จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,615



ท้องฟ้าเหนือท้องฟ้า


ดินแดนซึ่งเมฆสีทองทำหน้าที่ประหนึ่งผืนแผ่นดิน


แอสการ์ด


สวรรค์ที่เป็นถิ่นพำนักของเทพระดับสูงเจ็ดตน และเทพระดับล่างอีกสิบแปด


“…”


เทพสงครามเซราทุลย่างกรายไปทางวิหารด้วยสีหน้าเฉยเมย คิ้วที่โก้งโค้งและเคราที่ยาวลงมาจนถึงจุดตันเถียน ช่วยมอบบรรยากาศสูงส่งและสง่างาม


ไม่มีสิ่งใดแตกต่างไปจากเดิม


ทว่า ท่าทีของเหล่าเทวทูตที่กล่าวคำทักทาย ดูแปลกไปอย่างชัดเจน


“แย่หน่อยนะ”


อัครเทวทูตลำดับหนึ่ง ไลฟาเอล


ในฐานะหัวหน้ากองทัพเทวทูตซึ่งเพิ่มจำนวนเป็น 465 ตนเมื่อไม่นานมานี้ อำนาจทางการทหารของไลฟาเอลเป็นรองเพียงเทพแห่งสนามรบอย่างโดมิเนี่ยนเท่านั้น


เนื่องจากเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงไม่กี่ชนิดที่สามารถเฝ้าเข้าเทพธิดา จึงไม่เกินจริงไปนักหากจะเรียกไลฟาเอลว่าหนึ่งในขั้วอำนาจสำคัญของสวรรค์


“มีมนุษย์จำนวนไม่น้อยได้เห็นความพ่ายแพ้ของท่าน ข่าวลือคงแพร่ไปไวมาก… บางที คงเพราะพวกมันมีอายุขัยสั้น มนุษย์จึงหมกมุ่นอยู่กับความบันเทิง… อา เรื่องเล่าเกี่ยวกับการหนีหัวซุกหัวซุนของเทพสงคราม คงบันเทิงเริงใจไม่ต่างจากสารเสพติด”


“เจ้ายังเห็นข้าเป็นเทพอยู่ไหม?”


“หืม? จริงสิ ข้าพูดผิด ฮะฮะ! ไม่ใช่แค่เรื่องเล่า แต่เป็นเทวตำนานต่างหาก… เทวตำนานที่จะคงอยู่ตลอดกาล”


“เรื่องเล่าจะคงอยู่ตลอดกาลได้อย่างไร ในเมื่อมีเพียงเทพที่คงอยู่ต่อไป”


เฉกเช่นทุกครั้ง โลกจะถูกทำลายและเริ่มต้นใหม่


รีเบคก้าและยาธานต้องทำแบบนั้นแน่


เซราทุลจึงมิได้นึกเสียใจ


ลงเอยด้วย มันย่างกรายเข้าไปในวิหารด้วยโทสะที่คุกรุ่นจากคำยั่วยุของไลฟาเอล


วิหารที่ใหญ่เป็นอันดับสอง จากบรรดาวิหารยี่สิบห้าแห่งบนแอสการ์ด


นี่คือเครื่องพิสูจน์อำนาจของเซราทุล


ใช่แล้ว ไม่ว่ามนุษย์จะนินทาเช่นไร สุดท้ายเราก็ยังเป็นเรา…


เทพสงคราม เซราทุล


ไลฟาเอลกล่าวตักเตือนขณะเซราทุลสูดกลิ่นไวน์องุ่น


“นั่นก็จริง… ไม่มีสิ่งใดบนโลกกึ่งกลางคงอยู่ตลอดไป แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่า ท่านล้มเหลวกับโลกใบนี้โดนสิ้นเชิง… หนนี้แตกต่างจากเมื่อครั้งพ่ายแพ้นักล่ามังกร ข้าคงช่วยอะไรมากไม่ได้… ตราบใดที่มนุษย์เคลือบแคลงในพลังของท่าน ความศรัทธาในตัวท่านมีแต่จะลดต่ำลง”


“เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าข้าเป็นใคร?”


“หือ…?”


“ข้าคือเทพสงคราม ต้นกำเนิดของพลังในธรรมชาติและความว่างเปล่า พลังที่สัตว์และมนุษย์ทุกชีวิตล้วนปรารถนา… ไม่ต้องห่วง ความศรัทธาในตัวข้าจะเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่ลดลงไปแน่นอน”


“…ฮะฮะ!”


ไลฟาเอลที่เอียงคอสงสัย หลับตาหัวเราะพลางปรบมือชอบใจ


ดวงตาที่กำลังโก้งโค้งของมัน แผ่บรรยากาศเย็นเยียบยิ่งกว่าน้ำแข็ง


“ท่านคงเสียสติไปแล้วกระมัง? ฮะฮะ! น่ากลัวจัง ข้ารีบไปดีกว่า! อ๊ะ! แล้วอย่าเพิ่งออกไปไหนล่ะ พักผ่อนให้เต็มที่เสียก่อน”


“…สักวัน ข้าจะฆ่าเจ้า”


หลังไลฟาเอลจากไป เซราทุลทิ้งตัวนั่งพร้อมกับแผ่จิตสังหาร


ความว่างเปล่า


อันที่จริง ตัวมันทราบดี


เทพสงครามไม่ใช่แหล่งกำเนิดพลังในความว่างเปล่า


ตรงกันข้าม ความว่างเปล่าถือกำเนิดก่อนเทพสงคราม


เทพสงครามถือเกิดจากความปรารถนาอันแรงกล้าของสิ่งมีชีวิตจำนวนมาก


และเทพสงครามตนนั้นมีนามว่าซือโหยว


ซือโหยวไม่จำเป็นต้องมีวิหาร


ไม่ต้องพิสูจน์ตัวเอง เป็นการดำรงอยู่ที่มั่นคง


“พิสูจน์ตัวเอง… ข้าต้องทำให้ได้!”


ท้องฟ้าบนแอสการ์ดไม่มีดวงอาทิตย์


หากเมฆทองบนพื้นไม่เปล่งแสง ดินแดนแห่งนี้จะมีเพียงความมืดมิด


ภายในวิหารที่มืดสนิท สีหน้าอันบิดเบี้ยวของเซราทุลถูกปกปิดเอาไว้


เทพโอเวอร์เกียร์


ตัวตนที่ซือโหยวให้การยอมรับ


และเช่นเดียวกับซือโหยว มันเป็นเทพที่ถือกำเนิดจากความปรารถนาอันแรงกล้าของมนุษย์


ตัวตนที่ทำให้กระแสเวลาของโลกไหลเร็วขึ้น แถมยังบิดเบือนศีลธรรมของมังกร


ชายผู้ปฏิเสธขีดจำกัดทางด้านเวลา สามารถกลายเป็นคนละคนกับที่เคยเห็นเมื่อไม่กี่เดือนก่อน


ทุกสิ่งล้วนอยู่เหนือความคาดหมายของเซราทุล


นั่นคือเหตุผลที่มันพ่ายแพ้ ในศึกที่ตนมั่นใจว่าจะชนะ


มันกำลังเจ็บใจมากกว่าโมโห


หากทำตามคำแนะนำของไลฟาเอลและเทพตนอื่น ยอมลดศักดิ์ศรีเพื่อสร้างตรีเอกานุภาพ


หรืออย่างน้อย หากสร้างดินแดนศักดิ์สิทธิ์ก่อนจะเสด็จเยือนโลก


ไม่สิ หากเพียงชิงลงมือโดยไม่รอให้ดาบศักดิ์สิทธิ์สร้างเสร็จ มันคงไม่ต้องเผชิญความอับอายเช่นทุกวันนี้


แต่ในทางกลับกัน เซราทุลมองเห็นข้อดี


ความสำเร็จในวันนี้จะยิ่งทำให้เทพโอเวอร์เกียร์หยิ่งผยอง จนมองหาโอกาสท้าทายสวรรค์


เมื่อถึงตอนนั้น


ขณะอีกฝ่ายเปี่ยมไปด้วยความโอหัง มันจะลงมือเชือด


ข้าจะทบต้นทบดอกความอับอายในวันนี้…


ซู่ว—


คลื่นพลังสีซีดผุดออกจากปลายนิ้วเซราทุล


สิ่งนี้คือเศษเสี้ยวคุณสมบัติ ‘สังหารเทพ’


หากสามารถนำติดตัวลงไปยังโลกกึ่งกลาง กริดจะต้องตายอย่างแน่นอน


แม้ระดับตัวตนจะลดลงไปมาก แต่หากเป็นบนแอสการ์ด เซราทุลยังคงไร้เทียมทาน


ถึงไลฟาเอลจะประเมินว่าอ่อนแอลง แต่ก็ไม่เลวร้ายถึงขนาดพ่ายแพ้ต่อกริด


‘จงชนะ และชนะอีกเรื่อยๆ … ในเมื่อเจ้าใช้ข้าเป็นบันไดปีนป่าย ก็จงมาถึงที่นี่ให้สำเร็จ’


ในเวลานั้น ข้าจะทำให้คุณสมบัติสังหารเทพสมบูรณ์ด้วยการปลิดชีพเจ้า และใช้มันเพื่อทำลายซือโหยว…


ลบร่องรอยการสร้างของรีเบคก้า ทำลายวิหารแห่งนี้ และทำให้ตัวเองสมบูรณ์แบบ


ข้าคือเทพสงคราม


ข้าคือเอกเทพ


***


“นี่มัน…”


ทิวทัศน์ของหุบเขาภายในโลกจินตภาพ คือฉากที่กริดไม่มีวันลืม


สมรภูมิซึ่งเคยห้ำหั่นกับจอมอสูรเฟย์ริสและเขียนมหากาพย์บทแรก


ที่ที่ทำให้กริดสมบูรณ์แบบ


“หุบเขาไทเลอร์ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ฝ่าบาทริเริ่มสร้างเส้นทางของตัวเอง มิใช่ผู้สืบทอดของใครอีกต่อไป”


“ลอเอล… ความจำนายดีขนาดนั้นเชียว?”


“แน่นอน เพราะฝ่าบาทคือบุคคลที่กระหม่อมเคารพรักและคอยรับใช้จากก้นบึ้งหัวใจ ต่อให้กระหม่อมลืมวันเกิดตัวเอง แต่จะไม่มีวันลืมทุกสิ่งที่เกี่ยวกับฝ่าบาท”


ย้อนกลับไปในตอนแรก ลอเอลเข้าหากริดเพียงเพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพ


มันยอมติดตามกริดเพราะเชื่อว่า นั่นอาจช่วยให้ตนประสบความสำเร็จ


ลอเอลยอมเสี่ยง ถึงจะแค่ ‘อาจจะ’ ก็ตาม


แต่เมื่อเวลาผ่านไป ลอเอลเริ่มทวีความเทิดทูนในตัวกริด


เหตุผลเปลี่ยนจาก ‘ประสบความสำเร็จไปพร้อมกริด’ เป็น ‘ทุ่มเททุกสิ่งเพื่อกริดในฐานะมหาเสนาบดีแห่งจักรวรรดิ’


“ไม่ใช่แค่กระหม่อม แต่พวกพ้องเกือบทุกคนที่อยู่ร่วมกันมาตั้งแต่ต้น ล้วนชื่นชมและเคารพในตัวฝ่าบาท… มิสเตอร์แวนเนอร์และคนอื่นๆ มักโทรหากระหม่อมในตอนที่เมามาย ขณะพูดคุย พวกเราจะเปิดดูวิดีโอเมื่อครั้งฝ่าบาทเขียนมหากาพย์บทแรกไปพร้อมกัน ต่างคนต่างประทับใจจนน้ำตาไหลพราก… กระหม่อมเมามาแล้วทั้งสิ้น 866 ครั้ง ดังนั้นมิสเตอร์แวนเนอร์น่าจะได้ดูวิดีโอของฝ่าบาทไม่ต่ำกว่าพันครั้ง ส่วนมิสเตอร์ฮิวรอยน่าจะเกินหนึ่งหมื่นครั้ง”


“…”


“ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ดูเหมือนว่า SA กรุปเองก็กำลังเอาใจช่วยฝ่าบาท… แน่นอน ฝ่าบาทอาจปฏิเสธ แต่กระหม่อมสัมผัสได้ พวกเขาถึงกับยอมสร้างเพลงธีมที่เหมาะสมกับฝ่าบาท… เหตุผลที่ฝ่าบาทสามารถเติบโตเกินกว่าขีดจำกัดของระบบเกมก็เช่นกัน หาก SA กรุปไม่อนุญาต ฝ่าบาทก็คงมาได้ไม่ไกลเท่านี้ พวกเขาคงมองว่า การชำระล้างนรกคือสิ่งที่จำเป็น”


มีข้อเท็จจริงหนึ่งได้รับการพิสูจน์มาสักพักแล้ว


ทุกครั้งที่กริดเติบโตอย่างก้าวกระโดด เลเวลของผู้เล่นก็จะพัฒนาขึ้นในอัตราส่วนเดียวกัน


ย้อนกลับไปเมื่อสองเดือนก่อน มอนสเตอร์ในนรกเริ่มอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง


เป็นช่วงที่เกิดลงมือสร้างเกราะมังกรพอดิบพอดี


กองทัพอสูรที่ได้รับบัฟจากบาเอล บุกโจมตีทีมสำรวจนรกวันละหลายหน ขัดเกลาให้ขุนพลโอเวอร์เกียร์แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็น


ชวนให้นึกถึงประโยคที่เหล่าตัวตนสัมบูรณ์มักเอ่ยบ่อยครั้ง


“กระแสเวลาของโลกไหลเร็วขึ้นเพราะกริด”


การที่ SA กรุปยอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้น สามารถพิสูจน์ได้สองเรื่อง


ไม่มีสิ่งใดเสียหาย หากโลกจะเคลื่อนไปด้วยกระแสเวลานี้


แต่ผู้เล่นทุกคนจำเป็นต้อง ‘เกาะกระแส’ ดังกล่าวให้ทัน


คล้ายกับบอกใบ้เป็นนัยว่า กริดใกล้จะเผชิญอุปสรรคที่มิอาจฝ่าฟันได้ตามลำพัง


“หลังจากชำระล้างนรกสำเร็จ เนื้อเรื่องบทใหม่น่าจะผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง… อันที่จริง เทพสวรรค์ซึ่งไม่ต้องการให้นรกถูกชำระล้าง อาจชิงประกาศสงครามกับพวกเราก่อน… อา หลังจากนี้คงต้องเตรียมตัวให้รัดกุมกว่าเดิม”


“ชิงประกาศสงครามก่อน?”


กริดเผยสีหน้าตกตะลึง


บนดินแดนที่เคยเกือบสังหารเทพจอมปลอมสำเร็จ


เหล่าทวยเทพจะนำกองทัพเทวทูตลงมารุกราน?


ไม่มีทางยับยั้งได้เลย ชะตากรรมเดียวคือความพินาศ


พวกพ้องของเรายังต้องการเวลามากกว่านี้เพื่อเติบโต…


กริดเริ่มลังเลว่า ตนควรเลื่อนแผนการล่าบาเอลออกไปหรือไม่


“ในทีมสำรวจนรก มีกี่คนที่กลายเป็นคลาสระดับห้าแล้ว”


“ห้าคน… ตอนนี้ฝ่าบาทเลเวลเท่าไร?”


“691”


“ใกล้หกร้อยแล้วสินะ…”


“ไม่ใช่ 591 แต่เป็น 691”


“หก…??”


“ฉันสร้างเกราะมังกรและศาสตรามังกรติดต่อกันหลายชิ้น นอกจากนั้นเอายังชนะเซราทุลได้… ถึงจะเป็นเทพสงครามเก๊ แต่มันก็เป็นเทพ”


แถมก่อนหน้านั้นยังมีอีกหลายเหตุการณ์ใหญ่


ขณะลอเอลกำลังผงะ กริดดำดิ่งในห้วงความคิด


‘คลาสระดับห้า… จะว่าเร็วก็เร็ว จะว่าช้าก็ช้า… ส่วนเรา ยังเหลือที่ว่างให้เติบโตอีกแค่ไหนเชียว?’


หลังจากผลิตเกราะมังกรเสร็จ เราก็สร้างศาสตรามังกรเกรดมิธยกระดับต่อทันที…


ในทางทฤษฎี นี่ควรเป็นไอเท็ม ‘เอนด์เกม’ ของผู้เล่น


ไม่ว่าจะมองมุมใด ที่ว่างสำหรับการเติบโตคงเหลืออีกไม่มากแล้ว


หรือต้องกลายเป็นผู้สังหารเทพตามความต้องการของซือโหยว?


นั่นก็ยากอยู่ดี


หลังจากปะทะกับเซราทุลครั้งล่าสุด กริดมั่นใจว่าการฆ่าเทพไม่ใช่เรื่องง่าย


หลังจากกริดกลายเป็นเทพ บัฟอมตะถูกยกระดับ


เป็นระบบที่ช่วยให้เทพหนีกลับไปยังวิหารของตัวเองได้ในพริบตา


กล่าวคือ เทพเป็นตัวตนระบบมองว่าสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด


ในทางทฤษฎี การฆ่าเทพแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย…


“…หือ?”


ดวงตาทั้งสองของกริดพลันเบิกกว้าง


เป็นความตกตะลึงเมื่อได้เห็นรายละเอียดของโลกจินตภาพใหม่


<เขตแดนทองคำศักดิ์สิทธิ์> Lv.1

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ซึ่งเป็นโลกจินตภาพของเทพโอเวอร์เกียร์

★ ทำการสร้างหุบเขาโลหะ ปัจจุบันคือเหล็กกล้า

* โลหะที่รวมตัวกันเป็นหุบเขา สามารถเปลี่ยนให้เป็นอาวุธหรือชุดเกราะได้ตามเจตจำนงของท่าน

* พลังโจมตีของอาวุธดังกล่าว จะแปรผันตาม ‘ค่าพลังจิต’ และ ‘ค่าพละกำลัง’ ของท่าน ส่วนพลังป้องกันของชุดเกราะดังกล่าว จะแปรผันตาม ‘ค่าพลังจิต’ และ ‘ค่าความอดทน’ ของท่าน

* จำนวนอาวุธที่สร้างได้ จะเท่ากับจำนวนอาวุธที่ท่านเคยสร้าง (เกรดยูนีคขึ้นไป) และจำนวนชุดเกราะที่สร้างได้ จะเท่ากับจำนวนชุดเกราะที่ท่านเคยสร้าง (เกรดยูนีคขึ้นไป)

★ ประสาทสัมผัสของท่านแผ่ขยายไปทั่วหุบเขา

* เป้าหมายที่ท่านจำแนกให้เป็นศัตรูจะถูก ‘ปลดอาวุธ’ โดยไม่มีเงื่อนไข และอาวุธที่ท่านสร้างขึ้นจากหุบเขา จะไล่ล่าศัตรูอย่างไม่ลดละ

* เป้าหมายที่เป็นพันธมิตร สามารถเพิ่มพลังป้องกันโดยการสวมเกราะที่ท่านสร้างขึ้น

★ เทพย่อมมีอำนาจเป็นล้นพ้นภายในเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของตน

* อาวุธของเป้าหมายที่ถูกช่วงชิง จะกลายมาเป็นพลังให้ท่าน

* อาวุธที่ถูกช่วงชิง จะมีพลังทัดเทียมอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุดที่ท่านเคยสร้าง (หัตถ์เทวะสามารถใช้งานได้)

* อาวุธที่ถูกช่วงชิงจะคงสภาพได้นานตราบที่เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ สิ้นเปลืองมานาวินาทีละ 20,000 หน่วย

* เมื่ออาวุธที่ท่านสร้างขึ้นภายในเขตแดนศักดิ์สิทธิ์โจมตีเป้าหมาย พวกมันจะถูกขัดเกลาและเพิ่มพลังโจมตี

* ท่านสามารถนำเกราะที่สร้างมาซ้อนทับร่างกายตัวเอง

* เกราะแต่ละชิ้นจะคงสภาพได้นาน 0.1 วินาที และทุกครั้งที่ท่านได้รับความเสียหาย ระยะหน่วงของบัฟอมตะจะลดลงอย่างมาก แต่ถ้าเขตแดนศักดิ์สิทธิ์หายไป ระยะหน่วงจะกลับสู่สภาพเดิม

★ หลอมรวมกับหัวใจลำดับเก้าของฟีนิกซ์แดงโดยสมบูรณ์

* จิตของท่านจะสอดประสานกับฟีนิกซ์แดงแห่งตะวันออกได้ง่ายขึ้น สามารถปลดปล่อยเจตจำนงของฟีนิกซ์แดงได้ในพริบตา สร้างสายฝนเปลวเพลิงปกคลุมทั่วหุบเขา

* ฝนเปลวเพลิงจะทำลายศัตรูและฟื้นฟูพันธมิตร ค่าความเสียหายและการฟื้นฟูขึ้นอยู่กับค่าสถานะของฟีนิกซ์แดง ทักษะนี้ไม่ใช้มานา ระยะหน่วงสิบนาที

* หากต้องการ ท่านสามารถอัญเชิญภาพฉายฟีนิกซ์แดง

* แต่ถ้าภาพฉายของฟีนิกซ์แดงเสียชีวิต ท่านและฟีนิกซ์แดงจะได้รับบทลงโทษรุนแรง ทุกการอัญเชิญต้องใช้มานา 100,000 หน่วย ระยะหน่วงสิบสองชั่วโมง

★ เจตจำนงอันแน่วแน่ของท่าน เปรียบดังโลหะที่คอยโอบกอดพวกพ้องของท่าน

* หากอยู่ในหุบเขา โอกาสได้รับอาการผิดปรกติของพวกพ้องจะลดลงอย่างมาก

* ทุกครั้งที่ต่อต้านอาการผิดปรกติสำเร็จ ท่านและพวกพ้องจะได้รับบัฟ แต่จะไม่ซ้อนทับกับบัฟชนิดเดียวกันที่มีอยู่แล้ว ระยะเวลาบัฟจะขึ้นอยู่กับชนิดของบัฟ

* คุณสมบัตินี้จะคงอยู่ตลอดตราบเท่าที่เขตแดนศักดิ์สิทธิ์ยังอยู่ ไม่ใช้ทรัพยากร ไม่มีระยะหน่วง

ระยะหน่วงของเขตแดน: หนึ่งชั่วโมง

มานา: 100,000 หน่วย


‘บ้าบอสิ้นดี…’


หลังจากกริดอ่านรายละเอียดจบ


ไม่มีคำนิยามใดนอกจาก ‘โกง’


ใช่แล้ว มันคือทักษะที่โกงมาก


แถมยังมีเลเวล?


ขณะกริดกำลังตัดพ้อถึงขีดจำกัด ช่องว่างสำหรับการเติบโตก็เปิดกว้างทันที


“ฝ่าบาท?”


ลอเอลที่เพิ่งได้สติกลับมา เป็นกังวลกับสีหน้าอันเคร่งเครียดของกริด


ไม่น่าเลย… เราไม่น่าเพิ่มภาระให้ฝ่าบาทด้วยการเอ่ยถึงข้อเสียของแผนชำระล้างนรก…


หัวใจของมันเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ ราวกับมังกรดำที่ผนึกไว้ด้านในกำลังหัวเราะเยาะ


“อ้อ… ฉันกำลังคิดเรื่องอื่น”


หลังจากสลายโลกจินตภาพ กริดเผยรอยยิ้ม


หุบเขาเหล็กกล้าเลือนหายไปราวกับเรื่องโกหก ทั้งสองกลับมายังห้องทำงานของกริดอีกครั้งในสภาพหันหน้าเข้าหากัน


“เรื่องอื่นค่อยคิด เป้าหมายของเราในตอนนี้คือบาเอล”


ไม่ว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร แต่เรื่องด่วนคือการช่วยปลดปล่อยผู้คน


นี่ไม่เกี่ยวกับภารกิจปลดปล่อยดวงวิญญาณของแพ็กม่า


เพียงจินตนาการภาพข่านและคนที่ตายไปกำลังทุกข์ทรมาน หัวใจกริดพลันหนักอึ้ง


‘คัมภีร์เคล็ดวิชาจะถูกแจกจ่ายให้อัครสาวก… ดาบศักดิ์สิทธิ์คงไม่มีใครใช้ได้ ควรหลอมให้เป็นอดามันเที่ยมทั้งหมด… หือ?’


ขณะสำรวจรางวัลจากเทพสงคราม ใบหน้ากริดแข็งทื่อกะทันหัน


ค่าวิสัยทัศน์อันสูงลิบของชายหนุ่มคอยช่วยอำนวยความสะดวกในการ ‘มองเห็น’ เสมอ ส่งผลให้สามารถจำแนกรายละเอียดปลีกย่อยบนดาบศักดิ์สิทธิ์ได้ชัดเจน


ดาบศักดิ์สิทธิ์ อาวุธที่เลียนแบบจากผลงานในอดีตของกริด


ชายหนุ่มเคยเข้าใจว่าอีกฝ่ายทำไปเพราะต้องการยั่วยุ


“มีอะไรหรือ?”


“นี่ไม่ใช่… ของเลียนแบบ”


“หมายความว่ายังไง?”


“รายละเอียดแตกต่างกันเกินไป ไม่ใช่การสร้างโดยใช้ของจริงเป็นต้นแบบ แต่เหมือนกับ…”


เหมือนกับ สร้างมาจากความทรงจำ


ประหนึ่งตั้งใจหวนนึกถึงช่วงเวลาดังกล่าวด้วยความรัก พยายามเค้นความทรงจำออกมาให้ได้มากที่สุด


‘หรือว่า…’


ขณะนึกถึงสมาชิกครอบครัว ใบหน้ากริดแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา


ด้วยจิตสังหารอันท่วมท้น พลังงานที่มองไม่เห็นแผ่พุ่งไปทุกทิศอย่างมิอาจควบคุม ทำลายข้าวของภายในห้องจนพังยับเยิน


ผู้มาเยือนรายใหม่ช่วยให้จิตใจชายหนุ่มสงบลง

______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059   ★ ★ จบบริบูรณ์  ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ

Comments

recent post


♥ All Chapters ♥
ออกทุกเย็น
ช่วงเวลา 18.00 - 24.00