเพิ่มขึ้นทันทีมากกว่าห้าสิบระดับ
‘สนุกชะมัด’
มีบางช่วงเวลาที่กว่าจะอัปได้แต่ละเลเวล ผู้เล่นต้องทุ่มเททุกสิ่งที่ตนมี
นั่นคือช่วงนรกระหว่างเลเวลสามร้อยถึงสี่ร้อย
แม้จะได้รับความช่วยเหลือจากบัฟ EXP ที่ติดมากับไอเท็มและสมญานาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอ
อย่างไรก็ดี ทุกสิ่งเปลี่ยนไปหลังจากกลายเป็นหัวแถว
ระบบ ‘บรรลุ’ ช่วยติดปีกให้กริด
สำหรับกริดที่มักถูกเพ่งเล็งโดยศัตรูแข็งแกร่ง ระบบบรรลุถือเป็นตัวช่วยในอุดมคติ
ยิ่งศัตรูมีเลเวลและระดับตัวตนสูง ระบบบรรลุก็ยิ่งมอบค่า EXP มาก
นอกจากนั้น การสร้างอาวุธและชุดเกราะมังกรคืออีกหนึ่งกุญแจสำคัญ ระบบประเมินว่านี่คือหนึ่งในไอเท็มที่ดีที่สุดในเกม จึงมอบค่า EXP สูงกว่าการล่าบอสพิเศษบางตัวหลายเท่า
ข้อเท็จจริงที่ว่า ตนสามารถรวบรวมเกล็ดเซนอนได้อีกมากในอนาคต ทำให้กริดตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก
การได้อัปเลเวลถือเป็นเรื่องดีเสมอ
‘แต่ไหนแต่ไร สิ่งที่สนุกที่สุดในเกมคือการเก็บเลเวล…’
กับซาทิสฟายยิ่งพิเศษ ทุกการเลเวลอัปหนึ่งร้อยครั้ง ค่าสถานะจะถูกระบบปลุกให้ตื่น
ทุกครั้งที่ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ผู้เล่นจะได้พบกับจุดหมายถัดไปทันที ส่งผลให้พัฒนาการของตัวละครไม่มีความน่าเบื่อ
“…หืม?”
กริด ผู้กำลังเพ่งสมาธิทำงานร่วมกับลอร์ด สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
บรรยากาศเปลี่ยนไป
แต่ไม่ใช่เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของบราฮัม
เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของบราฮัมจะช่วยเพิ่มพลังทำลายให้ละอองมานาในอากาศ แต่บรรยากาศในตอนนี้ทั้งอ่อนโยนและอบอุ่น
กริดตระหนักได้ในเวลาถัดมา
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นจากใต้ดิน
ไม่ว่าจะผืนดิน ระบบนิเวศ หรือสภาพอากาศ ทุกสิ่งล้วนเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวา
‘ปิอาโร่?’
ทำความเคยชินกับเคล็ดวิชาลับใหม่ได้แล้วหรือ?
ด้วยความประทับใจที่เอ่อล้น กริดถึงกับหยุดทำงานและเดินออกจากโรงเหล็ก
มันเห็นปิอาโร่กำลังเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
พร้อมกับข้อความแจ้งเตือนสุดพิลึก
[เทพธรณี คาริออน ปรบมือและกล่าวให้กำลังใจว่า: ดีใจด้วย! สำเร็จจนได้นะ!]
“…”
เทพผู้มีต้นกำเนิดจากรีเบคก้า แต่อยู่บนโลก มิใช่แอสการ์ด
ดูเหมือนว่าเทพธรณีคาริออน ผู้ได้รับการเคารพบูชาไม่ต่างจากต้นไม้โลก จะคอยจับตามองปิอาโร่มาสักพักแล้ว
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment