จ้าวแห่งยุทธภัณฑ์ 1,616
<ปราณไร้ตัวตน> - ระดับเทพ
โจมตีเป้าหมายด้วยจิตอันแน่วแน่
* ค่าความเสียหายที่เกิดจากปราณไร้ตัวตน จะเท่ากับ ‘ค่าพลังจิต’ บวกกับ ‘ค่าพละกำลัง’ โดยไม่สนใจเกราะหรือค่าต้านทานของเป้าหมาย
* เป้าหมายที่มีค่าสถานะ <พลังจิต> จะไม่ถูกโจมตี
ทรัพยากร: ไม่มี
ระยะหน่วง: 10 วินาทีทุกการใช้ 3 ครั้ง
ปราณไร้ตัวตนคือทักษะที่ได้รับเมื่อครั้งตระหนักถึงโลกจินตภาพเป็นหนแรก
ยิ่งโลกจินตภาพของกริดพัฒนา ปราณไร้ตัวตนก็ยิ่งเติบโต
เดิมที ระยะหน่วงของมันยาวนานถึงยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่ปัจจุบันสั้นลงมากและไม่สิ้นเปลืองทรัพยากร
กล่าวคือ ปราณไร้ตัวตนสามารถนำมาใช้ในการต่อสู้จริงได้แล้ว
เทียบกับยังบันการัมผู้ยังเข้าไม่ถึงโลกจินตภาพ ปราณไร้ตัวตนของกริดในตอนนี้ถือเป็นคนละระดับ สามารถทำร้ายศัตรูให้ปางตายได้เพียงแค่คิด
แน่นอน เรากำลังหมายถึงศัตรูประเภทมดปลวก
แต่ศัตรูส่วนใหญ่ของกริดเป็นเหนือมนุษย์และตัวตนก้าวข้าม ซึ่งล้วนแล้วแต่มีค่าสถานะพลังจิต ปราณไร้ตัวตนจึงแทบจะไร้ประโยชน์
เปรี้ยง!
กริดที่นึกถึงใบหน้าอัครเทวทูตไลฟาเอลด้วยความเคียดแค้น ปลดปล่อยปราณไร้ตัวตนออกไปโดยไม่ตั้งใจ
และเนื่องจากไม่ตั้งใจ ทิศทางจึงเกิดขึ้นแบบสุ่ม
ปราณไร้ตัวตนที่อยู่ในระดับเทพ สามารถแสดงผลได้ไม่ต่างจากทักษะติดตัว
มันอ่อนไหวต่อความคิดของกริด
คล้ายกับพลังเทพของเซราทุล – การป้องกันทางธรรมชาติที่กีดกันมิให้โนเอะเข้าถึงตัว
“ฝ่าบาท… เฉกเช่นที่กระหม่อมผนึกมังกรดำไว้ในตัว ฝ่าบาทเองก็ผนึกปีศาจไว้เหมือนกันสินะ… เหล่าวีรชนล้วนมีมุมมืดที่ต้องปกปิด…”
ใบหน้าลอเอลกำลังขาวซีด เนื่องจากหวาดกลัวใบมีดล่องหนซึ่งตัดทุกสิ่งรอบตัว
ขณะลอเอลพล่ามเหลวไหล กริดไม่มีสติเพียงพอที่จะยกเลิกปราณไร้ตัวตน
โชคยังดีที่ลอเอลถูกจำแนกให้เป็นพวกพ้อง
จึงไม่ถูกโจมตีด้วยพลังงานที่มองไม่เห็น
“พวกมันคงกำลังหาตัวแทนมิคาเอล”
กริดนึกทบทวนเหตุการณ์เมื่อครั้งล่าคามิคิน
ไม่นานหลังจากนั้น ไลฟาเอลที่เปิดตรีเอกานุภาพได้เสด็จเยือนโลกกึ่งกลาง
“เจ้าตัดสินใจถูกแล้วที่ไม่ยกดวงวิญญาณให้พวกมัน… ข้าจะช่วยตอบสนองความกล้าหาญนั้นเอง”
เป็นคำพูดของมีร์เมื่อครั้งช่วยกริดสู้กับไลฟาเอล
เมื่อนำไปรวมกับพฤติกรรมของไลฟาเอลที่พยายามช่วงชิงดวงวิญญาณตำนาน มีร์ช่วยให้กริดเข้าใจความจริงอันโหดร้ายของโลก
ความจริงที่ว่า เทวทูตถูกสร้างจากดวงวิญญาณตำนาน และสวรรค์คอยรวบรวมดวงวิญญาณตำนานเป็นระยะ
‘ทำไมตอนนั้นเราถึงคิดไม่ได้?’
ข่านเองก็เป็นตำนาน
แม้จะเป็นตำนานที่เขียนขึ้นขณะใกล้ตาย จนไม่มีโอกาสได้ทำกิจกรรมใดในฐานะตำนาน แต่ข่านก็ทิ้งผลงานให้โลกนี้ไม่น้อย ผู้คนมากมายจดจำและเล่าขานถึงตำนานของข่าน
เป็นธรรมดาที่สวรรค์ซึ่งจองจำเฮ็กเซเทียไว้ในคุก จะต้องการดวงวิญญาณข่านไปเป็นตัวแทน
กริดควรฉุกคิดได้ว่า มีโอกาสสูงที่ข่านจะกลายเป็นเทวทูต
แต่มันกลับไม่เคยเอะใจ
บางที อาจเป็นความกลัวจนไม่กล้านึกถึง
และเมื่อเป็นเช่นนั้น กริดต้องจ่ายด้วยราคาแพง
จิตใจชายหนุ่มถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักเกินกว่าจะทนรับไหว
‘ข่าน…’
ความทรงจำมากมายปะทุขึ้นในพริบตา
วันที่ได้นั่งเคียงข้างข่านและใช้ค้อนทุบลงบนทั่ง
วันที่ได้หัวเราะร่วมกัน
ไม่ว่าจะทำอะไร ทุกสิ่งล้วนสนุกสนานเสมอ
วันที่นอนหัวชนกัน แหงนมองทิวทัศน์ยามค่ำคืน
วันที่ต้องก้มหน้าเป่าลมเตาหลอมโดยไม่มีโอกาสได้หยุดพักกินข้าว
วันที่ต้องอดทนลูกค้าแย่ๆ ไปด้วยกัน
ทุกวันเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของกริดและข่าน
แม้กระทั่งวันที่ข่านวางดอกไม้บนหลุมศพบุตรชาย แหงนมองท้องฟ้าพลางหลั่งน้ำตาอย่างเงียบเชียบ ทั้งสองยังคงยิ้มแย้มขณะประสานมือที่เปื้อนคราบน้ำมันเข้าด้วยกัน
กรอด!
ฟันกรามที่กระทบกระทั่ง ก่อให้เกิดเสียงเสียดสี
ดวงตากริดแดงก่ำทั้งสองข้าง น้ำตาที่เจิ่งนองเล็กน้อยกลายเป็นสีแดง
‘ฉันขอโทษ… ขอโทษจริงๆ’
กริดเชื่อมาตลอดว่าข่านอยู่ในนรก
เข้าใจว่าอีกฝ่ายคงกำลังทุกข์ทรมาน จากการต้องเตร็ดเตร่ท่ามกลางแม่น้ำแห่งการคืนชีพโดยยังหลงเหลือความทรงจำ
ทุกครั้งที่นึกถึง หัวใจกริดจะเจ็บแปลบเสมอ
ชายหนุ่มพยายามอย่างหนักเพื่อปลดปล่อยนรกให้เร็วที่สุด
เพิ่งมาเอะใจเอาป่านนี้ว่า สถานการณ์อาจเลวร้ายกว่าที่เคยเข้าใจ
การที่คนตายต้องตกนรก และเตร็ดเตร่ท่ามกลางแม่น้ำแห่งการคืนชีพ ถือเป็น ‘ธรรมชาติ’ ของโลก
ธรรมชาติอันเลวร้ายและเจ็บปวด
แม้บาเอลจะบิดเบือนไปจากเดิม แต่แก่นแท้ยังคงอ้างอิงจากกฎเกณฑ์เก่าแก่ของโลก
ชะตากรรมที่คนตายมิอาจปฏิเสธ
ไม่มีเส้นทางอื่นให้เลือกเดิน
แต่การแทรกแซงจากสวรรค์นั้นเป็นคนละเรื่อง
เมื่อใดที่พวกมันต้องการ ดวงวิญญาณจะถูกเลือกสรรตามใจชอบเพื่อเปลี่ยนให้เป็นเทวทูต?
เทวทูตคือเบี้ยที่ต่อสู้เพื่อเทพ
ซิกเคยเล่าว่า ในยามที่เจ็ดมารบุกโจมตีแอสการ์ด เทวทูตนับพันคอยยืนเรียงรายปกป้อง
เบื้องหน้า พวกมันพร่ำเพ้อความห่วงใยและรักมนุษย์ แต่เบื้องหลังกลับใช้มนุษย์เป็นโล่เนื้อเพื่อเพิ่มค่าความศรัทธา
บางที เรื่องราวอาจเป็นเช่นนี้มาทุกยุคทุกสมัย
คอยช่วยเหลือตำนานในขณะนั้น และเก็บเกี่ยวดวงวิญญาณเมื่อถึงเวลาเหมาะสม
เป็นเหตุผลว่าทำไม เทวทูตถึงได้มีจำนวนมากมายนัก
เมื่อตระหนักถึงพฤติกรรมตีสองหน้าของแอสการ์ด กริดสั่นระริกด้วยความโกรธ
ชายหนุ่มนึกถึงเรื่องที่ ‘ยังบัน’ เกิดมาเพื่อต่อกรกับเทวทูต
นึกถึงมิคาเอลกับไลฟาเอล และสังเกตเห็นเรื่องที่เทวทูตมิได้สมบูรณ์แบบ
จึงเป็นธรรมดาที่จะคาดเดาได้ว่า ข่านซึ่งถูกปลุกให้ตื่นอีกครั้งในฐานะเทวทูต ย่อมอยู่ในสภาพไม่ปรกติ
บางที อาจเป็นความทุกข์ทรมานที่แสนสาหัสยิ่งกว่าในนรก
ข่านจึงเอาแต่โหยหาความทรงจำเก่าๆ ขณะลงมือสร้างดาบศักดิ์สิทธิ์
หรือบางที… นายกำลังขอความช่วยเหลือจากฉัน?
ยิ่งขบคิด ใบหน้ากริดทวีความบิดเบี้ยว
ทุกครั้งที่พ่นลมหายใจเข้าออกอย่างดุดันประหนึ่งสัตว์ร้าย ปราณไร้ตัวตนก็ยิ่งเกรี้ยวกราด
ในหัวเต็มไปด้วยใบหน้ายิ้มเยาะของไลฟาเอล
ข่านถูกเปลี่ยนให้เป็นเทวทูตเพื่อประโยชน์ด้านการตีเหล็กเพียงอย่างเดียว?
หรือมันต้องการยั่วยุเรา?
หากเป็นเช่นนั้นจริง ข่านก็ไม่ต่างอะไรกับตัวประกัน และกริดจะยิ่งลงมือได้ลำบาก เพราะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะทำเลวทรามแค่ไหน
‘ต้องแสร้งทำเป็นยังไม่รู้ว่าข่านเป็นเทวทูต ถ้าพวกมันทราบเรื่องนี้ ข่านคงถูกรังแก’
ขณะจิตสังหารของกริดกำลังปะทุสุดขีด
“ได้โปรดระงับอารมณ์ด้วย”
ประตูห้องทำงานถูกผลักเข้ามา
บุคคลแสนสำคัญวิ่งเข้ามาสวมกอดกริด
ไอรีน สตรีผู้คอยปกป้องปราสาทตามลำพังในยามที่กริดไม่อยู่ และลอร์ดที่อยากแบ่งปันประสบการณ์เมื่อครั้งเดินตามรอยเท้าบิดา
เมอร์เซเดสยืนห่างออกไปหลายก้าว จ้องกริดด้วยสายตาเป็นกังวล
ปิอาโร่ยืนด้านข้างเมอร์เซเดส
ซาลิเอลใช้แสงสว่างโอบกอดลอเอลที่กำลังสั่นกลัว
ซิกกวาดตาไปรอบห้องเพื่อคาดเดาสถานการณ์
บราฮัมยืนพ่นลมหายใจที่หน้าประตู
“เรื่องใดกัน ที่ทำให้ชายผู้พิชิตเทพสงครามสติแตกถึงเพียงนี้”
กึก
กึก กึก
ดวงตาสีแดงของบราฮัมผู้ย่างกรายเข้าใกล้กริดอย่างใจเย็น ทั้งลุ่มลึกและกระจ่างชัด คล้ายกับกำลังตรวจจับวิถีของปราณไร้ตัวตนที่ไม่มีใครมองเห็น
แตกต่างจากสมัยอดีตโดยสิ้นเชิง สายตาบราฮัมปราศจากความฉุนเฉียว โกรธแค้น เดือดดาล จิตสังหาร หรือกระวนกระวายใจ
“ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จงจำไว้อย่างหนึ่ง”
“…”
กริดตระหนักว่าละอองมานาในอากาศเริ่มแปรเปลี่ยน
มิใช่แค่กระแสการไหล แต่เปลี่ยนไปถึงแก่นแท้
พวกมันเปลี่ยนไปเป็น ‘บราฮัม’
คล้ายกับบริเวณโดยรอบทั้งหมด กลายเป็น ‘ภายในตัว’ บราฮัม
แก่นมานาของบราฮัม แผ่ขยายออกไปอย่างไร้สิ้นสุดประหนึ่งจักรวาล
กริดรู้สึกราวกับเป็นส่วนหนึ่งของพวกมัน
นี่มิใช่ภาพหลอน
ไม่ใช่แค่กริด แต่ทุกคนล้วนประสบความรู้สึกเดียวกัน
ซู่ว—
ละอองมานาซึ่งควรโปร่งใสและไร้สี เปลี่ยนเป็นสีม่วงอ่อน
โลกทั้งใบเปลี่ยนเป็นสีของบราฮัม
กริดสังเกตเห็น
นี่คือเขตแดนศักดิ์สิทธิ์ของบราฮัม
แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่หากระดับตัวตนของบราฮัมสูงขึ้น โลกจินตภาพของมันจะพัฒนาไปถึงระดับเดียวกับ <เขตแดนทองคำศักดิ์สิทธิ์>
บุคคลที่ทำให้กริดรู้จักกับแนวคิดของโลกจินตภาพ
โลกจินตภาพของบราฮัมซึ่งถูกสร้างและใช้งานมานานหลายร้อยปี ถูกยกระดับอีกครั้งนับตั้งแต่จัดการกับไฮดราและได้รับบารมีเทพ
“นายแข็งแกร่งที่สุด… ใช่แล้ว ถึงจะอวดดีไปบ้าง แต่ก็เป็นผู้นำของพวกเรา”
บราฮัมซึ่งเกือบเผลอชมเชยจากก้นบึ้ง รีบเปลี่ยนวิธีการพูดด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่แม้แต่กะพริบตา
“ฉันไม่เคยบ่นเรื่องที่นายชอบแบกรับทุกสิ่งไว้ตามลำพัง เพราะฉันไม่มีสิทธิ์จะบ่น… แต่ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้ว”
“…”
กริดที่เห็นข้อมูลตัวละครบราฮัม เผยสีหน้าประหลาดใจ
ชายหนุ่มมิได้ตกตะลึงในเลเวล 750 ของอีกฝ่าย เพราะ NPC สุดพิเศษได้ชื่อว่าอัปเลเวลได้ไวอยู่แล้ว และจากบรรดาทั้งหมด ความเร็วในการเพิ่มเลเวลของบราฮัมน่าทึ่งกว่าใครเสมอ
แม้แต่กริดเองก็ยังมีเลเวลเกือบเจ็ดร้อยแล้ว
ระบบ <บรรลุ> ที่ช่วยเพิ่มค่า EXP ตัวละครจากการสร้างไอเท็มและการปราบศัตรูที่แข็งแกร่ง มีผลอย่างมากในเรื่องนี้
ยิ่งกริดสร้างไอเท็มระดับสูงเพียงใด โค่นศัตรูที่แข็งแกร่งได้มากเท่าไร ผลตอบแทนก็ยิ่งทวีคูณ
แต่สิ่งที่กริดประหลาดใจก็คือ ‘บทลงโทษเมื่อเผชิญความตาย’ ของบราฮัมซึ่งลดลงจากเดิมมาก
เดิมที บราฮัมจะคืนชีพได้หนึ่งครั้ง หลังจากนั้นจะมีโอกาสคืนชีพแบบสุ่ม
หรือกล่าวได้ว่า หากไม่มีความจำเป็น แม้แต่ครั้งเดียวก็ไม่ควรตาย
แต่ปัจจุบันแตกต่างออกไป
บราฮัมมีภูมิคุ้มกันต่อความตายสูงขึ้น
ถ้าเสียชีวิต บราฮัมสามารถนอนในโลงศพเป็นเวลายี่สิบสี่ชั่วโมงเพื่อคืนชีพอย่างไร้เงื่อนไข
และเฉกเช่นผู้เล่น มันคืนชีพได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง
ดูเหมือนจะเป็นผลจากการที่แวมไพร์ทายาทยกระดับตัวตน
กริดผู้กำลังโศกเศร้าเนื่องจากนึกถึงความตายของข่าน เกิดความยินดีปรีดาเมื่อได้เห็นข้อมูลดังกล่าว
ชายหนุ่มฉีกยิ้มกว้าง
บราฮัมรีบขมวดคิ้วพลางเบือนหน้าหนีสายตากริด
คล้ายกับมีเจตนาเช่นนี้ตั้งแต่ต้น กริดกวาดตาไปมองปิอาโร่ เมอร์เซเดส ซาลิเอล ไอรีน และลอร์ดอย่างเป็นธรรมชาติ
จากบรรดาอัครสาวก มีเพียงเนเฟลิน่าที่หายตัวไป เพราะเธอแอบอยู่หลังประตู
คล้ายกับหญิงสาวกำลังไม่พอใจในบางเรื่อง
แต่บราฮัมมิได้สนใจ เพียงกล่าวต่อไป
“กริด… นายไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว”
“…”
“พวกเราทุกคนที่นี่ หรือแม้กระทั่งพวกงั่งในนรก กำลังเติบโตอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคง เพราะฉะนั้น… การสู้ตามลำพัง หวาดกลัวตามลำพัง และเสียใจตามลำพัง ควรจบลงได้แล้ว… เฉกเช่นที่นายเคยต่อสู้เพื่อเรา หลังจากนี้เราจะต่อสู้เพื่อทำให้ความปรารถนาของนายเป็นจริง”
“…ตกลง”
ในวินาทีนี้
กริดสลัดความกังวลและความกลัวทั้งหมดภายในใจ
ในอนาคต ชายหนุ่มจะพึ่งพาเหล่าบุคคลสำคัญโดยปราศจากความลังเล
ทุกสิ่งจะผ่านไปด้วยดีแน่…
“ข…ข้าด้วย ได้โปรดพึ่งพาข้าด้วย!”
เมื่อเห็นเนเฟลิน่ารีบวิ่งเข้ามาพร้อมกับพูดแทรก กริดกับไอรีนหัวเราะชอบใจในลำคอ
ปราณไร้ตัวตนที่เคยเกรี้ยวกราด สงบลงอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปสักพัก
“พวกนายเลือกได้ตามใจชอบ”
กริดแจกจ่ายคัมภีร์เคล็ดวิชาลับ
ดาบศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดถูกโยนเข้าไปในเตาหลอม
จริงอยู่ เมอร์เซเดสสามารถสวมใส่ได้เกือบทั้งหมด แต่อัครสาวกคนอื่นทำไม่ได้ กริดจึงอยากสกัดเป็นอดามันเที่ยมเพื่อสร้างใหม่มากกว่า
ถึงผู้สร้างดาบศักดิ์สิทธิ์จะต้องสงสัยว่าเป็นข่าน แต่นั่นก็ไม่ได้มีความหมายอะไร
กริดมิได้ต้องการความทรงจำเกี่ยวกับข่านเพิ่ม
ความทรงจำดีๆ กับข่านมีมากมายเกินพอแล้ว
มันปรารถนาเพียงการปลดปล่อยข่าน ช่วยให้ข่านหลุดพ้นจากความทุกข์
Comments
Post a Comment