จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,613
ประชาชนชาวเบ็คส์และเหล่าผู้เล่น เพิ่งกะพริบตาไปเพียงสามหน
ตาแก่นั่นเป็นใคร?
เมื่อบุรุษเจ้าของสายตาและใบหน้าดุร้ายปรากฏกาย ใครหลายคนพากันตั้งคำถาม
ทันใดนั้น ฉากการระเบิดของเหล่าสาวกรีเบคก้าซึ่งสยดสยองเหนือพรรณนา ทำให้ทุกคนต้องรีบปิดตาสนิท
ผืนดินเริ่มสั่นสะเทือนตามมา ตึกรามบ้านช่องทยอยพังถล่ม
เมื่อทุกคนลืมตาขึ้น ดาบศักดิ์สิทธิ์ทั้งสิบแปดเล่มได้กลายเป็นคลื่นแสงอันเจิดจ้าเรียบร้อยแล้ว
ฝูงชนต้องหลับตาลงอีกครั้ง เพราะแสงดังกล่าวสว่างเกินไป
เสียงระเบิดหลายพันครั้งดังกังวานอย่างต่อเนื่อง เสียงผู้คนกรีดร้องดังระงม
เนื่องจากกำลังปิดตา จึงมิอาจบอกได้ว่าคนเหล่านั้นเป็นตายร้ายดีอย่างไร
สถานการณ์ตึงเครียดและอันตรายถึงแก่ชีวิต
ผู้คนต่างพากันแตกตื่น โดยมิได้สนใจว่าใครจะบาดเจ็บ และใครคอยช่วยเหลือพวกตน
ความพังพินาศที่เกิดขึ้น ย่อยยับเกินกว่าที่ทุกคนจะจินตนาการออก นับประสาอะไรกับการต่อต้าน
จนกระทั่งระเบิดเริ่มสงบ และแสงสว่างลดความเจิดจ้าลง ทุกคนลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ณ วินาทีนี้ พวกมันได้ตระหนัก
[เทพสงครามเซราทุล เสด็จเยือนโลกกึ่งกลาง]
[เซราทุลปฏิเสธวิชาต่อสู้ที่ท่านครอบครอง]
[ระดับตัวตนของท่านลดลง ค่าสถานะทั้งหมดรวมถึงเลเวลตัวละคร เลเวลทักษะ และเลเวลเวทมนตร์ ลดลง 50%]
[ต้านทานล้มเหลว]
[ทักษะติดตัวและคุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ถูกผนึก]
[ต้านทานล้มเหลว]
[ทักษะประเภทกดใช้งานและเวทมนตร์มีประสิทธิภาพลดลง 99%]
[ต้านทานล้มเหลว]
[เทพสงครามเซราทุล สร้างเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ชั่วคราว สิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดยกเว้นสาวกรีเบคก้าจะถูกครอบงำ]
[ต้านทานล้มเหลว]
“อะ…อะ…”
เทพสงคราม
เมื่อเอ่ยถึงตัวตนสัมบูรณ์ นี่คือชื่อแรกที่ใครหลายคนจะนึกถึง
เซราทุลโด่งดังถึงเพียงนั้น
ผู้คนล้วนถูกครอบงำในทันที
เมื่อเริ่มเข้าใจสถานการณ์อย่างคร่าว ความสิ้นหวังจึงทยอยกัดกินจิตใจ
บางที การไม่รับรู้อาจจะดีเสียกว่า
ระดับความสับสนและความหวาดกลัวในหมู่ผู้คน แตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างคนที่รู้จัก และไม่รู้จักเทพสงคราม
ทันใดนั้นเอง โนเอะ อสูรรับใช้ของเทพโอเวอร์เกียร์กริด กลายร่างเป็นหมาป่ายักษ์และทะยานขึ้นฟ้า
ด้วยความห้าวหาญ มันอ้าปากกว้างพร้อมกับพุ่งจู่โจมเทพสงคราม
ผู้คนเริ่มตระหนักได้ในอึดใจถัดมา
โดมกระแสไฟฟ้าสีเงินที่กางปกคลุมเมืองไว้ เกิดจากฝีมือโนเอะ
นั่นยิ่งทำให้ใครหลายคนใจหาย
เพราะฉากตรงหน้าคือ โนเอะกำลังถูกเทพสงครามจับคว้าศีรษะ
เปรี้ยะ!
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้โดมกระแสไฟฟ้าเริ่มสั่นสะเทือน กำแพงบาเรียเริ่มบางลง
ชาวเมืองต่างเผยสีหน้าขื่นขม
ถึงตรงนี้ ผู้คนด้านล่างเพิ่งกะพริบตาไปเพียงสามหน
นับว่าสั้นมาก เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น
ทว่า
“นายท่าน…!”
หลังจากกะพริบตาอีกหนึ่งครั้ง สถานการณ์ตรงหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ผู้คนมองเห็นแผ่นหลังโนเอะที่ยังมีชีวิต
ในทิวทัศน์ดังกล่าวยังมีร่างของกริดที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
ผืนดินใต้ฝ่าเท้าพวกมันเกิดสั่นสะเทือนและปริแตก แต่ก็กลับเป็นปรกติอย่างรวดเร็ว
ไม่มีสิ่งใดเลยที่รู้สึกสมจริง
หลังจากตระหนักว่าเทพสงครามหายตัวไป หลายคนเริ่มสงสัยว่าเหตุการณ์เมื่อครู่อาจเป็นการเห็นภาพหลอนหมู่
อย่างไรก็ดี ทั้งหมดคือเรื่องจริง
หลักฐานยันยืนคือเลือดที่สาดกระเซ็นจากตัวกริดซึ่งกำลังร่วงหล่น
“ฝ่าบาท!!”
แตกต่างจากผู้เล่นที่ยังคอยระแวงเทพสงครามซึ่งหายตัวไป ชาวเมืองต่างกรูไปทางกริดโดยไม่คิดชีวิต หวังสร้างเบาะมนุษย์เพื่อดูดซับแรงกระแทกให้ชายหนุ่ม
ราวกับทุกคนมองออก ว่ากริดคงไม่รอดแน่หากร่างกายปะทะเข้ากับผืนแผ่นดิน
แต่ชายหนุ่มไม่ขอรับไมตรีดังกล่าว
[บัพอมตะเหลืออีก 8 วินาที]
มันไม่อยากให้ใครเห็นสภาพดุจดังผ้าขี้ริ้วในปัจจุบัน
แมวยักษ์พุ่งขึ้นฟ้าเพื่อรับและช่วยบังร่างกริด
เป็นระยะห่างที่ฝูงชนด้านล่างยังมองเห็นกริดเป็นเพียงจุดดำ
โนเอะซ่อนกริดผู้มีสภาพน่าอดสูจากสายตาหลายหมื่นคู่
ขณะเดียวกัน แสงสีส้มบนท้องฟ้าดึงดูดความสนใจของทุกฝ่าย
เป็นภาพตกค้างของท่ารำดาบผสานหกชนิด
ทักษะที่ถูกปลดปล่อยด้วยศาสตรามังกรสองเล่ม กำลังส่องแสงท่ามกลางผืนนภาที่โนเอะหันหลังให้
กริดนำใบหน้าซุกขนนุ่มฟูของโนเอะอย่างอ่อนโยน
“ยังห่างไกลจากท่านฮายาเตะ…”
ศึกระหว่างฮายาเตะกับเซราทุล กริดได้เห็นเต็มสองตา
เพียงหนึ่งประกายแสง เซราทุลเผชิญความพ่ายแพ้ และฮายาเตะร่อนลงบนพื้นในสภาพไร้รอยขีดข่วน
ในทางกลับกัน กริดกลายเป็นผ้าขี้ริ้ว
ชัยชนะคงได้มายากกว่านี้ หากความโชคดีไม่ซ้อนทับกันหลายชั้น
อย่างไรก็ดี ปาฏิหาริย์ดังกล่าวไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสียทีเดียว แต่เป็นผลลัพธ์ที่มีโอกาสเกิดในอัตราสูง
ย้อนกลับไปขณะที่กริดดำรงอยู่ใน ‘กระแสเวลาเทพสงคราม’
บารมีเทพของกริด ตอบสนองต่อระดับตัวตนของเซราทุล
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเซราทุลลงมายังโลกกึ่งกลางจนต้องสูญเสียระดับตัวตน
แต่ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่า ระดับตัวตนของกริดสูงส่งจนแม้แต่เซราทุลก็มิอาจครอบงำได้ง่ายนัก
เฉกเช่นเทพธรณีคาริออนที่คอยฟื้นฟูผืนดินตามกระแสเวลาของเทพสงคราม กริดเองก็ดำรงอยู่ในกระแสเวลาเดียวกัน
ทุกสิ่งช้าลง ไม่เว้นแม้แต่ชุนโป
ราวกับหนึ่งวินาทีถูกแบ่งออกเป็นหลายร้อยส่วน
เขตแดนของตัวตนสัมบูรณ์ สามารถก้าวข้ามกฎเกณฑ์ทั้งปวง
กริดที่นึกถึงคำแนะนำของฮายาเตะ พุ่งเข้าหาเซราทุลด้วยความเร็วสูงสุด
เมื่อเห็นเซราทุลแกว่งดาบสวน ชายหนุ่มตัดสินใจพ่นลมหายใจมังกร (ลดระดับ) ไปด้านหลังเพื่อเร่งความเร็วขึ้นจากเดิม
ปราณดาบที่โปร่งใสและมองไม่เห็นของเทพสงคราม ปะทะใส่สองมือของกริดด้วยแรงกดดันมหาศาล
เกราะแขนที่สร้างเลียนแบบแขนมังกรเพลิงอิฟริต
กริดประเมินว่า ตนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดิมพันกับ ‘การป้องกันสัมบูรณ์’ เพื่อลดทอนความเสียหาย
ปราณดาบหลายร้อยเส้นปะทะใส่แขนชายหนุ่ม ไม่ใช่ทั้งหมดที่ถูกสลายด้วยการป้องกันสมบูรณ์
แต่เรื่องดีก็คือ กริดยังไม่สูญเสียแขนไป
ทุกครั้งที่การป้องกันสัมบูรณ์ถูกทะลวง ค่าต้านทานความเสียหายจะซ้อนทับกันจนร่างกายกริดทวีความแข็งแกร่ง
การไหลเวียนของวงจรเวทมนตร์ช่วยให้ ‘ลมหายใจ (ลดระดับ) ’ ถูกล้างระยะหน่วง
ถึงจะสูญเสียพลังชีวิตไปกว่าครึ่ง แต่กริดยังคงยิงลมหายใจมังกรไปด้านหลังเพื่อเข้าประชิดตัวเซราทุล ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมควบคุมร่างกายให้ปลดปล่อยท่ารำดาบผสาน
แต่โชคไม่เข้าข้าง กริดต้องเผชิญวิกฤติอีกครั้ง
เซราทุลตวัดดาบเป็นครั้งที่สอง หนนี้ทรงพลังกว่าครั้งแรกหลายเท่า
แค่เห็นก็ทราบทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังเอาจริง
การป้องกันสัมบูรณ์ไม่ทำงาน
ทั้งแขนของอิฟริตและเชิงกรานครานเบล มีโอกาสติดการป้องกันสัมบูรณ์ชิ้นละสิบเปอร์เซ็นต์
เมื่อนับรวมคุณสมบัติทั้งหมด โอกาสติดการป้องกันสมบูรณ์คือสี่สิบเปอร์เซ็นต์ เป็นตัวเลขที่ยังต่ำกว่าครึ่ง
กริดเข้าสู่ภาวะอมตะทันทีพร้อมกับความเจ็บปวดที่ถาโถมในคราวเดียว
มันถอยหลังกลับไม่ได้อีกแล้ว
แต่ชายหนุ่มมิได้เสียขวัญ เพราะตั้งใจไว้เช่นนี้ตั้งแต่ต้น
เหตุผลที่เปิดใช้งานผสานไอเท็ม พลังอักขระ และเต็มสูบตั้งแต่เริ่มศึก เพราะกริดมั่นใจว่าศึกนี้จะจบลงในเวลาอันสั้น
หากสังหารในดาบเดียวไม่ได้ ฝ่ายที่ตายก็จะเป็นตน
ขณะหวนนึกถึงคำสอนของฮายาเตะ ชายหนุ่มปลดปล่อยท่ารำดาบผสานหกชนิดด้วยศาสตรามังกรสองเล่ม
บัฟ <ราชาแห่งขุนเขา> ซึ่งแสดงผลหลังจากพลังชีวิตลดถึงค่าที่กำหนด ผนวกเข้ากับพรของซือโหยวที่แฝงอยู่ในท่ารำดาบ และสมญานามอริยดาบที่ไม่สมบูรณ์ ก่อให้เกิดพลังทำลายอันมหาศาล
ไม่เพียงเท่านั้น บัฟ <มังกรพิโรธ> ยังทำงาน
พลังของสิ่งมีชีวิตสัมบูรณ์ ซึ่งมีอำนาจทำให้ทักษะแสดงผลซ้ำสองครั้ง
โอกาสแสดงผลอาจแค่สามสิบเปอร์เซ็นต์ แต่โอกาสติดจริงนั้นสูงลิบ
เพราะการปลดปล่อยท่ารำดาบผสานหกชนิดด้วยดาบคู่ มีจำนวนครั้งในการโจมตีนับไม่ถ้วน
เช่นเดียวกันกับพลัง <บัญชาเทพ>
แม้ในท้ายที่สุด ความเจ็บปวดที่กริดได้รับจะรุนแรงเท่ากับการถูกฟันบนโลกความจริง แต่ชายหนุ่มก็ฝืนทนและใช้ดาบฟันใส่ร่างเซราทุลจน ‘ดาบแห่งความมืด’ พุ่งขึ้นจากใต้ฝ่าเท้าอีกฝ่าย
ทุกสิ่งเกิดขึ้นเร็วมาก หลอดพลังชีวิตของเซราทุลที่มองไม่เห็นในตอนแรก ลดฮวบจมก้นในพริบตา
ในทำนองเดียวกัน ค่าพลังชีวิตของกริดก็เหลือเพียงหนึ่งหน่วยภายในเวลาไม่ถึง 0.1 วินาที
ทั้งสองฝ่ายตกอยู่ในสภาพปางตายไม่ต่างกัน
อย่างไรก็ดี ที่นี่ไม่ใช่แอสการ์ด หากแต่เป็นโลกกึ่งกลาง
ดินแดนของเทพมนุษย์อย่างกริด
เซราทุลซึ่งถูกลดทอนอายุขัยบัฟอมตะ เริ่มหวาดกลัวและตัดสินใจเผ่นหนี
ระหว่างนั้น มันสบถถ้อยคำหยาบออกมาเล็กน้อย แต่กริดจำเนื้อหาไม่ได้
เมื่อเซราทุลเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ กระแสเวลาเทพสงครามก็สิ้นสุดลง กริดกลับมาดำรงอยู่ในกระแสเวลาปรกติอีกครั้ง
ความเจ็บปวดพรั่งพรูเข้าใส่ประหนึ่งเขื่อนแตก
ชายหนุ่มเคยเข้าใจว่า ตนสัมผัสความเจ็บปวดในซาทิสฟายมาแล้วทุกรูปแบบ
แต่นั่นผิดถนัด
เมื่อความเจ็บปวดที่ถูกขังอยู่ในกระแสเวลาอันเชื่องช้า เกิดถาโถมใส่ในคราวเดียว กริดถึงกับหมดสติไปชั่วขณะ
จนกระทั่งตื่นมาอีกครั้งบนหลังโนเอะ
ชายหนุ่มจ้องดาบในมือที่สั่นระริก
ในที่อับแสง ดาบเล่มนี้จะมีสีขาวบริสุทธิ์ แต่เมื่อกระทบกับแสง ดาบจะมีสีคล้ายน้ำค้างแข็ง พร่ามัวเหมือนกับหมอก
‘เจ้านี่คือกุญแจสำคัญ’
ดาบที่จำลองจาก ‘เขา’ ของครานเบล
ในความเป็นจริง เขาของครานเบลใหญ่กว่านี้มาก และส่วนปลายแหลมมีลักษณะเป็นสามง่าม
คำนิยามที่ถูกต้องที่สุดจึงควรเป็น กริดสร้างดาบโดยเลียนแบบจากปลายเขาหนึ่งกิ่งของครานเบล
หากเขาของอิฟริตมีรูปร่างคล้ายหอก เขาของครานเบลก็คล้ายดาบ
ย่อมเป็นธรรมดาที่กริดจะนำมาใช้เป็นต้นแบบ
ส่วนหนึ่งเพราะวัสดุหลักคือแขนของครานเบล
<เขาของมังกรพรางตาครานเบล>
เกรด: มิธ (ยกระดับ)
ความคงทน: อนันต์
พลังโจมตี: 23,880
★ เพิ่มโอกาสคริติคอล 100%
★ เพิ่มโอกาสโจมตีจุดอ่อน 100%
★ เพิ่มความเร็วโจมตี 50%
★ เบี่ยงเบนการรับรู้ของเป้าหมาย
★ ลดอัตราการสวนกลับสำเร็จ และอัตราการหลบหลีกของเป้าหมายอย่างมาก
★ มีโอกาส 80% ที่จะมองข้าม ‘ท่าป้องกัน’ ของเป้าหมาย (รวมถึงทักษะและเวทมนตร์)
★ เพิ่มพลังโจมตี 50% ต่อศัตรูประเภทจอมอสูร อัครเทวทูต เทพ และมังกร
★ ขณะโจมตี มีโอกาส 25% ที่จะแสดงผลทักษะ <เต็มเหนี่ยว>
★ สามารถนำไปแทนที่เขาของมังกรได้
เขาของมังกรพรางตาครานเบล ซึ่งเทพโอเวอร์เกียร์กริดสร้างโดยการหลอมแขนของครานเบล
เปี่ยมไปด้วยความป่าเถื่อน ขัดแย้งกับรูปลักษณ์ภายนอกอันงดงาม
ด้วยคุณสมบัติการหักเหและกระจายแสง เป็นเรื่องยากศัตรูที่จะตรวจจับการเคลื่อนไหว
เงื่อนไขสวมใส่:
- กริด
- นักล่ามังกร
- ดรากอนไนท์
น้ำหนัก: 3,900
<เต็มเหนี่ยว>
ทักษะติดตัว
มองข้ามการหลบหลีกและการป้องกันของเป้าหมายโดยสมบูรณ์
ระยะหน่วง: 1 วินาที
เป็นเรื่องธรรมดาที่เกรดและประสิทธิภาพจะสูงกว่า ‘เขี้ยวกูเซล’
วัสดุหลักแตกต่างกันมาก
เขี้ยวกูเซลเป็นเพียงหนึ่งในฟันหลายซี่ของกูเซล แถมยังเป็นฟันที่ถูกผ่าครึ่ง
แต่ ‘เขาของครานเบล’ สร้างจาก ‘แขนทั้งข้าง’ ของครานเบล
ขณะสร้าง กริดคาดหวังคุณสมบัติในการ ‘บิดเบือนการรับรู้ของเป้าหมาย’ เป็นพื้นฐาน
นั่นเพราะเอกลักษณ์ของมังกรพรางตาครานเบล คือการ ‘อำพรางตัวตน’
อย่างไรก็ดี ทักษะ <เต็มเหนี่ยว> คือสิ่งที่ชายหนุ่มคาดไม่ถึง
จริงอยู่ เรานำแขนของครานเบลมาสร้างเป็นดาบในรูปทรงอุดมคติ และทุกสิ่งประสบความสำเร็จ จนคมดาบสามารถสร้างอิทธิพลต่อบรรยากาศรอบข้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ…
กริดไม่คาดคิดว่าตนจะได้รับทักษะติดตัวซึ่งมีโอกาส ‘มองข้ามการหลบหลีกและการป้องกันของเป้าหมายโดยสมบูรณ์’
แถมยังไม่มีข้อกำหนดว่า ‘ต้องมีระดับตัวตนสูงกว่าเป้าหมาย’
กล่าวคือ เขาของครานเบล กลายเป็นอาวุธที่แข็งแกร่งที่สุด สำหรับต่อกรกับศัตรูที่มีระดับสูงกว่า
หากปราศจากเขาของครานเบล กริดจะเอาชนะเซราทุลได้หรือไม่?
คงไม่ง่าย
ต่อให้ท่ารำดาบผสานหกชนิดโดนเป้าหมายอย่างจัง ผนวกเข้ากับดยุคแห่งการขยาย บัญชาเทพ และมังกรพิโรธ แต่กริดก็ไม่มั่นใจว่าพลังโจมตีของ ‘ดาบหนักกูเซล’ จะสูงพอสำหรับปลิดชีพเป้าหมาย
“โฮ่ง…! แรนดี้กับโครงกระดูกต้องไม่พอใจแน่ เมี๊ยว… โฮก~”
เห่าเหมือนหมา ร้องเหมือนแมว คำรามเหมือนเสือ
โนเอะที่อยู่ในร่างโตเต็มวัย คล้ายกำลังสับสนในสายพันธุ์ตัวเอง
แต่หนึ่งสิ่งที่มันไม่สับสนก็คือ การสื่อสารความสนใจ
โนเอะทราบดี แรนดี้และโครงกระดูกที่ไม่ถูกอัญเชิญออกมา คงกำลังเสียใจเมื่อเห็นกริดเต็มไปด้วยบาดแผล
แต่แน่นอน พวกมันเข้าใจเจตนากริด
เหตุผลเดียวที่กริดอัญเชิญโนเอะก็คือ ทักษะ <อย่ามาแหย็ม!>
ต้องขอบคุณเบ็ตตี้ ศักยภาพของโนเอะเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนสามารถปกป้องได้หลายเป้าหมายพร้อมกัน
อาจมีระดับทัดเทียมกับ ‘ห้วงมิติเวทมนตร์’ เลยทีเดียว
จริงอยู่ แรนดี้และโครงกระดูกก็มีวิธีช่วยเหลือชาวเมืองในแบบฉบับตน แต่กริดประเมินว่าลำพังโนเอะก็เพียงพอแล้ว
จะเกิดอะไรขึ้นหากกริดอัญเชิญแรนดี้และโครงกระดูกออกมาด้วย?
หลังจากเห็นผู้คนถูกโนเอะช่วยไว้ แรนดี้กับโครงกระดูกคงปรี่เข้าไปโจมตีเซราทุลอย่างแน่นอน
โอกาสตายสูงมาก กริดจึงไม่อยากผลาญค่า EXP อันมีค่าของสัตว์เลี้ยงไปอย่างเปล่าประโยชน์
“ถ้าไม่พอใจ… ก็จงเข้มแข็งขึ้นให้ได้”
กริดที่รู้สึกเห็นใจ กล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
คนเดียวที่กำลังร่าเริงคือโนเอะ
“นายท่านกำลังจะบอกว่า แข็งแกร่งให้ได้เท่าข้า?”
“อ…อา… ใช่”
กริดตอบตะกุกตะกัก ก่อนจะหันไปตรวจสอบรางวัลแห่งชัยชนะ
เหล่าแฟนคลับของโนเอะ คงเห็นแล้วสินะว่าฉันทำดีกับโนเอะแค่ไหน…
รายชื่อรางวัลตอบแทนเต็มไปด้วยความหรูหรา
จากบรรดาดาบศักดิ์สิทธิ์สิบแปดเล่ม สิบสี่เล่มกลายเป็นของกริด
นอกจากนั้นยังมี <เคล็ดวิชาลับเทพสงคราม> เกรดเลเจนดารีอีกห้าเล่ม
แต่ในสายตาชายหนุ่ม สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงของแถม
รางวัลที่กริดสนใจมากที่สุด คือพัฒนาการของโลกจินตภาพ
แทนที่จะเป็นการยืมพลังจากหัวใจฟีนิกซ์แดง โลกจินตภาพซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของเทพโอเวอร์เกียร์ถูกสร้างขึ้น
รางวัลที่ชายหนุ่มใฝ่ฝันมาตลอด
กริดต้องการตรวจสอบรายละเอียดในทันที แต่ผู้คนด้านล่างกำลังแสดงท่าทีกังวล
ใบหน้าแฝงความกระวนกระวายของฝูงชนหลายหมื่น ซึ่งเล็กราวกับจุดสีดำ ฉายลงในใจกริดอย่างชัดเจน
ทุกคนเผยความห่วงใยที่มิอาจเก็บซ่อน
“ลงไปข้างล่างกันเถอะ”
กริดซึ่งเลือกจะสร้างความสบายใจให้กับผู้คนก่อน ค่อยๆ ร่อนลงพื้นพร้อมโนเอะ
แผลฉกรรจ์บนใบหน้าอาจดูสยดสยอง แต่ในเมื่อตนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ กริดคิดว่าชาวเมืองคงยอมรับได้
ร่างกายที่หมดสภาพยกเว้นบริเวณแขนขา ชายหนุ่มแอบใช้แขนพยุงไว้และปิดด้วยผ้าคลุม
รอยเลือดที่เปรอะเปื้อนทั่วผ้าคลุม เปรียบดังหลักฐานยืนยัน และเหรียญกล้าหาญในการพิชิตเทพสงคราม
______________
ปัจจุบันแปลถึงตอน 2,059 ★ ★ จบบริบูรณ์ ★ ★
ติดตามผู้แปล : www.facebook.com/bjknovel/
#จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ #BJKNovel #BJK_Novel #Overgeared_แปลไทย #Overgeared #นิยาย_เกมออนไลน์ #พระเอกเทพ
Comments
Post a Comment